หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกอย่างรอบตัวไอรีนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
คิรันไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงาน แต่วันถัดมา เขากลับออกคำสั่งให้เธอย้ายมานั่งทำงานในห้องของเขาอย่างถาวร โดยให้เหตุผลกับพนักงานคนอื่นว่าเป็นมาตรการรักษาความลับของโปรเจ็กต์สำคัญที่เธอต้องรับผิดชอบ
“ผมเข้าใจครับบอส โปรเจ็กต์ใหญ่ ข้อมูลสำคัญ” ธันวาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน
“แต่ผมว่าคุณแค่หวง…”
ไอรีนรู้สึกอึดอัดกับการเปลี่ยนแปลงนี้สุด ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกจับขังอยู่ใต้สายตาของคิรันเลยสักนิด! เธอไม่สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างอิสระ ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีสายตาคมกริบของเขาจับจ้อง และแน่นอน—ไม่สามารถใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแปลก ๆ
แต่ต่อให้เธอจะพยายามบ่นหรืออ้อนวอนขนาดไหน คิรันก็ยังคงนิ่งเฉยและยืนยันคำสั่งของเขา
ค่ำวันหนึ่ง คิรันพาไอรีนไปทานอาหารเย็นกับลูกค้ารายสำคัญที่ห้องอาหารส่วนตัวแห่งหนึ่ง ร้านอาหารตกแต่งอย่างหรูหรา แสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย แต่กลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“คุณไอรีน ดูดีมากเลยนะครับ” เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกล่าวชม ดวงตาของเขาเป็นประกายแปลก ๆ เมื่อมองเธอ
ไอรีนฝืนยิ้มและพยักหน้าตอบตามมารยาท ก่อนจะหันไปสบตากับคิรันที่ยังคงนิ่งเงียบ ราวกับไม่สนใจคำพูดของลูกค้าแม้แต่น้อย แต่เธอสัมผัสได้ถึงกระแสความเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
บทสนทนาดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งชายคนนั้นเริ่มพูดถึงเรื่องงานของตัวเอง และพยายามชักชวนไอรีนให้ย้ายไปทำงานกับเขา
“สาวสวย ฉลาด และมีความสามารถแบบคุณ ถ้ามาทำงานกับผม รับรองว่าจะได้รับค่าตอบแทนที่ดีกว่าแน่นอน”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันพอใจกับงานที่ทำอยู่แล้ว” ไอรีนตอบกลับอย่างสุภาพ
“เสียดายจัง” ลูกค้าหนุ่มใหญ่หัวเราะเบา ๆ ดวงตาของเขาไล่มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “
แต่ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ผมยินดีรับคุณเสมอนะ”
ไอรีนฝืนยิ้ม และเลือกที่จะเงียบ เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของคิรันที่มองมา แต่เขายังคงไม่พูดอะไร
จังหวะนั้นเอง โทรศัพท์ของคิรันสั่นขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะขอตัวออกไปรับสายที่ด้านนอก
นั่นเป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศของโต๊ะอาหารเปลี่ยนไปทันที
ลูกค้าคนนั้นยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ก่อนจะยิ้มให้เธอ
“เห็นคุณทำงานใกล้ชิดกับคุณคิรันแบบนี้ คงสนิทกันมากเลยสิ”
ไอรีนแค่นหัวเราะ “ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยของเขาค่ะ”
“แค่ผู้ช่วย?” ชายตรงหน้าหัวเราะเบา ๆ
“ถ้าผมเป็นเขา มีผู้ช่วยสวยขนาดนี้อยู่ใกล้ ๆ ผมคงไม่ปล่อยให้เป็นแค่ ‘ผู้ช่วย’ หรอก”
คำพูดนั้นทำให้ไอรีนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที เธอขยับตัวเล็กน้อยเพื่อสร้างระยะห่าง แต่ชายคนนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“ดื่มหน่อยสิครับ ถือเป็นการผูกมิตร” เขายื่นแก้วไวน์มาตรงหน้าเธอ
ไอรีนส่ายหน้า “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ดื่ม”
“โถ่ อย่าปฏิเสธกันแบบนี้สิ” เขายิ้ม แต่แววตาไม่ได้เป็นมิตรเลยสักนิด “คุณคิรันไม่อยู่แล้ว ไม่ต้องเกร็งก็ได้นะ”
ไอรีนเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดี เธอลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกไป แต่จู่ ๆ มือใหญ่ของอีกฝ่ายก็คว้าข้อมือของเธอไว้แน่น
“อย่าเพิ่งรีบไปสิครับ” เสียงของเขาต่ำลง ใบหน้าแสดงออกถึงความพึงพอใจที่ได้เห็นท่าทางอึดอัดของเธอ
“เรายังคุยกันไม่จบเลย”
ไอรีนพยายามสะบัดมือออก แต่เขากลับกระชากเธอเข้ามาใกล้กว่าเดิม ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่นิ้ว ลมหายใจอบอ้าวของเขาทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง
“ปล่อยฉัน” ไอรีนกัดฟันพูด เสียงของเธอแข็งขึ้น
“อย่าทำเป็นเล่นตัวเลยน่า” เขาหัวเราะเบา ๆ มืออีกข้างเลื่อนไปแตะที่ต้นแขนของเธอ
“คุณก็รู้ว่าผู้หญิงอย่างคุณ… คงไม่ใช่คนไร้เดียงสาขนาดนั้นหรอก ใช่ไหม?”
