แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้
ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรัน
เขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขา
นับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?
ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน
“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี
“เปล่าค่ะ” เธอตอบ พลางข่มใจให้สงบนิ่ง
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สายตาที่จับจ้องมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกลืนกินไปทั้งตัว
พนักงานเปิดประตูเชิญพวกเขาเข้าไปในห้องอาหาร คิรันเดินนำเข้าไปก่อน ส่วนเธอเดินตามหลังอย่างไม่เต็มใจนัก บรรยากาศในร้านหรูหราสง่างาม แสงไฟนวลตาตกกระทบโต๊ะอาหารที่จัดอย่างสมบูรณ์แบบ
ดนตรีแจ๊ซบรรเลงคลอเบา ๆ ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกอย่างไม่น่าเชื่อ
ไอรีนข่มใจไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน แต่เธอกลับไม่อาจห้ามหัวใจตัวเองที่เริ่มเต้นแรงขึ้นทุกที
เมื่อพวกเขานั่งลงที่โต๊ะ คิรันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองออกไปนอกกระจก ใบหน้าคมคายนั้นไร้อารมณ์ แต่กลับให้ความรู้สึกน่าหวั่นเกรง
“สั่งอาหารสิ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ไอรีนมองเมนูตรงหน้า อาหารทุกจานดูแพงระยับเกินกว่าที่เธอจะกล้าสั่ง นี่มันเป็นมื้อค่ำที่หรูหราที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้
“ไม่รู้จะสั่งอะไรหรือไง” คิรันเอียงคอมองเธอ ก่อนจะพยักหน้าให้พนักงาน “เอาตามที่ฉันเคยสั่ง”
“ค่ะ คุณคิรัน” พนักงานโค้งศีรษะก่อนจะเดินจากไป
ไอรีนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันเลือกเองได้นะคะ”
คิรันเลิกคิ้ว “เธอทำเป็นเลือกหรือไง”
ไอรีนเม้มปาก เธออยากเถียง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่เคยมากินร้านแบบนี้จริง ๆ จึงได้แต่เงียบ
คิรันยกมุมปากขึ้นนิด ๆ เหมือนพอใจที่เธอไม่เถียง ก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้า สายตาที่จับจ้องมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังมองทะลุเข้าไปในใจเธอ
“ตั้งแต่วันนั้น… เธอดูเงียบไปนะ”
เธอสะดุ้งเล็กน้อย “วันไหนคะ”
“คืนที่ฉันพาเธอออกจากร้านอาหาร”
เสียงของเขาต่ำและเย็น แต่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
ไอรีนเม้มริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง ใช่… เธอเงียบลง ความรู้สึกบางอย่างที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจ มันเป็นความรู้สึกที่เธอพยายามปฏิเสธมาตลอด แต่กลับห้ามมันไม่ได้
เธอรู้ดีว่าเขาอันตราย… ไม่ใช่ในแบบที่ทำร้ายร่างกาย แต่เป็นแบบที่สามารถทำให้เธอพังทลายได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ… เธอเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากหนีจริง ๆ หรือไม่
หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้
“ฉันแค่… ไม่รู้จะพูดอะไร” เธอเลือกตอบอย่างระมัดระวัง
คิรันจ้องเธอนิ่ง ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้า ๆ “ดีแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แค่ทำตัวให้คุ้นเคยกับฉันก็พอ”
เธอขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไงคะ”
คิรันวางแก้วลงกับโต๊ะ เสียงกระทบเบา ๆ ทำให้บรรยากาศดูจริงจังขึ้น
“ก็หมายความว่า… เธอต้องชินกับการอยู่กับฉัน”
คำพูดนั้นทำให้ลมหายใจของไอรีนสะดุด เธอจ้องเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
ค่ำคืนนี้มืดสนิท มีเพียงแสงไฟระยิบระยับจากตึกสูงที่ทอดยาวไปสุดสายตา อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องอาหารหรูไม่สามารถทำให้หัวใจไอรีนสงบลงได้เลยสักนิด
มื้อเย็นผ่านไปโดยที่เธอแทบไม่ได้รับรู้รสชาติอาหาร ร่างกายของเธอนั่งอยู่ตรงนี้ แต่จิตใจกลับวุ่นวายไปหมดเพราะผู้ชายตรงหน้า—คิรัน
เขาไม่ได้พูดจาห้วนสั้นเหมือนเคย ไม่ได้ออกคำสั่งเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างทุกครั้ง ทุกอย่างดู... นุ่มนวลเกินไป นี่ไม่ใช่คิรันที่เธอเคยรู้จัก
มือหนาของเขาคอยรินน้ำให้ จัดจานอาหารให้ และคอยสังเกตว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร โดยที่ไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่การกระทำเหล่านั้นกลับส่งผลต่อหัวใจของเธออย่างรุนแรง
ไอรีนพยายามบอกตัวเองว่าเธอไม่ควรหลงใหลกับความอ่อนโยนที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เพราะผู้ชายอย่างคิรัน... ไม่เคยมีอะไรที่เกิดขึ้นเพียงเพราะความใจดี ทุกอย่างที่เขาทำล้วนมีเหตุผลและเป้าหมายเสมอ
แต่เหตุผลของคืนนี้... คืออะไรกันแน่?
