แชร์

5. ลู่ทางหาเงิน (1)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-23 20:40:24

“ท่านพี่ได้มูมู่มาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ ทั้งยังไม่เสียเงินสักตำลึงเดียว” ซูเมิ่งเอ่ยถามสามีพลางวางชาและขนมเชาปิ้งที่แม่นมลี่ทำให้บุตรและสามี

“พี่ก็ทูลขอต่อฝ่าบาทมาอย่างไรเล่า กว่าจะได้เจ้ามูมู่มา พ่อเกือบหัวขาดเสียแล้ว” ลู่หวังเหล่ยเองยังตกใจกับความใจกล้าของตนที่กล้าทูลขอต่อฮ่องเต้เฉิงเจี้ยนกั๋ว ด้วยความที่บุตรสาวของเขาถามถึงลูกเสืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พอเห็นว่ามีลูกเสืออยู่ตรงหน้าจึงได้พลั้งปากออกไป

“ห๊า!!! หัวขาดเยยหยือ…เยว่ชิง โอ๋ๆ ท่านพ่อนะเจ้าคะ” เยว่ชิงที่รับรู้ถึงความยากลำบากของบิดาจึงรีบเข้าไปกอดออดอ้อนให้บิดาชื่นใจ

“เจ้าคงต้องโอ๋ๆ พ่อให้มากเสียแล้ว” ผู้เป็นบิดาโอบกอดบุตรสาวเข้าแนบอกอย่างสุขใจ

“เรื่องราวเป็นอย่างไรเจ้าคะ เหตุใดถึงขั้นต้องทูลขอต่อฝ่าบาท”

“ในวันล่าสัตว์ องค์ชายรองเฉิงเจียงหยวนล่าเสือขาวตัวเมียมาได้ แต่เมื่อนำเสือตัวนั้นกลับมาที่ลานพิธีกลับพบว่ามีลูกเสือตัวน้อยถึงสองตัวที่เดินตามมา ฝ่าบาททรงคาดเดาว่าอาจจะเป็นลูกของเสือขาวที่ถูกล่า คราแรกฝ่าบาทจะสังหารเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้า แต่เป็นองค์ชายใหญ่เฉิงหลิวหยางที่ทูลขอเอาไว้ พระองค์จะนำไปเลี้ยง พ่อได้ยินเช่นนั้นจึงพลั้งปากทูลขอมาให้ลูกเลี้ยงหนึ่งตัว” เดิมทีสัตว์ที่ถูกล่าได้จะต้องนำไปเซ่นไหว้เทพเจ้าทั้งหมด แต่ทว่าองค์ชายให้กลับกล่าวว่าลูกเสือสองตัวนั้นมิได้ถูกล่ามา แต่พวกมันเพียงเดินตามแม่เสือมา ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วที่ตามใจโอรสองค์โตก็มิเอ่ยขัด ยอมยกให้องค์ชายใหญ่จัดการเรื่องนี้

“แล้วฝ่าบาทก็ยกให้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ”

“มิได้ เป็นองค์ชายใหญ่ที่ยกให้ พอพระองค์รู้ว่าเป็นบุตรสาวที่อยากเลี้ยงลูกเสือ พระองค์จึงเลือกตัวผู้มาให้ ทั้งยังบอกว่าหากมันโตขึ้นจะได้ดูแลเยว่ชิงของเราได้” ลู่หวังเหล่ยยกยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำขององค์ชายใหญ่ ช่างรักหยกถนอมบุปผายิ่งนัก (ผู้ที่อ่อนโยนต่อสตรี)

“เยว่ชิงยักท่านพ่อที่สุด” เด็กน้อยถูไถแก้มกลมไปตามอกแกร่งของบิดา

“หึๆ ส่วนพวกเจ้าก็อย่าน้อยใจไป พ่อนำของฝากมาให้พวกเจ้าทุกคนเช่นกัน” ลู่หวังเหล่ยเอ่ยบอกบุตรชายทั้งสาม พลางโอบกอดบุตรสาวเอาไว้แน่น

“โถ่ ข้ามิได้น้อยใจเสียหน่อย ท่านพ่อก็พูดไป ผู้ใดจะน้อยใจเพียงเพราะเรื่องเท่านี้เล่า ชิ” หมิงยู่แสร้งทำท่าแง่งอน ท่าทางแตกต่างจากถ้อยคำที่พูดออกมาโดยสิ้นเชิง

