Share

บทที่ 349

Author: โม่เสียวชี่
ไม่นานหลังจากนั้น ซูมามาก็เคาะประตูเรือนเล็ก

เมื่อเห็นว่าเป็นซูมามา หนิงซวงทั้งตกใจทั้งดีใจ รีบจูงมือซูมามาเดินเข้าไปข้างใน

ยังไม่ทันได้เข้าไปในเรือน ก็เริ่มร้องเรียก "คุณหนู ท่านดูซิว่าใครมาแล้ว!"

เฉียวเนี่ยนได้ยินเสียงหนิงซวงดีใจขนาดนี้ ก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าใครมา จึงมองไปทางประตูทันที

ก็เห็นซูมามาสวมชุดชาวบ้านธรรมดา เกล้ามวยข้าที่เรียบง่ายที่สุด ในมือยังถือห่อผ้าเล็กๆ อยู่ จึงเข้าไปต้อนรับทันที "ซูมามามาได้อย่างไรกัน?"

"บ่าวมาดูคุณหนูหน่อยเจ้าค่ะ" ซูมามายิ้มจนตาหยี เอ่ยว่า "บ่าวกะว่าจะมาขอรบกวนคุณหนูสักสองสามวัน หวังว่าคุณหนูจะไม่รังเกียจนะเจ้าคะ"

เฉียวเนี่ยนรีบพูด "ข้าจะรังเกียจได้อย่างไร! ข้าดีใจยังไม่ทันเลย!"

พูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ต้อนรับซูมามาเข้าไปในบ้าน

นางรินน้ำหนึ่งแก้วให้ซูมามา แล้วถามว่า "การแต่งตัวของมามา จะขอลาแก่กลับบ้านเกิดหรือ?"

ซูมามารับน้ำมา ดื่มไปอึกหนึ่งแล้วจึงพูดว่า "เจ้าค่ะ เดิมทีคิดจะไปตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนแล้ว ต่อมารู้สึกว่า จัดการพิธีของฮูหยินเฒ่าเสร็จแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย คนอื่นไปจัดการ อย่างไรข้าก็ไม่วางใจ"

ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนก็อดไม่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1054

    มู่หงเสวี่ยไม่เคยคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนเขาคิดว่านางไม่เต็มใจ จึงจะเมินเฉย ไม่พูดถึง ทำราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นดังนั้น เมื่อเฉียวเนี่ยนพูดขึ้นมาในเวลานี้ เขากลับชะงักไปเพียงเห็นเฉียวเนี่ยนยิ้มตาพริ้ม “ท่านพี่อุตส่าห์ส่งรถม้ามาให้ ไม่ใช่เพื่อเรื่องสมบัติหรือเจ้าคะ?”มู่หงเสวี่ยมองเฉียวเนี่ยน กะพริบตาอยู่พักหนึ่งจึงหัวเราะเบาๆ อย่างจนใจพัดพับในมือดัง “ฟึ่บ” เปิดออกในทันทีมู่หงเสวี่ยส่ายพัดไปมาอยู่สองครั้งจึงเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ เรื่องนี้สำหรับเจ้าแล้ว มันไม่ง่ายเลย...”“ข้าอยากรู้ความจริงเจ้าค่ะ” เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม ถึงแม้บนใบหน้ายังแต้มยิ้ม แต่ดวงตากลับเย็นชานักมู่หงเสวี่ยจึงได้ตระหนักว่า ที่แท้เขาก็ไม่ได้เข้าใจเฉียวเนี่ยนเลยจริงอยู่ เรื่องของเฉียวเนี่ยนเขาสืบจนกระจ่างแล้ว แต่เขาเคยคิดว่านางเป็นคนอ่อนโยนไหนเลย แม้ถูกตระกูลจวนโหวปฏิบัติถึงเพียงนั้น นางยังไม่เคยตอบโต้ดูราวกับว่านางเป็นเพียงฝ่ายถูกกระทำตลอดมาถูกกลั่นแกล้งถึงขั้นนั้นแล้ว...แต่บัดนี้ เมื่อสบดวงตาคู่นั้น เขากลับรู้ว่าตนคิดผิดนางเหมือนมีความคิดเป็นของตนเองมาโดย

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1053

    “แต่ว่าคุณชายรองตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยลำบากเช่นนี้มาก่อน วันนี้ยังไม่รู้ว่าจะได้พักเมื่อใด บ่าวกลัวว่าคุณชายรองจะทนไม่ไหว”“พวกเขายังทนได้ ทำไมคุณชายของเจ้าจะอดทนไม่ได้?” มู่หงเสวี่ยคล้ายไม่พอใจนัก เหลือบตามองฉู่จืออี้กับองครักษ์พยัคฆ์ที่อยู่ไม่ไกลเด็กรับใช้เอ่ยด้วยความเป็นห่วง “คุณชายรองจะเหมือนพวกเขาได้อย่างไร? พวกเขาล้วนเป็นพวกหยาบกร้านที่คุ้นชินกับสนามรบ ส่วนท่านคือสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ที่เติบโตมาอย่างสุขสบาย หากทนไม่ไหวล้มป่วยลงมาจะทำเช่นไรเล่าขอรับ?”มู่หงเสวี่ยมีท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย “แล้วเจ้าว่าควรทำเช่นไร? จะไปหารถม้าอีกคันมาให้ข้าหรือ?”“เอ่อ...” เด็กรับใช้ลำบากใจขึ้นมาแม้ตระกูลมู่จะมีร้านค้าไม่น้อยในแคว้นจิ้ง แต่ก็หาใช่ว่าทุกเมืองจะมีร้านค้าอยู่ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีร้านค้า ก็ใช่ว่าทุกร้านจะมีรถม้าใหญ่หรูหราเช่นนี้หามาได้ยากยิ่งนักขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ผ้าม่านรถม้าข้างๆ ก็ถูกยกขึ้นเฉียวเนี่ยนยิ้มอ่อนโยนต่อมู่หงเสวี่ย “ท่านพี่หากไม่รังเกียจ ก็เข้ามานั่งเถิด”ได้ยินดังนั้น เด็กรับใช้ดีใจนัก รีบหันมองมู่หงเสวี่ยเห็นมู่หงเสวี่ยเผยสีหน้ายินดีอยู่บ้าง แต่กลับเห

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1052

    ในเวลาเดียวกัน เมืองอู้เซียวเหิงเอนกายนั่งบนเตียง มองดูตำรางานทหารหลายเล่มที่รองแม่ทัพอวี๋วั่นซูส่งมาให้ คิ้วก็ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ทำไมถึงน้อยนัก?”อวี๋วั่นซูตอบอย่างเคารพ “แม่ทัพบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดี ควรพักผ่อนให้มาก งานทหารที่เหลือ ข้าน้อยได้จัดการกับรองแม่ทัพตู้เรียบร้อยแล้ว”ได้ฟังดังนั้น สีหน้าของเซียวเหิงก็หม่นลง “แม่ทัพผู้นี้ยังไม่ตายเสียหน่อย”ถ้อยคำเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่สีหน้าอวี๋วั่นซูกลับไม่เปลี่ยน “ฮ่องเต้ทรงกำชับข้าน้อยกับใต้เท้าตู้ก่อนติดตามแม่ทัพเซียวออกศึกเมืองอู้ไว้ว่า หากร่างกายท่านแม่ทัพไม่สบาย ก็สามารถทำการแทนได้”เซียวเหิงย่อมเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในถ้อยคำนั้นสีหน้าของเขายิ่งเย็นเยียบไปกว่าเดิม มองอวี๋วั่นซูพลางหัวเราะเสียงเย็น “ทำไม เจ้าคิดจะช่วงชิงอำนาจของแม่ทัพผู้นี้หรือ?”อวี๋วั่นซูไม่แสดงอาการอ่อนน้อมถ่อมตนจนเกินไป และก็ไม่แข็งกระด้าง เงยหน้าสบตากับดวงตาเย็นเยียบของเซียวเหิง “แม่ทัพรู้หรือไม่ ว่าศึกเมื่อสิบวันก่อน ทหารของเราสูญเสียไปเท่าไร? หากไม่ใช่เพราะแม่ทัพดึงดันจะตามล่าทหารศัตรูที่พ่ายแพ้ไป พวกทหารนับพันนั้นอาจไม่ต้องตาย”“อาจจะ?”เมื

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1051

    ได้ยินดังนั้น มู่หงเสวี่ยก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที พัดพับในมือก็ถูกเก็บไปในชั่วพริบตา ตั้งท่าระวังขึ้นมา“เห้ยๆๆ พวกเจ้าก็อย่าไม่รู้คุณคนจิตใจดีเลยนะ! การค้าของตระกูลมู่กว้างขวางถึงเพียงนี้ มีที่ไหนบ้างที่ไม่มีสายสืบของเรา แค่เรื่องส่งข่าวมันมีอะไรยากเย็นนักหรือ? แม่ทัพเซียวที่พวกเจ้าพูดถึงคลุ้มคลั่งอยู่ที่ชายแดน ฮ่องเต้ของพวกเจ้าก็ต้องส่งคนออกไปอยู่แล้วไม่ใช่หรือ! คิดไปคิดมา นอกจากอ๋องผิงหยางแล้ว ยังมีใครที่พอจะส่งออกมาได้อีก?”ส่วนเซียวเหอน่ะหรือ?น่าเสียดายที่เซียวเหอเป็นพี่ใหญ่แท้ๆ ของเซียวเหิง ความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกินไป เกรงว่าจะข่มเจ้าคลั่งคนนั้นไม่อยู่ดังนั้น จึงทำได้เพียงส่งฉู่จืออี้ไปแต่ก็เป็นเพียงการคาดเดาง่ายๆ เท่านั้นเอง ทว่าพวกนี้กลับคิดกันลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ช่างทำให้เขาหวาดหวั่นจริงๆฉู่จืออี้ไม่ใส่ใจ เพียงแค่เหลือบตามองรถม้าหลังมู่หงเสวี่ยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “นิ่งหรือไม่?”มู่หงเสวี่ยก็เผยสีหน้าภูมิใจทันที “แน่นอนอยู่แล้ว! รถม้าของตระกูลมู่ล้วนให้ช่างอันดับหนึ่งใต้หล้าสร้างขึ้นมา แม้เดินทางวันละพันลี้ ก็ยังนิ่งดุจเดินบนพื้นราบ มั่นคงนัก!”“ขอบใจ” ฉู่จืออี้เอ่ยขอบคุณ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1050

    ทุกคนหันไปตามเสียง มองเห็นว่าที่ไม่ไกลมีขบวนทัพหนึ่งกำลังเคลื่อนมาอย่างเชื่องช้าท่ามกลางนั้น รถม้าคันหนึ่งใหญ่โต ยิ่งกว่ารถม้าที่เมืองจี๋เสียงเสียอีกโดยเฉพาะธงที่ปักบนรถม้าโบกสะบัดไปตามลม ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น ยังพอมองเห็นอักษร "มู่"“รถม้าของตระกูลมู่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” พี่สี่กดเสียงต่ำถาม น้ำเสียงเจือด้วยความกังวลเรื่องที่เฉียวเนี่ยนเป็นคนตระกูลมู่ ทุกคนต่างก็รู้แล้ว ตอนนี้พอเห็นรถม้าของตระกูลมู่ จึงอดคิดไม่ได้ว่าต้องมาเพราะเฉียวเนี่ยนแน่พี่รองกลับสุขุมกว่า เอ่ยเสียงขรึมว่า “กิจการของตระกูลมู่กระจายอยู่ทั่วไป ในนครหลวงเองก็มีหลายแห่ง ไม่น่าแปลกนัก”“แต่รถม้าใหญ่ขนาดนี้ กลับเหมือนของเจ้าตระกูลพวกเขา” พี่สามว่าพลางมองไปยังเฉียวเนี่ยน จากนั้นก็พูดต่อ “หรือว่า เราแย่งรถม้าของเขามาให้เนี่ยนเนี่ยนนั่งดี? รถม้านั่นต้องนั่งสบายแน่”“……”นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวเนี่ยนรู้สึกว่าพี่สามมีนิสัยคล้ายโจรอยู่บ้างฉู่จืออี้มองขบวนทัพที่กำลังเคลื่อนมาอย่างเชื่องช้า แววตาแฝงความเข้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่ต้องแย่ง พวกเขามาส่งรถม้าให้เอง”ได้ฟังเช่นนั้น เฉียวเนี่ยนถึงกับชะงัก ห

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1049

    แคว้นถังไม่เหมือนกับกลุ่มชนเตอร์กิก เพราะมีตระกูลมู่คอยสนับสนุน แคว้นถังจึงมีกำลังเข้มแข็ง กำลังรบย่อมเหนือกว่าแคว้นจิ้งหากเซียวเหิงพลาดพลั้งขึ้นมา คงไม่อาจจินตนาการผลลัพธ์ได้พาองครักษ์พยัคฆ์ไปเมืองอู้ด้วยจะดีกว่าฉู่จืออี้กลับขมวดคิ้ว “แล้วคนใต้บังคับบัญชาของเจ้า มีใครใช้การได้บ้างหรือไม่?”เซียวเหอยิ้มเล็กน้อย “อาจไม่เทียบได้กับองครักษ์พยัคฆ์ของท่านอ๋อง แต่ก็มีผู้ที่ใช้การได้อยู่บ้าง จะสืบเรื่องของตระกูลเมิ่ง คงไม่ยาก”ฟังดังนั้นฉู่จืออี้จึงวางใจลงได้เขารู้จักนิสัยของเซียวเหอดี ว่าไม่ใช่คนที่พูดอวดอ้างเกินจริงแม้แต่คำว่า ‘มีอยู่บ้าง’ นั้นยังเป็นเพียงคำถ่อมตัวในเมื่อเมื่อครั้งก่อนเคยออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ความสามารถจะด้อยกว่าเขาได้อย่างไร?ฝากเมืองหลวงไว้กับเขา ฉู่จืออี้ย่อมวางใจยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ฝากไว้กับเขา แล้วจะฝากไว้กับใครได้อีกเล่า?สถานการณ์ในเมืองหลวงนั้นซับซ้อนยากหยั่งรู้ มีคนแอบซ่อนเจตนาร้ายอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีผู้ที่เลือกจะวางตัวเป็นกลาง เขาไม่อาจรู้ได้เลยหลายปีมานี้ เสด็จพี่ก็ทรงประคับประคองสถานการณ์ไว้ได้อย่างยากลำบากคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของฉู่จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status