แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้
ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรัน
เขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขา
นับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?
ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน
“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี
“เปล่าค่ะ” เธอตอบ พลางข่มใจให้สงบนิ่ง
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สายตาที่จับจ้องมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกลืนกินไปทั้งตัว
พนักงานเปิดประตูเชิญพวกเขาเข้าไปในห้องอาหาร คิรันเดินนำเข้าไปก่อน ส่วนเธอเดินตามหลังอย่างไม่เต็มใจนัก บรรยากาศในร้านหรูหราสง่างาม แสงไฟนวลตาตกกระทบโต๊ะอาหารที่จัดอย่างสมบูรณ์แบบ
ดนตรีแจ๊ซบรรเลงคลอเบา ๆ ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกอย่างไม่น่าเชื่อ
ไอรีนข่มใจไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน แต่เธอกลับไม่อาจห้ามหัวใจตัวเองที่เริ่มเต้นแรงขึ้นทุกที
เมื่อพวกเขานั่งลงที่โต๊ะ คิรันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองออกไปนอกกระจก ใบหน้าคมคายนั้นไร้อารมณ์ แต่กลับให้ความรู้สึกน่าหวั่นเกรง
“สั่งอาหารสิ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ไอรีนมองเมนูตรงหน้า อาหารทุกจานดูแพงระยับเกินกว่าที่เธอจะกล้าสั่ง นี่มันเป็นมื้อค่ำที่หรูหราที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้
“ไม่รู้จะสั่งอะไรหรือไง” คิรันเอียงคอมองเธอ ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงาน “เอาตามที่ฉันเคยสั่ง”
“ค่ะ คุณคิรัน” พนักงานโค้งศีรษะก่อนจะเดินจากไป
ไอรีนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันเลือกเองได้นะคะ”
คิรันเลิกคิ้ว “เธอทำเป็นเลือกหรือไง”
ไอรีนเม้มปาก เธออยากเถียง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่เคยมากินร้านแบบนี้จริง ๆ จึงได้แต่เงียบ
คิรันยกมุมปากขึ้นนิด ๆ เหมือนพอใจที่เธอไม่เถียง ก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้า สายตาที่จับจ้องมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังมองทะลุเข้าไปในใจเธอ
“ตั้งแต่วันนั้น… เธอดูเงียบไปนะ”
เธอสะดุ้งเล็กน้อย “วันไหนคะ”
“คืนที่ฉันพาเธอออกจากร้านอาหาร”
เสียงของเขาต่ำและเย็น แต่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
ไอรีนเม้มริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง ใช่… เธอเงียบลง ความรู้สึกบางอย่างที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจ มันเป็นความรู้สึกที่เธอพยายามปฏิเสธมาตลอด แต่กลับห้ามมันไม่ได้
เธอรู้ดีว่าเขาอันตราย… ไม่ใช่ในแบบที่ทำร้ายร่างกาย แต่เป็นแบบที่สามารถทำให้เธอพังทลายได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ… เธอเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากหนีจริง ๆ หรือไม่
หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้
“ฉันแค่… ไม่รู้จะพูดอะไร” เธอเลือกตอบอย่างระมัดระวัง
คิรันจ้องเธอนิ่ง ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้า ๆ “ดีแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แค่ทำตัวให้คุ้นเคยกับฉันก็พอ”
เธอขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไงคะ”
คิรันวางแก้วลงกับโต๊ะ เสียงกระทบเบา ๆ ทำให้บรรยากาศดูจริงจังขึ้น
“ก็หมายความว่า… เธอต้องชินกับการอยู่กับฉัน”
คำพูดนั้นทำให้ลมหายใจของไอรีนสะดุด เธอจ้องเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
ค่ำคืนนี้มืดสนิท มีเพียงแสงไฟระยิบระยับจากตึกสูงที่ทอดยาวไปสุดสายตา อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องอาหารหรูไม่สามารถทำให้หัวใจไอรีนสงบลงได้เลยสักนิด
มื้อเย็นผ่านไปโดยที่เธอแทบไม่ได้รับรู้รสชาติอาหาร ร่างกายของเธอนั่งอยู่ตรงนี้ แต่จิตใจกลับวุ่นวายไปหมดเพราะผู้ชายตรงหน้า—คิรัน
เขาไม่ได้พูดจาห้วนสั้นเหมือนเคย ไม่ได้ออกคำสั่งเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างทุกครั้ง ทุกอย่างดู... นุ่มนวลเกินไป นี่ไม่ใช่คิรันที่เธอเคยรู้จัก
มือหนาของเขาคอยรินน้ำให้ จัดจานอาหารให้ และคอยสังเกตว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร โดยที่ไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่การกระทำเหล่านั้นกลับส่งผลต่อหัวใจของเธออย่างรุนแรง
ไอรีนพยายามบอกตัวเองว่าเธอไม่ควรหลงใหลกับความอ่อนโยนที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เพราะผู้ชายอย่างคิรัน... ไม่เคยมีอะไรที่เกิดขึ้นเพียงเพราะความใจดี ทุกอย่างที่เขาทำล้วนมีเหตุผลและเป้าหมายเสมอ
แต่เหตุผลของคืนนี้... คืออะไรกันแน่?
หลังจากมื้อค่ำ คิรันเป็นคนขับรถมาส่งเธอที่คอนโดฯ ตามเดิม เธอปฏิเสธไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเดินขึ้นไปส่ง แต่เขาก็ไม่ฟัง แน่นอนว่าคิรันไม่ใช่คนที่ยอมเปลี่ยนใจเพราะคำพูดของใครง่าย ๆ และเธอเองก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางชนะเขาในเรื่องนี้
ร่างสูงเดินข้างเธอมาจนถึงหน้าประตูห้อง เธอหันกลับไปมองเขา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ และขอบคุณที่มาส่งค่ะ ฉันเข้าห้องแล้วนะคะ”
เธอจับลูกบิดประตูและกำลังจะปิดมันลง แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น คิรันก็ขยับเข้ามาใกล้จนเธอแทบจะถอยหลังไม่ทัน
เขาก้มลงกระซิบข้างหูเธอ ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะเส้นผมที่ตกลงมาปัดออกจากใบหน้าอย่างแผ่วเบา แต่สัมผัสเพียงเสี้ยววินาทีนั้นกลับทำให้เธอเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต เธอสะดุ้งแต่ไม่อาจถอยหนีได้ เสียงของเขาต่ำและหนักแน่นจนทำให้เธอขนลุกไปทั้งร่าง
“เธอไม่มีวันหนีฉันพ้น จำไว้”
ไอรีนชะงัก ใจเธอเต้นแรงโดยไม่อาจห้ามได้
คิรันผละออกเล็กน้อย ก่อนจะกดมุมปากขึ้นราวกับพอใจกับปฏิกิริยาของเธอ
“และเมื่อไหร่ที่เธอพร้อม...” เขาหยุดเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“เธอจะเป็นของฉันโดยสมบูรณ์”
ไอรีนรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปชั่วขณะ หัวใจเธอกระหน่ำเต้นจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
ก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งสติ คิรันก็หมุนตัวกลับ เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย ทิ้งให้เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
มือที่จับลูกบิดประตูสั่นเล็กน้อย ร่างกายของเธอร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...
ไอรีนหลับตาลง สูดหายใจลึก แล้วผลักประตูเข้าไปในห้องอย่างแรง ก่อนจะรีบปิดมันลงทันที หัวใจของเธอยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ และเธอรู้ดีว่าต่อให้พยายามบอกตัวเองยังไง... คำพูดของคิรันก็จะยังคงก้องอยู่ในหัวเธอไปอีกนาน
อ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางของไอรีนไว้แน่นใต้ผ้าขนหนูที่ชื้นแนบผิว เขาอุ้มเธอกลับมาที่เตียงช้า ๆแผ่นหลังเปลือยเปียกชื้นแนบกับแผ่นอกของเขา ไม่มีคำพูดใด—มีเพียงลมหายใจร้อนระอุแนบซอกคอที่ยังมีรอยแดงจากจูบก่อนหน้าเตียงนุ่มดูดร่างเธอลงทันทีที่เขาวางเธอลงบนผืนผ้าใหม่ ผ้าขนหนูหลุดล่นอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอยู่คิรันโน้มตัวลงคร่อม พร้อมทั้งไล้ปลายนิ้วจากปลายคางลงมาถึงกระดูกเชิงกรานเขาไม่เร่งรีบ ไม่มีการเร่งจังหวะแต่ทุกสัมผัสกลับเจตนาชัดเจนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวเขาโน้มลงจูบที่แอ่งท้องต่ำ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วสัมผัสที่กลางเรียวขาไอรีนสะดุ้งวาบ ริมฝีปากเผยอโดยไร้เสียง"อย่าหลบ"เขากระซิบเสียงต่ำตรงหน้าอกแล้วดูดปลายยอดอกแรง ๆ ราวกับลงโทษที่เธอพยายามเบี่ยงตัวหนีมือเธอจิกบ่าเขาแน่นก่อนที่เขาจะตวัดลิ้นลงไปต่ำกว่าเดิม…เสียงหอบถี่ดังขึ้นสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ หัวใจเธอเต้นแรงราวจะระเบิด มือข้างหนึ่งของเธอเลื่อนไปโอบท้ายทอยเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปลิ้นร้อนแตะช้า ๆ
แสงแดดยามสายสาดกระทบผิวน้ำทะเลจนระยิบระยับ สายลมอุ่นหอบกลิ่นเกลือจาง ๆ พัดผ่านปลายเส้นผมนุ่มของเธอที่ปลิวไสวตามแรงลม ไอรีนก้าวเท้าเปล่าไปตามแนวหาดทรายละเอียดสีขาวสะอาด รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อเธอหันกลับไปมองคนที่นั่งนิ่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว"พี่คิรัน! รีบตามมาสิ!"เสียงใสเรียกพร้อมกับโบกมือให้เขาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ ลงไปในน้ำตื้นที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง ฝูงปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายอยู่รอบข้อเท้าของเธอ เธอหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่คิรันยืนขึ้นช้า ๆ สะพายกล้องไว้บนคอ ปรายตามองคนตัวเล็กที่เล่นน้ำอย่างไร้พิษภัยด้วยสายตาที่ซ่อนรอยยิ้มไม่มิด…เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้โลกของเขาเงียบสงบได้ถึงเพียงนี้แม้ภายนอกจะยังเป็นชายหนุ่มที่สุขุม เย็นชา พูดน้อยอย่างเคยแต่ตั้งแต่วันนั้น…วันที่ไอรีนกลายเป็น ‘เมีย’ อย่างถูกต้องตามกฎหมายและหัวใจความเย็นชากลายเป็นความอ่อนโยนที่มีให้เธอเพียงคนเดียว“ขอบคุณที่เธอเข้ามาเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล…&rdquo
เสียงคลื่นซัดกระทบหาดทรายเบา ๆ พร้อมกับลมทะเลอ่อน ๆ พัดโชยผ่านใบหน้า ไอรีนหลับตารับแสงแดดอุ่นยามเช้า ปล่อยให้ตัวเองซึมซับบรรยากาศของมัลดีฟส์ในยามเช้าอย่างเต็มที่ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อหันไปมองคนข้างตัว—สามีหมาด ๆ ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ริมระเบียงเมื่อคืน...คือคืนเข้าหอที่เธอไม่มีวันลืมเขาทำให้เธอแทบขาดใจ แต่หัวใจก็พองโตด้วยความสุข"เหนื่อยไหม?" เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"เหนื่อยจะตาย..." ไอรีนตอบตามตรงก่อนจะหันมายิ้มหวาน ยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ"แต่ก็ยังไม่ตาย ยังเดินไหวค่ะพี่คิรัน"เขาเหลือบตามองเธอ ริมฝีปากกระตุกขึ้นนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าเหมือนเดิม ไอรีนแอบเบะปาก ก่อนจะเดินไปซุกแขนเขาอย่างออดอ้อน"พี่ขา...เรามาฮันนีมูนนะ ไม่ใช่มาประชุม""สามีคุณมีงานที่ยังต้องเคลียร์""งั้นขอแค่ชั่วโมงเดียว ให้ฉันไปเล่นน้ำทะเลหน่อยนะคะ..."เธอเขย่าแขนเขาเบา ๆ ทำเสียงออดอ้อนจนคนที่พยายามไม่สบตาต้องถอนหายใจแล้วหันมาเผชิญหน้า"ใส่เสื้อผ้าดี ๆ""รับทราบค่ะ!" ไอรีน
เสียงคลาสสิกจากเปียโนไหลลื่นไปทั่วห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แชนเดอเลียร์ระยิบระยับเหนือศีรษะ แสงไฟนวลอบอุ่นตัดกับผ้าคลุมสีขาวนวลของเจ้าสาวที่ยืนเด่นอยู่กลางเวที ราวกับเทพธิดาเดินทางลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาเพียงคนเดียวคิรันยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเธอในชุดทักซิโด้สีดำเข้ม ทรงผมถูกจัดเรียบไร้ที่ติ ท่าทางสุขุม เย็นชา... แต่แววตา—กลับร้อนแรงจนน่าหวาดหวั่น"พี่คิรัน…" ไอรีนกระซิบเสียงเบา คำเรียกถูกเปลี่ยนไปจากเจ้านายกลายเป็นสามี เมื่อเห็นดวงตาคมดุดันของเขาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียวไม่มีคำตอบใดจากเขา มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นน้อย ๆ ขณะเจ้าหน้าที่ประจำพิธียื่นกล่องแหวนมาให้ทันทีที่เขาหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา...เขาก็โน้มตัวลงกระซิบข้างหูเจ้าสาวคนสวย“คืนนี้เธอไม่รอดแน่… เจอศึกหนักชัวร์” น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ แฝงแววข่มขู่แสนเจ้าเล่ห์“คนบ้า…” ไอรีนหน้าแดงแปร๊ด สะบัดเสียงดุเบา ๆ แต่มือกลับสั่นน้อย ๆ ตอนที่คิรันสวมแหวนให้เธอท่ามกลางเสียงปรบมือจากแขกนับร้อย รอยยิ้มของผู้เป็นแม่และน้องชายของไอรีนที่น
เสียงดนตรีหวานคลอเบา ๆ ประกอบกับแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามาทั่วทั้งงาน…งานหมั้นของ ‘คิรัน’ และ ‘ไอรีน’ กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมและโลกออนไลน์ทันทีหลังภาพแรกหลุดออกไปชายหนุ่มในชุดสูทตัดเข้ารูปสีดำสนิท ที่แม้ใบหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวงแหนยืนเคียงข้างหญิงสาวในชุดหมั้นลูกไม้สีขาวสะอาดที่งดงามราวนางฟ้ามือของเขากระชับมือเธอไว้แน่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า—เธอเป็นของเขา และจะไม่มีใครแย่งไปได้อีก“คุณคิรันวางแผนไว้หมดแล้วสินะคะ...” ไอรีนกระซิบขณะยิ้มรับกล้องจากนักข่าวชายหนุ่มเหลือบมองต่ำ ไม่ตอบคำ แต่กระชับมือเธอแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงหัวใจของเขา—ที่เต้นแรงเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว—ในขณะที่ความรักเบ่งบานสำหรับใครบางคน โลกของใครอีกคนก็กำลังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเสียงโทรทัศน์ดังสนั่นอยู่กลางห้องคอนโดฯ หรูมายด์เหวี่ยงรีโมตออกไปสุดแรงเมื่อเห็นภาพคู่หมั้นในจอเธอกรีดร้องลั่น กัดฟันกรอดจนกรามสั่น&l
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องพักผู้ป่วยยังคงอบอวลในอากาศ ทว่าไม่ได้กลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากปลายผมนุ่มของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มได้เลย"คุณยังไม่กินข้าว"เสียงใสเอ่ยเตือนเบาๆ ขณะยื่นกล่องอาหารที่เพิ่งซื้อมาให้ชายหนุ่มบนเตียงคิรันหรี่ตาลงนิด มองใบหน้าที่เริ่มซูบลงของหญิงสาวที่เฝ้าไข้เขามาเกือบอาทิตย์ "แล้วเธอล่ะ?""ฉันกินแล้วค่ะ" ไอรีนตอบเรียบๆ แต่คนฟังก็ไม่ได้เชื่อเสียทีเดียวเขาไม่พูดอะไรต่อ ยื่นมือไปหยิบเอกสารที่ธันวาเพิ่งเอามาให้เซ็น พอไอรีนจะช่วย เขากลับส่ายหน้า"แค่นี้ฉันทำเองได้ เธอไปพักเถอะ"“แต่คุณยังมีไข้ต่ำอยู่เลยนะ”“ฉันไม่ใช่คนป่วยกระจอก จะให้ใครมาตามดูแลตลอดเวลาแบบนี้” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงแววดุ หากสายตากลับทอดมองเธออย่างลึกซึ้ง“แต่ก็ขอบใจที่อยู่ตรงนี้”แค่ประโยคสั้นๆ นั้น ทำเอาหัวใจไอรีนเต้นถี่ เธอไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งยิ้มบางให้ แล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้เขาแทนคิรันออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันถัดมา และในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีแค่