แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา
"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆ
ไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูด
เมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้ามได้ หัวใจของเธอสับสนเกินกว่าจะจัดระเบียบความรู้สึกของตัวเองได้ทัน
ระหว่างที่กำลังเดินกลับไปที่ห้องประชุม เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นจากด้านข้าง
"คุณเป็นผู้ช่วยของคุณคิรันใช่ไหมครับ?"
ไอรีนหันไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเรียบร้อยส่งยิ้มอบอุ่นให้ เขาคือหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทนี้—ชานนท์ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ มือของเขาถือแฟ้มเอกสารบางอย่างอยู่ด้วย
"ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" ไอรีนถามกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เห็นว่าคุณดูไม่คุ้นหน้า ผมเลยอยากเข้ามาทำความรู้จัก" เขายิ้ม
"ผมชื่อชานนท์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก"
ไอรีนยิ้มบาง ๆ "ไอรีนค่ะ"
เธอไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ คำพูดของชานนท์เป็นเพียงการทักทายตามมารยาท เธอจึงพยักหน้ารับอย่างสุภาพ
"คุณไอรีนดูเป็นคนตั้งใจทำงานดีนะครับ ผมสังเกตดูในที่ประชุมเมื่อกี้"
ไอรีนพยักหน้าน้อย ๆ "ขอบคุณค่ะ"
สายตาของเธอสะดุดกับป้ายชื่อที่ห้อยอยู่ตรงอกเสื้อของเขา ก่อนที่สมองของเธอจะประมวลผลถึงบางอย่างได้ทันที
"คุณจบจากมหาลัย S ใช่ไหมคะ?" เธอเอ่ยขึ้น ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อยเมื่อเห็นตรามหาวิทยาลัยที่คุ้นเคยบนเอกสารในมือของชานนท์
ชานนท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ "ใช่ครับ คุณก็จบจากที่นั่นเหมือนกันเหรอ?"
"เปล่าค่ะ ฉันกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายค่ะ รุ่นที่เท่าไหร่คะ?" ไอรีนเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะการพบศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเดียวกันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ
ชานนท์ยิ้มกว้างขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจที่บทสนทนาเริ่มราบรื่น "ผมรุ่นที่ 45 ครับ แล้วคุณล่ะ?"
"50 ค่ะ" ไอรีนตอบกลับ ก่อนจะหัวเราะน้อย ๆ "แสดงว่าคุณเป็นรุ่นพี่ฉันสิคะ?"
"งั้นผมขอใช้สิทธิ์รุ่นพี่ เลี้ยงกาแฟคุณสักแก้วดีไหมครับ?"
น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายและเป็นกันเอง แต่ขณะที่เขาพูด เขาก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเล็กน้อย
ไอรีนเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยชอบมาพากล เธอหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะขยับตัวถอยออกเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ ฉันต้องรีบกลับไปที่ห้องประชุมแล้ว"
เธอพยายามจะตัดบทสนทนา และขยับตัวไปอีกทาง แต่ก่อนที่เธอจะได้ก้าวไปไหน มือของชานนท์ก็เอื้อมมาจับแขนเธอเบา ๆ อย่างถือโอกาส
"ถ้าคุณไม่รังเกียจ เราน่าจะได้เจอกันอีกนะครับ..."
ไอรีนสะดุ้ง หัวใจเต้นแรงขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะความเขินอาย กลับเป็นเพราะความไม่ชอบใจ เธอขยับถอยหลังเล็กน้อยเตรียมจะดึงแขนออก แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร แรงกดที่ข้อมือของชานนท์ก็หายไป
เพราะมันถูกแทนที่ด้วยแรงบีบจากมือของใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่า—หนักแน่นกว่า—และเปี่ยมไปด้วยโทสะที่คุกรุ่น
"ปล่อยมือ" เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นจากด้านข้าง
ไอรีนเบิกตากว้าง หัวใจของเธอแทบหยุดเต้นเมื่อหันไปพบกับใบหน้าของคิรัน ดวงตาคมกริบของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ริมฝีปากเม้มแน่น และคิ้วขมวดเข้าหากันจนเห็นรอยพับลึก
มือใหญ่ของเขาจับแขนของชานนท์แน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหลังมือนี่มัน… สัญญาณของพายุอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ!
