คนที่เคยเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในจวนโหว ที่เคยได้รับความรักและความเอาใจใส่จากทุกคน ที่เคยรักพวกเขามากกว่าชีวิตของตัวเอง คนผู้นั้นคือหลินเนี่ยน!พวกเขาฆ่านางกับมือ!ฟันเล็กสีขาวของนางหล่นลงกับพื้น กลิ้งไปมาสองรอบ แล้วตกลงไปในแปลงดอกไม้ข้างๆเฉียวเนี่ยนจ้องมองฮูหยินหลินราวกับจะบอกว่านั่นเป็นของหลินเนี่ยน ไม่ใช่ของนางส่วนหลินเนี่ยนได้ตายไปนานแล้วขณะนี้ ฮูหยินหลินพูดไม่ออกถึงขั้นลืมร้องไห้นางจ้องมองเฉียวเนี่ยน ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดีดวงตาของเฉียวเนี่ยนดูสงบเสงี่ยมราวกับน้ำนิ่งมาโดยตลอด สงบจนไม่เหมือนกับมนุษย์คนหนึ่งเลยหลินเย่ว์รู้สึกว่าหากเฉียวเนี่ยนจะชวนเขาทะเลาะอย่างจริงจังสักครั้ง ปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นตันใจออกมา รวมถึงเรื่องราวพันลึกที่เกี่ยวข้องกับนางกับครอบครัวนี้ให้หมดสิ้น อาจจะเป็นเรื่องดีเสียกว่าอย่างน้อยก็ดีกว่ายามนี้ยามนี้ นางดูจะไม่สนใจใครในจวนนี้เลยอ๋อ ไม่ใช่ แต่ก็มีบ้างที่ใส่ใจเฉียวเนี่ยนดึงสายตากลับจากฮูหยินหลิน แล้วหันมองหลินเย่ว์ “ท่านโหวน้อยก็รู้ดีว่าท่านย่าสุภาพไม่ค่อยดี ที่นี่แม้จะอยู่ไกลจากที่อยู่ของท่านย่า แต่หากยังหาเ
รู้สึกราวกับถูกแทงด้วยมีดคมกริบ จนใจแหลกสลาย ฮูหยินหลินสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยปาก “นี่คือเรือนของท่านย่าเจ้า การที่เจ้าอยู่ที่นี่ก็คงจะรบกวนท่านย่า ฉะนั้นเมื่อฟื้นแล้วก็รีบกลับไปที่เรือนของเจ้าเถิด!”เฉียวเนี่ยนรู้ดีว่าวันนี้ฮูหยินหลินแสดงละครเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อจะพูดประโยคเมื่อครู่แท้จริงแล้วนางก็คิดได้แล้วว่า แม้จะเพื่อท่านย่าก็ไม่ควรลากหลินเย่ว์ลงไปด้วย นางไม่อยากให้ท่านย่าเห็นหลานสาวคนโปรดผลักบุรุษคนเดียวของตระกูลหลินไปสู่ทางตัน และไม่อยากให้ท่านย่าเห็นด้วยตาตัวเองว่าจวนโหวถึงคราวต้องล่มสลายแล้วแต่พอได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากฮูหยินหลิน ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดมากแม้นางจะตัดขาดกับฮูหยินหลินและจวนโหวไปแล้วก็ตามนางก้มศีรษะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกดความเจ็บปวดอันทรมานไว้เมื่อเงยหน้าขึ้นยังคงแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “เพื่อท่านย่า ข้ายอมที่จะไม่ใส่ใจ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตระกูลหลินควรจะให้คำอธิบายกับข้า”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮูหยินหลินพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง ควรจะให้คำอธิบายแก่เจ้า เย่ว์เอ๋อร์ ไปคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษ ห้ามลุกขึ้นจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากข้า!”หลิ
