แชร์

4. มู่มู่น้อย

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-22 10:37:02

และแล้วคำภาวนาของเยว่ชิงก็เป็นผล บัดนี้นางอายุได้สามหนาวแล้ว เด็กน้อยตัวกลมสมส่วน ผิวขาวราวหิมะ พวงแก้มสีแดงระเรื่อป่องออกมาจนบิดามารดาและพี่ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องแวะหอมแก้มกลมให้ชื่นใจ จะมีก็เพียงหมิงยู่เท่านั้นที่มักจะชอบบีบแก้มเยว่ชิงเล่นอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้…

“โอ๊ยยย พี่ยอง!” ใบหน้าน่ารักชักสีหน้าใส่พี่ชายของนางอย่างเอือมระอา วันๆ มิคิดจะทำสิ่งใด เดินผ่านไปก็บีบ เดินผ่านมาก็บีบ!

“คุณชายรอง อย่าได้กลั่นแกล้งคุณหนูนักเลยเจ้าค่ะ” แม่นมลี่ที่นั่งเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูของนางอดเอ่ยห้ามปรามออกมาไม่ได้

“โถ่ ก็แก้มน้องข้าน่าบีบถึงเพียงนี้ จะให้ข้าอดใจไหวได้อย่างไร ข้าไปหล่ะ ขอไปคัดอักษรก่อนหากวันนี้ไม่แล้วเสร็จ ท่านพ่อจะโมโหจนหน้าดำหน้าแดงอีก ฮ่าๆ” ว่าแล้วหมิงยู่ก็หยิบโฉยเอาขนมของเยว่ชิงเข้าปากแล้วเดินเข้าห้องของตนเองไป

เยว่ชิงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีของพี่ชาย บัดนี้พี่ใหญ่อายุได้สิบหนาว พี่รองอายุแปดหนาว พี่สามอายุหกหนาว และนางอายุได้สามหนาว ซึ่งเป็นวัยเดียวกับที่นางรบเร้าขอเลี้ยงกระต่าย ดังนั้นแล้ววันนี้นางคงจะต้องขอให้ท่านพ่อหาสัตว์เลี้ยงให้นางสักตัวเสียแล้ว ตอนแรกนางนั่งคิดนอนคิดอยู่หลายคราว่าจะเลี้ยงสัตว์ดีหรือไม่ แต่เยว่ชิงเองก็อยากมีเพื่อนเล่นยามเหงา อย่างน้อยก็ยามที่พี่ๆ เข้าเรียนในสำนักศึกษา

“เยว่ชิงของแม่ มาให้แม่ลองอาภรณ์ตัวใหม่ให้เจ้าเถิด” ซูเมิ่งที่พึ่งตัดเย็บอาภรณ์ให้บุตรสาวและบุตรชายเสร็จก็รีบนำมาให้บุตรสาวลองใส่ เยว่ชิงรีบใช้มือดันพื้นเพื่อจะลุกเดินไปหามารดา เด็กน้อยตัวกลมรีบกางแขนให้มารดาสวมใส่อาภรณ์ให้ เมื่อเสร็จแล้วก็หมุนตัวไปมาให้มารดาดู

“น่าเอ็นดูเหลือเกิน เจ้าชอบหรือไม่” ซูเมิ่งมองบุตรสาวในชุดสีแดงที่นางพึ่งตัดเย็บเสร็จ

“ชอบ! คิกๆ งามๆ” เยว่ชิงมองอาภรณ์ตัวใหม่ของนางแล้วสุขใจไม่น้อย แม้เนื้อผ้าจะมิได้ดีมาก แต่ทว่าฝีมือการปักของมารดานั้นประณีตงดงามหาใครเปรียบได้ยาก

“เจ้าชอบแม่ก็ดีใจ แต่ตอนนี้เราไปอาบน้ำกันก่อนเถิด ประเดี๋ยวท่านพ่อก็จะกลับมาแล้ว” ซูเมิ่งอุ้มตัวบุตรสาวเข้าเอวอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าบุตรสาวของนางจะวิ่งเล่นได้แล้ว แต่บุตรสาวตัวน้อยของนางก็ชอบรบเร้านางให้อุ้มอยู่บ่อยครั้ง