“คิกๆ ขนาดว่าพี่รองไม่น้อยใจ ยังทำปากยื่นถึงเพียงนี้ หากพี่รองน้อยใจเห็นทีปากพี่รองคงเหมือนเป็ดไปแล้วกระมัง” คำพูดของลี่อินทำเอาทุกคนถึงกับหัวเราะร่าออกมา เสียงหัวเราะสนุกสนานของครอบครัวสกุลลู่ดังลั่นไปทั่วเรือน พูดคุยกันได้ไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน จะมีก็แต่เยว่ชิงที่บัดนี้กำลังนอนพูดคุยอยู่กับมูมู่ เยว่ชิงมีห้องนอนเป็นของตนเอง โดยมีแม่นมลี่รับหน้าที่มาดูแลและนอนเฝ้าเด็กน้อย

“อีกหนึ่งหนาว เจ้าคงโตพอจะสู้กับสุนัขได้แย้ว ถึงตอนนั้นกัดมันคืนไปเยยนะ” เด็กน้อยตัวกลมพูดกับลูกเสือของตนพลางลูบหัวมันเบาๆ เท่านี้เยว่ชิงก็เบาใจลงได้หนึ่งเรื่อง ต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องที่พี่สามป่วย

“อีกเพียงสี่หนาว…จะทำอย่างไยดี” เยว่ชิงเกลียดเสียงของนางในตอนนี้เป็นที่สุด คำพูดที่ดูไม่ชัดถ้อยชัดคำยิ่งทำให้เยว่ชิงหงุดหงิด มันดูไม่เท่เอาเสียเลย ท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายมักบอกว่าการที่นางพูดไม่ชัดนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่มิใช่สำหรับนาง เฮ้อออ เมื่อไรนางจะพูดชัดเสียทีนะ อยากโตเป็นผู้ใหญ่แล้วววว~

“นี่ มูมู่ เจ้ากินจุหยือไม่ หากกินจุข้าคงต้องรีบหาเงินแล้ว ข้ามิอยากให้ท่านพ่อ ท่านแม่ต้องเหนื่อยหาเงินมาเยี้ยงดูเจ้า เจ้าเป็นสัตว์เยี้ยงของข้า ข้าจะหาของกินมาให้เจ้าเองนะ”

แผลบๆ ไม่มีเสียงตอบรับของมูมู่ มีเพียงลิ้นเปียกๆ ที่เลียบนแขนเยว่ชิงคล้ายกับเป็นการตอบรับ

“จะหาเงินอย่างไยดี ข้าอายุเพียงสามหนาวเท่านั้น” เยว่ชิงเริ่มคิดหนัก หากว่านางโตกว่านี้คงจะสามารถทำงานได้ ชีวิตก่อนแม้นางจะเป็นถึงลูกสาวเจ้าพ่อคาสิโน แต่นางก็เคยไปทำงานพาร์ทไทม์อยู่บ้าง ถึงตอนนั้นจะทำไปเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนหลังเลิกงานก็เถอะ แต่การได้เงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมันก็ภูมิใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ตอนนี้คงไม่มีผู้ใดรับเด็กน้อยเข้าทำงานเป็นแน่

เช่นนี้จะหาเงินมาจากที่ใดได้อีกเล่า!

“การทำสิ่งใดให้สำเร็จจะต้องเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจหรือไม่ก็สิ่งที่เราถนัดก่อน แล้วจึงค่อยพัฒนาต่อยอดภายหลัง” คำพูดของคุณพ่อที่เฝ้าสอนเยว่ชิงดังขึ้นมาในหัว

แล้วนางถนัดสิ่งใดเล่า เค็นโด ยิงปืน ยิงธนู เกม ไพ่ คาสิโน…คาสิโน!

“การพนัน!” เยว่ชิงรีบตะครุบปากของตนเองทันที เมื่อเผลอส่งเสียงดังจนแม่นมลี่ขยับตัวไปมา

“ฟู่ว~” ดีที่แม่นมลี่ไม่ตื่นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นนางจะต้องโดนดุเป็นแน่ มือเล็กป้อมลูกอกเบาๆ คล้ายกับต้องการปลอบใจตัวเอง

เยว่ชิงตั้งสติกลับมาคิดเรื่องการพนันต่อ ในชีวิตก่อนนางคลุกคลีกับการพนันมาหลายรูปแบบ เอ่ยได้ว่านางเติบโตมากับการพนันก็ว่าได้ แต่หากจะนำการพนันมาหาเงินในยุคนี้อาจจะเป็นไปได้ยาก เพราะดูเหมือนว่าการพนันในยุคนี้ยังคงผิดกฎหมายบ้านเมืองอยู่ อย่าว่าแต่ยุคนี้เลย แม้แต่ในชีวิตเดิมของนางยังมีเพียงไม่กี่ประเทศที่มีคาสิโนถูกกฎหมาย เช่นนี้แล้วคงจะใช้การพนันมาหาเงินไม่ได้