วันรุ่งขึ้นเมื่อเฉียวเนี่ยนฟื้น นางรู้สึกว่าบาดแผลที่บริเวณศีรษะเจ็บปวดกว่าเมื่อวานเสียอีกร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงทว่าหนิงซวงดูสดใสกว่าเมื่อวานมาก หลังจากดูแลเฉียวเนี่ยนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็รีบเร่งมาคอยรับใช้เฉียวเนี่ยนกินมื้ออาหารเช้าเฉียวเนี่ยนพยายามทำเป็นเข้มแข็ง ไม่อยากให้หนิงซวงเป็นห่วง หลังจากสอบถามถึงอาการของฮูหยินเฒ่า และทราบว่าปลอดภัยดี จึงโล่งใจและกินมื้ออาหารเช้าอย่างสบายใจแต่ก็สังเกตเห็นหนิงซวงหลายครั้งที่อยากจะพูดแต่ก็กลั้นไว้เมื่อเห็นดังนั้น นางจึงวางตะเกียบลง “เจ้ามีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาเถอะ”หนิงซวงจึงเข้ามาใกล้และรายงานให้เฉียวเนี่ยนฟังว่า “คุณหนู ข้าได้ยินมาว่าท่านโหวน้อยกับคุณหนูรองคุกเข่าอยู่ในโถงบรรพบุรุษทั้งคืนเลย และเช้านี้คุณหนูรองทนไม่ไหวจึงสลบไป”ที่แท้คือเรื่องนี้เฉียวเนี่ยนหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง “แสดงว่าร่างกายของนางอ่อนแอมาก”คุกเข่าคืนเดียวก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ?ครั้นที่นางอยู่กรมซักล้าง นางเคยคุกเข่าทั้งวันทั้งคืนมาแล้วหนิงซวงคิดครุ่นครู่หนึ่ง แล้วเห็นด้วยกับสิ่งที่เฉียวเนี่ยนพูด “อืม ก็ไม่เท่าไหร่จริงๆ ไม่รู้ว่าย
"ไม่ต้อง" เฉียวเนี่ยนยื่นแขนออกมารั้งหนิงซวงไว้ นางขมวดคิ้ว ค่อยๆ ลืมตา เมื่อกลับมาเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจนแล้วจึงเอ่ยปากขึ้น "คงเป็นเพราะตื่นเช้าเกินไป ไม่ต้องกังวลหรอก"เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่กรมซักล้างก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเช่นกัน นั่งพักสักหน่อยก็ดีขึ้นเอง ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหนิงซวงกลับยังคงเป็นห่วง "แต่เมื่อวานคุณหนูได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อย่างไรก็เรียกหมอมาดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!"เฉียวเนี่ยนลุกขึ้นช้าๆ ยิ้มให้หนิงซวง "ไม่แน่ว่าหมออาจจะกำลังดูท่านย่าอยู่ก็ได้ พวกเราไปหาท่านย่าก่อนแล้วค่อยว่ากัน"ได้ยินดังนั้น หนิงซวงก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงพยักหน้า ตรงเข้าไปประคองเฉียวเนี่ยนออกจากห้องแต่เฉียวเนี่ยนกลับรู้สึกว่าหนิงซวงเป็นห่วงนางเกินเหตุ นางเดินเองไม่ได้ที่ไหนกัน?เมื่อออกจากเรือนฟางเหอแล้ว นางจึงบอกให้หนิงซวงปล่อยมือเรือนฟางเหออยู่ทางทิศตะวันตกของจวนโหว เรือนลั่วเหมยอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนเรือนของฮูหยินเฒ่าอยู่ตรงกลางระหว่างสองเรือนนี้นอกจากนี้ หนิงซวงยังกล่าวอย่างชัดเจนว่าหลินยวนเป็นลมเมื่อเช้านี้ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ถ้าแสร้งเป็นลมแล้ว ก็คงต้องแสร้งต่อไปอี
