👉 "เมื่อเธอ... ผู้หญิงธรรมดาที่ต้องดิ้นรนทุกวัน 👉 ต้องกลายมาเป็นลูกไล่ของเขา... วิศวะหนุ่มหล่อ ดุ รวย และเจ้าของธุรกิจ 👉 เขาไม่คิดจะรักใครอีก แต่เธอกลับทำให้หัวใจเย็นชาของเขา... ร้อนแรงจนแทบหลอมละลาย" "อย่าคิดหนี เพราะเธอเป็นของฉันแล้ว!" 🔥❤️
Lihat lebih banyakเสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศ
ไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรง
เธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…
บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆ
คิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร้ความปรานี เจ้าของความสูง 185 ซม. หุ่นล่ำ กล้ามชัด ผิวขาว คมเข้มเขาไม่ชอบความผิดพลาด ไม่ยอมรับข้อผิดพลาด และที่สำคัญ—เขาเกลียดความยุ่งเหยิง
ไอรีนรู้สึกได้ถึงความกดดันอันหนักอึ้งโดยอัตโนมัติ แม้ไม่เคยพบเจอเขาต่อหน้า แต่ข่าวลือเรื่องความโหดร้ายของเขาเป็นที่กล่าวขานไปทั่วบริษัท
เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยายามตั้งสติแล้วหันไปเตรียมกาแฟตามปกติ แต่ทว่า—
ปั่ก!
“ว้าย!”
เสียงร้องของเธอประสานกับเสียงถ้วยกาแฟที่พลิกคว่ำ เนื้อของเหลวสีน้ำตาลเข้มไหลทะลักออกจากขอบถ้วย…
และตกกระทบเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาที่ราคาแพงกว่าเงินเดือนเธอทั้งเดือนรวมกัน
เธอรู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ไหลซึมตามไรผม ขณะที่ดวงตาของทุกคนจ้องมองมาที่เธอราวกับโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน
เวลาราวกับหยุดนิ่ง ลมหายใจรอบข้างสะดุดลงชั่วขณะ พนักงานทุกคนอ้าปากค้าง จ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง
เธอ… เผลอทำกาแฟหกใส่เจ้าของบริษัท!
“เธอทำบ้าอะไรลงไป?”
เสียงทุ้มต่ำและเย็นเฉียบดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าคำราม ฝ่ามือแกร่งกำแน่นจนเส้นเลือดนูนขึ้นมาบนหลังมือ ดวงตาคมกริบจับจ้องร่างบางตรงหน้าราวกับจะกลืนกินเธอทั้งเป็น ทำให้ไอรีนรู้สึกเหมือนอุณหภูมิในห้องลดลงหลายองศา ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวกับกำลังอดกลั้นไม่ให้ระเบิดใส่
“ฉัน—ฉันขอโทษค่ะ!” ไอรีนรีบคว้าผ้าเช็ดโต๊ะมาจะซับ แต่—
“ใครบอกให้แตะตัวฉัน?”
เสียงของเขาต่ำลงกว่าปกติ ดวงตาที่เคยเย็นชาตอนนี้กลับดูดุร้ายจนน่าขนลุก
“คิดว่าแค่ขอโทษแล้วเรื่องจะจบเหรอ?”
ไอรีนตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นรัวอย่างหวาดหวั่น พนักงานในร้านไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทุกคนกลัวว่าพายุลูกใหญ่จะพัดเข้ามาอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า
คิรันสูดหายใจเข้าอย่างอดกลั้น ก่อนจะหันไปสั่งเสียงเย็นชากับผู้จัดการร้าน
“ไล่เธอออก”
“อะไรนะคะ?!” ไอรีนเงยหน้ามองเขาตาโต “ฉันแค่ทำพลาดไปแค่นี้เอง…”
“แค่นี้?” คิรันกระตุกยิ้มเย้ยหยัน “เธอทำเสื้อฉันเละ แล้วยังคิดจะมาพูดว่า ‘แค่นี้’ งั้นเหรอ?”