คำพูดต่ำช้านั้นทำให้เลือดในกายไอรีนเดือดพล่าน เธอสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากการเกาะกุม ก่อนจะก้าวถอยหลังออกมา
“คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับฉัน” เธอพูดชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาสั่นไหวด้วยความโกรธ
“โอ๊ะ ดูเหมือนว่าผมจะไปสะกิดอะไรเข้าซะแล้ว” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวเข้าหาเธอ
ไอรีนถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนแผ่นหลังชนเข้ากับผนัง ไม่มีทางหนีแล้ว—
และในวินาทีนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับพลังมหาศาลที่กระชากร่างของลูกค้าคนนั้นออกไปอย่างรุนแรง…
คิรันเดินกลับเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับสีหน้าที่นิ่งสนิท แต่ดวงตากลับคมกริบและเย็นเยียบจนน่าขนลุก
ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า—มือของลูกค้ารายนั้นกำลังบีบแขนไอรีนแน่น ร่างของเธอสะบัดออกแต่เขายังคงรั้งไว้ และที่ทำให้เขาเดือดพล่านที่สุดคือใบหน้าของเธอที่ซีดเผือดแต่ยังคงพยายามดิ้นหนี
คิรันไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว—
ผลัวะ!!
เสียงกำปั้นกระแทกเข้าที่ใบหน้าของชายคนนั้นดังสนั่น ลูกค้าคนสำคัญล้มลงไปกระแทกกับพื้น เสียงหอบหายใจของคิรันดังหนักหน่วง ธันวาซึ่งยืนอยู่หน้าประตูเบิกตากว้าง รีบพุ่งเข้ามาห้ามโดยไว
"บอส! ใจเย็นก่อนครับ!"
แต่คิรันไม่แม้แต่จะชายตาแลไปทางเลขาของเขา ดวงตาคมกริบจ้องมองเหยื่อของเขาอย่างดุดัน ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้อีกฝ่ายที่ยังนอนมึนอยู่บนพื้น ก่อนจะกระชากคอเสื้อขึ้นมา
พลั่ก!
หมัดที่สองซัดเข้าที่แก้มอีกฝ่ายจนเลือดกลบปาก คิรันไม่ใช่แค่โมโห เขากำลังเดือดจัด นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของศักดิ์ศรีทางธุรกิจ แต่มันเป็นเรื่องของ เธอ—
ไอรีน!
"พอแล้วครับบอส! เขาจะสลบแล้ว!" ธันวารีบเข้ามาดึงแขนคิรันไว้ด้วยความตื่นตระหนก คิรันหายใจแรง คิ้วขมวดแน่น ขณะที่ร่างของลูกค้าถูกปล่อยลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
ชายคนนั้นรีบเงยหน้าขึ้น มองคิรันด้วยความหวาดหวั่นก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่รู้สึกได้ว่าเป็นรอง เขารีบกล่าวโทษทันที
"ฉันไม่ได้ผิด! ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่ทำท่าทางยั่วยวน! เธอคิดจะใช้เสน่ห์เพื่อให้ฉันช่วยเรื่องเงินหรือเปล่า?!"
ไอรีนเบิกตากว้าง ดวงตาสั่นระริกด้วยความโกรธจัด เธอไม่ได้ต้องการให้ใครมาออกหน้าปกป้องเธอ แต่เธอจะไม่ยอมให้ใครมากล่าวหาว่าเธอไร้ศักดิ์ศรี!
เพี้ยะ!!!
เสียงฝ่ามือของเธอฟาดเข้าที่ใบหน้าของลูกค้าเต็มแรง ทุกคนในห้องต่างเงียบกริบ มีเพียงเสียงหอบหายใจของเธอ
"แกไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับฉัน!" ไอรีนตวาดอย่างเดือดดาล
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ต้องพึ่งเงินจากใคร และไม่มีวันลดตัวไปเล่นเกมสกปรกอย่างที่แกคิด!"
ลูกค้าคนนั้นอ้าปากจะเถียง แต่ไม่ทันได้เอ่ยอะไร คิรันก็ยกมือขึ้นชี้หน้าเขา ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ไม่อาจต้านทานได้
"เธอเป็นของฉัน ห้ามใครแตะต้อง!"
เสียงเข้มต่ำกระแทกเข้าไปในโสตประสาทของทุกคนในห้อง ไอรีนชะงักไปเช่นกัน ใบหน้าของเธอร้อนวูบจากคำพูดนั้น แม้คิรันเคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน—แต่เขาไม่เคยประกาศแบบนี้ต่อหน้าใคร
คิรันหันไปทางธันวา ซึ่งยังคงมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเย็น
"ยกเลิกข้อตกลงทุกอย่างกับมัน"
ธันวาเผลอกะพริบตา "บอส นี่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราเลยนะครับ—"
"ฉันไม่สน" คิรันตัดบททันทีโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง
"แต่—"
"ฉันพูดคำไหนคำนั้น ธันวา ยกเลิก" คิรันเน้นเสียงหนัก ไม่ให้มีช่องว่างสำหรับข้อโต้แย้ง
ไอรีนเบิกตากว้าง เธอเข้าใจว่าคิรันโกรธ แต่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว—นี่คือธุรกิจที่มีเงินมหาศาลเป็นเดิมพัน
"คุณคิรัน..." เธอเอ่ยเสียงแผ่ว พลางมองใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
"อย่าพูดว่าไม่เป็นไร" คิรันตัดบทโดยไม่ต้องฟังคำพูดของเธอจบ
"มันไม่ควรแตะต้องเธอ นั่นคือเส้นตายของฉัน"
ธันวาถอนหายใจยาวอย่างหนักใจ แต่ไม่มีใครกล้าเถียง
"รับทราบครับบอส..."
คิรันโน้มตัวลงกระซิบข้างหูไอรีนเสียงต่ำ "ไปกันเถอะ"
ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยอะไร ร่างสูงก็โอบไหล่เธอแล้วพาเดินออกจากห้องไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองคนที่ยังคงนั่งตะลึงอยู่
ขณะที่เดินออกจากห้องอาหาร ไอรีนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันรอบตัว เธอไม่กล้าหันไปมองคิรัน แต่เธอรู้ว่าเขากำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่
จนกระทั่งขึ้นรถ คิรันกระแทกประตูปิดแรงจนเธอสะดุ้ง เขานั่งนิ่ง คางเกร็งแน่นขณะกำพวงมาลัย มือของเขายังคงมีร่องรอยแดงจากการชกเมื่อครู่
"คุณคิรัน..." ไอรีนเอ่ยเสียงเบา
"อย่าพูดอะไรตอนนี้" คิรันกัดฟันตอบ ก่อนจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดทางกลับ ไอรีนเงียบมาตลอด ใจเธอยังคงเต้นแรงจากเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอรู้ว่าคิรันโหด แต่ไม่คิดว่าเขาจะไม่ลังเลเลยสักนิดเมื่อเป็นเรื่องของเธอ
สุดท้ายเมื่อรถจอดสนิทหน้าที่พักของไอรีน เธอกระซิบเบา ๆ "ขอบคุณนะคะ..."
คิรันเหลือบมองเธอเล็กน้อยก่อนจะพึมพำกลับมา
"เธอเป็นของฉัน ไอรีน ฉันไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรเธอได้หรอก"
ไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ใจเต้นรัว ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะคำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึก... สั่นไหว
ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร คิรันจู่ ๆ ก็ดึงเธอเข้ามากอดแน่น อ้อมแขนแข็งแรงโอบรอบตัวเธอราวกับจะยืนยันว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นของใครอื่น
"ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก" เขาพึมพำเสียงแผ่วข้างหูเธอ
ไอรีนรู้ว่าเธอควรผลักเขาออก แต่หัวใจของเธอ... กลับไม่ได้ต้องการแบบนั้น
แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรันเขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขานับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียวเมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูดเมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้าม
เสียงฝีเท้าหนักแน่นกระแทกพื้นดังก้องไปทั่วโถงทางเดินของบริษัท ทุกสายตาของพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดนิ่ง เมื่อเห็นร่างสูงของคิรันลากไอรีนผ่านเข้ามาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่อัดแน่นจนแทบระเบิดไอรีนพยายามขืนตัว ดึงแขนออกจากการเกาะกุม แต่เปล่าประโยชน์ แรงของเขามากเกินไป"คุณคิรัน! ปล่อยฉันเถอะ!" เธอเอ่ยเสียงแข็ง แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยพนักงานหลายคนมองตามด้วยความตกใจและหวาดหวั่น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือขยับตัวเข้าไปขวาง แม้แต่ธันวา เลขาส่วนตัวของคิรัน ที่มักจะเป็นคนกล้าพูดกับเจ้านายก็ยังได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ'สงสัยคงไปหึงหวงอะไรมาอีกแล้วแน่ ๆ' ธันวาคิดในใจ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายกับความขี้หึงของเจ้านายตัวเองพนักงานบางคนเริ่มกระซิบกันเบา ๆ"นี่มันเรื่องอะไรกัน…""คุณไอรีนไปทำอะไรให้บอสโกรธขนาดนี้?"ธันวาส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ต้องเดาหรอก หึงแน่ ๆ ฉันพนันได้เลย"คิรันกระชากประตูห้องทำงานออกอย่างแรง ก่อนจะผลักไอรีนเข้าไปข้างในและปิด
หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานวันนั้น ไอรีนก็เริ่มกลับมาหลบหน้าคิรันอีกครั้ง เธอเลือกเส้นทางเดินที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา และพยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอหลุดมือเช้าวันจันทร์ รถยนต์คันหรูจอดนิ่งอยู่หน้าคอนโดของเธออีกครั้ง คนขับไม่ใช่ใครอื่น—คิรัน เขายืนพิงรถด้วยท่าทีเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ใบหน้าสงบนิ่งแต่แววตาทิ่มแทงเหมือนจับจ้องเธออยู่ตลอดเวลา"คุณมาทำอะไรที่นี่?" ไอรีนถามเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาพบเขา"มารับ" เขาตอบเรียบ ๆ"ฉันไปเองได้ ไม่จำเป็นต้อง—""จำเป็น เพราะฉันสั่ง"เขาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารโดยไม่รอฟังคำเถียง แล้วพูดสั้น ๆ แต่เด็ดขาด"ขึ้นรถ"แม้จะขัดใจแค่ไหน แต่ไอรีนก็รู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่พูดอะไรอีกแต่สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ คือพฤติกรรมของเขาหลังจากนั้นก่อนที่เธอจะได้เอื้อมไปคาดเข็มขัด คิรันก็โน้มตัวเข้ามา มือข้างหนึ่งเอื้อมจับสายเข็มขัดแล้วดึงมาคาดให้เธออย่างแนบชิดกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลาใกล้เที่ยงคืน ไอรีนสะดุ้งตื่นจากการเคลิ้มหลับไปทั้งที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตทำงานไม่ถอด โทรศัพท์หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมชื่อที่ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบ—“แม่”“ฮัลโหล แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”เสียงแม่ที่ปลายสายสั่นเครือ ไม่เหมือนปกติ“ไอรีน...พ่อเขา...เขาไปกู้เงินมาอีกแล้วลูก คราวนี้มันไม่ใช่แค่ห้าหกพัน แต่เกือบแสน เจ้าหนี้มาขู่จะให้เอาบ้านไปจำนอง ถ้าไม่หาเงินคืนให้มันภายในอาทิตย์นี้…”เลือดในกายไอรีนเย็นเฉียบลงทันที เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมเสียง“แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอรีนจะหาทางเอง”เธอกดวางสาย ก่อนจะเอนตัวพิงหัวเตียง หัวใจหนักอึ้งจนเหมือนแบกร่างตัวเองไว้ไม่ไหว...วันถัดมาหลังจากทำงานในบริษัทจนถึงช่วงเย็น ไอรีนก็แอบไปหานัท รุ่นพี่จากสถาบันเดียวกัน ที่เธอเคยเจอในงานเลี้ยงลูกค้าเมื่อเดือนก่อน“พี่นัท...คือ...หนูมีเรื่องอยากรบกวนค่ะ พอจะมีงานพิเศษให้ทำบ้างไหม งานออกแบบก็ได้...อะไรก็ได้เลยค่ะ”รุ่นพี่หนุ่มมองหน้าเธอครู่หนึ่ง ก
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ก่อนจะมีเสียงเหนื่อยหอบของแม่ตอบรับสายมา“ไอรีน... โทรมาทำไมตอนนี้ลูก? แม่กำลังจะออกไปคุยกับเจ้าหนี้เขาอีกแล้ว” น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความกังวลและเหนื่อยล้า“ไม่ต้องไปแล้วค่ะแม่... หนูโอนเงินให้แล้ว” ไอรีนพูดนิ่งๆ แต่ชัดเจน เธอนั่งอยู่ในห้องพักของตัวเอง มือยังคงถือโทรศัพท์แนบหู ในใจยังเต้นแรงจากสิ่งที่เธอเพิ่งตัดสินใจทำ“ฮะ... อะไรนะ? โอนอะไรลูก?” น้ำเสียงแม่สั่น“เงินหนี้ของพ่อเลี้ยง... หนูจัดการให้แล้วค่ะ” เธอเน้นย้ำคำว่า ‘พ่อเลี้ยง’ อย่างฝืนใจมีเพียงความเงียบที่ตามมาอีกเกือบสิบนาที ก่อนเสียงแม่จะดังแผ่วเหมือนคนกำลังกลั้นน้ำตา“ไอรีน... หนูไปเอาเงินมาจากไหนลูก? อย่าบอกแม่นะว่าไปกู้หนี้นอกระบบมาอีกคนน่ะ แม่ไม่อยากให้หนูลำบากเพราะเรื่องของแม่กับเขาเลยจริงๆ”“หนูไม่ได้กู้ค่ะแม่ หนูแค่... ทำงานพิเศษ” ไอรีนโกหกเสียงเรียบ“แม่ไม่ต้องห่วง หนูดูแลตัวเองได้ แล้วก็... ยินดีที่ได้ดูแลแม่กับน้อง หนูเต็มใจทำ เ
เสียงฝนกระทบหลังคาดังไม่หยุดตั้งแต่ช่วงบ่าย ไอรีนอยู่ในชุดสบาย ๆ ของวันหยุด นั่งอยู่หน้าต่างห้องพักที่เช่า ใจยังเต็มไปด้วยความรู้สึกดีจากคืนก่อนที่เธอกับคิรันได้เต้นรำกันท่ามกลางเสียงเพลง… ความรู้สึกที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนแต่แล้ว... เสียงเคาะประตูก็ทำลายความเงียบทั้งหมดประตูเปิดออกเผยให้เห็นแม่ของเธอ ยืนอยู่ในสภาพเปียกปอนจากฝน ริมฝีปากซีด และสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดัน“แม่...” ไอรีนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ“แม่ต้องขอโทษที่มาหาลูกถึงที่นี่... แต่แม่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ” เสียงแม่สั่นพร่าไอรีนขมวดคิ้วทันที "อย่าบอกนะคะว่า..."“เขา... เขาต้องใช้เงินอีกแล้ว ไอรีน แม่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริง ๆ สองแสนบาท... แล้วเขาสัญญาว่าจะเลิกทุกอย่าง”“สองแสน?” เสียงของไอรีนแข็งขึ้น“แม่ยังเชื่อคำพูดเขาอีกเหรอคะ? แม่จะเอาอนาคตของหนูแลกกับคำโกหกของผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ?”“เขาสัญญาแล้วลูก! แม่แค่... แค่ขอให้ลูกช่วยแม่อีกครั้งเถอะนะ...”&ldqu
...คิรินถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ปล่อยเธอไปมือหนาไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบขึ้นมาถึงทรวงอกที่ยังหอบสะท้าน…เสียงหายใจของเธอเริ่มช้าลง แต่ภายในยังร้อนรุ่มไม่จางเขากอดเธอไว้แน่นขึ้น ขณะที่สายตาคมใต้แสงสลัวมองเธอเหมือนจะกลืนกินอีกครั้ง“มันยังไม่พอ” เสียงทุ้มกระซิบหนักแน่นใกล้หูก่อนที่เขาจะพลิกตัวขึ้น คว้าร่างบางขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย“คิรัน… เดี๋ยวก่อน…” เธอร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเดินพาเธอออกจากเตียงแต่เขาไม่หยุดสองแขนแข็งแรงอุ้มเธอไปจนถึงริมหน้าต่างสูงของห้องม่านบางไหวเบาในยามค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดตกแสงจากตึกสูงด้านนอกทาบผ่านกระจกใสสะท้อนแผ่นหลังเธอ“อย่าหนีแสง…ให้มันเห็น” เสียงกระซิบติดกลืนหายใจเขาวางเธอลงชิดบานกระจกเย็นเฉียบ ร่างเปลือยเปล่าสั่นสะท้านเมื่อผิวหลังแตะกระจกเธอสะดุ้งน้อยๆ ความเย็นบาดผิว แต่ขณะเดียวกัน มือร้อนผ่าวของเขาก็ลากผ่านต้นขา ไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าและมั่นคงเหมือนเปลวเ
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห