เฉียวเนี่ยนไม่คาดคิดเลยว่า ยาของท่านหมอจะได้ผลดีถึงเพียงนี้แต่จริง ๆ แล้ว นางก็น่าจะคาดเดาได้เมื่อคราวนั้นที่นางถูกหมิงอ๋องทำร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ก็เป็นยาของท่านหมอที่ช่วยไว้เซียวเหิงฟื้นตัวได้ดีถึงเพียงนี้ คนอื่นอาจไม่คิดอะไรมาก แต่หมอหลวงเซวียเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาย่อมเดาออกแน่!เฉียวเนี่ยนละสายตา กลับมายืนอยู่ด้านข้างดูเหมือนเซียวเหิงจะสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเฉียวเนี่ยน จึงเอ่ยถามเสียงเบา “เป็นอย่างไรบ้าง?”เฉียวเนี่ยนเงยหน้ามองเซียวเหิงแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเรียบ ๆ “ค่อนข้างดี”แต่บางที อาจเป็นเพราะสีหน้าของนางในตอนนี้ดูผิดปกติเกินไป จนเซียวเหิงเข้าใจผิด ยิ้มมุมปากแล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะอยู่ต่อได้ไม่นานก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย ก็ทำให้เจ้าดีใจได้”ได้ยินดังนั้น คิ้วของเฉียวเนี่ยนก็ขมวดเข้าหากันทันที ส่วนแม่เซียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พอฟังประโยคนั้นก็ถึงกับเอามือปิดปาก ร้องไห้ออกมาเห็นดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เซียวเหิงหนึ่งทีพูดไม่รู้เรื่องก็เงียบไปเสีย!หมอหลวงเซวียจึงพูดขึ้นอย่างได้จังหวะพอดี “แม่ทัพเซียววางใจเถิด ร่างกายของท่านฟื้นตัวได้ดี
เฉียวเนี่ยนชะงักเล็กน้อย ก่อนตอบตามจริง “ฝังเข็มไปแล้วเจ้าค่ะ มีอะไรหรือ?”“ข้าก็ว่าแล้ว! ที่อาการของแม่ทัพเซียวฟื้นตัวได้ขนาดนี้ เจ้าเป็นคนที่มีส่วนช่วยไม่น้อย วันนี้เจ้าก็ไปฝังเข็มให้เขาอีกสองเข็มพอดี ประจวบเหมาะให้ข้าได้เรียนรู้ด้วยสักหน่อย”เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็ถึงกับตกใจ “ข้าแค่ฝังเข็มเพื่อลดไข้ให้แม่ทัพเซียวเท่านั้น จะไปเกี่ยวอะไรกับการฟื้นตัวของเขาได้? ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้จะปล่อยให้คนอื่นมาเรียนได้ง่าย ๆ เสียที่ไหน!”วิชาฝังเข็มนั้นเป็นวิชาที่ได้มาจากตําราแพทย์ของท่านหมอประจำจวนหากเป็นเรื่องอื่นก็แล้วไป แต่ถ้าถูกใครจับได้ว่าเป็นวิชาที่มาจากสำนักราชาโอสถ เกรงว่าจะทำให้ท่านหมอเดือดร้อนเอาได้!แต่ไม่คิดว่าทันทีที่นางพูดจบ หมอหลวงเซวียก็โมโหจนหนวดขาว ๆ กระดกขึ้นมา “แม่หนูคนนี้นี่ช่างไม่มีหัวใจจริง ๆ ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจสอนวิชาแพทย์ให้เจ้า เจ้ากลับไม่สอนแม้แต่วิชาฝังเข็มแค่นี้?”“แล้วอย่างไรล่ะเจ้าคะ ก็ท่านเป็นอาจารย์ของข้านี่!” เฉียวเนี่ยนไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของหมอหลวงเซวียเลย “แน่นอนอยู่แล้วที่อาจารย์จะสอนศิษย์ ไหนเลยจัมีศิษย์ที่ต้องสอนอาจารย์เล่าเจ้าคะ?”
หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว “ในจวนคนหูตาสว่างเยอะ หากท่านพ่อยืนกรานจะให้ยวนเอ๋อร์อยู่กับท่านแม่ เกรงว่า คงมีแต่ต้องอ้างว่าพาไปพักฟื้น แล้วส่งท่านแม่ไปเรือนอื่น”ถึงตอนนั้น ค่อยจัดหามามาและสาวใช้ใหม่ไม่กี่คนไว้คอยดูแล อย่างไรเสียก็ใช้งานคนเก่าที่อยู่ในจวนโหวไม่ได้แล้วไม่อย่างนั้น แค่มีใครคนหนึ่งจำหลินยวนได้ จวนโหวก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที!ท่านโหวหลินพยักหน้าเบา ๆ “พ่อก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ยังไงท่านหมอก็ว่าแล้ว อาการป่วยของแม่เจ้าเน้นพักฟื้นเป็นหลัก สักสิบวันหรือสักครึ่งเดือนกลับมาให้ท่านหมอตรวจชีพจรทีหนึ่งก็พอ”หลินเย่ว์ก็พยักหน้าด้วยเช่นกันเหมือนยกภูเขาออกจากอก พลันรู้สึกว่าร่างกายปลอดโปร่งขึ้นมากเขาหันไปมองท่านโหวหลิน พอเห็นว่าอีกฝ่ายเองก็คล้ายกับถอนหายใจโล่งอก ระหว่างคิ้วแม้แต่ยังมีความยินดีเจืออยู่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งจู่ ๆ เขาก็นึกถึงเฉียวเนี่ยนขึ้นมาอารมณ์ประหลาดบางอย่างเริ่มฉีกทึ้งหัวใจของเขาเขาขมวดคิ้ว ถามท่านโหวหลินว่า “ท่านพ่อ พวกเราทำแบบนี้ จะไม่ผิดต่อเนี่ยนเนี่ยนหรือ?”ท่านโหวหลินเองก็ถูกคำถามกะทันหันนี้ทำเอานิ่งอึ้งไปเขาค่อย ๆ เงยหน้ามองหลินเย่ว์สายตาทั้งสองประสานกัน
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดจวนขุนนางที่หนิงโจวถึงได้ยืนยันว่าหลินยวนตายแล้ว และยิ่งไม่รู้ว่าศพที่ถูกจัดการนั้นมาจากไหน แต่…เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!ท่านโหวหลินกลับค่อย ๆ ส่ายหน้า “พ่อรู้ ว่าเจ้ากับยวนเอ๋อร์ผูกพันกันลึกซึ้งในฐานะพี่น้อง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะเศร้าโศก เจ้าต้องหาวิธีช่วยพ่อปลอบใจแม่ของเจ้า แล้วยังต้องหาวิธีไปหนิงโจว พาร่างยวนเอ๋อร์กลับมาอีก!”“ท่านพ่อ!” หลินเย่ว์เผลอขึ้นเสียงเล็กน้อย ในที่สุดก็ทำให้ท่านโหวหลินหันมามองเขาก็เห็นว่าใบหน้าของหลินเย่ว์เต็มไปด้วยความจริงจังและเคร่งเครียด “ตอนนี้ยวนเอ๋อร์อยู่ในเรือนพักแห่งหนึ่งของข้า!”ท่านโหวหลินมองหลินเย่ว์อยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกลังเลว่าที่ลูกชายของเขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ลูกชายคนนี้ของเขา แน่นอนว่าเป็นคนไม่ได้เรื่อง หุนหันพลันแล่น ขาดสติ มักก่อเรื่องอยู่เสมอแต่ก็ไม่ถึงขนาดจะพูดเพ้อเจ้อในเรื่องอย่างนี้คิดได้ดังนั้นก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาเขาค่อยๆลุกขึ้นยืน มองไปที่หลินเย่ว์ ถามอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เจ้า เจ้าไม่ได้กำลังโกหกพ่อใช่ไหม?”“เรื่องแบบนี้ลูกจะโกหกได้อย่างไร!
จนกระทั่งกลับถึงจวนโหว สมองของหลินเย่ว์ก็ยังว่างคงเปล่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกลับมาถึงเรือนของตัวเองได้อย่างไรเด็กรับใช้ในเรือนเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็คิดว่าเขาดื่มมากเกินไป รีบนำชามะนาวแก้เมาเข้ามาให้หลินเย่ว์ดื่มรวดเดียวสามถ้วย ถึงค่อยรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างเด็กรับใช้อยู่ข้าง ๆ อย่างเป็นห่วง “คุณชายใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ หรือจะให้หมอประจำจวนมาตรวจดูดี?”ท่าทางเช่นนี้ น่ากลัวจริง ๆ ว่าจะกลายเป็นบ้าเพราะเมา!หลินเย่ว์เอ๋อร์มองเด็กรับใช้ตรงหน้า แต่ในหัวกลับยังคงคิดถึงแต่เรื่องหลินยวนนางกลับมาแล้วนางกลับมาแล้วจริงๆ!นางหลุดรอดจากมือของคนเฝ้าประตูสองคนนั้นได้อย่างไร?นางระหกระเหินกลับมาได้อย่างไร?นางกลับมานานเท่าไรแล้ว?มีใครเคยเห็นนางบ้างหรือไม่?เหตุใดจวนโหวจึงไม่ได้รับข่าวเรื่องหลินยวนหลบหนีเลยแม้แต่น้อย?หรือว่า คนเฝ้าประตูสองคนนั้นไม่ได้รายงานเรื่องการหลบหนีของหลินยวน?แต่ว่าเมื่อคนถูกส่งไปยังหนิงโจวแล้ว ก็ต้องลงทะเบียนในบัญชีทาส คนเฝ้าประตูพวกนั้นจะรายงานพลาดได้อย่างไร?หลินเย่ว์ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัวเขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้รีบพาหลินยวนไปซ่อนในเ
หัวใจเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ หลินเย่ว์ก้าวพรวดเข้าไปข้างหน้า ดึงหลินยวนกลับมาในทันที “เท้าของเจ้าเป็นอะไร?”หลินยวนรู้สึกยินดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็รีบข่มความรู้สึกนั้นลงแทบจะทันที แทนที่ด้วยความเศร้าและความน้อยใจอย่างไม่สิ้นสุดน้ำตาของนางไหลไม่หยุด ร้องไห้เบาๆ อย่างอัดอั้น เสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่ใหญ่… แม้ว่าคนเฝ้าประตูสองคนนั้นจะรับเงินของพี่ใหญ่ไปแล้ว แต่ระหว่างทางก็ยังกลั่นแกล้งยวนเอ๋อร์! พวกเขา พวกเขาไม่ให้ยวนเอ๋อร์กินข้าว แล้วยัง… ยังคิดจะล่วงเกินยวนเอ๋อร์อีก! ยวน ยวนเอ๋อร์กลัวมากจริง ๆ ยวน ยวนเอ๋อร์ได้แต่หนี! แต่ยวนเอ๋อร์ไม่รู้จะหนีไปที่ไหน ยวนเอ๋อร์เลยต้องขอทานตลอดทาง ตัวยวนเอ๋อร์เลอะเทอะสกปรกไปหมด ไม่ยอมให้ใครแตะตัว แต่ยวนเอ๋อร์ก็ยัง… ยังโดนพวกขอทานกลุ่มหนึ่ง… ฮือฮือฮือ พี่ใหญ่ ยวนเอ๋อร์ผิดไปแล้ว ไม่กล้าทำอีกแล้ว! พี่ใหญ่ช่วยอย่าทิ้งยวนเอ๋อร์เลย ยวนเอ๋อร์ไม่อยากโดนรังแกอีกแล้ว ฮือฮือฮือ…”เสียงร้องไห้ของหลินยวน แทบจะทำให้ใจของหลินเย่ว์แหลกสลายเขาไม่เคยนึกเลยว่าหลินยวนจะถูกกระทำถึงเพียงนี้!ทั้งตกใจ ทั้งโกรธ ทั้งสับสน ปะปนกันยุ่งเหยิงไปหมด จนหลินเย่ว์ไม่