เสียงดนตรีหวานคลอเบา ๆ ประกอบกับแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามาทั่วทั้งงาน…
งานหมั้นของ ‘คิรัน’ และ ‘ไอรีน’ กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมและโลกออนไลน์ทันทีหลังภาพแรกหลุดออกไป
ชายหนุ่มในชุดสูทตัดเข้ารูปสีดำสนิท ที่แม้ใบหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวงแหน
ยืนเคียงข้างหญิงสาวในชุดหมั้นลูกไม้สีขาวสะอาดที่งดงามราวนางฟ้า
มือของเขากระชับมือเธอไว้แน่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า—เธอเป็นของเขา และจะไม่มีใครแย่งไปได้อีก
“คุณคิรันวางแผนไว้หมดแล้วสินะคะ...” ไอรีนกระซิบขณะยิ้มรับกล้องจากนักข่าว
ชายหนุ่มเหลือบมองต่ำ ไม่ตอบคำ แต่กระชับมือเธอแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงหัวใจของเขา—ที่เต้นแรงเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว
—ในขณะที่ความรักเบ่งบานสำหรับใครบางคน โลกของใครอีกคนก็กำลังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
เสียงโทรทัศน์ดังสนั่นอยู่กลางห้องคอนโดฯ หรู
มายด์เหวี่ยงรีโมตออกไปสุดแรงเมื่อเห็นภาพคู่หมั้นในจอ
เธอกรีดร้องลั่น กัดฟันกรอดจนกรามสั่น
&l
เสียงคลาสสิกจากเปียโนไหลลื่นไปทั่วห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แชนเดอเลียร์ระยิบระยับเหนือศีรษะ แสงไฟนวลอบอุ่นตัดกับผ้าคลุมสีขาวนวลของเจ้าสาวที่ยืนเด่นอยู่กลางเวที ราวกับเทพธิดาเดินทางลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาเพียงคนเดียวคิรันยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเธอในชุดทักซิโด้สีดำเข้ม ทรงผมถูกจัดเรียบไร้ที่ติ ท่าทางสุขุม เย็นชา... แต่แววตา—กลับร้อนแรงจนน่าหวาดหวั่น"พี่คิรัน…" ไอรีนกระซิบเสียงเบา คำเรียกถูกเปลี่ยนไปจากเจ้านายกลายเป็นสามี เมื่อเห็นดวงตาคมดุดันของเขาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียวไม่มีคำตอบใดจากเขา มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นน้อย ๆ ขณะเจ้าหน้าที่ประจำพิธียื่นกล่องแหวนมาให้ทันทีที่เขาหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา...เขาก็โน้มตัวลงกระซิบข้างหูเจ้าสาวคนสวย“คืนนี้เธอไม่รอดแน่… เจอศึกหนักชัวร์” น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ แฝงแววข่มขู่แสนเจ้าเล่ห์“คนบ้า…” ไอรีนหน้าแดงแปร๊ด สะบัดเสียงดุเบา ๆ แต่มือกลับสั่นน้อย ๆ ตอนที่คิรันสวมแหวนให้เธอท่ามกลางเสียงปรบมือจากแขกนับร้อย รอยยิ้มของผู้เป็นแม่และน้องชายของไอรีนที่น
เสียงดนตรีหวานคลอเบา ๆ ประกอบกับแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามาทั่วทั้งงาน…งานหมั้นของ ‘คิรัน’ และ ‘ไอรีน’ กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมและโลกออนไลน์ทันทีหลังภาพแรกหลุดออกไปชายหนุ่มในชุดสูทตัดเข้ารูปสีดำสนิท ที่แม้ใบหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวงแหนยืนเคียงข้างหญิงสาวในชุดหมั้นลูกไม้สีขาวสะอาดที่งดงามราวนางฟ้ามือของเขากระชับมือเธอไว้แน่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า—เธอเป็นของเขา