เขาก้าวเข้ามาใกล้จนไอรีนเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนที่แผ่นหลังจะติดกับเคาน์เตอร์อย่างช่วยไม่ได้
“ถ้าฉันทำเธอเละบ้าง เธอจะยังพูดว่า ‘แค่นี้’ ได้อยู่ไหม?” น้ำเสียงเรียบของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดัน
ไอรีนเบิกตากว้าง รู้สึกถึงอันตรายจากชายตรงหน้าเต็ม ๆ
“จะให้ฉันทำอะไรก็ได้… ได้โปรด อย่าไล่ฉันออกเลยค่ะ” เธอเม้มปากแน่น
“อะไรก็ได้?” คิรันหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า รอยยิ้มเย็น ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“เธอคิดว่าเธอมีค่าพอให้ฉันยกโทษให้อย่างนั้นเหรอ?”
ไอรีนจ้องเขากลับ ดวงตาเธอฉายแววไม่ยอมแพ้ “อย่ามาดูถูกันนะ”
“ฉันไม่เคยดูผิด”
"งั้นเหรอ? ถ้าคิดว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้น ก็ชดใช้มาสองแสน ฉันต้องการเงินค่าเสื้อตัวนี้"
ไอรีนอ้าปากค้าง "แต่ว่า... ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้น"
คิรันเลิกคิ้วมองเธออย่างเหนือกว่า "ก็ไม่แปลกใจ ดูจากสภาพเธอแล้วไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายหรอก"
คำพูดนั้นทำให้ไอรีนกำหมัดแน่น เธอไม่ชอบให้ใครมาดูถูก "ถ้าคุณให้เวลาฉัน ฉันจะหามาคืนให้แน่!"
“เวลาเหรอ ต้องการเท่าไหร่หล่ะ ปี หรือ สามปี”
“ภายในสามเดือน ฉันจะหาเงินมาคืนคุณ”
“แล้วถ้าเธอหนีไปหล่ะ ฉันจะไปหาเธอได้ที่ไหน”
คิรันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ก่อนถามเสียงเรียบ
"เธอเรียนจบอะไร?"
ไอรีนชะงักไปก่อนตอบเสียงแข็ง "ฉันกำลังเรียนปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ฯ"
คำตอบของเธอทำให้คิรันนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาคมกริบมองเธอราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะเหยียดยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนโยน… มันคือรอยยิ้มของนักล่า
“งั้นก็ทำงานกับฉัน… เพื่อชดใช้”
ไอรีนขมวดคิ้ว “ทำงาน? เป็นพนักงานร้านกาแฟต่อไปหรือคะ?”
“เปล่า…” ดวงตาคมกริบฉายประกายลึกลับ “มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยอำนาจที่ปฏิเสธไม่ได้
"ฉันไม่เข้าใจ..." เธอส่ายหน้าเล็กน้อย "ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนด้วยซ้ำ"
คิรันเอนตัวลงเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองเธอราวกับเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
"ฉันไม่ได้ต้องการคนที่มีประสบการณ์" เขาตอบช้า ๆ "ฉันต้องการคนที่ไม่มีทางเลือกมากพอจะปฏิเสธ"
หัวใจของไอรีนกระตุกวูบ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกต้อนจนมุม
"แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?" เธอถามเสียงแข็ง พยายามไม่แสดงความหวาดหวั่นออกมา
คิรันแค่นหัวเราะในลำคอ ดวงตาของเขาเย็นเยียบ "เธอจะใช้หนี้ยังไง?"
"...ฉันจะหาทางเอง"
"ยังไง? ทำงานร้านกาแฟ? หรือจะไปเป็นเด็กเสิร์ฟอีกสักกี่ที่?" เขาโน้มตัวเข้าใกล้จนไอรีนต้องถอยหลังเล็กน้อย "เงินสองแสนไม่ใช่เงินที่เธอจะหาได้ง่าย ๆ ภายในสามเดือนหรอก"
ไอรีนกำหมัดแน่น กรามเธอขบเข้าหากันแน่นด้วยความโมโห
"ทำไมคุณต้องบังคับฉันขนาดนี้?"
