ทันใดนั้นก็มีนางกำนัลกับขันทีหลายคนกรูเข้ามาหาเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนยิงเข็มเงินในมือออกไปทันที พุ่งใส่แขนขันทีคนหนึ่งจนเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่การกระทำนี้กลับไม่ได้ทำให้คนอื่นหวาดกลัวเลยบางทีสำหรับพวกเขาแล้ว การถูกเฉียวเนี่ยนยิงเข็มใส่ แม้จะล้มลงนอนกับพื้น น้ำลายฟูมปาก ก็ยังดีกว่าขัดคำสั่งฮองเฮาแล้วต้องตายอย่างน่าเวทนาในชั่วพริบตา คนราวสามถึงห้าคนก็กรูกันเข้ามาทางเฉียวเนี่ยนแม้เฉียวเนี่ยนจะมีวรยุทธ์อยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนมากมายเช่นนี้ นางก็รู้สึกไร้กำลังต่อต้าน ไม่นานก็ถูกจับกุมไว้พอเห็นว่าคนอื่นๆกำลังจะตรงไปหาสวีเหม่ยเหริน พยายามจะลากนางลงจากเตียง เฉียวเนี่ยนก็ตกใจจนแทบคลั่งสวีเหม่ยเหรินเพิ่งผ่านการคลอดอย่างยากลำบาก กลับจากปากทางยมโลกมาหมาดๆ ร่างกายจะทนแรงกระชากเช่นนั้นได้อย่างไร?หากถูกลากลงอย่างรุ่นแรงเช่นนั้น เลือดที่เพิ่งหยุดได้ไม่นานคงทะลักไหลอีกครั้งแน่!หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้ฤทธิ์ของยานิทราจำแลงหมดลง สวีเหม่ยเหรินก็คงฟื้นกลับมาไม่ได้อีก!ทันใดนั้น เฉียวเนี่ยนก็ดิ้นสุดกำลัง พยายามพุ่งชนขันทีที่กำลังลากสวีเหม่ยเหรินแต่มามาสองคนที่จับนางไว้มีกำลังมา
“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ เพียงแต่ฮ่องเต้ทรงให้หม่อมฉันปกป้องสวีเหม่ยเหรินและลูกให้ปลอดภัย หม่อมฉันจึงต้องเลือกปกป้องคนใดคนหนึ่งเพคะ”“แต่เจ้าก็ไม่ควรเลือกปกป้องเด็ก!” ฮองเฮาถึงกับโกรธจนแทบบ้าเพียงแต่ขณะนี้เหตุการณ์ก็เป็นเช่นนี้ไปแล้ว นางเองก็ไร้กำลังจัดการนางมองดู‘ศพ’ของสวีเหม่ยเหรินบนเตียง ก็รู้สึกไม่เป็นมงคล ทันใดนั้นจึงเอ่ยว่า “ใครก็ได้ ลากศพสวีเหม่ยเหรินออกไป ทิ้งลงหลุมเผาศพ!”“พ่ะย่ะค่ะ!” ทันใดนั้นก็มีขันทีสองคนก้าวเข้ามา เตรียมจะเคลื่อนย้ายศพสวีเหม่ยเหรินแต่ไม่คาดคิดว่า เฉียวเนี่ยนกลับลุกพรวดขึ้นมายืนขวางสองขันทีนั้นไว้ “ไม่ได้!”ฮองเฮาขมวดคิ้วทันที “เฉียวเนี่ยน! เจ้าอยากก่อกบฏจริงหรืออย่างไร!”เฉียวเนี่ยนรู้สึกเยือกเย็นในใจ แต่กลับแสร้งทำเป็นสงบ “ฮองเฮาเพคะ สวีเหม่ยเหรินเป็นผู้ที่ถูกฮ่องเต้ล่วงเกินหลังดื่มสุรา จึงได้กลายเป็นเหม่ยเหริน จวบจนวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนไม่ใช่สิ่งที่นางยินยอม! ตอนนี้นางก็ตายแล้ว ฮองเฮาจะไม่เมตตา ให้ศพนางออกจากวังอย่างสมบูรณ์ กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวสักหน่อยหรือเพคะ?”“ให้ศพนางสมบูรณ์รึ?” ฮองเฮาหัวเราะออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเด็กที่นางให้กำเ
ได้ยินดังนั้น นางกำนัลน้อยแทบจะกรีดร้องออกมา “อย่ามาใส่ร้ายข้า! ใคร ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นคนกินของที่ฮองเฮาประทานให้? เจ้า เจ้าไม่มีหลักฐาน!”เฉียวเนี่ยนเหนื่อยล้าอย่างที่สุด แม้แต่เปลือกตายังไม่ยกขึ้น เพียงเอ่ยว่า “เจ้าดูสวีเหม่ยเหรินสิ รูปร่างของนางเมื่อเทียบกับเดือนก่อนเป็นอย่างไร? หากกินของที่ฮองเฮาทรงประทานให้จริง จะซูบผอมได้ถึงเพียงนี้หรือ? เจ้าคิดว่าฮองเฮาจะเชื่อเจ้าหรือเชื่อข้า? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนเจ้ากินของพวกนั้น น่าจะมีคนเห็นบ้างไม่มากก็น้อย ใช่หรือไม่?”ไม่ใช่แค่มีคนเห็น!นางกำนัลน้อยผู้นี้ขณะกินของดีๆ พวกนั้น ก็ยังโอ้อวดไปทั่ว ผู้คนที่รู้เรื่องมีไม่น้อยเลย!พอตระหนักได้ว่าตัวเองเหยียบกับดักที่เฉียวเนี่ยนวางไว้ นางกำนัลน้อยก็โกรธแค้นอย่างยิ่ง แต่ก็รู้ดีว่า ตอนนี้นอกจากเฉียวเนี่ยนแล้ว ไม่มีใครช่วยนางได้ จึงรีบคุกเข่าตรงหน้าเฉียวเนี่ยนทันที“ท่านหญิงเฉียว! บ่าวสำนึกผิดแล้ว! ท่านหญิงเห็นแก่ที่บ่าวเชื่อฟังท่านมาตลอดสองสามวันนี้ ช่วยบ่าวด้วยเถอะเจ้าค่ะ!”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงเงยหน้ามองนางกำนัลน้อยผู้นั้น เอ่ยว่า “ไปเปิดประตูหลังตำหนักฝูเหอ ให้นำรถเข็นเข้ามา หากทุกอย่าง
นางมองเพดานที่ว่างเปล่า รู้สึกราวกับเห็นชีวิตที่เปี่ยมสุขอย่างยิ่งของลูกในวันหน้าองค์หญิงของนาง จะได้รับความรักจากเสด็จพ่อ จะเรียกเต๋อกุ้ยเฟยว่าเสด็จแม่จะได้เสวยสุขเฉกเช่นเดียวกับองค์หญิงซูหยวนขอเพียงอย่าได้เป็นคนใจอำมหิตดั่งองค์หญิงซูหยวนเลยแต่แล้ว สวีเหม่ยเหรินก็อดไม่ได้ที่จะปลอบใจตนเองไม่หรอก เต๋อกุ้ยเฟยเป็นคนดี เพราะฉะนั้นนางจะต้องอบรมลูกสาวของพวกนางอย่างดีแน่!เฉียวเนี่ยนยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้สวีเหม่ยเหริน แล้วจึงกล่าวว่า “ยังมีอีกเรื่อง ข้าต้องบอกเจ้าไว้ชัดเจน”ขณะพูด เฉียวเนี่ยนก็นำยานิทราจำแลงออกมา “กระต่ายยังไม่ฟื้น ยานิทราจำแลงที่ข้าทำล้มเหลว แต่ยานิทราจำแลงนี้เป็นของอาจารย์ข้า ข้าไม่รู้ว่าฤทธิ์จะเป็นเช่นไร และไม่รู้ว่าหลังกินไปแล้วจะฟื้นหรือไม่ มียาแค่เม็ดเดียว ไม่สามารถทดลองได้ และไม่มีเวลาทดลอง...”“ข้ายินยอม”สวีเหม่ยเหรินพูดแทรกเฉียวเนี่ยน มองยาเม็ดเล็กๆ ในมือนางราวกับมองเห็นความหวังนี่คือความหวังเดียวของนางที่จะออกจากวังหลวง และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึก พยักหน้าถี่ๆ “ดี เจ้าวางใจเถอะ ตอนเจ้าฟื้นขึ้นมา เจ้าจะต้องอยู่นอ
โดนดูหมิ่นถึงขนาดนี้ ขันทีทั้งสองก็พุ่งตัวเข้าหาหลินเย่ว์โดยทันทีหลินเย่ว์กลับดูไม่ร้อนใจนักฉู่จืออี้เคยสอนเขาว่า เมื่อสองกองทัพรบกัน สิ่งต้องห้ามที่สุดคือความร้อนใจในบางครั้งการลงมือก่อนก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ต้องดูจังหวะที่เหมาะสมด้วยเมื่อเห็นขันทีพุ่งมาด้านหลังคนหนึ่ง ด้านหน้าคนหนึ่ง หลินเย่ว์ก็พยายามข่มความกระวนกระวายใจเอาไว้ รอขันทีคนที่พุ่งเข้ามาก่อนเข้ามาประชิด เขาจึงใช้ท่าเข่าหยกทะลุม่านวังในทันทีขันทีไม่คาดคิดว่าหลินเย่ว์จะใช้ท่าไม้ตายอย่างกะทันหันเช่นนี้ จึงรีบเบี่ยงตัวหลบทันที แต่หลินเย่ว์กลับพุ่งเข้ามาประชิดตัวโดยไม่สนเด็กน้อยในอ้อมอก เขาหมุนตัวโจมตีจนขันทีคนนั้นได้รับบาดเจ็บเพียงแค่สามกระบวนท่าสั้นๆ เท่านั้น ขันทีคนนั้นก็ถูกหลินเย่ว์ผลักกระเด็นออกไปขันทีอีกคนก็พุ่งเข้ามาแล้วเช่นกัน ความผิดพลาดของขันทีคนแรกทำให้เขาระแวดระวังตัวต่อหลินเย่ว์ ออกกระบวนท่าอย่างรอบคอบแต่นี่ก็ถือเป็นข้อห้ามสำคัญในการรบเช่นกันหากในใจเกิดความระแวดระวังแล้ว ตอนออกกระบวนท่าโจมตีจะไม่เด็ดขาดนัก และมักทำให้พลาดโอกาสทองไปและเพราะอย่างนั้น จึงทำให้หลินเย่ว์ได้โอกาสโจมตีกลับจนชนะในครั้
หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว "เจ้าเองก็ไม่ใช่คนของเต๋อกุ้ยเฟย"นางกำนัลยิ้มบางๆ "คุณชายหลิน นกเก่งต้องรู้จักเลือกไม้ คนเก่งต้องรู้จักเลือกนาย ในวันข้างหน้า ทั้งแคว้นต้าจิ้งนี้ก็ต้องตกเป็นขององค์รัชทายาทอยู่แล้ว ท่านต้องคิดให้ดีๆ"เมื่อได้ยินนางกำนัลพูดจาเช่นนั้น หลินเย่ว์ก็อดส่งเสียงเย้ยหยันไม่ได้ "ที่พูดมา ฮองเฮาทรงสั่งให้เจ้าพูดรึ?"นางกำนัลไม่ตอบ เห็นได้ชัดว่าเป็นการยอมรับหลินเย่ว์สูดหายใจ และพูดขึ้นว่า "ฝากทูลฮองเฮาแทนข้าด้วย ไม่ว่าในวันข้างหน้า ต้าจิ้งจะตกเป็นของผู้ใด ตระกูลหลินของข้าจะภัคดีต่อฮ่องเต้เท่านั้น หากในวันข้างหน้า องค์รัชทายาททรงสืบบัลลังก์ต่อ ตระกูลหลินของข้าก็จะภัคดีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่เช่นกัน แต่ในตอนนี้ พระองค์ทรงยังไม่ใช่ฮ่องเต้!"หลังพูดจบ เขาก็หันหลังทันทีแต่ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อน "คุณชายหลิน เหตุใดต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้?"เป็นเสียงของฮองเฮา!หลินเย่ว์หันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นฮองเฮาเดินออกมาจากเรือนนอน จึงคุกเข่าลงหนึ่งข้างเพื่อทำความเคารพ "คารวะฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ""ได้ยินมาว่าคุณชายหลินได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถูกส่งตัวกลับเมืองหลวง เพิ่งรอดพ้นประตูนรกมาได้ น่า