หลินยวนได้รับการปกป้องจากเซียวเหิงก็แสดงท่าทีน่าสงสารมากขึ้น นางหลบอยู่หลังเซียวเหิง ไม่แม้แต่จะโผล่ศีรษะออกมาให้เห็นเฉียวเนี่ยนนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าในใจในใจนางยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ท่านย่าคงไม่อยากเจอเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าควรกลับไปเสียดีกว่า!"และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซียวเหิงให้ท้ายอยู่หรือเปล่า หลินยวนถึงได้มีน้ำเสียงแข็งขืนขึ้นเมื่อพูดกับเฉียวเนี่ยน นางยื่นศีรษะออกมา และถามเฉียวเนี่ยน "ท่านพี่ไม่ใช่ท่านย่าเสียหน่อย รู้ได้อย่างไรว่าท่านย่าไม่อยากพบข้า?"ทันใดนั้น ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนก็อึมครึม นางก้าวไปทางหลินยวนโดยไม่รู้ตัว และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เจ้าจะทำเป็นจำไม่ได้จริงๆ หรือว่าเจ้าทำอะไรลงไป?"เมื่อเห็นว่าเฉียวเนี่ยนเดินเข้ามาใกล้ หลินยวนก็นึกถึงฉากอันน่าสะพรึงกลัวที่โดนเฉียวเนี่ยนกดลงกับพื้นแล้วตบตีเมื่อวาน นางหลบข้างหลังเซียวเหิงแทบไม่ทัน มือทั้งสองกำชายเสื้อของเซียวเหิงไว้แน่น และสั่นไปทั้งตัว "ข้า ข้ามาวันนี้ก็เพื่อมาขอโทษท่านย่า"เมื่อรู้สึกถึงความกลัวของคนที่อยู่ข้างหลังเขา เซียวเหิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองเฉียวเนี่ยน "ยวนเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว วัน
แม้ว่านางจะรู้ว่าเฉียวเนี่ยนกำลังพยายามยั่วยุนาง แต่นางก็ทนเงียบไม่ได้อีกต่อไปแล้วแม้จะรู้ดีว่าวันนี้ที่นางแกล้งเป็นลมเป็นความคิดของพี่ชาย แต่หากพี่ชายได้ยินคำพูดเหล่านี้ พี่ชายต้องเสียใจมากเป็นแน่!นางไม่อยากให้พี่ชายเข้าใจนางผิด!ในตอนนี้ นางสูดหายใจลึกกว่าเดิม "ท่านพี่ไม่จำเป็นต้องยั่วยุข้าเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าจะไปคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษให้เดี๋ยวนี้แหละ! เพียงแต่ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ แม้ว่าท่านย่าจะไม่อยากพบข้า ข้าก็ต้องไปขอขมาท่านย่าอยู่ดี!"หลังจากพูดเช่นนั้น นางก็หันไปทางเรือนของฮูหยินเฒ่าแล้วคุกเข่าลง พูดทั้งน้ำตาคลอเบ้าด้วยเสียงอันอ่อนโยนของนาง "ท่านย่า ยวนเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว ยวนเอ๋อร์ไม่กล้าทำให้ท่านย่าโกรธอีกแล้ว ท่านย่าโปรดอภัยให้ยวนเอ๋อร์ด้วยเถอะเจ้าค่ะ!"เมื่อพูดจบ นางก็ก้มหัวคำนับทางเรือนของฮูหยินเฒ่าสามครั้งทำให้ดูเหมือนนางรู้สึกผิดมากจนต้องร้องไห้ออกมาเฉียวเนี่ยนคิดในใจว่า หลินยวนคงไม่ได้กำลังรู้สึกว่าตัวเองกตัญญู ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความยุติธรรมเสียเต็มประดา จนทำให้คนอื่นเห็นแล้วรู้สึกตื้นตันใจอยู่หรอกนะ?เหอะ เห็นได้ชัดว่ามีเพียงแต่ความน่าขัน!ท่านย
ฉากนี้ได้ถูกหลินยวนที่กำลังอิดออดอยู่บังเอิญเห็นเข้านางเบิกตากว้างในทันที ไม่รู้ว่าเหตุใดเซียวเหิงกับเฉียวเนี่ยนถึงได้กอดกันอยู่!ทันใดนั้นเสียงของเซียวชิงหน่วนก็ดังขึ้นในหัวนางเคยพูดว่าเฉียวเนี่ยนจั้งใจยั่วยวนเซียวเหิง...เพราะอย่างนั้น ที่เมื่อครู่นี้เฉียวเนี่ยนให้นางไปคุกเข่าในโถงบรรพบุรุษ ก็เพื่อกีดกันนาออกไป จะได้ยั่วยวนท่านพี่เหิงได้สะดวก?ในใจนางสับสนสุดขีด นางอยากจะพุ่งไปถามพวกเขาทั้งสอง ทว่า...นางกลับกลัวมากเช่นกันประโยคที่เซียวเหิงพูดที่ถนนชุนซานนั้นยังคงดังอยู่ข้างหู นางรู้ดีอยู่แล้วว่าในใจท่านพี่เหิงคิดอย่างไร และนางกลัวว่าถ้านางรีบไปถามเขา นางคงจะเป็นเหมือนพวกภรรยาหลวงที่ไม่มีใครรักในหนังสือนิทานนางกลัวว่าเซียวเหิงจะอยู่ข้างเฉียวเนี่ยน และปกป้องเฉียวเนี่ยนอย่างที่ปกป้องนางเมื่อครู่นี้หากเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ ตำแหน่งของนางและเฉียวเนี่ยนในหัวใจของเซียวเหิงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสะเทือนใจหรือ?ไม่ นางไม่ต้องการเช่นนั้น!นางยอมให้เซียวเหิงมีพื้นที่ให้เฉียวเนี่ยนในใจได้ แต่พื้นที่ที่สำคัญที่สุดในใจนั้นต้องเป็นนาง!เช่นนั้น นางจึงรีบละสายตา ปล่อยให้น้ำต
สายตาของเซียวเหิงถูกหนิงซวงดึงดูดไว้ ในที่สุดก็ละสายตาจากใบหน้าของเฉียวเนี่ยนได้"เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?"เจาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสียงแผ่วเบานั้นกลับให้ความรู้สึกราวกับก้อนหินขนาดใหญ่ กระแทกหนิงซวงถอยหลังได้อย่างง่ายดายหนิงซวงไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำด้วยเกรงว่าหากพูดออกไปอีก จะโดนเซียวเหิงตัดลิ้นออกไปนางคิดแค่ว่ายังดีที่ที่นี่คือจวนโหว ต่อให้แม่ทัพเซียวจะโกรธสักแค่ไหน แต่ก็คงไม่ลงมือทำอะไรคุณหนูหรอกใช่ไหม?เซียวเหิงมองไปยังเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง ภาพใบหน้าที่เคยดีใจสุดขีดเมื่อได้เจอเขากับภาพใบหน้าในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวซ้อนทับกันขึ้นมาในหัวเขาความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจของเขาโดยไม่มีเหตุผลและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเขาขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เจ้าจะมาเอง หรือให้ข้าเดินไปหา?"ดูเหมือนว่าเขาต้องการใช้คำถามที่คุกคามเช่นนี้เพื่อที่จะอยู่เหนือเธออีกครั้งแต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะยืนที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนนางไม่เข้าใจว่าคำพูดของเซียวเหิงในตอนนี้หมายความว่าอย่างไร แต่นางรู้คำตอบ"แม่ทัพเซียวไม่จำเป็นต้องเดินมาหรอก ข้าเองก็จะไม่เดินไป ระยะห่างที่เห็นอยู่นี้
ทำไมถึงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแบบนี้...ดวงตาของเฉียวเนี่ยนเปียกชื้นในทันทีกำไลนี้เป็นตัวแทนการยอมรับของตระกูลจิ่งที่มีต่อนาง เป็นเครื่องยืนยันความสัมพันธ์ของนางกับจิ่งเหยียน นางทะนุถนอมมันมาโดยตลอด แต่ในที่สุดก็แตกสลายอยู่ดีความรู้สึกเจ็บปวดในอกแผ่ซ่าน เฉียวเนี่ยนก้มหน้าลง ไม่ต้องการให้ไป๋อวี่เห็นความผิดปกติของนาง จึงเอ่ยเพียงเสียงทุ้มต่ำว่า "ขอบคุณพี่ไป๋มาก"เอ่ยจบก็หันหลังเดินกลับบ้าน กระโดดไปข้างหน้าและข้างหลังโดยจับผนังไว้ทว่าไป๋อวี่เห็นน้ำตาหยดนั้นที่หยดลงบนกำไลหยกในเวลานี้ เมืองหลวงที่อยู่ห่างออกไปสามร้อยลี้ข่าวการค้นพบเฉียวเนี่ยนแพร่กระจายออกไป ทำให้ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินรีบเร่งออกจากเมืองหลวงตลอดทางฮูหยินหลินรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก แม้ว่าท่านโหวหลินจะจับมือนางไว้ตลอดเวลา มือของนางก็ยังคงเย็นเฉียบเมื่อพวกเขาลงจากรถม้าที่ชานเมืองหลวงและเห็นโลงศพขนาดใหญ่ ขาของฮูหยินหลินก็อ่อนแรงทันที แทบล้มลงกับพื้นไม่ใช่ว่าพวกเขาพบคนแล้วหรือ?ทำไมถึงเป็นโลงศพ?ดวงตาของหลินเย่ว์เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เมื่อเห็นท่านโหวหลินและฮูหยินหลินเดินเข้ามา เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค
ฝ่ามือหยาบกร้านเต็มไปด้วยรอยแผลหนาแข็งแต่ความอบอุ่นนั้นกลับไม่ได้ถูกขัดขวางแม้แต่น้อย ค่อยๆ ส่งผ่านเข้าไปในใจของเฉียวเนี่ยนทีละนิด "เด็กน้อย ลำบากมามากแล้ว"เสียงถอนหายใจแผ่วเบา อาชุนเองก็ไม่คาดคิดว่าน้ำตาจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ก็โทษนางไม่ได้จริงๆ เพราะรอยแผลเป็นบนตัวเด็กสาวน่าตกใจเหลือเกินไป๋อวี่บอกว่าเสื้อผ้าที่นางใส่วันนั้นเหมือนสาวใช้ของตระกูลร่ำรวยแต่ตระกูลร่ำรวยก็เกินไปจริงๆ ทำไมถึงตีสาวใช้ขนาดนี้?ชีวิตของสาวใช้ ไม่ใช่ชีวิตหรืออย่างไร?หากพ่อแม่ของเด็กคนนี้มาเห็นเข้า คงจะเสียใจมากเพียงใด!คำพูดเหล่านี้ อาชุนไม่ได้พูดออกไป กลัวว่าจะทำให้เฉียวเนี่ยนเสียใจแต่พอมองน้ำตาของอาชุน เฉียวเนี่ยนก็อดน้ำตาคลอเบ้าไม่ได้ "อาชุนอย่าร้องเลย ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว"ยามนี้นางได้หนีห่างจากเมืองหลวง หนีห่างจากคนพวกนั้นทุกอย่างได้ผ่านไปแล้วคนพวกนั้นในเมืองหลวง หากหานางไม่เจอภายในสองสามวัน คงคิดว่านางตายไปแล้วแน่นอนว่าเด็กสาวหนิงซวงต้องเสียใจมากแน่ๆทว่ามีจี้เยว่คอยดูแลอยู่ หนิงซวงไม่น่าจะเป็นอะไรเซียวเหอก็จะคอยดูแลหนิงซวงให้นางอย่างแน่นอนฉะนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลและเป็นห่วงอะไ
ฉู่จืออี้ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ของที่เขาแกะสลักด้วยมือเมื่อหลายปีก่อน จะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้งในวันนี้หยกผิงอันขนาดเล็กราวกับกุญแจที่เปิดความทรงจำที่ถูกฝังไว้เมื่อหลายปีก่อนของเขาสงครามนองเลือด ซากศพเกลื่อนกลาด...ล้วนทำให้เขาตกใจยิ่ง"ขอบคุณพี่ไป๋มาก"เสียงหวานใสที่ดังขึ้น เรียกสติของฉู่จืออี้กลับคืนมาสายตาของเขาจึงละจากหยกผิงอัน มองไปที่เฉียวเนี่ยน พยักหน้านิดๆ แล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำหญิงวัยกลางคนคุ้นเคยกับนิสัยของเขาดี จึงยิ้มให้เฉียวเนี่ยน "ไม่ต้องกลัว เขาเป็นคนแบบนี้ ไม่ชอบพูด แต่เป็นคนดีมาก! ยามนั้นหากไม่ได้เขา หมู่บ้านของเราคงถูกหมาป่าบนเขาทำลายไปแล้ว!"