Share

11. ร้านซิ่งฟู่

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-25 22:17:13

“แฮ่กๆ แฮ” เสียงหอบหายใจของเยว่ชิงดังขึ้นหลังจากที่นางใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามในการฝึกดาบไม้ที่พี่ชายซื้อให้ เด็กน้อยวัยห้าหนาวย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องซื้อดาบทีไร นางก็เจ็บใจทุกครั้ง แม้จะผ่านมาหนึ่งหนาวแล้วก็ตาม เพราะบรรดาพี่ชายทั้งสามคนต่างค้านหัวชนฝา มิยอมให้นางซื้อดาบของจริง ทั้งยังขู่ว่าหากมิเอาดาบไม้ก็จะมิยอมซื้อสิ่งใดให้เลย เยว่ชิงจึงจำใจเลือกดาบไม้ที่ค่อนข้างแข็งแรงทนทาน และเลือกซื้อตำราฝึกซ้อมดาบมาอีกหนึ่งเล่ม เพื่อมิให้ครอบครัวสงสัยว่านางเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวต่างๆ มาจากที่ใด

“มูมู่ ตาเจ้าแล้ว” เยว่ชิงตะโกนเรียกมูมู่พร้อมกับโยนลูกหนังลูกเล็กออกไป มูมู่จึงรีบวิ่งไปกระโดดงับลูกหนังได้ในทันที ยิ่งวันเวลาผ่านไปมูมู่ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสือหนุ่มที่มีอายุสองหนาวย่างเข้าสามหนาว

“ดีมาก รอบนี้มูมู่ทำได้เร็วกว่าคราก่อน เด็กดีๆ” เยว่ชิงกับมูมู่มักจะมาเล่นด้วยกันเช่นนี้เสมอ หลังจากที่เยว่ชิงฝึกดาบเสร็จหนึ่งรอบมูมู่ก็จะได้ฝึกวิ่งฝึกกระโดดด้วยเช่นกัน ทั้งเยว่ชิงยังเคยใช้มูมู่เป็นคู่ต่อสู้ในการฝึกดาบอีกด้วย แม้มูมู่จะทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบไปมาก็เถอะนะ

“คุณหนูเจ้าคะ จะได้เวลามื้อเช้าแล้ว คุณหนูรีบไปอาบน้ำเถิดเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนูจะต้องไปเปิดร้านซิ่งฟู่นะเจ้าคะ” เยว่ชิงได้ยินเสียงเรียกของแม่นมลี่ก็รีบเก็บดาบแล้วเข้าไปอาบน้ำอาบท่าทันที

วันนี้เป็นวันเปิดร้านซิ่งฟู่วันแรก หลังจากที่ช่างไม้เข้าไปปรับปรุงโรงเตี๊ยมเก่าให้กลายเป็นเหลาอาหารสุดหรู เยว่ชิงและครอบครัวก็ใช้เวลาร่วมหลายเดือนในการจัดเตรียมสิ่งของมากมาย เพราะพี่ชายของนางต่างคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่าควรเพิ่มการละเล่นต่างๆ เข้ามาอีก ทำให้ตอนนี้นอกจากจะมีการโยนห่วงแล้ว ยังมีการละเล่นกลิ้งลูกหนังซึ่งคล้ายคลึงกับการโยนโบว์ลิ่ง กระดานหมาก บันไดงู และต่อแต้มที่คล้ายกับการเล่นโดมิโน่ ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้เวลาร่วมหนึ่งหนาวกว่าจะทำการเปิดร้านซิ่งฟู่ที่เป็นทั้งเหลาอาหาร และยังมีการละเล่นอีกมากมาย

“พร้อมแล้วหรือยัง” ลู่หวังเหล่ยเอ่ยถามภรรยาและครอบครัวของตนเอง

“พร้อมแล้วขอรับ” / “พร้อมแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินคำตอบรับจากทุกคน ลู่หวังเหว่ยจึงได้ส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้แขวนป้ายชื่อหน้าร้านทันที

ครอบครัวสกุลลู่ต่างยืนอยู่หน้าร้านเฝ้ามองร้านซิ่งฟู่ที่สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเขา กว่าหนึ่งหนาวที่ผ่านมาทุกคนในครอบครัวสกุลลู่ทำงานกันอย่างหนักเพื่อเก็บออมเงินมากกว่ายี่สิบตำลึงทองมาใช้ในการปรับปรุงร้านซิ่งฟู่จนเสร็จสมบูรณ์ เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วทำเอาทุกคนอดที่จะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มปริ่มมิได้

“ร้านซิ่งฟู่…พ่อภูมิใจในตัวพวกเจ้าทุกคน” ลู่หวังเหล่ยหันมายิ้มให้กับบุตรทั้งสี่คนของเขา

“เป็นเพราะมีท่านพ่อกับท่านแม่ และทุกๆ คนในสกุลลู่คอยช่วยเหลือ เราจึงเปิดร้านซิ่งฟู่ได้ขอรับ” เฉินกงเอ่ยออกไปตามที่คิด

“เช่นนั้นก็เข้าไปช่วยกันทำงานเถิด พ่อเองก็ต้องไปท้องพระโรงแล้ว ขอให้ร้านซิ่งฟู่ของพวกเจ้าเจริญรุ่งเรือง” ซูเมิ่งและบุตรทั้งสี่ยืนส่งลู่หวังเหล่ยขึ้นรถม้าเพื่อไปทำงาน จากนั้นจึงได้เข้าร้านเพื่อช่วยกันทำงาน จากที่เยว่ชิงเคยคิดว่าจะจ้างคนเข้ามาทำงานประจำอยู่ในร้าน กลับต้องปรับเปลี่ยนแผนการเนื่องจากเมื่อปรึกษาพี่ชายและบิดามารดาแล้ว พบว่าเงินที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะจ้างคน ท่านพ่อจึงได้ให้คนในเรือนออกมาช่วยงานที่ร้านก่อนในระยะแรก หากว่าร้านซิ่งฟู่เริ่มมีรายได้เข้ามา ค่อยปรับเปลี่ยนไปจ้างคนมาเพิ่ม

“เชิญด้านในก่อนเจ้าค่ะ ร้านซิ่งฟู่ของเรามีทั้งอาหารเลิศรสและสุราชั้นดี ทั้งภายในร้านยังมีการละเล่นมากมาย หากได้แต้มตามที่กำหนดจะมีรางวัลให้ทุกท่านด้วยนะเจ้าคะ” เยว่ชิงและหมิงยู่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าร้าน ทั้งสองใส่หน้ากากลวดลายงดงามปิดบังใบหน้า ด้วยเยว่ชิงต้องการที่จะหาจุดขายของร้านให้มีผู้คนจดจำได้ นางจึงเลือกที่จะให้เสี่ยวเอ้อ รวมถึงพ่อครัวแม่ครัวทุกคนใส่หน้ากากยามออกมาดูแลลูกค้า

“ร้านเปิดใหม่หรือนี่ น่าสนใจยิ่ง”

“ร้านเราพึ่งเปิดวันนี้วันแรกขอรับ เชิญนายท่านเลือกที่นั่งได้เลยขอรับ” หมิงยู่พาลูกค้าคนแรกของร้านไปเลือกที่นั่งและเรียกเสี่ยวเอ้อให้มาดูแล

ลี่อินที่เห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว จึงเริ่มบรรเลงกู่เจิงที่เขาได้ฝึกมาร่วมปี แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนัก แต่ลี่อินกลับบรรเลงกู่เจิงออกมาได้อย่างไพเราะ หากว่ามีอาจารย์ช่วยสอนคงจะมีฝีมือดีจนหาผู้ใดเปรียบได้ยาก

“อืม ดีจริง อาหารและสุรารสดี ดนตรีก็ไพเราะ ทั้งยังมีการละเล่นมากมายอีก คราหลังข้าจะมาอีก”

“ขอบพระคุณขอรับนายท่าน” เฉินกงยิ้มแก้มปริภายใต้หน้ากาก เขาทำหน้าที่รับเงินจากลูกค้า แม้ว่าลูกค้าคนแรกจะมิได้สั่งอาหารที่มีราคาแพง แต่ทว่าคำชื่นชมของลูกค้าผู้นี้กลับทำให้บรรดาเจ้าของร้านซิ่งฟู่มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน

หลังจากที่ลูกค้าคนแรกออกไปก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ อาจจะมิได้มีมากถึง ขั้นต่อแถวรอ แต่ภายในร้านก็เหลือโต๊ะว่างเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ อีกไม่กี่ปีพวกเราสกุลลู่คงได้มีเงินทองใช้จ่ายกันไม่ขาดมือ แต่ในความเป็นจริงแล้วการค้าการขายย่อมมีขึ้นมีลง หากมีโอกาสต้องรีบเก็บเกี่ยวไว้ให้ได้มากที่สุด

“ข้า…ไม่ไหวแล้วเยว่ชิง หากมิได้กินขนมตอนนี้ ข้าคงยืนต่อไปไม่ไหวเป็นแน่” หมิงยู่เอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรง ส่งสายตาอ้อนวอนให้น้องสาวหยุดพักเพียงเท่านี้ก่อน เยว่ชิงที่เห็นสภาพของพี่ชายก็อดสงสารไม่ได้ พวกเขายืนเรียกลูกค้ามาตั้งแต่เช้า จนตอนนี้จะเข้าปลายยามโหย่ว (17:00-18:59 น.) แล้ว

“พี่ใหญ่ วันนี้เราพักก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ คงจะไม่มีลูกค้าเข้ามาแล้ว” เยว่ชิงเอ่ยถามพี่ใหญ่

“ได้ พี่จะเข้าไปบอกท่านแม่และแม่นมลี่ในครัวเอง เจ้าสั่งให้บ่าวไพร่เก็บกวาดเถิด”

“เจ้าค่ะ หากสั่งการบ่าวไพร่แล้ว เยว่ชิงขอพาพี่รองออกไปซื้อขนมด้านนอกได้หรือไม่เจ้าคะ หากมิได้กินพี่รองคงจะสิ้นใจอยู่หน้าร้านเป็นแน่”

“ข้ายังไม่ตายเสียหน่อย!!!”

“ฮ่าๆ ไปสิ อย่าลืมพาพี่สามของเจ้าไปด้วย ดูท่าแล้วจะไม่ไหวเช่นกัน” เยว่ชิงตอบรับพี่ใหญ่แล้วจึงพาพี่รองและพี่สามของตนออกไปซื้อถังหูลู่ในตลาดอีกฟากที่อยู่ไม่ไกล

“เอาถังหูลู่เจ็ดไม้เจ้าค่ะ” เยว่ชิงรอไม่นานก็ได้รับถังหูลู่มา นางนำถังหูลู่ใส่มือพี่รองสองไม้ พี่สามสองไม้ เหลือไว้ให้พี่ใหญ่สองไม้ ส่วนตัวนางทานเพียงหนึ่งไม้เท่านั้น

“ทานของพี่อีกหรือไม่ เหตุใดทานแค่ไม้เดียวเล่า” ลี่อินยื่นถังหูลู่ของตนให้กับน้องสาว

“พี่สามทานเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเยว่ชิงจะอวบอ้วนเหมือนพี่รอง”

“เจ้าน้องปากเสีย! วัยกำลังเติบโตเช่นข้า มิถือว่าอวบอ้วน” สามพี่น้องนั่งหัวเราะกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่โต๊ะหน้าร้านขายถังหูลู่ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะโวยวายเกิดขึ้น

“เจ้าเด็กขี้ขโมย เอาเงินของข้าคืนมานะ” ชายวัยกลางคนกำลังถือไม้ไล่ทุบตีเด็กหนุ่มแต่งตัวมอมแมมผู้หนึ่ง

“โอ๊ย นี่เป็นเงินข้า ท่านต่างหากที่โกงเงินค่าแรงของข้า”

“หนอยๆ เจ้าเด็กเหลือขอ กล้าใส่ร้ายข้าหรือ ข้าจะตีเจ้าให้ตายไปเลย” ชายวัยกลางคนผู้นั้นจับแขนเด็กหนุ่มไว้แล้วทุบตีไม่หยุด ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามิมีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว เพราะกลัวว่าจะติดร่างแห เดือดร้อนไปด้วย

หึ! แต่นั่นมิใช่นิสัยของพี่น้องสกุลลู่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   16. พี่ใหญ่ต้องไปแล้ว (2)

    “คิกๆ เจ้าตัวเล็ก ท่านพ่อมิได้ถามเจ้าเสียหน่อย หากว่าเจ้าเป็นชายคงจะรบเร้าไปออกรบแทนพี่ชายเจ้าแล้วกระมัง” ซูเมิ่งยกมือขยี้ศีรษะเล็กของบุตรสาว“แหะๆ”“หึๆ จริงดังน้องเล็กว่าขอรับ ข้าตัดสินใจจะไปเรียนการต่อสู้ที่สำนักศึกษาขอรับท่านพ่อ” เฉิงกงเห็นด้วยกับคำที่เยว่ชิงว่า เขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าเรียนการต่อสู้ในสำนักศึกษา หากมีสงครามจริง เขาเองอาจจะช่วยบ้านเมืองได้ แต่หากมิมีสงครามก็ยังใช้ปกป้องครอบครัวได้ดังที่น้องสาวว่า“เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อมเถิด อีกห้าวันพ่อจะพาเจ้าไปลงชื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษา” แม้ว่าบัดนี้เฉินกงจะอายุได้สิบสี่หนาวแล้ว แต่ทางสำนักศึกษาก็มิได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับอายุ เรื่องนี้คงจะมิมีสิ่งใดให้กังวล“พี่ใหญ่ให้เยว่ชิงฝึกเพลงดาบพื้นฐานให้ท่านดีหรือไม่ เรื่องนี้เยว่ชิงเก่งกาจทีเดียว” เยว่ชิงย้ายตนเองเข้าไปนั่งตักพี่ชายอย่างออดอ้อน นางอยากจะลองเป็นท่านอาจารย์ดูสักครา คงจะดูองอาจไม่เบา คึๆ“ตัวพี่จะไม่หัก ดังเช่นต้นกล้วยท้ายเรือนใช่หรือไม่” เฉินกงเอ่ยเย้าน้องสาวจนทุกคนอดหัวเราะออกมาไม่ได้หลังจากที่ลู่หวังเหล่ยพาเฉินกงเข้าไปลงชื่อเข้าเรียนในสำนักศึกษา อีกไม่กี่วันต่อ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   15. พี่ใหญ่ต้องไปแล้ว (1)

    “นอนไม่หลับหรือเยว่ชิง เหตุใดจึงดูง่วงงุนเช่นนี้” เฉินกงเอ่ยทักน้องสาวที่พึ่งเดินเข้าห้องโถงมา“นอนไม่หลับเจ้าค่ะ” เพราะคิดเรื่องของท่านทั้งคืนอย่างไรเล่า“เช่นนั้นวันนี้เจ้าอยู่พักที่เรือนดีหรือไม่” ลู่หวังเหล่ยเป็นห่วงบุตรสาว เขามิอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นตอนที่ลี่อินป่วย กลัวว่าการพักผ่อนมิเพียงพอจะนำไปสู่โรคร้ายแรงได้“มิเป็นไรเจ้าค่ะ แต่เยว่ชิงมีบางสิ่งจะปรึกษาท่านพ่อ และทุกๆ คน”“เช่นนั้นก็มาทานข้าวก่อนเถิด มีสิ่งใดค่อยหารือกันหลังจากทานมื้อเช้า” ซูเมิ่งคีบอาหารใส่จานให้สามีและบุตรทั้งสี่ หลังจากทานมื้อเช้ากันอย่างอิ่มหนำเยว่ชิงจึงเริ่มเอ่ยในสิ่งที่ตนเองคิด“เรื่องนี้มันอาจจะมิใช่เรื่องที่ดีนัก เพาะเยว่ชิงแอบได้ยินพวกแม่ทัพนายกองที่มาร่ำสุราในร้านซิ่งฟู่พูดคุยกัน เขาเอ่ยว่าพักนี้ชนเผ่านอกด่านหลายชนเผ่ามีท่าทีคุกคามชาวบ้านแถมชายแดน คาดว่าทางราชสำนักจะต้องส่งทหารเข้าไปกำราบ” เยว่ชิงค่อยๆ เอ่ยเล่าเรื่องราวให้คนในครอบครัวฟัง แท้จริงแล้วเยว่ชิงรับรู้เรื่องราวเหล่านีจากการอ่านนิยาย มิใช่จากทหารดังที่บอกกล่าวกับทุกคน“แล้วเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเรางั้นหรือ”“ทหารพวกนั้นเอ่ยว่า นอกจากชนเผ่

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   14. อาการป่วย

    “พี่ใหญ่ส่งคนไปเรียกท่านหมอที พี่สามแย่แล้ว” เยว่ชิงรีบวิ่งเข้าไปช้อนตัวพี่ชายของนางขึ้นมา ใบหน้าซีดเผือดและเนื้อตัวเย็นเฉียบของลี่อินยิ่งทำให้เยว่ชิงรู้สึกหวั่นใจ“น้องรองเจ้ารับท่านหมอไปที่เรือนที พี่จะพาน้องสามกลับเรือนเอง” เฉินกงรีบเข้าไปอุ้มน้องชายของตนขึ้นรถม้ากลับเรือนทันที เยว่ชิงที่กำลังตกใจพยายามเรียกสติตนเองกลับมา พร้อมกับเอ่ยขออภัยต่อลูกค้าในร้าน แล้วจึงได้ไหว้วานให้เผิงจงดูแลทางนี้ ส่วนตนเองนั้นรีบกลับไปดูอาการของพี่สามต่อที่เรือน“บุตรชายข้าเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” ลู่หวังเหล่ยเร่งกลับเรือนทันทีหลังจากที่บ่าวในเรือนไปแจ้งว่าบุตรชายของตนนั้นล้มป่วย“หากตรวจดูจากอาการของคุณชาย อาจเกิดจากหยินหยางไม่สมดุลกัน แต่อย่างไรข้าจะต้องสอบถามอาการจากคุณชายหลังจากที่เขาตื่นอีกครั้ง” ทุกคนเฝ้ารอไม่นานลี่อินก็ได้สติขึ้นมา“ลี่อิน! ลูกแม่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำสีใสเคล้าคลอในหน่วยตาแดงก่ำของผู้เป็นมารดา ซูเมิ่งตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นว่าเฉินกงอุ้มลี่อินเข้ามาในเรือน ดวงใจของมารดาปวดหนึบราวกับถูกบีบรัด“ท่านแม่ ข้ามิเป็นอันใดขอรับ คงเพราะเมื่อคืนข้านอนไม่หลับจึงได้อ่อนเพลีย” ลี่อินคิดว่

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   13. ช่วยเหลือ (2)

    “ท่านพ่อ เยว่ชิงว่าเรารับครอบครัวของเผิงจงมาทำงานที่ร้านดีหรือไม่เจ้าคะ”“นั่นสิขอรับ ท่านพ่อจะปล่อยเขาไว้เช่นนี้หรือ” ลี่อินเอ่ยสำทับขึ้นมา เขาสงสารเผิงจง มีทั้งมารดาและน้องสาวให้เลี้ยงดู บิดาขของเขาก็หายตัวไป คงจะลำบากไม่น้อย“ท่านพี่…” ซูเมิ่งขยับเข้ามาลูบแขนของสามีเบาๆ นางเองก็สงสารเผิงจงไม่น้อย จึงอยากให้สามีรับครอบครัวของเผิงจงมาทำงานในร้านซิ่งฟู่“เข้าใจแล้ว…เผิงจง เจ้าอยากมาทำงานที่ร้านนี้หรือไม่” ลู่หวังเหล่ยเลือกที่จะถามความสมัครใจของเจ้าตัวก่อน“ขะ ขอรับนายท่าน เมตตาข้าน้อยและครอบครัวด้วยขอรับ” เผิงจงรีบตอบรับทันที ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะปฏิเสธโอกาสที่ถูกหยิบยื่นมาให้“เช่นนั้นก็พาพวกข้าไปรับมารดากับน้องสาวเจ้าไปที่สกุลลู่ก่อน แล้วข้าจะให้คนตามหมอมาดูอาการของมารดาเจ้า”“ขอบพระคุณขอรับนายท่าน ฮูหยิน คุณชาย คุณหนู” เผิงจงรีบก้มเคารพทุกคนที่ช่วยเหลือเขาจากนั้นเผิงจงก็รีบนำเจ้านายคนใหม่ของตนไปพบมารดาและน้องสาวที่ท้ายตลาด เมื่อไปถึงเผิงจงก็รีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มารดาและน้องสาวฟัง ทั้งเผิงฮวาที่เป็นมารดาและเผิงจูเด็กหญิงตัวน้อย ต่างก็ซาบซึ้งต่อความเมตตาของสกุลลู่ หลังจากที่ทั้

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   12. ช่วยเหลือ (1)

    “หยุดนะ ทุบตีเด็กเช่นนี้ได้อย่างไร อยากถูกจับส่งทางการหรือ” หมิงยู่ ลี่อิน และเยว่ชิงรีบวิ่งเข้าไปห้ามปราม เห็นผู้คนกำลังเดือดร้อน จะให้นิ่งเฉยคงมิใช่บุตรสกุลลู่แล้ว“พวกเจ้าไม่เกี่ยว หลีกไป เด็กคนนี้มันขโมยเงินข้า ข้าจะให้มันรู้สำนึกเสียบ้าง” ชายวัยกลางคนผู้นี้แม้จะแต่งกายดูดี แต่กลับมีสีหน้าและแววตาเจ้าเล่ห์ ผิดกับเด็กหนุ่มที่ดูมีแววตาที่แน่วแน่และซื่อตรง“ข้ามิได้ขโมย เงินนี่เป็นค่าแรงที่ข้ามาช่วยท่านขนของเข้าร้าน แต่พอข้าทำงานเสร็จ ท่านกลับมิยอมให้ข้า” เด็กหนุ่มเถียงคอเป็นเอ็น น้ำสีใสร่วงหล่นออกมาจากตาเป็นสาย เยว่ชิงเห็นท่าทีมิยอมอ่อนของชายผู้นั้นนางจึงได้รีบตัดปัญหา“เพียงแค่คืนเงินให้ ท่านก็จะไม่ทำร้ายเขาใช่หรือไม่”“ใช่”“นี่ ข้าไม่คืนนะ! เงินนี้สำคัญกับข้ามาก” เด็กหนุ่มตะโกนออกมาเสียงแข็ง“เท่าใด เงินที่เจ้าถืออยู่นั้นมีเท่าใด” เยว่ชิงเอ่ยถาม“ห้าสิบอีแปะ”“เช่นนั้นเงินห้าสิบอีแปะนี่ข้าจะคืนให้ท่าน แต่…ข้าขอตีท่านคืนได้หรือไม่ ท่านจะได้รับรู้ว่าผู้ที่ถูกตีเขาเจ็บเพียงใด” เยว่ชิงยื่นเงินห้าสิบอีแปะให้ชายผู้นั้น ซึ่งเขาก็รับไปอย่างรวดเร็ว“หากเป็นเจ้าที่ตี ข้าจะให้เจ้าตีข้าสักสิ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   11. ร้านซิ่งฟู่

    “แฮ่กๆ แฮ” เสียงหอบหายใจของเยว่ชิงดังขึ้นหลังจากที่นางใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามในการฝึกดาบไม้ที่พี่ชายซื้อให้ เด็กน้อยวัยห้าหนาวย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องซื้อดาบทีไร นางก็เจ็บใจทุกครั้ง แม้จะผ่านมาหนึ่งหนาวแล้วก็ตาม เพราะบรรดาพี่ชายทั้งสามคนต่างค้านหัวชนฝา มิยอมให้นางซื้อดาบของจริง ทั้งยังขู่ว่าหากมิเอาดาบไม้ก็จะมิยอมซื้อสิ่งใดให้เลย เยว่ชิงจึงจำใจเลือกดาบไม้ที่ค่อนข้างแข็งแรงทนทาน และเลือกซื้อตำราฝึกซ้อมดาบมาอีกหนึ่งเล่ม เพื่อมิให้ครอบครัวสงสัยว่านางเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวต่างๆ มาจากที่ใด“มูมู่ ตาเจ้าแล้ว” เยว่ชิงตะโกนเรียกมูมู่พร้อมกับโยนลูกหนังลูกเล็กออกไป มูมู่จึงรีบวิ่งไปกระโดดงับลูกหนังได้ในทันที ยิ่งวันเวลาผ่านไปมูมู่ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสือหนุ่มที่มีอายุสองหนาวย่างเข้าสามหนาว“ดีมาก รอบนี้มูมู่ทำได้เร็วกว่าคราก่อน เด็กดีๆ” เยว่ชิงกับมูมู่มักจะมาเล่นด้วยกันเช่นนี้เสมอ หลังจากที่เยว่ชิงฝึกดาบเสร็จหนึ่งรอบมูมู่ก็จะได้ฝึกวิ่งฝึกกระโดดด้วยเช่นกัน ทั้งเยว่ชิงยังเคยใช้มูมู่เป็นคู่ต่อสู้ในการฝึกดาบอีกด้วย แม้มูมู่จะทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบไปมาก็เถอะนะ“คุณหนูเจ้าคะ จะได้เวลามื้อเช้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status