“เห้อออ ยุ่งยากเสียจริง” เยว่ชิงที่ถอดถอนหายใจอย่างปลงตก แต่จู่ๆ ตากลมเล็กก็เบิกกว้างขึ้น

ถ้าเป็นเกมเล่า เกมการแข่งขัน!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   9. นักเลงหัวไม้กับเฒ่าหัวงู

    “ตรงนี้เป็นที่ของข้า! พวกเจ้าถือสิทธิ์อันใดมาตั้งร้านตรงนี้” ชายตัวสูงใหญ่สามคนปรี่เข้ามายืนประจันหน้ากับเหล่าพี่น้องสกุลลู่ ชายหนุ่มทั้งสามแต่งตัวมอมแมม ทั้งยังมีท่าทางหาเรื่องเช่นนี้ มิน่าวางใจแม้แต่น้อย“เอ่อ พี่ชายคงจะเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามาตั้งร้านที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อีกทั้งเราก็มาจับจองที่ตั้งร้านนี้ก่อนผู้ใด” เฉินกงรีบเดินออกมาพูดคุยกับชายหนุ่มทั้งสามคน“แล้วอย่างไร ข้าจะตั้งร้านของข้าที่นี่ เจ้าย้ายของของเจ้าออกไปให้หมด มิเช่นนั้นก็จ่ายค่าเช่าที่มา” หนึ่งในชายหนุ่มแบมือไปตรงหน้าเฉินกง“เอ่อ พวกเรายังมิมีลูกค้าสักคนเดียว จะเอาเงินที่ใดมาให้ท่านเล่า” บ่าวชายสกุลลู่สองคนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามากันคุณชายใหญ่จากพวกนักเลงเอาไว้“หากไม่มีก็…ย้ายออกไป พวกเรา! ทำลายให้หมด” ชายพวกนั้นขว้างปาก้อนหินขนาดเท่ากำมือเข้าไปในร้านจนข้าวของบางส่วนเสียหาย บ่าวชายพยายามเข้าไปห้ามปรามก็โดนทำร้ายกลับมา“เฮ้ย! หยุดนะ ข้าวของของข้าเสียหายหมดแล้ว เจ้าพวกบ้า!” หมิงยู่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า คิดปรีเข้าไปหยุดนักเลงพวกนั้นแต่เด็กชายกลับต้องชะงัก“หยุด! พอแย้ว เอาเงินนี่ไป” เยว่ชิงโยนถุงเงินจำนวนหนึ่งลงบนพ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   8. เทศกาลลีชุน

    “โอ้โห ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ” ลี่อินตื่นตาตื่นใจกับงานเทศกาลลีชุน(เทศกาลตรุษจีน)ที่ถูกจัดขึ้นในครานี้ ท้องถนนเต็มไปด้วยห้างร้านที่ประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงาม ผู้คนต่างออกจากเรือนมาเลือกซื้อสิ่งของจำเป็น สกุลลู่เองก็เช่นกัน ลู่หวังเหล่ยพาฮูหยินของตนและบ่าวรับใช้ออกมาเลือกซื้อของใช้จำเป็นที่จะใช้เฉลิมฉลองเทศกาลลีชุน รวมถึงพาบุตรทั้งสี่มาเปิดร้านการละเล่นโยนห่วง“หึๆ มาทางนี้เถิด พ่อให้คนของเรามาจับจองที่ตั้งร้านให้พวกเจ้าแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งดีทีเดียว ผู้คนที่เดินเข้ามาซื้อของในตลาดย่อมต้องผ่านร้านการละเล่นของพวกเจ้า” ลู่หวังเหล่ยอุ้มเยว่ชิงเดินนำภรรยาและบุตรไปบริเวณที่ว่าทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าบ่าวในเรือนได้ตั้งร้านให้เรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงมองดูร้านของตนเองแล้วพอใจไม่น้อย ร้านที่ว่าดูเหมือนจะเป็นแผงขายเล็กๆ ตัวร้านเป็นทรงสี่เหลี่ยม ใช้แผ่นไม้กั้นรอบทั้งสี่ด้าน แต่แผ่นไม้กั้นสูงเพียงสี่ฉื่อ (ประมาณ 1 เมตร) ทั้งยังมีทางออกอยู่ด้านหลัง ส่วนพื้นที่ตรงกลางถูกเว้นว่างไว้สำหรับตั้งหุ่นไม้ที่พี่น้องสกุลลู่เตรียมมา“ดียิ่งขอรับท่านพ่อ มีไม้กั้นเช่นนี้ผู้คนจะได้ไม่เข้าใกล้เกินตำแหน่งที่เรา

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   7. วางแผนตั้งร้าน

    เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ โดยมีแม่นมลี่จัดการเช็ดหน้าเช็ดตาและแต่งกายให้ เด็กน้อยนั่งอยู่หน้ากระจกแกว่งขาไปมาให้แม่นมลี่สางผมอย่างอารมณ์ดี ปากเล็กๆ ยกยิ้มไม่หุบ มืออ้วนป้อมก็ลูบหัวเจ้าเสือตัวน้อยไปพลาง“อื่อ อือ อื้อ ล้า ลา~”“อารมณ์ดีอันใดเจ้าคะคุณหนู บ่าวเห็นคุณหนูยิ้มไม่หุบตั้งแต่ตื่นนอน”“วันนี้พี่ๆ จะมาเย่นด้วย”“หึๆ ทุกวันก็เล่นด้วยกันมิใช่หรือเจ้าคะ”“ไม่เหมือน วันนี้มีความยับ ยังบอกไม่ได้” แม่นมลี่ถึงกับหัวเราะร่ากับคำพูดของเด็กน้อย คุณหนูของนางถึงกับรู้จักเก็บความลับช่างรู้ความเกินไปแล้ว“เจ้าค่ะๆ เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องโถงดีหรือไม่เจ้าคะ ทุกคนคงรอทานมื้อเช้าอยู่แล้ว” แม่นมลี่จูงมือเด็กน้อยไปที่ห้องโถงเพื่อทานมื้อเช้า มือเล็กก็จับจูงสายคล้องคอมูมู่ให้เดินตามมาด้วย เดิมทีเยว่ชิงจะไม่ใส่สายคล้องคอให้กับมูมู่ แต่ท่านพ่อกลัวว่ามูมู่จะไม่คุ้นเคยกับสถานที่แล้วหนีไป จึงต้องคล้องสายให้มูมู่ก่อนสักระยะ“เป็นอย่างไรบ้างพี่ใหญ่” หมิงยู่เอ่ยถามพี่ชายที่กำลังเหลาไม้ให้มีปลายแหลมเพื่อใช้เป็นลูกดอก หลังจากที่พวกเขารอส่งท่านพ่อไปทำงานเรียบร้อยแล้ว สี่พี่น้องสกุลลู่ก็รีบมารวมตัวก

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   6. ลู่ทางหาเงิน (2)

    “พี่ชายทั้งสาม เยว่ชิงมีเยื่องจะพูดด้วย หาว~” เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้า แม้ว่าเมื่อคืนนางแทบจะมิได้นอน แต่อย่างไรก็ต้องรีบนำสิ่งที่นางคิดมาปรึกษาพี่ชายทั้งสาม เพราะแผนการที่นางวางไว้ใหญ่โตเกินกว่าที่เด็กวัยสามหนาวจะทำสำเร็จด้วยตนเองได้ นางจึงมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสาม เดิมทีเยว่ชิงมิมีความมั่นใจสักนิดว่าพี่ชายทั้งสามของนางจะรับฟังความคิดของเด็กวัยสามหนาวอย่างนาง แต่อย่างไรก็ต้องลองเสี่ยงดูสักครา“หึๆ ให้พี่กล่อมนอนก่อนดีหรือไม่ หืม! เจ้าดูจะง่วงเต็มที” เฉินกงยกมือลูบศีรษะเล็กของน้องสาวเบาๆ ด้วยว่าวันนี้เขาไม่ต้องคัดตำรา หลังจากที่ส่งท่านพ่อไปทำงานแล้ว เขาจึงอาสาดูแลน้องๆ แทนท่านแม่ เพื่อให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอย่างสงบเสียบ้าง“ไม่เจ้าค่ะ ทุกคนฟังเยว่ชิงนะ…เยว่ชิงอยากหาเงิน”“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ เพ้อเจ้ออันใดของเจ้า” หมิงยู่หัวเราะจนปวดท้องไปหมด ต่างจากเฉินกงที่เริ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันน้องสาวเขานี่อย่างไร เหตุใดจึงมีความคิดความอ่านไม่เหมือนกับเด็กวัยสามหนาวแม้แต่น้อย“เหตุใดต้องหาเงินด้วยเล่า เยว่ชิง”“ก็…ก็มูมู่ของน้องกินเยอะ สิ้นเปลืองเงินทอง” เยว่ชิงมิอาจบอกออกไปไ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   5. ลู่ทางหาเงิน (1)

    “ท่านพี่ได้มูมู่มาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ ทั้งยังไม่เสียเงินสักตำลึงเดียว” ซูเมิ่งเอ่ยถามสามีพลางวางชาและขนมเชาปิ้งที่แม่นมลี่ทำให้บุตรและสามี“พี่ก็ทูลขอต่อฝ่าบาทมาอย่างไรเล่า กว่าจะได้เจ้ามูมู่มา พ่อเกือบหัวขาดเสียแล้ว” ลู่หวังเหล่ยเองยังตกใจกับความใจกล้าของตนที่กล้าทูลขอต่อฮ่องเต้เฉิงเจี้ยนกั๋ว ด้วยความที่บุตรสาวของเขาถามถึงลูกเสืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พอเห็นว่ามีลูกเสืออยู่ตรงหน้าจึงได้พลั้งปากออกไป“ห๊า!!! หัวขาดเยยหยือ…เยว่ชิง โอ๋ๆ ท่านพ่อนะเจ้าคะ” เยว่ชิงที่รับรู้ถึงความยากลำบากของบิดาจึงรีบเข้าไปกอดออดอ้อนให้บิดาชื่นใจ“เจ้าคงต้องโอ๋ๆ พ่อให้มากเสียแล้ว” ผู้เป็นบิดาโอบกอดบุตรสาวเข้าแนบอกอย่างสุขใจ“เรื่องราวเป็นอย่างไรเจ้าคะ เหตุใดถึงขั้นต้องทูลขอต่อฝ่าบาท”“ในวันล่าสัตว์ องค์ชายรองเฉิงเจียงหยวนล่าเสือขาวตัวเมียมาได้ แต่เมื่อนำเสือตัวนั้นกลับมาที่ลานพิธีกลับพบว่ามีลูกเสือตัวน้อยถึงสองตัวที่เดินตามมา ฝ่าบาททรงคาดเดาว่าอาจจะเป็นลูกของเสือขาวที่ถูกล่า คราแรกฝ่าบาทจะสังหารเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้า แต่เป็นองค์ชายใหญ่เฉิงหลิวหยางที่ทูลขอเอาไว้ พระองค์จะนำไปเลี้ยง พ่อได้ยินเช่นนั้นจึงพลั้งปากท

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   4. มู่มู่น้อย

    และแล้วคำภาวนาของเยว่ชิงก็เป็นผล บัดนี้นางอายุได้สามหนาวแล้ว เด็กน้อยตัวกลมสมส่วน ผิวขาวราวหิมะ พวงแก้มสีแดงระเรื่อป่องออกมาจนบิดามารดาและพี่ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องแวะหอมแก้มกลมให้ชื่นใจ จะมีก็เพียงหมิงยู่เท่านั้นที่มักจะชอบบีบแก้มเยว่ชิงเล่นอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้…“โอ๊ยยย พี่ยอง!” ใบหน้าน่ารักชักสีหน้าใส่พี่ชายของนางอย่างเอือมระอา วันๆ มิคิดจะทำสิ่งใด เดินผ่านไปก็บีบ เดินผ่านมาก็บีบ!“คุณชายรอง อย่าได้กลั่นแกล้งคุณหนูนักเลยเจ้าค่ะ” แม่นมลี่ที่นั่งเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูของนางอดเอ่ยห้ามปรามออกมาไม่ได้“โถ่ ก็แก้มน้องข้าน่าบีบถึงเพียงนี้ จะให้ข้าอดใจไหวได้อย่างไร ข้าไปหล่ะ ขอไปคัดอักษรก่อนหากวันนี้ไม่แล้วเสร็จ ท่านพ่อจะโมโหจนหน้าดำหน้าแดงอีก ฮ่าๆ” ว่าแล้วหมิงยู่ก็หยิบโฉยเอาขนมของเยว่ชิงเข้าปากแล้วเดินเข้าห้องของตนเองไปเยว่ชิงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีของพี่ชาย บัดนี้พี่ใหญ่อายุได้สิบหนาว พี่รองอายุแปดหนาว พี่สามอายุหกหนาว และนางอายุได้สามหนาว ซึ่งเป็นวัยเดียวกับที่นางรบเร้าขอเลี้ยงกระต่าย ดังนั้นแล้ววันนี้นางคงจะต้องขอให้ท่านพ่อหาสัตว์เลี้ยงให้นางสักตัวเสียแล้ว ตอนแรกนางนั่งคิดนอนคิดอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status