หญิงผู้นั้นพูดราวกับเปิดกล่องความทรงจำ กำลังจะเล่าเรื่องราวในอดีตให้เฉียวเนี่ยนฟังแต่เฉียวเนี่ยนมีเรื่องอื่นในใจ จึงอดขัดจังหวะหญิงผู้นั้นไม่ได้ แล้วถามว่า "ขอถามท่านอาสะใภ้สักหน่อย ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงไกลแค่ไหนหรือ?""เมืองหลวง?!" หญิงผู้นั้นอุทาน ทำให้ฉู่จืออี้ที่กำลังผ่าฟืนอยู่ในลานบ้านถึงกับชะงักพอได้ยินเช่นนี้ หญิงผู้นั้นก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ "แม่นาง เจ้ามาจากเมืองหลวงหรือ? ลอย
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้รีบตอบรับ จากนั้นก็เข้าไปลากตัวหลินยวนออกไปด้านนอกหลินยวนยังคงร้องขอความเห็นใจ “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวของท่านจริงๆ ท่านพ่อ! ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดโกหกของคนอื่น!”ทว่าท่านโหวหลินไม่ได้มองนางอีกเลยครึ่งเดือนต่อมาเฉียวเนี่ยนค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือคานบ้านเก่าๆนางอยู่ที่ไหนกัน?ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมองเฉียวเนี่ยนจำได้ว่าตัวเองตกลงไปในแม่น้ำฉางหยาง หัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้นด้วยความหวาดผวานางคิดว่าแม่น้ำฉางหยางไหลเอื่อย แม้จะตกน้ำก็คงปีนขึ้นมาได้ไม่ยากกลับนึกไม่ถึงว่าใต้น้ำจะไหลเชี่ยวเพียงนี้นางถูกกระแสน้ำพัดลงไปก้นแม่น้ำในทันที พยายามดิ้นรนหลายครั้ง แต่ด้วยพลังมหาศาลนั้น นางก็เหมือนใบไม้ ไร้ซึ่งพลังต้านทาน สติสัมปชัญญะของนางก็ดับวูบไปอย่างรวดเร็วแล้วยามนี้ นางอยู่ที่ไหนกัน?เฉียวเนี่ยนพยายามพยุงตัวลุกขึ้น แต่ขาซ้ายของนางก็เจ็บปวดอย่างรุนแรงนางสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นเยียบ จากนั้นก็เปิดผ้าห่มออก และเห็นว่าขาซ้ายของนางถูกตรึงด้วยไม้กระดานหลายแผ่นหักแล้วหรือ?ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูก็เปิดออก หญิงวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าธรรมดา ถือชาม
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!” ท่านโหวหลินตกใจมาก ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วฮูหยินหลินเองก็เบิกตากว้างอย่างกะทันหัน มองหลินเย่ว์ด้วยความไม่เชื่อหลินยวนก็ตกใจมากเช่นกัน ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าทำไมหลินเย่ว์ถึงทำตัวผิดปกติเช่นนี้ก่อนหน้านี้ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?เพราะเฉียวเนี่ยนตายแล้วรึ?แต่ในขณะนี้ หลินยวนไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้นเฉียวเนี่ยนตาย แล้วนางจะปัดความรับผิดชอบเรื่องของย่าเฉาได้อย่างไร?นางจะโยนความผิดให้ใคร?ทำเช่นไรดี?หลินยวนรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุดแต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะพุ่งเข้ามาจับคอเสื้อของนาง “เจ้าเป็นใครกันแน่? พูดมา!”