เฉียวเนี่ยนปรายตามองเสี่ยวฝูจื่ออย่างเย็นชานางย่อมฟังออกถึงความประชดประชันและเคียดแค้นในถ้อยคำของเสี่ยวฝูจื่อ และก็เข้าใจดีว่าในสายตาเสี่ยวฝูจื่อ แม้ว่าองค์หญิงซูหยวนจะถูกฮ่องเต้ลงโทษในครั้งนี้ ก็ย่อมไม่เป็นอะไรอยู่ดีท้ายที่สุดแล้ว องค์หญิงซูหยวนก็ยังคงได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อยู่ดีถึงตอนนั้น หากจะเล่นงานเฉียวเนี่ยน ก็คงง่ายดายดั่งบีบมดให้ตายคำพูดของเสี่ยวฝูจื่อก็คือการเตือนเฉียวเนี่ยนว่า นางจะไม่มีวันได้อยู่ดีมีสุขอีกต่อไป!แต่เสี่ยวฝูจื่อกลับลืมไปว่า ตอนนี้องค์หญิงซูหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ใดในราชสำนัก องค์หญิงซูหยวนเคยได้ล่วงเกินอัครมหาเสนาบดีแล้ว ส่วนในวังหลัง เต๋อกุ้ยเฟยและผู้อื่นก็จ้ององค์หญิงซูหยวนด้วยความอยากฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆแม้แต่ในสายตาฮ่องเต้...แววตาเฉียวเนี่ยนมืดครึ้ม หากแม้แต่อัครมหาเสนาบดีและเต๋อกุ้ยเฟยก็ไม่สามารถดึงองค์หญิงซูหยวนให้ตกลงมาได้ เช่นนั้นนางก็คงต้องเสี่ยงลงหมากตานั้นเสียแล้ว!ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงหน้าตำหนักซิ่วชุนแต่กลับแปลกที่นางกำนัลและขันทีภายในตำหนักซิ่วชุนกลับมายืนอยู่ข้างนอกกันหมดเมื่อเห็นฮ่องเต้ ทุกคนต่างคารวะอย่างพร้อมเพรียงกันฮ่
“ไร้สาระ!” ฮ่องเต้ถึงกับตบโต๊ะดังปัง ตวาดเสียงดัง “นางไปเอาความกล้ามาจากไหน!”เฉียวเนี่ยนไม่เอื้อนเอ่ยอะไร ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตามองฮ่องเต้อย่างแน่วแน่แววตานั้นพูดอย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่ฮ่องเต้หรอกหรือที่ทำให้นางกล้าเช่นนี้?ฮ่องเต้อ่านสายตานางออกทันที จึงขมวดคิ้วมุ่น แล้วหันไปทางซูกงกง “ประกาศพระราชโองการของเรา สวีเหม่ยเหรินยอมเสี่ยงตายคลอดองค์หญิงให้เรา ถือเป็นผู้มีคุณยิ่งต่อแผ่นดินต้าจิ้ง ให้พระราชทานยศสวีเจาอี๋ รางวัลเป็นทองคำหนึ่งร้อยชั่ง หีบอัญมณีอีกสองหีบ มอบไปยังตระกูลของสวีเจาอี๋ ส่วนงานศพ... ก็ให้ญาติทางบ้านของสวีเจาอี๋จัดการเถอะ!”ในคำกล่าวนั้นหมายความว่า อนุญาตให้นำร่างของสวีเจาอี๋ออกจากวังได้แล้ว!เฉียวเนี่ยนจึงรีบคุกเข่ากล่าวขอบคุณทันทีเพียงแต่ฮ่องเต้ประทานรางวัลใหญ่เช่นนี้ ในภายภาคหน้าสวีเจาอี๋อาจจะพบกับครอบครัวอย่างเปิดเผยได้ยากแต่อย่างไรเสีย เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องหลังจากออกจากวังไปแล้วเรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก นางเชื่อว่าสวีเจาอี๋รู้จักประมาณตนดี จะไม่เอาชีวิตและฐานะของคนทั้งตระกูลมาเสี่ยงเล่นเป็นแน่เพราะสิ่งที่พวกนางทำในวันนี้ ถือเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้ หากทรงพิโ
“แต่ฝ่าบาทเพคะ!”เฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึก แววตาพลันร้อนผ่าว ทว่าไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความโกรธหรือความเศร้ากันแน่“นางก็มีแม่ที่ให้กำเนิดนางมา มีพ่อที่รักนาง! นางเข้าวังมาหลายปี โชคดีที่ได้ทำงานข้างกายเต๋อกุ้ยเฟย ไม่เคยถูกตำหนิแต่ประการใด เดิมทีเมื่อครบกำหนดปีก็จะได้ออกจากวัง ไปพบหน้าครอบครัวอีกครั้ง! บางที ครอบครัวของนางอาจจะจัดหาคู่ดูตัวให้เรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ บางที นางอาจได้แต่งกับสามัญชนธรรมดาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างสงบสุข! ฮ่องเต้ พระองค์มีพระทัยเมตตา ทรงรักราษฎรของพระองค์ หาไม่แล้ว คงไม่ลงบัญชาออกรบเพราะไม่อาจทนเห็นกลุ่มชนเตอร์กิกรุกรานราษฎรชายแดน! เช่นนั้น สวีเหม่ยเหรินมิใช่ราษฎรของพระองค์หรือ? ครอบครัวของนางมิใช่ราษฎรของพระองค์หรือ? เหตุใดถึงต้องโหดร้ายกับนางถึงเพียงนี้?”น้ำตาไหลรินจากดวงหน้าของเฉียวเนี่ยน ความอยุติธรรมเช่นนั้น นางรู้สึกเจ็บแทนราวกับตัวเองเป็นผู้เผชิญตลอดสามปีในกรมซักล้าง นางก็เคยเฝ้าถามเช่นกันทำไมต้องเป็นนาง?ทำไมถึงต้องปฏิบัติกับนางอย่างไม่เป็นธรรมถึงเพียงนี้?พวกนางทำผิดอะไร?ในห้องทรงอักษรเงียบงันราวกับความตายฮ่องเต้นั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะท
ระหว่างเดินก็สังเกตสีหน้าของเฉียวเนี่ยนไปด้วยเฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าฮองเฮาจะทำอะไร ดวงตาทั้งสองจึงจับจ้องนางแน่นิ่งฮองเฮาเดินไปถึงข้างเตียง ยื่นมือไปตรวจลมหายใจของสวีเหม่ยเหริน เมื่อตรวจพบว่าลมหายใจขาดหายจริงๆ ฮองเฮาจึงชักมือกลับด้วยท่าทีคล้ายจะรู้สึกอัปมงคลเล็กน้อยนางมองเฉียวเนี่ยนอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับเซียวเหอว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศพของสวีเหม่ยเหรินจะจัดการอย่างไรก็ให้ฮ่องเต้เป็นผู้ตัดสินแล้วกัน!”สวีเหม่ยเหรินในยามมีชีวิตก็ไม่เคยเป็นที่โปรดปราน นางไม่เชื่อว่าหลังตายแล้ว ฮ่องเต้จะถึงขั้นแตกหักกับนางเพราะศพเพียงร่างเดียว!"เจ้าค่ะ"เซียวเหอรับคำอย่างเคารพ แต่สายตากลับมองไปทางเฉียวเนี่ยนสองมามาที่จับเฉียวเนี่ยนไว้คล้ายจะรู้สึกถึงแววตาคมกริบในดวงตาเซียวเหอ จึงผ่อนแรงมือลงด้วยความไม่พอใจเมื่อหลุดจากพันธนาการ เฉียวเนี่ยนก็ลูบแขนที่ถูกจับจนเจ็บไปมา แล้วก้าวไปจัดผ้าห่มที่ถูกดึงให้สวีเหม่ยเหรินยานิทราจำแลงมีฤทธิ์เพียงหนึ่งชั่วยามหากภายในหนึ่งชั่วยามยังออกจากพระราชวังไม่ได้ เกรงว่า...และตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทางหลินเย่ว์เป็นอย่างไรบ้างขณะที่คิดเช่นนั้น ก็พลันได้ยิน
ทันใดนั้นก็มีนางกำนัลกับขันทีหลายคนกรูเข้ามาหาเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนยิงเข็มเงินในมือออกไปทันที พุ่งใส่แขนขันทีคนหนึ่งจนเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่การกระทำนี้กลับไม่ได้ทำให้คนอื่นหวาดกลัวเลยบางทีสำหรับพวกเขาแล้ว การถูกเฉียวเนี่ยนยิงเข็มใส่ แม้จะล้มลงนอนกับพื้น น้ำลายฟูมปาก ก็ยังดีกว่าขัดคำสั่งฮองเฮาแล้วต้องตายอย่างน่าเวทนาในชั่วพริบตา คนราวสามถึงห้าคนก็กรูกันเข้ามาทางเฉียวเนี่ยนแม้เฉียวเนี่ยนจะมีวรยุทธ์อยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนมากมายเช่นนี้ นางก็รู้สึกไร้กำลังต่อต้าน ไม่นานก็ถูกจับกุมไว้พอเห็นว่าคนอื่นๆกำลังจะตรงไปหาสวีเหม่ยเหริน พยายามจะลากนางลงจากเตียง เฉียวเนี่ยนก็ตกใจจนแทบคลั่งสวีเหม่ยเหรินเพิ่งผ่านการคลอดอย่างยากลำบาก กลับจากปากทางยมโลกมาหมาดๆ ร่างกายจะทนแรงกระชากเช่นนั้นได้อย่างไร?หากถูกลากลงอย่างรุ่นแรงเช่นนั้น เลือดที่เพิ่งหยุดได้ไม่นานคงทะลักไหลอีกครั้งแน่!หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้ฤทธิ์ของยานิทราจำแลงหมดลง สวีเหม่ยเหรินก็คงฟื้นกลับมาไม่ได้อีก!ทันใดนั้น เฉียวเนี่ยนก็ดิ้นสุดกำลัง พยายามพุ่งชนขันทีที่กำลังลากสวีเหม่ยเหรินแต่มามาสองคนที่จับนางไว้มีกำลังมา
“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ เพียงแต่ฮ่องเต้ทรงให้หม่อมฉันปกป้องสวีเหม่ยเหรินและลูกให้ปลอดภัย หม่อมฉันจึงต้องเลือกปกป้องคนใดคนหนึ่งเพคะ”“แต่เจ้าก็ไม่ควรเลือกปกป้องเด็ก!” ฮองเฮาถึงกับโกรธจนแทบบ้าเพียงแต่ขณะนี้เหตุการณ์ก็เป็นเช่นนี้ไปแล้ว นางเองก็ไร้กำลังจัดการนางมองดู‘ศพ’ของสวีเหม่ยเหรินบนเตียง ก็รู้สึกไม่เป็นมงคล ทันใดนั้นจึงเอ่ยว่า “ใครก็ได้ ลากศพสวีเหม่ยเหรินออกไป ทิ้งลงหลุมเผาศพ!”“พ่ะย่ะค่ะ!” ทันใดนั้นก็มีขันทีสองคนก้าวเข้ามา เตรียมจะเคลื่อนย้ายศพสวีเหม่ยเหรินแต่ไม่คาดคิดว่า เฉียวเนี่ยนกลับลุกพรวดขึ้นมายืนขวางสองขันทีนั้นไว้ “ไม่ได้!”ฮองเฮาขมวดคิ้วทันที “เฉียวเนี่ยน! เจ้าอยากก่อกบฏจริงหรืออย่างไร!”เฉียวเนี่ยนรู้สึกเยือกเย็นในใจ แต่กลับแสร้งทำเป็นสงบ “ฮองเฮาเพคะ สวีเหม่ยเหรินเป็นผู้ที่ถูกฮ่องเต้ล่วงเกินหลังดื่มสุรา จึงได้กลายเป็นเหม่ยเหริน จวบจนวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนไม่ใช่สิ่งที่นางยินยอม! ตอนนี้นางก็ตายแล้ว ฮองเฮาจะไม่เมตตา ให้ศพนางออกจากวังอย่างสมบูรณ์ กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวสักหน่อยหรือเพคะ?”“ให้ศพนางสมบูรณ์รึ?” ฮองเฮาหัวเราะออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเด็กที่นางให้กำเ