ชานนท์ชะงักไป ใบหน้าขึ้นสีด้วยความอับอายและไม่พอใจ เขาพยายามดึงมือออก แต่แรงของคิรันแข็งแกร่งเกินไป
"อย่ามายุ่งกับคนของฉัน" เสียงเข้มต่ำของคิรันทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นเฉียบ ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ คนที่อยู่ใกล้ ๆ เริ่มหันมามองด้วยความตกตะลึง บางคนกระซิบกระซาบกันเบา ๆ
แต่คิรันไม่สนใจ มือหนาของเขากระชากข้อมือไอรีนอย่างแรง จนเธอเซถลาไปตามแรงลากของเขา
"คุณคิรัน! ปล่อยก่อนค่ะ!" เธอพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่ไร้ผล
เสียงพนักงานบางคนเริ่มดังขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"
"คุณคิรันดูโกรธมาก..."
แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาลากเธอออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองเธอ สายตาคมกริบเต็มไปด้วยอารมณ์เดือดดาล เขาลากเธอออกไปจากบริเวณนั้นโดยไม่สนใจว่ากำลังอยู่ต่อหน้าลูกค้า หรือสายตาของพนักงานคนอื่นที่มองตามด้วยความตกตะลึง
"คุณไม่มีสิทธิ์มาดึงมาลากฉันแบบนี้!"
ไอรีนพยายามขืนตัว น้ำเสียงของเธอสั่นไปด้วยความโกรธ เธอสะบัดแขนสุดแรง แต่เขาไม่ปล่อย
คิรันหยุดกะทันหัน ดึงร่างเธอเข้ามาประชิดพร้อมกับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ แรงบีบที่ข้อมือทำให้เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
"บอกแล้วไงว่าฉันมีสิทธิ์" เสียงของเขาต่ำและหนักแน่น "ตราบใดที่เธอยังมีสัญญาทำงานกับฉันอยู่!"
ไอรีนกัดริมฝีปากแน่น จ้องตอบเขาด้วยสายตาดื้อรั้น เธออาจจะแพ้ในเรื่องพละกำลัง แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาควบคุมทุกอย่างง่าย ๆ!
สายลมพัดผ่านรอบตัว แต่กลับไม่อาจทำให้อุณหภูมิที่ระอุขึ้นระหว่างพวกเขาสงบลงได้ ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย กลับยิ่งทำให้หัวใจของไอรีนเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม
อ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางของไอรีนไว้แน่นใต้ผ้าขนหนูที่ชื้นแนบผิว เขาอุ้มเธอกลับมาที่เตียงช้า ๆแผ่นหลังเปลือยเปียกชื้นแนบกับแผ่นอกของเขา ไม่มีคำพูดใด—มีเพียงลมหายใจร้อนระอุแนบซอกคอที่ยังมีรอยแดงจากจูบก่อนหน้าเตียงนุ่มดูดร่างเธอลงทันทีที่เขาวางเธอลงบนผืนผ้าใหม่ ผ้าขนหนูหลุดล่นอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอยู่คิรันโน้มตัวลงคร่อม พร้อมทั้งไล้ปลายนิ้วจากปลายคางลงมาถึงกระดูกเชิงกรานเขาไม่เร่งรีบ ไม่มีการเร่งจังหวะแต่ทุกสัมผัสกลับเจตนาชัดเจนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวเขาโน้มลงจูบที่แอ่งท้องต่ำ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วสัมผัสที่กลางเรียวขาไอรีนสะดุ้งวาบ ริมฝีปากเผยอโดยไร้เสียง"อย่าหลบ"เขากระซิบเสียงต่ำตรงหน้าอกแล้วดูดปลายยอดอกแรง ๆ ราวกับลงโทษที่เธอพยายามเบี่ยงตัวหนีมือเธอจิกบ่าเขาแน่นก่อนที่เขาจะตวัดลิ้นลงไปต่ำกว่าเดิม…เสียงหอบถี่ดังขึ้นสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ หัวใจเธอเต้นแรงราวจะระเบิด มือข้างหนึ่งของเธอเลื่อนไปโอบท้ายทอยเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปลิ้นร้อนแตะช้า ๆ
แสงแดดยามสายสาดกระทบผิวน้ำทะเลจนระยิบระยับ สายลมอุ่นหอบกลิ่นเกลือจาง ๆ พัดผ่านปลายเส้นผมนุ่มของเธอที่ปลิวไสวตามแรงลม ไอรีนก้าวเท้าเปล่าไปตามแนวหาดทรายละเอียดสีขาวสะอาด รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อเธอหันกลับไปมองคนที่นั่งนิ่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว"พี่คิรัน! รีบตามมาสิ!"เสียงใสเรียกพร้อมกับโบกมือให้เขาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ ลงไปในน้ำตื้นที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง ฝูงปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายอยู่รอบข้อเท้าของเธอ เธอหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่คิรันยืนขึ้นช้า ๆ สะพายกล้องไว้บนคอ ปรายตามองคนตัวเล็กที่เล่นน้ำอย่างไร้พิษภัยด้วยสายตาที่ซ่อนรอยยิ้มไม่มิด…เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้โลกของเขาเงียบสงบได้ถึงเพียงนี้แม้ภายนอกจะยังเป็นชายหนุ่มที่สุขุม เย็นชา พูดน้อยอย่างเคยแต่ตั้งแต่วันนั้น…วันที่ไอรีนกลายเป็น ‘เมีย’ อย่างถูกต้องตามกฎหมายและหัวใจความเย็นชากลายเป็นความอ่อนโยนที่มีให้เธอเพียงคนเดียว“ขอบคุณที่เธอเข้ามาเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล…&rdquo
เสียงคลื่นซัดกระทบหาดทรายเบา ๆ พร้อมกับลมทะเลอ่อน ๆ พัดโชยผ่านใบหน้า ไอรีนหลับตารับแสงแดดอุ่นยามเช้า ปล่อยให้ตัวเองซึมซับบรรยากาศของมัลดีฟส์ในยามเช้าอย่างเต็มที่ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อหันไปมองคนข้างตัว—สามีหมาด ๆ ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ริมระเบียงเมื่อคืน...คือคืนเข้าหอที่เธอไม่มีวันลืมเขาทำให้เธอแทบขาดใจ แต่หัวใจก็พองโตด้วยความสุข"เหนื่อยไหม?" เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"เหนื่อยจะตาย..." ไอรีนตอบตามตรงก่อนจะหันมายิ้มหวาน ยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ"แต่ก็ยังไม่ตาย ยังเดินไหวค่ะพี่คิรัน"เขาเหลือบตามองเธอ ริมฝีปากกระตุกขึ้นนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าเหมือนเดิม ไอรีนแอบเบะปาก ก่อนจะเดินไปซุกแขนเขาอย่างออดอ้อน"พี่ขา...เรามาฮันนีมูนนะ ไม่ใช่มาประชุม""สามีคุณมีงานที่ยังต้องเคลียร์""งั้นขอแค่ชั่วโมงเดียว ให้ฉันไปเล่นน้ำทะเลหน่อยนะคะ..."เธอเขย่าแขนเขาเบา ๆ ทำเสียงออดอ้อนจนคนที่พยายามไม่สบตาต้องถอนหายใจแล้วหันมาเผชิญหน้า"ใส่เสื้อผ้าดี ๆ""รับทราบค่ะ!" ไอรีน
เสียงคลาสสิกจากเปียโนไหลลื่นไปทั่วห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แชนเดอเลียร์ระยิบระยับเหนือศีรษะ แสงไฟนวลอบอุ่นตัดกับผ้าคลุมสีขาวนวลของเจ้าสาวที่ยืนเด่นอยู่กลางเวที ราวกับเทพธิดาเดินทางลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาเพียงคนเดียวคิรันยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเธอในชุดทักซิโด้สีดำเข้ม ทรงผมถูกจัดเรียบไร้ที่ติ ท่าทางสุขุม เย็นชา... แต่แววตา—กลับร้อนแรงจนน่าหวาดหวั่น"พี่คิรัน…" ไอรีนกระซิบเสียงเบา คำเรียกถูกเปลี่ยนไปจากเจ้านายกลายเป็นสามี เมื่อเห็นดวงตาคมดุดันของเขาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียวไม่มีคำตอบใดจากเขา มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นน้อย ๆ ขณะเจ้าหน้าที่ประจำพิธียื่นกล่องแหวนมาให้ทันทีที่เขาหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา...เขาก็โน้มตัวลงกระซิบข้างหูเจ้าสาวคนสวย“คืนนี้เธอไม่รอดแน่… เจอศึกหนักชัวร์” น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ แฝงแววข่มขู่แสนเจ้าเล่ห์“คนบ้า…” ไอรีนหน้าแดงแปร๊ด สะบัดเสียงดุเบา ๆ แต่มือกลับสั่นน้อย ๆ ตอนที่คิรันสวมแหวนให้เธอท่ามกลางเสียงปรบมือจากแขกนับร้อย รอยยิ้มของผู้เป็นแม่และน้องชายของไอรีนที่น
เสียงดนตรีหวานคลอเบา ๆ ประกอบกับแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามาทั่วทั้งงาน…งานหมั้นของ ‘คิรัน’ และ ‘ไอรีน’ กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมและโลกออนไลน์ทันทีหลังภาพแรกหลุดออกไปชายหนุ่มในชุดสูทตัดเข้ารูปสีดำสนิท ที่แม้ใบหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวงแหนยืนเคียงข้างหญิงสาวในชุดหมั้นลูกไม้สีขาวสะอาดที่งดงามราวนางฟ้ามือของเขากระชับมือเธอไว้แน่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า—เธอเป็นของเขา และจะไม่มีใครแย่งไปได้อีก“คุณคิรันวางแผนไว้หมดแล้วสินะคะ...” ไอรีนกระซิบขณะยิ้มรับกล้องจากนักข่าวชายหนุ่มเหลือบมองต่ำ ไม่ตอบคำ แต่กระชับมือเธอแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงหัวใจของเขา—ที่เต้นแรงเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว—ในขณะที่ความรักเบ่งบานสำหรับใครบางคน โลกของใครอีกคนก็กำลังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเสียงโทรทัศน์ดังสนั่นอยู่กลางห้องคอนโดฯ หรูมายด์เหวี่ยงรีโมตออกไปสุดแรงเมื่อเห็นภาพคู่หมั้นในจอเธอกรีดร้องลั่น กัดฟันกรอดจนกรามสั่น&l
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องพักผู้ป่วยยังคงอบอวลในอากาศ ทว่าไม่ได้กลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากปลายผมนุ่มของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มได้เลย"คุณยังไม่กินข้าว"เสียงใสเอ่ยเตือนเบาๆ ขณะยื่นกล่องอาหารที่เพิ่งซื้อมาให้ชายหนุ่มบนเตียงคิรันหรี่ตาลงนิด มองใบหน้าที่เริ่มซูบลงของหญิงสาวที่เฝ้าไข้เขามาเกือบอาทิตย์ "แล้วเธอล่ะ?""ฉันกินแล้วค่ะ" ไอรีนตอบเรียบๆ แต่คนฟังก็ไม่ได้เชื่อเสียทีเดียวเขาไม่พูดอะไรต่อ ยื่นมือไปหยิบเอกสารที่ธันวาเพิ่งเอามาให้เซ็น พอไอรีนจะช่วย เขากลับส่ายหน้า"แค่นี้ฉันทำเองได้ เธอไปพักเถอะ"“แต่คุณยังมีไข้ต่ำอยู่เลยนะ”“ฉันไม่ใช่คนป่วยกระจอก จะให้ใครมาตามดูแลตลอดเวลาแบบนี้” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงแววดุ หากสายตากลับทอดมองเธออย่างลึกซึ้ง“แต่ก็ขอบใจที่อยู่ตรงนี้”แค่ประโยคสั้นๆ นั้น ทำเอาหัวใจไอรีนเต้นถี่ เธอไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งยิ้มบางให้ แล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้เขาแทนคิรันออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันถัดมา และในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีแค่