แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือเค่อรุ่ยเป็นเพียงเด็กผู้หญิง ถ้าเค่อรุ่ยเป็นผู้ชายและสามารถสืบทอดตระกูลเค่อได้ในอนาคต เขาจะเห็นทักษะการหลอมยาของฉินหมิงอยู่ในสายตาได้อย่างไร!เมื่อเทียบกับพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธที่แท้จริง สิ่งของภายนอกอาทิเช่นศาสตร์แห่งการปรุงยานั้นด้อยกว่ามาก!“รุ่ยเอ๋อร์ กลับลงมาเถอะ”นายท่านเค่อโบกมือ แสดงออกว่าให้เค่อรุ่ยกลับมาได้แล้ว“คุณปู่คะ เดี๋ยวก่อน หนูยังมีเรื่องที่ต้องทำ”เค่อรุ่ยพูดอย่างใจเย็น"เรื่องอะไร?"นายท่านเค่อชะงักสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลใหญ่เองก็หันความสนใจไปที่เค่อรุ่ย สงสัยว่าเค่อรุ่ยต้องการทำอะไรอีก"ฉันต้องการท้าทายฉินหมิง!"เค่อรุ่ยชี้นิ้วไปที่ฉินหมิง ใบหน้าที่สวยงามของเธอดูเย็นชามาก“อะไรนะ?”“ท้าทายผมเหรอ?”ฉินหมิงตกใจเขาคิดว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว แต่เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเค่อรุ่ยถึงกับโยนกองไฟมาใส่หัวของตัวเองุ“ถูกต้อง!”“ฉินหมิง เมื่อสักครู่นี้นายปฏิเสธเงื่อนไขของตระกูลเค่อของเรา ทำให้ตระกูลเค่อของเราต้องเสียหน้าในต่อหน้าธารกำนัล ตอนนี้ฉันต้องการท้าทายนาย กู้หน้าให้กับตระกูลเค่อของเรา!”เค่อรุ่ยพูดด้วยน้ำเ
“ชิ เขาทนมันไม่ได้แล้วจะยังไง?”“คุณหนูใหญ่เค่อคืออันดับที่หนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิงของเรา ระดับการบ่มเพาะของเธอไปถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ไม่มีใครเทียบเธอได้!”“ถ้าฉินหมิงยอมรับการท้าทาย ไม่เท่ากับทำให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้าหรอกเหรอ?”"อืม...นั่นก็จริง ยอมเป็นคนขี้ขลาดและถูกเยาะเย้ยสักสองสามครั้งดีกว่าพ่ายแพ้และต้องอับอาย!"......ทุกคนชี้นิ้ว เริ่มหัวเราะและนินทากันอย่างไม่รู้จบตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้เห็นความแข็งแกร่งของเค่อรุ่ยแล้ว ไม่มีใครคิดว่าฉินหมิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเค่อรุ่ยได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้อย่างมาก!“ฉินหมิง นายได้ยินคำพูดของทุกคนแล้วใช่ไหม? นายคงจะกลัวจนแทบเสียสติไปแล้วสิท่า?”“ลืมมันไปซะเถอะ ไม่เป็นไรถ้านายไม่ยอมรับการท้าทาย ตราบเท่าที่นายคุกเข่าลงและโขกหัวให้กับตระกูลเค่อของเราเพื่อแสดงความขอโทษ ฉันสามารถพิจารณาปล่อยนายไปได้!”เค่อรุ่ยมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาดูถูกสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือผู้ชายที่ขี้ขลาดตาขาว ในเมื่อฉินหมิงเต็มใจที่จะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าออกมาต่อสู้ เขาไม่มีความเป็นลูกผู้ชายสักนิดนี่ทำให้เธอรู้สึกดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก!“พู
ตอนนี้ตระกูลซูและฉินหมิงคือตั๊กแตนที่เกาะอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ถ้าทั้งฉินหมิงและซูห่าวพ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวที่ชื่อเค่อรุ่ยพร้อม ๆ กัน ตระกูลซูและหมิงเหยากรุ๊ปจะเสียหน้าจริง ๆ เรียกได้ว่าอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด!“ซินเหยาไม่ต้องกังวล ผมจะไม่เป็นไร”“ก็แค่ขั้นแรกระดับปรมาจารย์คนหนึ่ง เธอทำอะไรผมไม่ได้หรอก!”ฉินหมิงยิ้มจาง ตบมือขาวดั่งหยกของซูซินเหยาเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ"แต่ว่า..."ซูซินเหยาและทุกคนในตระกูลซูต้องการเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรกับฉินหมิงก็เห็นเขาเดินไปหาเค่อรุ่ยแล้ว ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองเมื่อมาถึงตรงหน้าไม่ไกลจากจุดที่เค่อรุ่ยยืนอยู่นัก ฉินหมิงก็หยุดฝีเท้า“คุณหนูใหญ่เค่อ ผมยอมรับการท้าทายของคุณ!”"ผมจะต่อให้คุณสามกระบวนท่าก่อน ลงมือเลย!"ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็นความคิดของเขาคล้ายกับของซูห่าว อย่างไรเสียเค่อรุ่ยก็เป็นเด็กผู้หญิง เธอมีอายุน้อยกว่าเขาสองหรือสามปี การต่อให้เค่อรุ่ยก่อนสามกระบวนท่า นี่ทำให้การประลองครั้งนี้ค่อนข้างโปร่งใสมากกว่า“นายเองก็จะต่อให้ฉันสามกระบวนท่าด้วย?”เค่อรุ่ยยิ้มสมาชิกของตระกูลเค่อและทุกคนที่รับชมต่าง