และจะไม่มีใครแย่งไปได้อีก“คุณคิรันวางแผนไว้หมดแล้วสินะคะ...” ไอรีนกระซิบขณะยิ้มรับกล้องจากนักข่าวชายหนุ่มเหลือบมองต่ำ ไม่ตอบคำ แต่กระชับมือเธอแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงหัวใจของเขา—ที่เต้นแรงเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว—ในขณะที่ความรักเบ่งบานสำหรับใครบางคน โลกของใครอีกคนก็กำลังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเสียงโทรทัศน์ดังสนั่นอยู่กลางห้องคอนโดฯ หรูมายด์เหวี่ยงรีโมตออกไปสุดแรงเมื่อเห็นภาพคู่หมั้นในจอเธอกรีดร้องลั่น กัดฟันกรอดจนกรามสั่น&l
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องพักผู้ป่วยยังคงอบอวลในอากาศ ทว่าไม่ได้กลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากปลายผมนุ่มของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มได้เลย"คุณยังไม่กินข้าว"เสียงใสเอ่ยเตือนเบาๆ ขณะยื่นกล่องอาหารที่เพิ่งซื้อมาให้ชายหนุ่มบนเตียงคิรันหรี่ตาลงนิด มองใบหน้าที่เริ่มซูบลงของหญิงสาวที่เฝ้าไข้เขามาเกือบอาทิตย์ "แล้วเธอล่ะ?""ฉันกินแล้วค่ะ" ไอรีนตอบเรียบๆ แต่คนฟังก็ไม่ได้เชื่อเสียทีเดียวเขาไม่พูดอะไรต่อ ยื่นมือไปหยิบเอกสารที่ธันวาเพิ่งเอามาให้เซ็น พอไอรีนจะช่วย เขากลับส่ายหน้า"แค่นี้ฉันทำเองได้ เธอไปพักเถอะ"“แต่คุณยังมีไข้ต่ำอยู่เลยนะ”“ฉันไม่ใช่คนป่วยกระจอก จะให้ใครมาตามดูแลตลอดเวลาแบบนี้” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงแววดุ หากสายตากลับทอดมองเธออย่างลึกซึ้ง“แต่ก็ขอบใจที่อยู่ตรงนี้”แค่ประโยคสั้นๆ นั้น ทำเอาหัวใจไอรีนเต้นถี่ เธอไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งยิ้มบางให้ แล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้เขาแทนคิรันออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันถัดมา และในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีแค่
หน้าห้องฉุกเฉินยังคงเงียบงัน ยกเว้นเสียงก้าวเท้าหนัก ๆ ของคนที่เพิ่งมาถึงด้วยสีหน้าร้อนรน“เป็นยังไงบ้าง!?”ธันวาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหญิงสาวที่นั่งซบหัวพิงกำแพง ใบหน้าซีดเซียวแต่ดวงตายังแดงก่ำและเปี่ยมไปด้วยความหวัง“เขายังอยู่ในห้องฉุกเฉิน...”เสียงของไอรีนแผ่วเบา แต่หนักแน่นพอจะสั่นหัวใจคนฟังธันวาถอนหายใจหนัก มองสภาพของเธอที่ดูสะบักสะบอมไม่แพ้เจ้านายของเขาเลยแม้แต่น้อย“แล้วเธอ...เธอไปเจ็บตรงไหนมั้ย?”“ไม่เป็นไร” เธอส่ายหน้าแรงเกินไปหน่อยจนหน้ามืดวูบ แต่ก็ฝืนกลืนความวิงเวียนลงคอ“ฉันรอเขาได้ ไม่เป็นไรจริง ๆ”ธันวาไม่พูดอะไรต่อ แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างเธอราวกับโล่กำบังความอ่อนแอ จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครนับ สุดท้ายประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก“ใครเป็นญาติของคุณคิรันคะ?”หมอในชุดกราวน์เปื้อนเลือดเอ่ยถามเสียงเครียดไอรีนกับธันวาผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกันทันที“เขาเสียเลือดมาก ต้องการเลือดกรุ๊ป O ด่วน ใครในนี้สามารถบริจาคได้บ้
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของคิรันดังสะท้อนในความเงียบขรึมของห้องที่เพิ่งผ่านพ้นการปะทะคารมอันดุเดือด น้ำเสียงคำรามของเขายังดังก้องในหูของภาคิน ร่างสูงก้าวเข้ามาประคองไอรีนที่แขนยังมีรอยฟกช้ำไว้แนบอก ขณะที่คำพูดสุดท้ายของเขา—คำขู่ที่หนักแน่นจนทำให้ใครก็ตามต้องหวาดหวั่น—ยังลอยค้างกลางอากาศ“ฉันพูดแล้ว…ว่าใครแตะต้องเธอ ฉันจะทำลายให้ไม่เหลือ”ไอรีนซบหน้าลงกับไหล่เขา แววตายังสั่นระริกกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แม้เธอจะกล้าหาญแค่ไหน แต่สถานการณ์ที่เจอก็หนักเกินรับไหว เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้น พลางกระซิบถามเขาเบา ๆ“แล้ว...เราจะเอายังไงต่อกับภาคิน ฉันกลัวว่าเขาจะยังไม่หยุดแค่นี้...”คิรันหยุดเดินทันที สายตาคมเฉียบหันมองกลับไปยังภาคินที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น แต่สิ่งที่เขาไม่เห็นคือ....นิ้วของภาคินมีการขยับเล็กน้อย“ฉันก็คิดแบบเธอ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เฉียบขาด แล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นจากกระเป๋านิ้วเรียวยาวกดหาธันวา—มือขวาที่ไว้ใจได้ที่สุด“โทรแจ้งตำรวจ แจ้งทุกอย่างที่เกิดขึ้น พร
“ฉันทำทุกอย่างก็เพราะฉันรักพี่!”เสียงกรีดร้องปนสะอื้นของมายด์ดังก้องไปทั่วห้องทำงานกว้างขวาง แต่คนที่ได้ยินกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย คิรันยืนตรงหน้าเธอ แผ่นหลังเหยียดตรง สายตาเย็นชาปราศจากความรู้สึก เขายืนบดขยี้คำว่า "รัก" ที่เธอพยายามเอ่ยอย่างไร้ค่าใต้ปลายรองเท้า"รักงั้นเหรอ?" เขาถามกลับด้วยเสียงต่ำเย็นยะเยือก ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน แล้วหยิบแฟ้มเอกสารบางอย่างมาวางลงตรงหน้าเธอด้วยแรงกระแทกเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ “ถ้าเธอรักฉันจริง เธอจะกล้าทำแบบนี้เหรอ?”มายด์มือสั่น ขาสั่น ใจสั่นไปหมด เธอค่อย ๆ เปิดแฟ้มออกดู ภายในมีเอกสารจำนวนมาก ใบรายการโอนเงินจากบัญชีบริษัทเข้าสู่บัญชีชื่อบุคคลภายนอกหลายครั้งซ้อน ภายใต้ชื่อผู้อนุมัติคือ... เธอเอง“ไม่นะ... นี่มัน...” มายด์พูดไม่ออก หัวใจร่วงวูบ เหงื่อเย็นไหลพรากทั้งแผ่นหลัง"รู้ไหมว่าฉันตรวจสอบบัญชีย้อนหลังเองทุกบาท?" น้ำเสียงของคิรันนิ่งสนิท แต่แรงกดดันรอบตัวเขากลับมหาศาลอย่างน่ากลัว"ฉันปล่อยให้เธอคิดว่าเธอทำสำเร็จ เพื่อดูว่าเธอกับมันจะลากฉันลงได้ถึงข
เสียงกระแทกที่ดังถี่และเนิ่นนานสลับกับเสียงหอบหายใจหนักหน่วงในห้องเงียบ ๆ ยามค่ำคืน สะท้อนอยู่ในโสตประสาทของทั้งสองคนเหมือนดนตรีคลั่งที่ไม่มีโน้ตใดควบคุมได้คิรันฝังร่างเข้าไปในกายเธออย่างเต็มที่ มือหนาบีบเอวเธอไว้แน่น เขาเคลื่อนสะโพกเข้าออกด้วยแรงที่ดิบและลึก จังหวะเร่งร้อนสลับช้าชวนบ้าคลั่ง ราวกับกำลังลงโทษตัวเองและบูชาร่างเธอในเวลาเดียวกัน“อืมม…แน่น…คิรัน!” ไอรีนกรีดร้องทั้งน้ำตา ความรู้สึกที่ถูกเขากระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแทบพรากลมหายใจของเธอไปเขาโน้มตัวลงมาเลียหยดน้ำตาบนแก้มเธอ ริมฝีปากจูบซับเบา ๆ ตรงมุมตา ก่อนจะกระซิบเสียงพร่าชิดหูเธอ“ร้องออกมาไอรีน…บอกฉันว่าเธอเป็นของฉัน…คนเดียว…”“ฉัน…อ๊า! ฉันเป็นของคุณ…คิรัน…ของคุณคนเดียว…”แม้ร่างกายจะเจ็บร้าวจากแรงรักอันบ้าคลั่ง แต่ใจของเธอกลับสงบนิ่งอย่างประหลาด เธอรู้ตัวดีว่าไม่มีที่ใดอีกแล้ว ที่ปลอดภัยเท่าอ้อมกอดของเขาเขาครางต่ำในลำคออย่างพึงใจ ก่อนจะพลิกตัวให้เธอขึ้นคร่อม และจับสะโพกเธอแน่น
เสียงส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนสะท้อนกับความเงียบงันในโถงทางเดินเมื่อหญิงสาวก้าวออกมาจากมุมที่ซ่อนตัว ความรู้สึกตีกันในอกทั้งสับสน โกรธ เจ็บ และชา... แต่ก่อนที่ไอรีนจะได้หันหลังกลับ เธอก็ต้องชะงัก ร่างทั้งร่างแทบหยุดหายใจเมื่อสบเข้ากับดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้น—คิรันยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ได้หลบ ไม่ได้หลีก และไม่พูดอะไรสักคำ“คุณ...” เสียงของเธอแผ่วเบาอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ยังไม่ทันถามออกไป มือแกร่งก็ดึงข้อมือเธอแรงพอจะทำให้ร่างเซตามไปคิรันไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ เขาเพียงแค่จ้ำพาออกไปจากตึกอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดและเสียงเพลงเบื้องหลังที่ค่อย ๆ จางหายประตูรถถูกเปิดอย่างแรง แล้วปิดเสียงดัง ก่อนที่เครื่องยนต์จะถูกสตาร์ทพร้อมกับแรงขับที่ทำให้ไอรีนต้องยึดเบาะไว้แน่น“คุณรู้ได้ยังไง...” ไอรีนเปิดปากถามในที่สุด ขณะที่คิรันขับรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาไม่ตอบทันที จนกระทั่งเลี้ยวรถออกจากลานจอด “เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธออยู่ในที่แบบนั้นโดยไม่มีใครมองเหรอ?”“...คุณตามฉัน?”“ฉันไม่ได้ตาม แต่ฉันเ
คิรันนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว ที่พักหรูบนตึกสูงใจกลางกรุงเทพฯ เงียบ… เงียบเกินไป จนเขาเริ่มได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองชัดเจนเกินความจำเป็นหลังจากเมื่อคืนเขาถูกไอรีนไล่กลับมาด้วยแววตาผิดหวังปนเจ็บลึก ความรู้สึกผิดบางอย่างก็กัดกินเขาอย่างเงียบเชียบและต่อเนื่อง มันรุนแรงพอ ๆ กับความรู้สึกอื่นที่ตีกันวุ่นวายอยู่ในหัวใจของผู้ชายที่ชื่อ คิรันความหวาดระแวง ความไม่เชื่อใจ ความโกรธในอดีต มันกำลังกลืนกินสิ่งดี ๆ ที่เขากำลังจะมีกับผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองยังมีหัวใจอยู่...ไอรีนเขาหลับตาลง ย้อนกลับไปนึกถึงวันแรกที่ได้พบเธอ... วันนั้นเธอกำลังถือแก้วกาแฟ เดินตรงออกมาจากร้านที่เขาไปบ่อยตั้งแต่เปิดกิจการใหม่ ๆความจริงแล้ว...มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยเขาตั้งใจเดินตัดหน้าเธอเองตั้งใจให้เธอชนเขาเพราะอยากมีข้ออ้าง… เพื่อเริ่มต้นทำความรู้จักเธอไม่ได้สวยหยาดฟ้าหรือโดดเด่นกว่าใครในร้านนั้นแต่ในแววตาของเธอ... เขาเห็นบางอย่างความเข้มแข็ง ความดื้อรั้น ความไม่ยอมแพ้มัน