"ฉันไม่ได้บังคับ" ริมฝีปากหยักเหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา "ฉันแค่ให้ทางเลือก"
"แต่ถ้าฉันตกลง มันจะหมายถึงอะไร? ฉันต้องทำอะไรบ้าง?" เธอถามเสียงเครียด
คิรันจ้องมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาปลดกระดุมแขนเสื้อช้า ๆ ท่าทางของเขาดูผ่อนคลาย แต่กลับส่งแรงกดดันมหาศาลเข้าหาเธอ
"งานของเธอคือทำทุกอย่างที่ฉันสั่ง โดยไม่มีข้อโต้แย้ง"
คำพูดนั้นทำให้ไอรีนรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ถอยหลังไปอีก
"ทุกอย่าง?" เธอทวนคำเสียงเบา ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวง
"กลัวหรือไง?" เขาเลิกคิ้ว "ถ้าเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ... เธอก็คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว"
เลือดขึ้นหน้าทันที "ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น!"
คิรันหัวเราะเบา ๆ กับปฏิกิริยาของเธอ "ก็ดี" เขาพูด "เพราะฉันไม่มีเวลามาเสียกับคนที่ไม่รู้จักแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว"
ไอรีนกำหมัดแน่น ดวงตาสั่นไหวด้วยความขัดแย้งภายใน เธอไม่มีเงินจะจ่ายหนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น และชายตรงหน้ากำลังคุมเกมอย่างสมบูรณ์
"...ฉันต้องทำงานกับคุณนานแค่ไหน?"
"จนกว่าฉันจะพอใจ"
คำตอบนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนช้าลง...
แต่สุดท้ายแล้ว เธอมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?
ไอรีนสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา "ตกลง"
รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคิรัน
"ดี... ยินดีต้อนรับสู่ขุมนรกของฉัน ไอรีน วรากร"
อ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางของไอรีนไว้แน่นใต้ผ้าขนหนูที่ชื้นแนบผิว เขาอุ้มเธอกลับมาที่เตียงช้า ๆแผ่นหลังเปลือยเปียกชื้นแนบกับแผ่นอกของเขา ไม่มีคำพูดใด—มีเพียงลมหายใจร้อนระอุแนบซอกคอที่ยังมีรอยแดงจากจูบก่อนหน้าเตียงนุ่มดูดร่างเธอลงทันทีที่เขาวางเธอลงบนผืนผ้าใหม่ ผ้าขนหนูหลุดล่นอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอยู่คิรันโน้มตัวลงคร่อม พร้อมทั้งไล้ปลายนิ้วจากปลายคางลงมาถึงกระดูกเชิงกรานเขาไม่เร่งรีบ ไม่มีการเร่งจังหวะแต่ทุกสัมผัสกลับเจตนาชัดเจนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวเขาโน้มลงจูบที่แอ่งท้องต่ำ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วสัมผัสที่กลางเรียวขาไอรีนสะดุ้งวาบ ริมฝีปากเผยอโดยไร้เสียง"อย่าหลบ"เขากระซิบเสียงต่ำตรงหน้าอกแล้วดูดปลายยอดอกแรง ๆ ราวกับลงโทษที่เธอพยายามเบี่ยงตัวหนีมือเธอจิกบ่าเขาแน่นก่อนที่เขาจะตวัดลิ้นลงไปต่ำกว่าเดิม…เสียงหอบถี่ดังขึ้นสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ หัวใจเธอเต้นแรงราวจะระเบิด มือข้างหนึ่งของเธอเลื่อนไปโอบท้ายทอยเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปลิ้นร้อนแตะช้า ๆ
แสงแดดยามสายสาดกระทบผิวน้ำทะเลจนระยิบระยับ สายลมอุ่นหอบกลิ่นเกลือจาง ๆ พัดผ่านปลายเส้นผมนุ่มของเธอที่ปลิวไสวตามแรงลม ไอรีนก้าวเท้าเปล่าไปตามแนวหาดทรายละเอียดสีขาวสะอาด รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อเธอหันกลับไปมองคนที่นั่งนิ่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว"พี่คิรัน! รีบตามมาสิ!"เสียงใสเรียกพร้อมกับโบกมือให้เขาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ ลงไปในน้ำตื้นที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง ฝูงปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายอยู่รอบข้อเท้าของเธอ เธอหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่คิรันยืนขึ้นช้า ๆ สะพายกล้องไว้บนคอ ปรายตามองคนตัวเล็กที่เล่นน้ำอย่างไร้พิษภัยด้วยสายตาที่ซ่อนรอยยิ้มไม่มิด…เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้โลกของเขาเงียบสงบได้ถึงเพียงนี้แม้ภายนอกจะยังเป็นชายหนุ่มที่สุขุม เย็นชา พูดน้อยอย่างเคยแต่ตั้งแต่วันนั้น…วันที่ไอรีนกลายเป็น ‘เมีย’ อย่างถูกต้องตามกฎหมายและหัวใจความเย็นชากลายเป็นความอ่อนโยนที่มีให้เธอเพียงคนเดียว“ขอบคุณที่เธอเข้ามาเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล…&rdquo
เสียงคลื่นซัดกระทบหาดทรายเบา ๆ พร้อมกับลมทะเลอ่อน ๆ พัดโชยผ่านใบหน้า ไอรีนหลับตารับแสงแดดอุ่นยามเช้า ปล่อยให้ตัวเองซึมซับบรรยากาศของมัลดีฟส์ในยามเช้าอย่างเต็มที่ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อหันไปมองคนข้างตัว—สามีหมาด ๆ ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ริมระเบียงเมื่อคืน...คือคืนเข้าหอที่เธอไม่มีวันลืมเขาทำให้เธอแทบขาดใจ แต่หัวใจก็พองโตด้วยความสุข"เหนื่อยไหม?" เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"เหนื่อยจะตาย..." ไอรีนตอบตามตรงก่อนจะหันมายิ้มหวาน ยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ"แต่ก็ยังไม่ตาย ยังเดินไหวค่ะพี่คิรัน"เขาเหลือบตามองเธอ ริมฝีปากกระตุกขึ้นนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าเหมือนเดิม ไอรีนแอบเบะปาก ก่อนจะเดินไปซุกแขนเขาอย่างออดอ้อน"พี่ขา...เรามาฮันนีมูนนะ ไม่ใช่มาประชุม""สามีคุณมีงานที่ยังต้องเคลียร์""งั้นขอแค่ชั่วโมงเดียว ให้ฉันไปเล่นน้ำทะเลหน่อยนะคะ..."เธอเขย่าแขนเขาเบา ๆ ทำเสียงออดอ้อนจนคนที่พยายามไม่สบตาต้องถอนหายใจแล้วหันมาเผชิญหน้า"ใส่เสื้อผ้าดี ๆ""รับทราบค่ะ!" ไอรีน
เสียงคลาสสิกจากเปียโนไหลลื่นไปทั่วห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แชนเดอเลียร์ระยิบระยับเหนือศีรษะ แสงไฟนวลอบอุ่นตัดกับผ้าคลุมสีขาวนวลของเจ้าสาวที่ยืนเด่นอยู่กลางเวที ราวกับเทพธิดาเดินทางลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาเพียงคนเดียวคิรันยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเธอในชุดทักซิโด้สีดำเข้ม ทรงผมถูกจัดเรียบไร้ที่ติ ท่าทางสุขุม เย็นชา... แต่แววตา—กลับร้อนแรงจนน่าหวาดหวั่น"พี่คิรัน…" ไอรีนกระซิบเสียงเบา คำเรียกถูกเปลี่ยนไปจากเจ้านายกลายเป็นสามี เมื่อเห็นดวงตาคมดุดันของเขาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียวไม่มีคำตอบใดจากเขา มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นน้อย ๆ ขณะเจ้าหน้าที่ประจำพิธียื่นกล่องแหวนมาให้ทันทีที่เขาหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา...เขาก็โน้มตัวลงกระซิบข้างหูเจ้าสาวคนสวย“คืนนี้เธอไม่รอดแน่… เจอศึกหนักชัวร์” น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ แฝงแววข่มขู่แสนเจ้าเล่ห์“คนบ้า…” ไอรีนหน้าแดงแปร๊ด สะบัดเสียงดุเบา ๆ แต่มือกลับสั่นน้อย ๆ ตอนที่คิรันสวมแหวนให้เธอท่ามกลางเสียงปรบมือจากแขกนับร้อย รอยยิ้มของผู้เป็นแม่และน้องชายของไอรีนที่น
เสียงดนตรีหวานคลอเบา ๆ ประกอบกับแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามาทั่วทั้งงาน…งานหมั้นของ ‘คิรัน’ และ ‘ไอรีน’ กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมและโลกออนไลน์ทันทีหลังภาพแรกหลุดออกไปชายหนุ่มในชุดสูทตัดเข้ารูปสีดำสนิท ที่แม้ใบหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวงแหนยืนเคียงข้างหญิงสาวในชุดหมั้นลูกไม้สีขาวสะอาดที่งดงามราวนางฟ้ามือของเขากระชับมือเธอไว้แน่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า—เธอเป็นของเขา และจะไม่มีใครแย่งไปได้อีก“คุณคิรันวางแผนไว้หมดแล้วสินะคะ...” ไอรีนกระซิบขณะยิ้มรับกล้องจากนักข่าวชายหนุ่มเหลือบมองต่ำ ไม่ตอบคำ แต่กระชับมือเธอแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงหัวใจของเขา—ที่เต้นแรงเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว—ในขณะที่ความรักเบ่งบานสำหรับใครบางคน โลกของใครอีกคนก็กำลังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเสียงโทรทัศน์ดังสนั่นอยู่กลางห้องคอนโดฯ หรูมายด์เหวี่ยงรีโมตออกไปสุดแรงเมื่อเห็นภาพคู่หมั้นในจอเธอกรีดร้องลั่น กัดฟันกรอดจนกรามสั่น&l
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องพักผู้ป่วยยังคงอบอวลในอากาศ ทว่าไม่ได้กลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากปลายผมนุ่มของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มได้เลย"คุณยังไม่กินข้าว"เสียงใสเอ่ยเตือนเบาๆ ขณะยื่นกล่องอาหารที่เพิ่งซื้อมาให้ชายหนุ่มบนเตียงคิรันหรี่ตาลงนิด มองใบหน้าที่เริ่มซูบลงของหญิงสาวที่เฝ้าไข้เขามาเกือบอาทิตย์ "แล้วเธอล่ะ?""ฉันกินแล้วค่ะ" ไอรีนตอบเรียบๆ แต่คนฟังก็ไม่ได้เชื่อเสียทีเดียวเขาไม่พูดอะไรต่อ ยื่นมือไปหยิบเอกสารที่ธันวาเพิ่งเอามาให้เซ็น พอไอรีนจะช่วย เขากลับส่ายหน้า"แค่นี้ฉันทำเองได้ เธอไปพักเถอะ"“แต่คุณยังมีไข้ต่ำอยู่เลยนะ”“ฉันไม่ใช่คนป่วยกระจอก จะให้ใครมาตามดูแลตลอดเวลาแบบนี้” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงแววดุ หากสายตากลับทอดมองเธออย่างลึกซึ้ง“แต่ก็ขอบใจที่อยู่ตรงนี้”แค่ประโยคสั้นๆ นั้น ทำเอาหัวใจไอรีนเต้นถี่ เธอไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งยิ้มบางให้ แล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้เขาแทนคิรันออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันถัดมา และในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีแค่
Komen