ใครบางคนในฝูงชนร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ จากนั้นคนที่เหลือก็ได้สติทันทีการเคลื่อนไหวของผู้ฝึกยุทธมักจะถูกปกคลุมด้วยพลังปราณแท้จริงทุกครั้ง แต่ฉินหมิงหลบการโจมตีของเค่อรุ่ยไปสองครั้งติดแล้ว ทว่าไม่มีพลังปราณแท้จริงหลั่งไหลออกมาจากตัวเขาแม้แต่น้อย!นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!ทุกคนสับสนอย่างมากกับความแปลกประหลาดของฉินหมิง!อย่างไรก็ตาม พวกเขาจำได้อย่างรวดเร็วว่าลี่หย่งเจี๋ยและเหลิ่งจวิ้นเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าฉินหมิงรู้ทักษะลับบางอย่างที่ใช้ในการปกปิดหรือเปลี่ยนออร่าของตัวเองเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ พวกเขาก็โล่งใจขึ้นในไม่ช้าทักษะลับในการปกปิดออร่าไม่ใช่ทักษะอันล้ำลึก มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากใช้ซ่อนความแข็งแกร่งแน่นอนว่า สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือฉินหมิงไม่รู้ทักษะลับอะไรทั้งนั้น ที่ระดับการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ถูกแสดงออกมา เป็นเพราะเขาบ่มเพาะมรรคาแห่งเต๋านี่คือสมบัติที่มีค่ามากกว่าทักษะการต่อสู้ใด ๆ ถ้าพวกเขารู้ความจริง พวกเขาจะต้องอิจฉาและถึงกับฆ่าคนเพื่อแย่งชิงสมบัติไปอย่างแน่นอน!นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมฉินหมิงถึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อนความลับของตัวเอง!"คุณหนูใหญ่เค่อ
พวกเขาไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าด้วยความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ของเค่อรุ่ยจะไม่สามารถแตะฉินหมิงได้ ฉินหมิงไม่เพียงแต่จะหลบการโจมตีของเค่อรุ่ยได้สามกระบวนท่าติด เขายังไม่มีบาดแผลใด ๆ ด้วยซ้ำ!จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าคำพูดของฉินหมิงก่อนหน้านี้ที่ให้เค่อรุ่ยลงมือได้ก่อนสามกระบวนท่านั้นไม่ใช่ความเย่อหยิ่ง ยิ่งไม่ใช่ความโง่เขลา แต่ฉินหมิงมีความสามารถนั้นจริง ๆ!“ฉินหมิงคนนี้สามารถหลบการโจมตีของคุณหนูใหญ่เค่อได้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาบ่มเพาะมาถึงขั้นไหนแล้ว?”“เป็นไปได้ไหมว่าเขาเองก็มาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว?”......หลังจากที่ทุกคนได้สติกลับมา สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความไม่แน่ใจ พวกเขาทั้งหมดตกใจกับความแข็งแกร่งที่ฉินหมิงแสดงให้เห็น!"เป็นไปไม่ได้!"“เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งต่อสู้กับเขา ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานเท่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะอยู่ในระดับปรมาจารย์!”ลี่หย่งเจี๋ยปฏิเสธการคาดเดาของทุกคนทันที“นายน้อยลี่พูดถูก ฉันได้ต่อสู้กับเขาก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าฉันมากนัก!”“ในความเห็นของฉัน เขาแค่โชคดีพอหล
พวกเขาสรุปแล้วว่าฉินหมิงแค่โชคดี ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าฉินหมิงเป็นฝ่ายริเริ่มยอมถอยก่อน นี่ยิ่งยืนยันการเดาของพวกเขา!“การเคลื่อนไหวนี้ของฉินหมิงฉลาดมาก!”ซูซินเหยาและทุกคนในตระกูลซูเองก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกตอนนี้ฉินหมิงมีความได้เปรียบมากกว่า รักษาหน้าตาในฐานะผู้ชายเอาไว้ได้แล้ว ขอแค่เขาถอยออกมาได้ทันท่วงที นี้จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลยแม้ว่าอาจต้องถูกทุกคนเหน็บแนม แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แค่ฉินหมิงเพิกเฉยต่อมันก็เพียงพอแล้ว“ทำไม นายกลัวเหรอ?”เค่อรุ่ยเลิกคิ้วและมองไปที่ฉินหมิงด้วยความดูถูกเธอเองก็คิดว่าฉินหมิงมีทักษะการเคลื่อนไหวที่ดีและโชคดี ถ้าทั้งสองคนต่อสู้กันโดยตรง ไม่ว่าทักษะการเคลื่อนไหวของฉินหมิงจะดีสักแค่ไหน เขาไม่มีทางหลบการโจมตีของเธอได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด!ฉินหมิงจะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด!“กลัวเหรอ? คุณคิดมากเกินไปแล้ว!”“ผมแค่คิดว่าคุณเป็นผู้หญิงและยังเด็ก แม้ว่าจะเอาชนะคุณ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร!”ฉินหมิงหัวเราะเยาะ“ดูถูกใครกัน?”“ผู้หญิงแล้วจะยังไง? วันนี้ฉันจะให้นายได้เปิดตาดูว่าผู้หญิงร้ายกาจและทรงพลังขนา
“ฉันจำได้ว่านายน้อยลี่และคุณชายใหญ่เหลิ่งสาบานอยู่ตลอดว่าระดับการบ่มเพาะของฉินหมิงอยู่ในขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานเท่านั้น!”“ฉินหมิงสามารถเอาชนะคุณหนูใหญ่เค่อได้ด้วยการโจมตีเดียว ความแข็งแกร่งระดับนี้อย่างน้อยก็ต้องมาถึงขั้นต้นระดับปรมาจารย์แล้ว จะอยู่แค่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานได้ยังไง!”“ใช่ เมื่อสักครู่นี้นายน้อยลี่และคุณชายใหญ่เหลิ่งเพิ่งตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของยาปราณแท้ ด้วยเหตุนี้ซูห่าวจึงทะลวงระดับไปด้วยความช่วยเหลือของเม็ดยาปราณแท้จริง ๆ ตอนนี้พวกเขาบอกว่าระดับการบ่มเพาะของฉินหมิงอยู่แค่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทาน บางทีผู้อื่นอาจจะทะลวงเข้าระดับปรมาจารย์มานานมากแล้ว!”“สองคนนี้กำลังทำบ้าอะไร? พวกเขาจงใจทำให้เราดูเหมือนลิงโง่เหรอ?”......หลังจากที่ทุกคนได้สติกลับมา พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาเคยประเมินฉินหมิงต่ำเกินไปมาก่อน!แต่ละคนตกใจและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลี่หย่งเจี๋ยและเหลิ่งจวิ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ไม่...นี่เป็นไปไม่ได้!”“ความแข็งแกร่งของไอ้หนูนี่ เห็นได้ชัดว่าติดอยู่ในขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานมาระยะหนึ่งแล้ว จู่ ๆ เขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ได้ยังไง
......คนตระกูลซูที่เหลืออยู่เองก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน หลังจากซูห่าวพ่ายแพ้ พวกเขาก็ยิ่งชื่นชมในความแข็งแกร่งของฉินหมิงมากขึ้นไปอีก!ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างฉินหมิงและตระกูลซูนั้นใกล้ชิดกันมาก ความพ่ายแพ้ของเค่อรุ่ยภายใต้การโจมตีของฉินหมิงนั้น เท่ากับได้ช่วยระบายความโกรธให้กับทุกคนในตระกูลซู!“ทุกคนชมเกินไปแล้ว ผมแค่โชคดี”ฉินหมิงยิ้มอย่างสุภาพ“สหายน้อยฉิน ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อสองสามวันก่อนเธอใช้ยาปราณแท้ไปใช่ไหมถึงทะลวงระดับไปยังระดับปรมาจารย์ได้สำเร็จ!”นายท่านซูลูบเคราและครุ่นคิด ฉับพลันก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้อย่างคลุมเคลือ"ประมาณนั้นครับ"ฉินหมิงยิ้มอย่างไม่ปิดบังอันที่จริงเม็ดยาที่เขาใช้ก็คือยาสร้างรากฐานไม่ใช่ยาปราณแท้ แต่พวกมันก็คล้าย ๆ กัน ไม่มีอะไรแตกต่าง“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”“ไม่น่าแปลกเลยใจที่นายน้อยลี่และคุณชายใหญ่เหลิ่งพูดว่าความแข็งแกร่งของฉินหมิงอยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานเท่านั้น แต่จู่ ๆ เขากลับขึ้นมาเป็นยอดฝีมือระดับระดับปรมาจารย์อย่างกะทันหัน ปรากฎว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะยาปราณแท้!”“นั่นสิ เราควรจะคิดถึงเรื่องนี้ได้นานแล้ว ฉินหมิงคือผู