หลังจากมื้อค่ำ คิรันเป็นคนขับรถมาส่งเธอที่คอนโดฯ ตามเดิม เธอปฏิเสธไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเดินขึ้นไปส่ง แต่เขาก็ไม่ฟัง แน่นอนว่าคิรันไม่ใช่คนที่ยอมเปลี่ยนใจเพราะคำพูดของใครง่าย ๆ และเธอเองก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางชนะเขาในเรื่องนี้
ร่างสูงเดินข้างเธอมาจนถึงหน้าประตูห้อง เธอหันกลับไปมองเขา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ และขอบคุณที่มาส่งค่ะ ฉันเข้าห้องแล้วนะคะ”
เธอจับลูกบิดประตูและกำลังจะปิดมันลง แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น คิรันก็ขยับเข้ามาใกล้จนเธอแทบจะถอยหลังไม่ทัน
เขาก้มลงกระซิบข้างหูเธอ ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะเส้นผมที่ตกลงมาปัดออกจากใบหน้าอย่างแผ่วเบา แต่สัมผัสเพียงเสี้ยววินาทีนั้นกลับทำให้เธอเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต เธอสะดุ้งแต่ไม่อาจถอยหนีได้ เสียงของเขาต่ำและหนักแน่นจนทำให้เธอขนลุกไปทั้งร่าง
“เธอไม่มีวันหนีฉันพ้น จำไว้”
ไอรีนชะงัก ใจเธอเต้นแรงโดยไม่อาจห้ามได้
คิรันผละออกเล็กน้อย ก่อนจะกดมุมปากขึ้นราวกับพอใจกับปฏิกิริยาของเธอ
“และเมื่อไหร่ที่เธอพร้อม...” เขาหยุดเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“เธอจะเป็นของฉันโดยสมบูรณ์”
ไอรีนรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปชั่วขณะ หัวใจเธอกระหน่ำเต้นจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
ก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งสติ คิรันก็หมุนตัวกลับ เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย ทิ้งให้เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
มือที่จับลูกบิดประตูสั่นเล็กน้อย ร่างกายของเธอร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...
ไอรีนหลับตาลง สูดหายใจลึก แล้วผลักประตูเข้าไปในห้องอย่างแรง ก่อนจะรีบปิดมันลงทันที หัวใจของเธอยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ และเธอรู้ดีว่าต่อให้พยายามบอกตัวเองยังไง... คำพูดของคิรันก็จะยังคงก้องอยู่ในหัวเธอไปอีกนาน
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียวเมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูดเมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้าม
เสียงฝีเท้าหนักแน่นกระแทกพื้นดังก้องไปทั่วโถงทางเดินของบริษัท ทุกสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดนิ่ง เมื่อเห็นร่างสูงของคิรันลากไอรีนผ่านเข้ามาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่อัดแน่นจนแทบระเบิดไอรีนพยายามขืนตัว ดึงแขนออกจากการเกาะกุม แต่เปล่าประโยชน์ แรงของเขามากเกินไป"คุณคิรัน! ปล่อยฉันเถอะ!" เธอเอ่ยเสียงแข็ง แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยพนักงานหลายคนมองตามด้วยความตกใจและหวาดหวั่น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือขยับตัวเข้าไปขวาง แม้แต่ธันวา เลขาส่วนตัวของคิรัน ที่มักจะเป็นคนกล้าพูดกับเจ้านายก็ยังได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ'สงสัยคงไปหึงหวงอะไรมาอีกแล้วแน่ ๆ' ธันวาคิดในใจ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายกับความขี้หึงของเจ้านายตัวเองพนักงานบางคนเริ่มกระซิบกันเบา ๆ"นี่มันเรื่องอะไรกัน…""คุณไอรีนไปทำอะไรให้บอสโกรธขนาดนี้?"ธันวาส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ต้องเดาหรอก หึงแน่ ๆ ฉันพนันได้เลย"คิรันกระชากประตูห้องทำงานออกอย่างแรง ก่อนจะผลักไอรีนเข้าไปข้างในและปิด
หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือเช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—""จำเป็น เพราะฉันสั่ง"เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด"ขึ้นรถ"แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีกแต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้นก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิดกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลาใกล้เที่ยงคืน ไอรีนสะดุ้งตื่นจากการเคลิ้มหลับไปทั้งที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตทำงานไม่ถอด โทรศัพท์หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมชื่อที่ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบ—“แม่”“ฮัลโหล แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”เสียงแม่ที่ปลายสายสั่นเครือ ไม่เหมือนปกติ“ไอรีน...พ่อเขา...เขาไปกู้เงินมาอีกแล้วลูก คราวนี้มันไม่ใช่แค่ห้าหกพัน แต่เกือบแสน เจ้าหนี้มาขู่จะให้เอาบ้านไปจำนอง ถ้าไม่หาเงินคืนให้มันภายในอาทิตย์นี้…”เลือดในกายไอรีนเย็นเฉียบลงทันที เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมเสียง“แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอรีนจะหาทางเอง”เธอกดวางสาย ก่อนจะเอนตัวพิงหัวเตียง หัวใจหนักอึ้งจนเหมือนแบกร่างตัวเองไว้ไม่ไหว...วันถัดมาหลังจากทำงานในบริษัทจนถึงช่วงเย็น ไอรีนก็แอบไปหานัท รุ่นพี่จากสถาบันเดียวกัน ที่เธอเคยเจอในงานเลี้ยงลูกค้าเมื่อเดือนก่อน“พี่นัท...คือ...หนูมีเรื่องอยากรบกวนค่ะ พอจะมีงานพิเศษให้ทำบ้างไหม งานออกแบบก็ได้...อะไรก็ได้เลยค่ะ”รุ่นพี่หนุ่มมองหน้าเธอครู่หนึ่ง ก
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ก่อนจะมีเสียงเหนื่อยหอบของแม่ตอบรับสายมา“ไอรีน... โทรมาทำไมตอนนี้ลูก? แม่กำลังจะออกไปคุยกับเจ้าหนี้เขาอีกแล้ว” น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความกังวลและเหนื่อยล้า“ไม่ต้องไปแล้วค่ะแม่... หนูโอนเงินให้แล้ว” ไอรีนพูดนิ่งๆ แต่ชัดเจน เธอนั่งอยู่ในห้องพักของตัวเอง มือยังคงถือโทรศัพท์แนบหู ในใจยังเต้นแรงจากสิ่งที่เธอเพิ่งตัดสินใจทำ“ฮะ... อะไรนะ? โอนอะไรลูก?” น้ำเสียงแม่สั่น“เงินหนี้ของพ่อเลี้ยง... หนูจัดการให้แล้วค่ะ” เธอเน้นย้ำคำว่า ‘พ่อเลี้ยง’ อย่างฝืนใจมีเพียงความเงียบที่ตามมาอีกเกือบสิบนาที ก่อนเสียงแม่จะดังแผ่วเหมือนคนกำลังกลั้นน้ำตา“ไอรีน... หนูไปเอาเงินมาจากไหนลูก? อย่าบอกแม่นะว่าไปกู้หนี้นอกระบบมาอีกคนน่ะ แม่ไม่อยากให้หนูลำบากเพราะเรื่องของแม่กับเขาเลยจริงๆ”“หนูไม่ได้กู้ค่ะแม่ หนูแค่... ทำงานพิเศษ” ไอรีนโกหกเสียงเรียบ“แม่ไม่ต้องห่วง หนูดูแลตัวเองได้ แล้วก็... ยินดีที่ได้ดูแลแม่กับน้อง หนูเต็มใจทำ เ
เสียงฝนกระทบหลังคาดังไม่หยุดตั้งแต่ช่วงบ่าย ไอรีนอยู่ในชุดสบาย ๆ ของวันหยุด นั่งอยู่หน้าต่างห้องพักที่เช่า ใจยังเต็มไปด้วยความรู้สึกดีจากคืนก่อนที่เธอกับคิรันได้เต้นรำกันท่ามกลางเสียงเพลง… ความรู้สึกที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนแต่แล้ว... เสียงเคาะประตูก็ทำลายความเงียบทั้งหมดประตูเปิดออกเผยให้เห็นแม่ของเธอ ยืนอยู่ในสภาพเปียกปอนจากฝน ริมฝีปากซีด และสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดัน“แม่...” ไอรีนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ“แม่ต้องขอโทษที่มาหาลูกถึงที่นี่... แต่แม่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ” เสียงแม่สั่นพร่าไอรีนขมวดคิ้วทันที "อย่าบอกนะคะว่า..."“เขา... เขาต้องใช้เงินอีกแล้ว ไอรีน แม่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริง ๆ สองแสนบาท... แล้วเขาสัญญาว่าจะเลิกทุกอย่าง”“สองแสน?” เสียงของไอรีนแข็งขึ้น“แม่ยังเชื่อคำพูดเขาอีกเหรอคะ? แม่จะเอาอนาคตของหนูแลกกับคำโกหกของผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ?”“เขาสัญญาแล้วลูก! แม่แค่... แค่ขอให้ลูกช่วยแม่อีกครั้งเถอะนะ...”&ldqu
...คิรินถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ปล่อยเธอไปมือหนาไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบขึ้นมาถึงทรวงอกที่ยังหอบสะท้าน…เสียงหายใจของเธอเริ่มช้าลง แต่ภายในยังร้อนรุ่มไม่จางเขากอดเธอไว้แน่นขึ้น ขณะที่สายตาคมใต้แสงสลัวมองเธอเหมือนจะกลืนกินอีกครั้ง“มันยังไม่พอ” เสียงทุ้มกระซิบหนักแน่นใกล้หูก่อนที่เขาจะพลิกตัวขึ้น คว้าร่างบางขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย“คิรัน… เดี๋ยวก่อน…” เธอร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเดินพาเธอออกจากเตียงแต่เขาไม่หยุดสองแขนแข็งแรงอุ้มเธอไปจนถึงริมหน้าต่างสูงของห้องม่านบางไหวเบาในยามค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดตกแสงจากตึกสูงด้านนอกทาบผ่านกระจกใสสะท้อนแผ่นหลังเธอ“อย่าหนีแสง…ให้มันเห็น” เสียงกระซิบติดกลืนหายใจเขาวางเธอลงชิดบานกระจกเย็นเฉียบ ร่างเปลือยเปล่าสั่นสะท้านเมื่อผิวหลังแตะกระจกเธอสะดุ้งน้อยๆ ความเย็นบาดผิว แต่ขณะเดียวกัน มือร้อนผ่าวของเขาก็ลากผ่านต้นขา ไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าและมั่นคงเหมือนเปลวเ
บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้นแต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไปโดยเฉพาะกับเธอ“ไอรีน”หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจแต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิดถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็นคิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดีน้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรกแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาวเหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่า
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห