Home / รักโบราณ / พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก / บทที่15 โจวจื่อหมิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? (1/2)

Share

บทที่15 โจวจื่อหมิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? (1/2)

last update Last Updated: 2025-08-18 19:16:13

ภายในห้องหนังสือที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สง่างามของจวนจวงเซียงป๋อ โจวจื่อหมิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม มือเรียวยาวที่ถือพู่กันนิ่งสนิท ดวงตาเหม่อลอยคล้ายกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่รบกวนจิตใจเขามาตลอดทั้งวัน

“ซื่อจื่อขอรับ” เสียงจากคนสนิทหน้าประตูทำให้เขากลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง

“มีอะไร”

“คนขับรถม้าที่พาฮูหยินไปข้างนอกวันนี้ มาขอพบขอรับ”

“ให้เขาเข้ามา” โจวจื่อหมิงตอบโดยไม่ลังเล เขารู้ดีว่าหากคนขับรถม้ามาหาถึงที่เช่นนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญที่เขาต้องรับรู้

พอเข้ามาด้านในคนขับรถม้าก็รีบโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “คารวะซื่อจื่อขอรับ”

“ไม่ต้องมัวโอ้เอ้ รีบรายงานมา”

“ขอรับ” คนขับรถม้ารับคำ แล้วรีบเล่าทุกอย่างที่ตนเองเห็นในวันนี้ “ฮูหยินไปที่ร้านเครื่องหอมตามปกติ แต่แทนที่จะรีบกลับจวน นางกลับสั่งให้ข้าไปส่งที่ร้านหอชมจันทร์ ข้าเห็นกับตาว่าแม่ทัพฉีหลิง รอนางอยู่ที่นั่นขอรับ”

ดวงตาของโจวจื่อหมิงเบิกกว้างด้วยความไม่พอใจ ความจริงเขาไม่เคยสนใจว่ากัวรั่วชิงจะไปที่ใด แต่เขาสนใจว่ายามนี้นางถึงกลับกล้าไปกับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา

“ฮูหยินกับแม่ทัพฉีหลิงดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากขอรับ”

คำพูดของคนขับรถม้าทำให้ใบหน้าของโจวจื่อหมิงยิ่งมืดครึ้ม คิดถึงใบหน้าของนางเมื่อวันก่อน เขาไม่เคยเห็นกัวรั่วชิงมีความสุขแบบนั้น ที่แท้นางกำลังมีความสุขเพราะชายอื่นนี่เอง

มันน่านัก!

“แล้วเป็นอย่างไร” เขาพยายามควบคุมสติ แล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกคุณหนูจากตระกูลต่างๆ ที่อยู่ที่นั่นก็พากันซุบซิบว่าฮูหยินทำตัวไม่เหมาะสมขอรับ พวกนางเลยไปต่อว่าฮูหยินว่าทำตัวเป็นดอกชิ่งนอกกำแพง ไม่คิดถึงเกียรติยศของซื่อจื่อ ฮูหยินฟังแล้วก็ไม่ได้สะท้านเลยสักนิดขอรับ” พอเห็นว่าเจ้านายตั้งใจฟัง คนขับรถม้าก็กล่าวต่ออย่างไม่ลดละ “มิหนำซ้ำแม่ทัพฉีหลิงก็เข้ามาปกป้องฮูหยิน และจัดการพวกคุณหนูที่น่าสงสารพวกนั้น ทำให้ไม่มีใครกล้าสอดปากสักคน”

โจวจื่อหมิงกำหมัดแน่นด้วยไฟโกรธจนแทบจะมอดไหม้ ยามนี้ความรู้สึกอับอายขายหน้า ความรู้สึกแค้นเคือง และความรู้สึกไม่พอใจอย่างมหาศาลที่กัวรั่วชิงไปเริงร่ากับชายอื่น ปล่อยให้มันผู้นั้นมายุ่มย่ามกับนางทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ผสมปนเปกันอยู่ภายในใจ ทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

“พอแล้ว เจ้าออกไปได้แล้ว” โจวจื่อหมิงกล่าวเสียงเย็น พร้อมโยนถุงใบเล็กๆ ให้เขาเป็นรางวัล คนขับรถม้ายิ้มกว้าง รีบเก็บถุงเงินที่ข้างเอวแล้วพาตัวเองออกไปทันทีตามที่เจ้านายสั่ง

เมื่อคนขับรถม้าออกไปแล้ว โจวจื่อหมิงก็ยืนขึ้นในทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและดูถูก “ให้มันได้อย่างนี้สิ กัวรั่วชิง ใบหน้าของข้าจะต้องแปดเปื้อนไปด้วยน้ำลายของผู้อื่น เพราะความไร้ยางอายของเจ้า” เขากล่าวพึมพำกับตัวเอง “หากไม่สั่งสอนเจ้าให้รู้แล้วรู้รอดบ้าง เจ้าคงคิดว่าข้าเป็นลาโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยกระมัง!”

โจวจื่อหมิงพลันเดินออกจากห้องหนังสือด้วยท่าทีที่ร้อนรน เขาตรงไปที่เรือนของกัวรั่วชิงทันที

เรือนกุ้ยฮวา

หลังจากกลับมาถึง กัวรั่วชิงที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและต้องการพักผ่อนอย่างยิ่ง กัวลี่ลี่สาวใช้คนสนิทที่อยู่เคียงข้างรีบจัดการปรนนิบัติผู้เป็นนายอย่างคล่องแคล่ว นางจัดการเตรียมน้ำอุ่นและชุดนอนอย่างดีเพื่อช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าให้กับฮูหยิน

“ฮูหยินเจ้าคะ วันนี้ท่านต้องเจอกับเรื่องอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ บ่าวว่ารีบพักผ่อนเถอะนะเจ้าคะ” กัวลี่ลี่กล่าวอย่างอ่อนโยนขณะกำลังจัดแต่งทรงผมให้กัวรั่วชิงที่นั่งอยู่หน้ากระจก

“บ่าวว่าคืนนี้ท่านควรจะเข้านอนเร็วหน่อยนะเจ้าคะ พรุ่งนี้จะได้สดชื่น” กัวลี่ลี่พูดขณะใช้หวีที่ทำจากไม้จันทร์หอมค่อยๆ สางผมยาวสลวยของเจ้านายอย่างเบามือ

เสียงประตูดังขึ้นอย่างรุนแรงทำให้กัวรั่วชิงสะดุ้งด้วยความตกใจ กัวลี่ลี่ที่กำลังสางผมให้ผู้เป็นนายถึงกับอุทานอย่างลืมตัว ก่อนที่จะได้เห็นร่างสูงของโจวจื่อหมิงก้าวเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าถมึงทึง

“ออกไป!” เขากล่าวเสียงเย็นกับกัวลี่ลี่ สาวใช้ที่กำลังปรนนิบัติผู้เป็นนายถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

“แต่ว่า...” กัวลี่ลี่มีสีหน้าลังเล นางไม่อยากทิ้งให้นายหญิงเผชิญหน้ากับโจวจื่อหมิงเพียงลำพัง

“ข้าบอกให้เจ้าออกไป!” โจวจื่อหมิงตะคอกเสียงดังจนกัวลี่ลี่ต้องรีบโค้งคำนับแล้วแล่นออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

ประตูปิดลงเบาๆ เหลือไว้เพียงความเงียบสงบที่น่าอึดอัดใจ

โจวจื่อหมิงหันมาหากัวรั่วชิงทันที ทว่ายามนี้นางสวมเพียงชุดนอนผ้าไหมเนื้อบางสีขาว เขาเพิ่งรู้ว่าภรรยาที่เขาไม่แม้แต่จะยอมเข้าหอด้วยช่างดูเย้ายวนชวนให้รู้สึกคันในหัวใจได้ถึงเพียงนี้ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากบดขยี้หวงเชียนเล่อที่มาวุ่นวายกับสตรีของเขามากขึ้นไปอีก

กัวรั่วชิงเห็นโจวจื่อหมิงจ้องมองมาที่เรือนร่างของนางที่ปกคลุมด้วยผ้าไหมเนื้อบาง ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความปั่นป่วนราวพายุคลั่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาก้าวเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ แล้วยืนอยู่ตรงหน้านาง

“ท่านต้องการอะไร” กัวรั่วชิงเอ่ยถาม พยายามไม่ให้เสียงของตนสั่น

“ทำไม ข้ามาหาภรรยาตนเองมิได้หรือ” โจวจื่อหมิงก้าวเข้ามาใกล้นางอย่างช้าๆ “นี่เจ้าคงลืมไปแล้วสินะ ว่าตัวเองมีสามีอย่างข้าอยู่”

“ข้าย่อมรู้สถานะของตนเองดี” กัวรั่วชิงมองตาเขาอย่างไม่หลบเลี่ยง “แล้วท่านล่ะ ลืมไปหรือเปล่าว่าตนเองมีภรรยาอยู่แล้ว”

คำพูดของนางทำให้เขาโกรธจนแทบเสียสติ เขารู้ว่ากัวรั่วชิงหมายถึงเรื่องไหน แต่นางมีสิทธิ์อะไรเอาเขาไปเทียบกับหวงเซียนเล่อ ที่เขาปกป้องกัวจิ้งอี เพราะคนที่เขารักมาตลอดกำลังถูกรังแก เขาต้องให้ความช่วยเหลือนางจากน้องสาวคอยที่กลั่นแกล้งสตรีที่เขารักมาตลอด แตกต่างจากหญิงร้ายชายเลวอย่างนางกับไอ้แม่ทัพนั่นเป็นกอง 

“เจ้ายังกล้าที่จะปากดีอีกหรือ เจ้าไปแอบพบกับแม่ทัพฉีหลิง มันทำให้ข้ารู้สึกอับอาย”

“มีอะไรให้ท่านต้องอับอายกัน” กัวรั่วชิงเดินไปหยิบใบสั่งซื้อจากกล่องไม้หอมแล้วเอามายื่นให้เขาดู “ท่านแม่ทัพเพียงต้องการเจรจาเรื่องการค้ากับข้าเท่านั้น แล้วที่นั่นก็เป็นร้านที่มีชื่อเสียง ข้ากับเขาเข้าไปด้านในอย่างเปิดเผย จะเรียกว่าแอบนัดแนะได้เยี่ยงไร”

โจวจื่อหมิงปัดใบสั่งซื้อที่นางยื่นให้ตกลงไปที่พื้น เขาไม่ได้สนใจคำอธิบายของนางเลยแม้แต่น้อย เขาสนใจแค่ความอับอายและความรู้สึกหงุดหงิดที่เขามีต่อนางเท่านั้น ยามนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยโทสะและดูถูก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่15 โจวจื่อหมิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? (1/2)

    ภายในห้องหนังสือที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สง่างามของจวนจวงเซียงป๋อ โจวจื่อหมิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม มือเรียวยาวที่ถือพู่กันนิ่งสนิท ดวงตาเหม่อลอยคล้ายกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่รบกวนจิตใจเขามาตลอดทั้งวัน“ซื่อจื่อขอรับ” เสียงจากคนสนิทหน้าประตูทำให้เขากลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง“มีอะไร”“คนขับรถม้าที่พาฮูหยินไปข้างนอกวันนี้ มาขอพบขอรับ”“ให้เขาเข้ามา” โจวจื่อหมิงตอบโดยไม่ลังเล เขารู้ดีว่าหากคนขับรถม้ามาหาถึงที่เช่นนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญที่เขาต้องรับรู้พอเข้ามาด้านในคนขับรถม้าก็รีบโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “คารวะซื่อจื่อขอรับ”“ไม่ต้องมัวโอ้เอ้ รีบรายงานมา”“ขอรับ” คนขับรถม้ารับคำ แล้วรีบเล่าทุกอย่างที่ตนเองเห็นในวันนี้ “ฮูหยินไปที่ร้านเครื่องหอมตามปกติ แต่แทนที่จะรีบกลับจวน นางกลับสั่งให้ข้าไปส่งที่ร้านหอชมจันทร์ ข้าเห็นกับตาว่าแม่ทัพฉีหลิง รอนางอยู่ที่นั่นขอรับ”ดวงตาของโจวจื่อหมิงเบิกกว้างด้วยความไม่พอใจ ความจริงเขาไม่เคยสนใจว่ากัวรั่วชิงจะไปที่ใด แต่เขาสนใจว่ายามนี้นางถึงกลับกล้าไปกับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา“ฮูหยินกับแม่ทัพฉีหลิงดูเหมือนจะสน

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่14 ข้าแค่เห็นดอกชิ่งกำลังยื่นออกนอกกำแพง

    ในขณะที่หวงเชียนเล่อออกไปข้างนอกอย่างเร่งรีบ กัวลี่ลี่สาวใช้คนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็รีบเข้ามาปรนนิบัติรินน้ำชาให้เจ้านาย“ฮูหยิน ท่านก็จิบน้ำชาสักนิดนะเจ้าคะ เดี๋ยวท่านแม่ทัพก็คงจะกลับมาในไม่ช้า” กัวลี่ลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกัวรั่วพยักหน้าพลางรับถ้วยชามา แล้วหันไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างสบายอารมณ์ “ดูสิ ลี่ลี่ ทำเลที่ตั้งของที่นี่ช่างดียิ่ง มองเห็นลำธารและภูเขา ยามเย็นก็จะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินอีกด้วย” “บ่าวก็ว่าสวยเจ้าค่ะ” กัวลี่ลี่ตอบรับในขณะแกะกางปลาใส่จานให้นายหญิงในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง ทว่าผู้มากลับไม่ใช่หวงเชียนเล่อ แต่เป็นหวังหลิง เหมยซิน รวมถึงหลินซูก็เดินเข้ามา ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด“หึ ไม่น่าเชื่อเลยว่าฮูหยินน้อยตระกูลโจวจะแอบนัดพบผู้ชายกลางวันแสกๆ” หวังหลิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความดูแคลน “ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าใบหน้าหน้าจิ้งจอกของเจ้ามียางอายอยู่บ้างหรือไม่”กัวรั่วชิงวางถ้วยชาในมือลงอย่างแผ่วเบา แล้วหันมามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าแววตาสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความหวาดห

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่13 ข้าแค่อยากเลี้ยงข้าวเจ้า

    หลังจากที่พันธมิตรของหวงเชียนเล่อและกัวรั่วชิงก่อตัวขึ้นแล้ว เพียงสามวัน เขาก็ได้ส่งสาส์นเชิญนางมาพบที่ร้านอาหาร 'หอชมจันทร์' ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ตัวร้านตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำที่กว้างใหญ่ สายน้ำทอประกายระยิบระยับรับแสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆ มีเรือน้อยใหญ่ล่องผ่านไปมาอย่างเนิบช้า ริมสองฝั่งน้ำมีต้นหลิวที่ทอดกิ่งก้านพลิ้วไหวตามสายลม เป็นภาพทิวทัศน์อันงดงามที่ทำให้รู้สึกสงบใจอย่างยิ่งในยามเซิน[1]ของวัน กัวรั่วชิงพร้อมกัวลี่ลี่มาถึงหอชมจันทร์ตามนัดหมาย นางในชุดสีชมพูกลีบบัวอ่อนที่ตัดเย็บอย่างประณีต แต่ยังคงความเรียบง่ายสง่างาม รถม้าของนางเพิ่งจะหยุดลงที่หน้าประตูร้าน และเมื่อนางก้าวลงมา หวงเชียนเล่อในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มที่ดูสุขุมสง่างามก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว เขาผายมือเชื้อเชิญนางให้เดินเข้าไปในร้านด้วยสีหน้าอ่อนโยนที่พวกคุณหนูไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้หวังหลิงและเพื่อนๆ ซึ่งกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างชั้นสองพากันกระซิบกระซาบด้วยความอิจฉาในความงามของนางและในท่าทางของเขา“สตรีผู้นั้นเป็นใครกัน” เหมยซินเอ่ยถามขึ้นและชี้ชวนให้สหายทั้งสองมอง “เหมือนว่านั่นจะเ

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่12 ความปรารถนาของหวงเชียนเล่อ

    ในที่สุดก็มาถึงวันที่กัวรั่วชิงนัดกับแม่ทัพฉีหลิงไว้ที่ร้านเครื่องหอมของนาง ภายในร้านจื่อชิงถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความสง่า มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรและดอกไม้อบอวลไปทั่ว เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวจนแทบไม่น่าเชื่อว่าตั้งอยู่ในย่านการค้าที่พลุกพล่านของเมืองหลวงกัวรั่วชิงในชุดสีฟ้าอ่อน ใบหน้าอันงดงามราวกับถูกสลักเสลามาอย่างประณีต ขนตางอนยาวทอดตัวเป็นเงาบนพวงแก้ม นางกำลังนั่งตรวจสมุดบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงานด้านหลัง ในขณะที่ลูกจ้างหญิงของร้านสองคนยืนจัดเครื่องหอมและเครื่องประทินผิวอยู่หน้าร้าน การที่นางเห็นตัวเลขในบัญชีมีแต่ผลกำไรทำให้ดวงตาหงส์ที่เคยหม่นหมองยามอยู่ในจวนของสามี บัดนี้กลับสุกใสมีประกายนางมีความสุขเสมอเมื่อได้มาตรวจตรากิจการ ที่นี่เปรียบเสมือนโลกส่วนตัว เป็นที่ที่นางสามารถเป็นตัวเองได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องสวมบทบาทภรรยาที่สามีคอยวางท่าห่างเหินเย็นชาให้ผู้อื่นนึกสงสารหรือหัวเราะเยาะนางเวลาที่เขามาหาเรื่องยามอู่[1]ของวันนั้น แม่ทัพฉีหลิงในชุดผ้าไหมสีเข้มที่ตัดเย็บอย่างประณีตก็มาถึงตามนัดหมาย ไม่มีการแห่แหนหรือผู้ติดตามใดๆ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เดินเข

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่11 นางเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใด

    ยามรุ่งสาง โจวจื่อหมิงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ ภาพของกัวรั่วชิงในศาลบรรพชนยังคงติดอยู่ในหัวของเขา การโต้ตอบที่แข็งกร้าวของนางเมื่อวานนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกท้าทายตลอดเวลา หลังจากจัดการธุระยามเช้าเสร็จ เขาก็เดินทอดน่องไปตามทางเดินอันเงียบสงบ มุ่งหน้าไปยังเรือนของกัวรั่วชิงอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเดินมาถึงเรือนของนาง โจวจื่อหมิงไม่ได้ก้าวเข้าไปด้านใน เขาเดินไปยังทางเดินเชื่อมที่ทอดยาวเลียบสวน และเลือกที่จะหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ ที่สามารถมองเห็นสวนด้านในได้อย่างชัดเจน ในใจนึกว่าตนเองจะได้เห็นภาพฮูหยินกำลังร้องไห้หรือเศร้าซึมอย่างที่ควรจะเป็นแต่ภาพที่โจวจื่อหมิงเห็นกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างรุนแรง กัวรั่วชิงในชุดสีชมพูอ่อนที่ดูสดใส กำลังนั่งจิบชาอยู่บนศาลา นางมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังออกมาอย่างร่าเริงขณะพูดคุยกับสาวใช้ โจวจื่อหมิงมองเห็นภาพที่นางยื่นมือไปเด็ดดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่ในสวนมาดมด้วยความเพลิดเพลิน ใบหน้าที่เคยบูดบึ้งของนางในความทรงจำของเขาถูกแทนที่ด้วยความสดใส และแววตาที่เคยหม่นหมองก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข“ฮูหยินเจ้า

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่10 เผชิญหน้ากับโจวจื่อหมิงอีกครั้ง

    โจวจื่อหมิงกำลังนั่งจิบชาและดูตำราพิชัยสงครามอยู่ในเรือนอย่างสงบ แต่แล้วประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง หลิวซิ่วเหยาในชุดที่ดูยับยู่ยี่เล็กน้อยวิ่งเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เปียกชื้นด้วยน้ำตา นางทำตัวน่าสงสารจนสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องยังรู้สึกเห็นใจ“นายท่านเจ้าขา... ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วยนะเจ้าคะ” หลิวซิ่วเหยาเข้าไปเกาะแขนโจวจื่อหมิงไว้ด้วยความน่าสงสาร “ข้าแค่เป็นห่วงท่านที่ต้องเผชิญหน้ากับฮูหยินที่น่ากลัว... ข้าจึงไปเยี่ยมฮูหยินที่ศาลบรรพชน แต่กลับถูกดุด่าอย่างรุนแรง ทั้งฮูหยินและบ่าวรับใช้ของนางไม่ไว้หน้าข้าเลยเจ้าค่ะ”โจวจื่อหมิงขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ เขาปัดมือของหลิวซิ่วเหยาออกอย่างไม่ใยดี “ไปร้องไห้ที่อื่นเถอะ ข้ากำลังดูตำราอยู่”หลิวซิ่วเหยาเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้หนักกว่าเดิม “แต่ฮูหยิน... ฮูหยินถึงขั้นขู่จะลงโทษข้าเจ้าค่ะ ทั้งๆ ที่ข้าเป็นคนโปรดของท่าน”โจวจื่อหมิงที่ได้ยินดังนั้นดวงตาก็พลันเย็นชาลง เขาแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมในใจ 'ช่างกล้าดียิ่งนัก... เจ้ากำลังเรียกร้องความตายจากข้า' เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วมองหลิวซิ่วเหยาด้วยสายตาที่เย็นชา “เจ้ากลับไปรอที่เรือนของเจ้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status