ใช้เวลาเพียงไม่นานซูเมิ่งและบุตรทั้งสี่ก็มานั่งรอลู่หวังเหล่ยในห้องโถง บนโต๊ะมีอาหารเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ลู่หวังเหล่ยที่พึ่งกลับมาก็รีบล้างมือล้างเท้าแล้วเข้าไปหาภรรยาและบุตรทันที ลู่หวังเหล่ยพยายามสลัดความเหนื่อยล้าจากการทำงานออก แต่ทว่าร่างสูงกลับมิอาจควบคุมอาการสั่นเทาของร่างกายตนเองได้

“ท่านพี่ เหตุใดจึงสั่นเทาเช่นนี้เล่า เกิดอันใดขึ้น” ซูเมิ่งตกใจเมื่อเห็นสภาพของสามีนาง

หรือว่าจะถูกกลั่นแกล้งอีกแล้ว…

“มิเป็นไร พี่เพียงแค่หิวเท่านั้น วันนี้มีงานตรวจทรัพย์สินมากมายนัก พี่จึงไปไม่ทันโรงครัว เขาปิดไปก่อนพี่จึงมิได้ทานอันใดตั้งแต่มื้อกลางวัน”

“โถ่ เช่นนั้นก็รีบกินเข้าเถิด นี่เจ้าค่ะ วันพรุ่งข้าจะเตรียมขนมไว้ให้ เผื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกนะเจ้าคะ” เยว่ชิงมองบิดาด้วยความสงสาร หากวันหน้าบิดาของนางมิต้องอยู่ใต้บัญชาของผู้ใดก็คงจะดี เรื่องครานี้แม้ท่านพ่อจะไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา แต่นางก็รู้ได้ทันทีว่าคงมิพ้นถูกขุนนางขั้นสูงพวกนั้นกลั่นแกล้งมาเป็นแน่

“ให้!” มือเล็กของเยว่ชิงใช้ตะเกียบปักเนื้อไก่ในจานข้าวของนางไปให้บิดา แม้จะใช้ตะเกียบไม่คล่อง แต่เด็กน้อยก็พยายามนำเนื้อไก่ไปให้บิดาจนได้

“โอ้ เจ้าให้พ่อหรือ ฮ่าๆ ขอบใจเจ้ามาก” ลู่หวังเหล่ยลูบศีรษะบุตรสาวเบาๆ เมื่อลู่หวังเหล่ยคีบอาหารเข้าปากทุกคนจึงได้เริ่มทานข้าวกัน หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ ซูเมิ่งก็นำชาและขนมมาให้เด็กๆ ได้ทานเล่น

“เป็นอย่างไรบ้าง คัดตำราพื้นฐานเสร็จตามที่พ่อบอกไว้หรือไม่”

“เสร็จทุกเล่มแล้วขอรับ” เฉิงกงที่อุ้มน้องสาวอยู่บนตักเอ่ยตอบบิดา

“ดีแล้ว พ่อมิมีเบี้ยหวัดมากพอให้พวกเจ้าไปเรียนในสำนักศึกษา แต่ไม่นานหากพ่อได้เลื่อนขั้นเบี้ยหวัดก็จะมากตามไปด้วย ถึงครานั้นพ่อจะส่งพวกเจ้าไปสำนักศึกษาแน่ มิต้องห่วงไป” ลู่หวังเหล่ยเอ่ยอย่างมีความหวัง ขุนนางในแคว้นเฉินนั้นจะถูกพิจารณาเลื่อนขั้นจากผลงานและอายุการทำงาน ลู่หวังเหล่ยที่มีทั้งผลงานที่โดดเด่นและทำงานมานานจึงได้มั่นใจว่าตนเองจะได้เลื่อนขั้นในไม่ช้า

“ข้าเข้าใจขอรับ ลำพังที่ท่านพ่อสอน ข้าและน้องๆ ก็ได้รับความรู้มากมายแล้ว ท่านพ่อมิจำเป็นต้องเร่งรีบ” เฉิงกงเอ่ยออกไปตามที่เขาคิด

“อืม เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตั้งใจให้มาก” ลู่หวังเหล่ยตบบ่าลูกชายทั้งสามเบาๆ ครอบครัวกำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกซึ้งใจ แต่ทว่า…

“ท่านพ่อ! เยว่ชิงอยากเยี้ยงเสือ” เยว่ชิงเอ่ยโพล่งขึ้นมา ทำเอาทุกคนถึงกับชะงัก

“เลี้ยงเสือหรือ! อ้อ เจ้าคงหมายถึงของเล่นรูปลักษณ์เหมือนเสือใช่หรือไม่” ซูเมิ่งที่ได้สติก่อนใครรีบเอ่ยแก้คำพูดของบุตรสาว

“ม่ายๆ เสือ ยูกเสือตัวเย็กๆ” มือเล็กกลมทั้งสองข้างยกขึ้นมากะขนาดลูกเสือที่นางอยากได้ให้ท่านพ่อและทุกคนดู

“จะเอาเสือที่ใดมาเล่าเยว่ชิง”

“นั้นสิ อีกอย่างเสือมันน่ากลัวนะ เราเลี้ยงกระต่ายดีหรือไม่” ลี่อินพยายามโน้มน้าวใจน้องสาว เพราะหากน้องสาวเลี้ยงเสือขึ้นมาจริงๆ เขาคงมิกล้าก้าวขาออกจากห้องเป็นแน่

“ม่ายๆ น้องชอบเสือ เอาเสือหนึ่งตัว” นิ้วชี้ป้อมยกขึ้นมาหนึ่งนิ้ว ท่าทีราวกับตอนหมิงยู่งอแงจะเอาขนมมิมีผิด พี่น้องคู่นี้เหมือนกันอย่างกับแกะ

“เอ่อ หาก…หากพ่อเจอแถวตลาดพ่อจะซื้อมาให้แล้วกันนะเยว่ชิง แหะๆ” ลู่หวังเหล่ยส่งยิ้มแห้งไปให้บุตรสาว หวังว่าในตลาดคงจะมีลูกเสือขายนะ

วันแล้ววันเล่าเยว่ชิงก็ยังไม่ได้ลูกเสือจากบิดาเสียที จนนางเริ่มถอดใจแล้ว ชาตินี้นางคงมิมีสัตว์เลี้ยงเหมือนกับคนอื่นเขาแล้ว จะให้เลี้ยงสัตว์ที่ตัวเล็กกว่าสุนัขจรจัดก็กลัวว่าพวกมันจะไม่พ้นคมเขี้ยวของสุนัขพวกนั้น

“เห้อออ เสียดายจริง” เยว่ชิงนั่งถือพู่กันขีดเขียนอักษร แต่ก็มิได้เขียนออกมาเป็นตัวอักษรงดงาม ดูคล้ายจะเป็นตัวยึกยือไปมาเสียมากกว่า

“เยว่ชิงๆ ท่านพ่อมาแล้ว น้องรีบไปดูเร็วเข้าว่าท่านพ่อได้สิ่งใดมา” เยว่ชิงหันไปตามเสียงเรียกของพี่ใหญ่ บิดาของนางไปเข้าร่วมเทศกาลล่าปา ท่านพ่อจึงต้องไปพักแรมในป่าร่วมกับเหล่าเชื้อพระวงค์และขุนนางเพื่อออกล่าสัตว์มาเซ่นไหว้เทพเจ้า

เยว่ชิงรีบวิ่งไปที่หน้าเรือนทันที ร่างเล็กมองเห็นกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่มาก พอจะใส่ไก่ลงไปได้สักห้าหกตัว ขาสั้นป้อมเดินเข้าไปใกล้กล่องไม้นั่นเรื่อยๆ จนเห็นว่าด้านในเป็นลูกเสือขาว! ดวงตากลมทั้งสองมีสีฟ้าครามดั่งน้ำในมหาสมุทร

“คื่ออออ!” เสียงขู่คำรามของพยัคฆ์ตัวน้อยดังขึ้น แม้จะมิได้ดังลั่นเรือน แต่ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้เช่นกัน

“เยว่ชิง! แม่ว่ามันจะกัดเอาได้นะ เราให้ท่านพ่อเอาไปคืนดีหรือไม่” เยว่ชิงไม่ฟังคำทัดทานของผู้เป็นมารดา เด็กน้อยนำขนมที่แอบซุกไว้ในสาบเสื้อ ออกมายื่นให้เจ้าเสือตัวน้อย

“คื่ออ ฟุดๆ ฟิดๆ” จมูกเล็กดมทั้งขนมและมือของเยว่ชิง ลิ้นสากของลูกเสือเลียเข้าที่ขนมราวกับอยากชิมรสชาติ เมื่อเยว่ชิงเห็นว่าลูกเสือเริ่มคุ้นชินกับกลิ่นของนางแล้ว จึงค่อยลูบหัวเบาๆ แล้วค่อยๆ อุ้มเจ้าเสือตัวน้อยออกมาจากกล่อง

“เยว่ชิงอยากได้นม ใส่จานจานเย็กๆ” ลูกเสือตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเยว่ชิงยังคงสูดดมกลิ่นตามอาภรณ์ ทั้งยังใช้ลิ้นเลียอยู่อย่างนั้น เมื่อได้นมมาแล้ว เยว่ชิงจึงได้ป้อนให้เจ้าเสือตัวน้อยทันที

แผลบ แผลบ แผลบ! ลูกเสือน้อยมิสนใจรอบข้างอีกต่อไป มันคงหิวมากทีเดียวจึงได้เลียกินนมจากจานไม่หยุดเช่นนี้

“ดูจะเชื่องนะขอรับท่านพ่อ น้องสามเจ้ามิต้องกลัวไป ออกมาเถิด” เฉินกงเรียกน้องชายที่แอบดูอยู่ห่างๆ ให้เข้ามาดูใกล้ๆ

“ชอบหรือไม่เยว่ชิง”

“ชอบเจ้าค่ะ กี่ตำลึงหยือ วันหน้าเยว่ชิงจะหามาคืน” เยว่ชิงพูดออกมาทั้งที่ตายังติดอยู่กับลูกเสือตัวน้อยของนาง

“ฮ่าๆ มิได้เสียสักตำลึง ไว้พ่อจะเล่าให้ฟังว่าได้มาอย่างไร ตอนนี้เจ้าตั้งชื่อให้มันเสียก่อนเถิด” ทั้งบิดา มารดา รวมถึงพี่ชายและบ่าวรับใช้ต่างหัวเราะให้กับคำพูดที่แสนจะรู้ความเกินเด็กของเยว่ชิง

“มูมู่ เจ้ามูมู่น้อยของเยว่ชิง”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   9. นักเลงหัวไม้กับเฒ่าหัวงู

    “ตรงนี้เป็นที่ของข้า! พวกเจ้าถือสิทธิ์อันใดมาตั้งร้านตรงนี้” ชายตัวสูงใหญ่สามคนปรี่เข้ามายืนประจันหน้ากับเหล่าพี่น้องสกุลลู่ ชายหนุ่มทั้งสามแต่งตัวมอมแมม ทั้งยังมีท่าทางหาเรื่องเช่นนี้ มิน่าวางใจแม้แต่น้อย“เอ่อ พี่ชายคงจะเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามาตั้งร้านที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อีกทั้งเราก็มาจับจองที่ตั้งร้านนี้ก่อนผู้ใด” เฉินกงรีบเดินออกมาพูดคุยกับชายหนุ่มทั้งสามคน“แล้วอย่างไร ข้าจะตั้งร้านของข้าที่นี่ เจ้าย้ายของของเจ้าออกไปให้หมด มิเช่นนั้นก็จ่ายค่าเช่าที่มา” หนึ่งในชายหนุ่มแบมือไปตรงหน้าเฉินกง“เอ่อ พวกเรายังมิมีลูกค้าสักคนเดียว จะเอาเงินที่ใดมาให้ท่านเล่า” บ่าวชายสกุลลู่สองคนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามากันคุณชายใหญ่จากพวกนักเลงเอาไว้“หากไม่มีก็…ย้ายออกไป พวกเรา! ทำลายให้หมด” ชายพวกนั้นขว้างปาก้อนหินขนาดเท่ากำมือเข้าไปในร้านจนข้าวของบางส่วนเสียหาย บ่าวชายพยายามเข้าไปห้ามปรามก็โดนทำร้ายกลับมา“เฮ้ย! หยุดนะ ข้าวของของข้าเสียหายหมดแล้ว เจ้าพวกบ้า!” หมิงยู่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า คิดปรีเข้าไปหยุดนักเลงพวกนั้นแต่เด็กชายกลับต้องชะงัก“หยุด! พอแย้ว เอาเงินนี่ไป” เยว่ชิงโยนถุงเงินจำนวนหนึ่งลงบนพ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   8. เทศกาลลีชุน

    “โอ้โห ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ” ลี่อินตื่นตาตื่นใจกับงานเทศกาลลีชุน(เทศกาลตรุษจีน)ที่ถูกจัดขึ้นในครานี้ ท้องถนนเต็มไปด้วยห้างร้านที่ประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงาม ผู้คนต่างออกจากเรือนมาเลือกซื้อสิ่งของจำเป็น สกุลลู่เองก็เช่นกัน ลู่หวังเหล่ยพาฮูหยินของตนและบ่าวรับใช้ออกมาเลือกซื้อของใช้จำเป็นที่จะใช้เฉลิมฉลองเทศกาลลีชุน รวมถึงพาบุตรทั้งสี่มาเปิดร้านการละเล่นโยนห่วง“หึๆ มาทางนี้เถิด พ่อให้คนของเรามาจับจองที่ตั้งร้านให้พวกเจ้าแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งดีทีเดียว ผู้คนที่เดินเข้ามาซื้อของในตลาดย่อมต้องผ่านร้านการละเล่นของพวกเจ้า” ลู่หวังเหล่ยอุ้มเยว่ชิงเดินนำภรรยาและบุตรไปบริเวณที่ว่าทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าบ่าวในเรือนได้ตั้งร้านให้เรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงมองดูร้านของตนเองแล้วพอใจไม่น้อย ร้านที่ว่าดูเหมือนจะเป็นแผงขายเล็กๆ ตัวร้านเป็นทรงสี่เหลี่ยม ใช้แผ่นไม้กั้นรอบทั้งสี่ด้าน แต่แผ่นไม้กั้นสูงเพียงสี่ฉื่อ (ประมาณ 1 เมตร) ทั้งยังมีทางออกอยู่ด้านหลัง ส่วนพื้นที่ตรงกลางถูกเว้นว่างไว้สำหรับตั้งหุ่นไม้ที่พี่น้องสกุลลู่เตรียมมา“ดียิ่งขอรับท่านพ่อ มีไม้กั้นเช่นนี้ผู้คนจะได้ไม่เข้าใกล้เกินตำแหน่งที่เรา

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   7. วางแผนตั้งร้าน

    เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ โดยมีแม่นมลี่จัดการเช็ดหน้าเช็ดตาและแต่งกายให้ เด็กน้อยนั่งอยู่หน้ากระจกแกว่งขาไปมาให้แม่นมลี่สางผมอย่างอารมณ์ดี ปากเล็กๆ ยกยิ้มไม่หุบ มืออ้วนป้อมก็ลูบหัวเจ้าเสือตัวน้อยไปพลาง“อื่อ อือ อื้อ ล้า ลา~”“อารมณ์ดีอันใดเจ้าคะคุณหนู บ่าวเห็นคุณหนูยิ้มไม่หุบตั้งแต่ตื่นนอน”“วันนี้พี่ๆ จะมาเย่นด้วย”“หึๆ ทุกวันก็เล่นด้วยกันมิใช่หรือเจ้าคะ”“ไม่เหมือน วันนี้มีความยับ ยังบอกไม่ได้” แม่นมลี่ถึงกับหัวเราะร่ากับคำพูดของเด็กน้อย คุณหนูของนางถึงกับรู้จักเก็บความลับช่างรู้ความเกินไปแล้ว“เจ้าค่ะๆ เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องโถงดีหรือไม่เจ้าคะ ทุกคนคงรอทานมื้อเช้าอยู่แล้ว” แม่นมลี่จูงมือเด็กน้อยไปที่ห้องโถงเพื่อทานมื้อเช้า มือเล็กก็จับจูงสายคล้องคอมูมู่ให้เดินตามมาด้วย เดิมทีเยว่ชิงจะไม่ใส่สายคล้องคอให้กับมูมู่ แต่ท่านพ่อกลัวว่ามูมู่จะไม่คุ้นเคยกับสถานที่แล้วหนีไป จึงต้องคล้องสายให้มูมู่ก่อนสักระยะ“เป็นอย่างไรบ้างพี่ใหญ่” หมิงยู่เอ่ยถามพี่ชายที่กำลังเหลาไม้ให้มีปลายแหลมเพื่อใช้เป็นลูกดอก หลังจากที่พวกเขารอส่งท่านพ่อไปทำงานเรียบร้อยแล้ว สี่พี่น้องสกุลลู่ก็รีบมารวมตัวก

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   6. ลู่ทางหาเงิน (2)

    “พี่ชายทั้งสาม เยว่ชิงมีเยื่องจะพูดด้วย หาว~” เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้า แม้ว่าเมื่อคืนนางแทบจะมิได้นอน แต่อย่างไรก็ต้องรีบนำสิ่งที่นางคิดมาปรึกษาพี่ชายทั้งสาม เพราะแผนการที่นางวางไว้ใหญ่โตเกินกว่าที่เด็กวัยสามหนาวจะทำสำเร็จด้วยตนเองได้ นางจึงมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสาม เดิมทีเยว่ชิงมิมีความมั่นใจสักนิดว่าพี่ชายทั้งสามของนางจะรับฟังความคิดของเด็กวัยสามหนาวอย่างนาง แต่อย่างไรก็ต้องลองเสี่ยงดูสักครา“หึๆ ให้พี่กล่อมนอนก่อนดีหรือไม่ หืม! เจ้าดูจะง่วงเต็มที” เฉินกงยกมือลูบศีรษะเล็กของน้องสาวเบาๆ ด้วยว่าวันนี้เขาไม่ต้องคัดตำรา หลังจากที่ส่งท่านพ่อไปทำงานแล้ว เขาจึงอาสาดูแลน้องๆ แทนท่านแม่ เพื่อให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอย่างสงบเสียบ้าง“ไม่เจ้าค่ะ ทุกคนฟังเยว่ชิงนะ…เยว่ชิงอยากหาเงิน”“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ เพ้อเจ้ออันใดของเจ้า” หมิงยู่หัวเราะจนปวดท้องไปหมด ต่างจากเฉินกงที่เริ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันน้องสาวเขานี่อย่างไร เหตุใดจึงมีความคิดความอ่านไม่เหมือนกับเด็กวัยสามหนาวแม้แต่น้อย“เหตุใดต้องหาเงินด้วยเล่า เยว่ชิง”“ก็…ก็มูมู่ของน้องกินเยอะ สิ้นเปลืองเงินทอง” เยว่ชิงมิอาจบอกออกไปไ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   5. ลู่ทางหาเงิน (1)

    “ท่านพี่ได้มูมู่มาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ ทั้งยังไม่เสียเงินสักตำลึงเดียว” ซูเมิ่งเอ่ยถามสามีพลางวางชาและขนมเชาปิ้งที่แม่นมลี่ทำให้บุตรและสามี“พี่ก็ทูลขอต่อฝ่าบาทมาอย่างไรเล่า กว่าจะได้เจ้ามูมู่มา พ่อเกือบหัวขาดเสียแล้ว” ลู่หวังเหล่ยเองยังตกใจกับความใจกล้าของตนที่กล้าทูลขอต่อฮ่องเต้เฉิงเจี้ยนกั๋ว ด้วยความที่บุตรสาวของเขาถามถึงลูกเสืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พอเห็นว่ามีลูกเสืออยู่ตรงหน้าจึงได้พลั้งปากออกไป“ห๊า!!! หัวขาดเยยหยือ…เยว่ชิง โอ๋ๆ ท่านพ่อนะเจ้าคะ” เยว่ชิงที่รับรู้ถึงความยากลำบากของบิดาจึงรีบเข้าไปกอดออดอ้อนให้บิดาชื่นใจ“เจ้าคงต้องโอ๋ๆ พ่อให้มากเสียแล้ว” ผู้เป็นบิดาโอบกอดบุตรสาวเข้าแนบอกอย่างสุขใจ“เรื่องราวเป็นอย่างไรเจ้าคะ เหตุใดถึงขั้นต้องทูลขอต่อฝ่าบาท”“ในวันล่าสัตว์ องค์ชายรองเฉิงเจียงหยวนล่าเสือขาวตัวเมียมาได้ แต่เมื่อนำเสือตัวนั้นกลับมาที่ลานพิธีกลับพบว่ามีลูกเสือตัวน้อยถึงสองตัวที่เดินตามมา ฝ่าบาททรงคาดเดาว่าอาจจะเป็นลูกของเสือขาวที่ถูกล่า คราแรกฝ่าบาทจะสังหารเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้า แต่เป็นองค์ชายใหญ่เฉิงหลิวหยางที่ทูลขอเอาไว้ พระองค์จะนำไปเลี้ยง พ่อได้ยินเช่นนั้นจึงพลั้งปากท

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   4. มู่มู่น้อย

    และแล้วคำภาวนาของเยว่ชิงก็เป็นผล บัดนี้นางอายุได้สามหนาวแล้ว เด็กน้อยตัวกลมสมส่วน ผิวขาวราวหิมะ พวงแก้มสีแดงระเรื่อป่องออกมาจนบิดามารดาและพี่ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องแวะหอมแก้มกลมให้ชื่นใจ จะมีก็เพียงหมิงยู่เท่านั้นที่มักจะชอบบีบแก้มเยว่ชิงเล่นอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้…“โอ๊ยยย พี่ยอง!” ใบหน้าน่ารักชักสีหน้าใส่พี่ชายของนางอย่างเอือมระอา วันๆ มิคิดจะทำสิ่งใด เดินผ่านไปก็บีบ เดินผ่านมาก็บีบ!“คุณชายรอง อย่าได้กลั่นแกล้งคุณหนูนักเลยเจ้าค่ะ” แม่นมลี่ที่นั่งเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูของนางอดเอ่ยห้ามปรามออกมาไม่ได้“โถ่ ก็แก้มน้องข้าน่าบีบถึงเพียงนี้ จะให้ข้าอดใจไหวได้อย่างไร ข้าไปหล่ะ ขอไปคัดอักษรก่อนหากวันนี้ไม่แล้วเสร็จ ท่านพ่อจะโมโหจนหน้าดำหน้าแดงอีก ฮ่าๆ” ว่าแล้วหมิงยู่ก็หยิบโฉยเอาขนมของเยว่ชิงเข้าปากแล้วเดินเข้าห้องของตนเองไปเยว่ชิงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีของพี่ชาย บัดนี้พี่ใหญ่อายุได้สิบหนาว พี่รองอายุแปดหนาว พี่สามอายุหกหนาว และนางอายุได้สามหนาว ซึ่งเป็นวัยเดียวกับที่นางรบเร้าขอเลี้ยงกระต่าย ดังนั้นแล้ววันนี้นางคงจะต้องขอให้ท่านพ่อหาสัตว์เลี้ยงให้นางสักตัวเสียแล้ว ตอนแรกนางนั่งคิดนอนคิดอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status