หลินยวนตกใจกลัวนางไม่เคยเห็นหลินเย่ว์ดุร้ายเช่นนี้มาก่อนน้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด แต่ก็ยืนกรานว่าตัวเองเป็นบุตรสาวสายตรงแห่งจวนโหว“พี่ใหญ่ อย่าขู่ข้าเลย... ข้าเป็นน้องสาวของพี่นะ!”“หมอตำแยพูดเองกับปากว่า ข้าถูกนางสลับตัว! นางพูดเองกับปาก!”“ข้าหน้าเหมือนแม่มากเลยนะ พี่ใหญ่ ดูข้าสิ! ข้าจะไม่ใช่ลูกของแม่ได้อย่างไร!”นางปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองไม่ใช่!มิเช่นนั้น ด้วยสภาพของคนในตระกูลหลินยามนี้ พวกเขาจ
คิดไม่ได้แล้ว คิดต่อไม่ได้แล้ว...นางจะทนไม่ไหวแล้ว!ในขณะนั้นเอง มามาหลายคนคนที่พาหลินยวนลงไปก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็พาหลินยวนกลับมา "ทูลฮูหยิน เอวของคุณหนูรองไม่มีปานเจ้าค่ะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ย่าเฉาจึงรีบเอ่ยว่า "นางไม่ใช่ตั้งแต่แรก จะมีได้อย่างไร!"หลินยวนร้องไห้ตะโกน "ท่านแม่ ไม่ใช่เช่นนั้น! ท่านอย่าฟังคำพูดเหลวไหลของหญิงชั่ว!"ฮูหยินหลินราวกับโดนค้อนหนักทุบจนหัวเริ่มมึนงงนางไม่เคยสงสัยหลินยวนเลย เพียงแต่คนที่นางส่งไปไม่เคยได้เบาะแสอะไรกลับมาเลยก่อนหน้านี้มีช่วงหนึ่งที่นางสงสัยว่ายวนเอ๋อร์กับเนี่ยนเนี่ยนเป็นพี่น้องฝาแฝด และหมอตำแยที่ทำคลอดให้นางขโมยไปคนหนึ่งฉะนั้น นางจึงรักลูกทั้งสองคนและตัดใจจากลูกทั้งสองคนไม่ได้...นางอยากจะเชื่อว่านางคลอดลูกฝาแฝดมากกว่าที่จะสงสัยว่าหลินยวนไม่ใช่ลูกของนาง!หายใจเข้าลึกๆ หลายที ฮูหยินหลินก็ดูเหมือนจะมีแรงกลับมา จึงยกมือขึ้นและเรียกเด็กรับใช้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป "ไป ไปตามท่านโหวกลับมา! ตามท่านโหวน้อยกลับมาด้วย!"เรื่องนี้ นางทนรับคนเดียวไม่ไหวจริงๆเด็กรับใช้รีบรับคำและจากไปทันทีแต่หลินยวนยังคงร้องไห้ "ท่านแม่ ท่านไม่ควรเชื่อคำพูดของ
ชาวแคว้นจิ้งเชื่อว่าเด็กๆ เป็นของขวัญจากสวรรค์เหล่านางฟ้าบนสวรรค์เลือกครอบครัวที่เหมาะสม แล้วส่งเด็กๆ ลงมาทีละคนเด็กบางคนซุกซน ไม่ยอมลงมา นางฟ้ากริ้วโกรธ ก็เลยต้องลงมือรอยปานเล็กๆ นั่นต้องเป็นรอยที่นางฟ้าจิ้มแน่นอนส่วนรอยที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ต้องเป็นรอยที่นางฟ้าหยิกแน่นอนและรอยที่ใหญ่กว่านั้น อืม ต้องเป็นเด็กที่ซุกซนมาก นางฟ้าทนไม่ไหว จึงเตะลงมาฮูหยินหลินรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อก่อน ยามที่นางดูแม่นมเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เนี่ยนเนี่ยน นางก็เคยพูดว่า เด็กคนนี้ต้องซุกซนมากแน่ๆ ถึงโดนนางฟ้าหยิกที่เอวเนี่ยนเนี่ยนมีปานที่เอวเมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลินก็ค่อยๆ หันไปมองหลินยวน "เจ้ามีปานหรือไม่?"หลินยวนตกใจส่ายหัวไม่หยุด "ท่านแม่ อย่าฟังหญิงคนนี้พูดจาเหลวไหล..."แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ ฮูหยินหลินก็ออกคำสั่ง "ใครก็ได้เข้ามาที! พาตัวนางออกไป ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วหาปาน!""เจ้าค่ะ!"มามาคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างตอบรับและพาหลินยวนออกไปหลินยวนไม่ยอมและดิ้นรน แต่นางจะสู้แรงเหล่ามามาได้อย่างไร?ในไม่ช้า ห้องโถงด้านหน้าก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้งฮูหยินหลินแทบจะนั่งไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยัง
ขณะนั้น หลินยวนที่ถูกขังอยู่นอกเรือนลั่วเหมยก็เบิกตากว้างทันทีด้วยความไม่เชื่อด้านข้างมีสาวใช้กระซิบว่า "คุณหนู ท่านโหวน้อยเป็นอะไรไป ทำไมถึงดูเหมือนคนบ้าเช่นนี้? เกิดอะไรขึ้นหรือไม่?"หลินยวนขมวดคิ้วนิดๆ นางเองก็ไม่รู้แต่การที่หลินเย่ว์คลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน กลับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนางโอกาสที่ดีที่จะไปแสดงความน่าสงสารต่อหน้าฮูหยินหลิน เพื่อให้ฮูหยินหลินสงสารนาง!นางรู้ดีว่าแม้ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินจะช่วยชีวิตนางไว้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รักนางเหมือนเมื่อก่อนบางที วันนี้นางอาจใช้โอกาสนี้เพื่อเรียกความรักของพวกเขากลับคืนมาได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลินยวนจึงไปหาฮูหยินหลินแต่ได้รับแจ้งว่า ฮูหยินหลินกำลังต้อนรับแขกอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อแสดงความน่าสงสารของตน หลินยวนจึงมาที่ห้องโถงด้านหน้า โดยตั้งใจไม่มองแขกคนนั้นเลย นางเพียงแค่น้ำตาคลอเบ้าเดินไปหาฮูหยินหลินและคุกเข่าลง "ท่านแม่ ได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ยวนเอ๋อร์ด้วย! ท่านพี่ไม่รู้เป็นอะไร ไล่ยวนเอ๋อร์ออกจากเรือนลั่วเหมย! ฮือๆ ๆ พี่ใหญ่ยังผลักยวนเอ๋อร์ด้วย ข้อเท้าของยวนเอ๋อร์เคล็ดเลยเจ้าค่ะ!"ฮูหยินหลินมองหลินยวนที่คุ
ไม่รู้ว่าตบหน้าตนเองไปนานแค่ไหน หลินเย่ว์ก็เหมือนนึกบางอย่างออก รีบรวบรวมเศษผ้าเหล่านั้นกลับเข้าไปซุกไว้ในอกของตนแล้วลุกขึ้นเปิดประตูออกไปข้างนอกเขาต้องไปหาเนี่ยนเนี่ยนออกจากประตู ก็เห็นต้นหวยขนาดใหญ่วัยเด็ก เนี่ยนเนี่ยนชอบปีนขึ้นไปเล่นบนต้นไม้มากที่สุดโขดหินจำลองที่อยู่ไม่ไกลก็เป็นสถานที่ที่เนี่ยนเนี่ยนชอบเล่นมากที่สุดเช่นกัน ครั้งหนึ่ง นางตกจากโขดหินจำลอง ทำให้เขาตกใจแทบแย่ แต่นางกลับยิ้มร่าเริง ไม่คิดอะไรมากศาลาหลังนั้น เขาเคยเล่นหมากรุกกับนางด้วยกันครั้นที่เด็กน้อยเพิ่งหัดเล่น นางชอบเล่นตุกติกมากที่สุด หมากกระดานหนึ่ง ต้องแก้เกมเป็นสิบๆ ครั้งต้นท้อเหล่านั้น ออกผลทั้งใหญ่และหวานมาก เนี่ยนเนี่ยนจะพาบ่าวรับใช้มาเก็บผลไม้ทุกครั้ง แล้วนำมาทำเป็นขนมหวานอร่อย ยกมาให้เขาที่ห้องหนังสือด้วยตัวเองทางเดินเส้นเล็กนี้ เป็นทางที่เนี่ยนเนี่ยนเดินบ่อยที่สุดเพราะเรือนของนางอยู่ใกล้กับเรือนของเขามากที่สุด ในวัยเด็ก หากนางฝันร้าย นางจะกอดหมอนของตน พาสาวใช้อีกกลุ่มหนึ่ง วิ่งเข้ามาในห้องของเขา แล้วบังคับให้เขาต้องนอนกับนางให้ได้นางพูดว่า: มีพี่ใหญ่อยู่ข้างกาย เนี่ยนเนี่ยนถึงจะวางใจ