👉 "เมื่อเธอ... ผู้หญิงธรรมดาที่ต้องดิ้นรนทุกวัน 👉 ต้องกลายมาเป็นลูกไล่ของเขา... วิศวะหนุ่มหล่อ ดุ รวย และเจ้าของธุรกิจ 👉 เขาไม่คิดจะรักใครอีก แต่เธอกลับทำให้หัวใจเย็นชาของเขา... ร้อนแรงจนแทบหลอมละลาย" "อย่าคิดหนี เพราะเธอเป็นของฉันแล้ว!" 🔥❤️
Voir plusเสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศ
ไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรง
เธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…
บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆ
คิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร้ความปรานี เจ้าของความสูง 185 ซม. หุ่นล่ำ กล้ามชัด ผิวขาว คมเข้มเขาไม่ชอบความผิดพลาด ไม่ยอมรับข้อผิดพลาด และที่สำคัญ—เขาเกลียดความยุ่งเหยิง
ไอรีนรู้สึกได้ถึงความกดดันอันหนักอึ้งโดยอัตโนมัติ แม้ไม่เคยพบเจอเขาต่อหน้า แต่ข่าวลือเรื่องความโหดร้ายของเขาเป็นที่กล่าวขานไปทั่วบริษัท
เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยายามตั้งสติแล้วหันไปเตรียมกาแฟตามปกติ แต่ทว่า—
ปั่ก!
“ว้าย!”
เสียงร้องของเธอประสานกับเสียงถ้วยกาแฟที่พลิกคว่ำ เนื้อของเหลวสีน้ำตาลเข้มไหลทะลักออกจากขอบถ้วย…
และตกกระทบเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาที่ราคาแพงกว่าเงินเดือนเธอทั้งเดือนรวมกัน
เธอรู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ไหลซึมตามไรผม ขณะที่ดวงตาของทุกคนจ้องมองมาที่เธอราวกับโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน
เวลาราวกับหยุดนิ่ง ลมหายใจรอบข้างสะดุดลงชั่วขณะ พนักงานทุกคนอ้าปากค้าง จ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง
เธอ… เผลอทำกาแฟหกใส่เจ้าของบริษัท!
“เธอทำบ้าอะไรลงไป?”
เสียงทุ้มต่ำและเย็นเฉียบดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าคำราม ฝ่ามือแกร่งกำแน่นจนเส้นเลือดนูนขึ้นมาบนหลังมือ ดวงตาคมกริบจับจ้องร่างบางตรงหน้าราวกับจะกลืนกินเธอทั้งเป็น ทำให้ไอรีนรู้สึกเหมือนอุณหภูมิในห้องลดลงหลายองศา ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวกับกำลังอดกลั้นไม่ให้ระเบิดใส่
“ฉัน—ฉันขอโทษค่ะ!” ไอรีนรีบคว้าผ้าเช็ดโต๊ะมาจะซับ แต่—
“ใครบอกให้แตะตัวฉัน?”
เสียงของเขาต่ำลงกว่าปกติ ดวงตาที่เคยเย็นชาตอนนี้กลับดูดุร้ายจนน่าขนลุก
“คิดว่าแค่ขอโทษแล้วเรื่องจะจบเหรอ?”
ไอรีนตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นรัวอย่างหวาดหวั่น พนักงานในร้านไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทุกคนกลัวว่าพายุลูกใหญ่จะพัดเข้ามาอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า
คิรันสูดหายใจเข้าอย่างอดกลั้น ก่อนจะหันไปสั่งเสียงเย็นชากับผู้จัดการร้าน
“ไล่เธอออก”
“อะไรนะคะ?!” ไอรีนเงยหน้ามองเขาตาโต “ฉันแค่ทำพลาดไปแค่นี้เอง…”
“แค่นี้?” คิรันกระตุกยิ้มเย้ยหยัน “เธอทำเสื้อฉันเละ แล้วยังคิดจะมาพูดว่า ‘แค่นี้’ งั้นเหรอ?”
เขาก้าวเข้ามาใกล้จนไอรีนเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนที่แผ่นหลังจะติดกับเคาน์เตอร์อย่างช่วยไม่ได้
“ถ้าฉันทำเธอเละบ้าง เธอจะยังพูดว่า ‘แค่นี้’ ได้อยู่ไหม?” น้ำเสียงเรียบของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดัน
ไอรีนเบิกตากว้าง รู้สึกถึงอันตรายจากชายตรงหน้าเต็ม ๆ
“จะให้ฉันทำอะไรก็ได้… ได้โปรด อย่าไล่ฉันออกเลยค่ะ” เธอเม้มปากแน่น
“อะไรก็ได้?” คิรันหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า รอยยิ้มเย็น ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“เธอคิดว่าเธอมีค่าพอให้ฉันยกโทษให้อย่างนั้นเหรอ?”
ไอรีนจ้องเขากลับ ดวงตาเธอฉายแววไม่ยอมแพ้ “อย่ามาดูถูกันนะ”
“ฉันไม่เคยดูผิด”
"งั้นเหรอ? ถ้าคิดว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้น ก็ชดใช้มาสองแสน ฉันต้องการเงินค่าเสื้อตัวนี้"
ไอรีนอ้าปากค้าง "แต่ว่า... ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้น"
คิรันเลิกคิ้วมองเธออย่างเหนือกว่า "ก็ไม่แปลกใจ ดูจากสภาพเธอแล้วไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายหรอก"
คำพูดนั้นทำให้ไอรีนกำหมัดแน่น เธอไม่ชอบให้ใครมาดูถูก "ถ้าคุณให้เวลาฉัน ฉันจะหามาคืนให้แน่!"
“เวลาเหรอ ต้องการเท่าไหร่หล่ะ ปี หรือ สามปี”
“ภายในสามเดือน ฉันจะหาเงินมาคืนคุณ”
“แล้วถ้าเธอหนีไปหล่ะ ฉันจะไปหาเธอได้ที่ไหน”
คิรันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ก่อนถามเสียงเรียบ
"เธอเรียนจบอะไร?"
ไอรีนชะงักไปก่อนตอบเสียงแข็ง "ฉันกำลังเรียนปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ฯ"
คำตอบของเธอทำให้คิรันนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาคมกริบมองเธอราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะเหยียดยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนโยน… มันคือรอยยิ้มของนักล่า
“งั้นก็ทำงานกับฉัน… เพื่อชดใช้”
ไอรีนขมวดคิ้ว “ทำงาน? เป็นพนักงานร้านกาแฟต่อไปหรือคะ?”
“เปล่า…” ดวงตาคมกริบฉายประกายลึกลับ “มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยอำนาจที่ปฏิเสธไม่ได้
"ฉันไม่เข้าใจ..." เธอส่ายหน้าเล็กน้อย "ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนด้วยซ้ำ"
คิรันเอนตัวลงเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองเธอราวกับเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
"ฉันไม่ได้ต้องการคนที่มีประสบการณ์" เขาตอบช้า ๆ "ฉันต้องการคนที่ไม่มีทางเลือกมากพอจะปฏิเสธ"
หัวใจของไอรีนกระตุกวูบ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกต้อนจนมุม
"แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?" เธอถามเสียงแข็ง พยายามไม่แสดงความหวาดหวั่นออกมา
คิรันแค่นหัวเราะในลำคอ ดวงตาของเขาเย็นเยียบ "เธอจะใช้หนี้ยังไง?"
"...ฉันจะหาทางเอง"
"ยังไง? ทำงานร้านกาแฟ? หรือจะไปเป็นเด็กเสิร์ฟอีกสักกี่ที่?" เขาโน้มตัวเข้าใกล้จนไอรีนต้องถอยหลังเล็กน้อย "เงินสองแสนไม่ใช่เงินที่เธอจะหาได้ง่าย ๆ ภายในสามเดือนหรอก"
ไอรีนกำหมัดแน่น กรามเธอขบเข้าหากันแน่นด้วยความโมโห
"ทำไมคุณต้องบังคับฉันขนาดนี้?"
"ฉันไม่ได้บังคับ" ริมฝีปากหยักเหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา "ฉันแค่ให้ทางเลือก"
"แต่ถ้าฉันตกลง มันจะหมายถึงอะไร? ฉันต้องทำอะไรบ้าง?" เธอถามเสียงเครียด
คิรันจ้องมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาปลดกระดุมแขนเสื้อช้า ๆ ท่าทางของเขาดูผ่อนคลาย แต่กลับส่งแรงกดดันมหาศาลเข้าหาเธอ
"งานของเธอคือทำทุกอย่างที่ฉันสั่ง โดยไม่มีข้อโต้แย้ง"
คำพูดนั้นทำให้ไอรีนรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ถอยหลังไปอีก
"ทุกอย่าง?" เธอทวนคำเสียงเบา ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวง
"กลัวหรือไง?" เขาเลิกคิ้ว "ถ้าเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ... เธอก็คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว"
เลือดขึ้นหน้าทันที "ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น!"
คิรันหัวเราะเบา ๆ กับปฏิกิริยาของเธอ "ก็ดี" เขาพูด "เพราะฉันไม่มีเวลามาเสียกับคนที่ไม่รู้จักแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว"
ไอรีนกำหมัดแน่น ดวงตาสั่นไหวด้วยความขัดแย้งภายใน เธอไม่มีเงินจะจ่ายหนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น และชายตรงหน้ากำลังคุมเกมอย่างสมบูรณ์
"...ฉันต้องทำงานกับคุณนานแค่ไหน?"
"จนกว่าฉันจะพอใจ"
คำตอบนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนช้าลง...
แต่สุดท้ายแล้ว เธอมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?
ไอรีนสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา "ตกลง"
รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคิรัน
"ดี... ยินดีต้อนรับสู่ขุมนรกของฉัน ไอรีน วรากร"
เย็นวันนั้น ท้องฟ้าคลุมด้วยเมฆหม่น เหมือนเป็นลางไม่ดีตั้งแต่แรกเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคิรันก้องสะท้อนในโถงคอนโดหรู เขาลากไอรีนที่ขัดขืนเบา ๆ ตามติดมาด้วยท่าทีเงียบขรึมไม่พูดไม่จา มือหนาบีบข้อมือเธอแน่นจนแทบระบม แต่ไอรีนไม่เอ่ยปากร้องสักคำ สีหน้าเธอเย็นชาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนหลายคืนที่ผ่านมา—แต่คืนนี้แตกต่างเพราะคนที่ยืนรออยู่ในห้องคือ 'มายด์' ผู้หญิงที่คิรันเคยเมินเฉยไม่ไยดี"พี่คิรัน..." มายด์ยิ้มดีใจเมื่อเห็นเขา แต่รอยยิ้มกลับชะงักค้าง เมื่อสายตาเหลือบมาเห็นไอรีนที่ยืนอยู่ข้างกายชายหนุ่มบรรยากาศในห้องอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกคิรันไม่แม้แต่จะเหลือบมองไอรีนด้วยซ้ำ เขาก้าวเข้าไปหามายด์ตรง ๆ โน้มตัวลงกระซิบข้างหูหญิงสาวร่างบาง พร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน"นั่งลง กินข้าวด้วยกัน"น้ำเสียงสั่งการเย็นเยียบไม่เปิดโอกาสให้ใครปฏิเสธโต๊ะอาหารถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน มีเทียนไขกับไวน์ราคาแพง ไอรีนนั่งลงตามคำสั่ง ทั้งที่มือเย็นเฉียบเหมือนถูกแช่แข็งเธอไม่ถาม ไม่พูด ไม่แ
น้ำเสียงหวานหยดนั้นเจือด้วยนัยยะชัดเจนคิรันขบกรามแน่น เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดเหมือนกำลังจะขาดผึงในไม่กี่วินาทีโรงแรม...กับภาคิน...สองคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด สุมเชื้อเพลิงลงในไฟแห่งความระแวงที่กำลังคุโชนอย่างบ้าคลั่ง"ไอรีน..." เขาคำรามออกมาเสียงต่ำในลำคอ ราวสัตว์ป่าที่ถูกกระตุ้นจนขาดสติธันวาที่ยืนอยู่ไม่ห่าง หน้าซีดลงทันที รีบโค้งตัวขอตัวออกไปอย่างรู้ว่าไม่ควรอยู่ในที่นั้นต่อแม้แต่วินาทีเดียวแววตาคมปลาบของคิรันวาบขึ้นด้วยโทสะ ราวกับมีระเบิดลูกใหญ่ระเบิดกลางอกประตูห้องเพิ่งปิดลงไม่นาน ไอรีนก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล"คุณเรียกฉันเหรอคะ..." น้ำเสียงเธอเบาราวกับกลัว"เอ่อ...ฉันแค่บอกสิ่งที่เห็นนะคะ" มายด์ทำท่าทางเหมือนหวังดี ก่อนจะชำเลืองไปทางไอรีนด้วยสายตาเยาะเย้ย แล้วรีบขอตัวออกจากห้อง ทิ้งรอยยิ้มเหยียดไว้อย่างไม่ปิดบังคิรันลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้า ๆ ดวงตาสีดำคมกริบตวัดมองมาอย่างเย็นชาเยือกแข็ง"เมื่อคืนเธอไปไหนมา" เสียงเขานิ่งแต่แฝงแรงกดดันมหาศาล"ฉัน...ไปนอนที่ห้
คิรันยังคงไม่ปล่อยไอรีนไป หลังจากคืนโหดร้ายคืนนั้นเขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดฯ โดยไม่มีทางเลือกคำพูดมีน้อย แต่สายตาเย็นชาและการกระทำที่กดดันนั้นชัดเจนเกินพอแม้ไม่มีโซ่ตรวนพันธนาการ แต่ไอรีนก็รู้ดี... เธอกำลังถูกกักขังในห้องกว้างใหญ่ที่ควรจะรู้สึกปลอดโปร่ง บัดนี้กลับเหมือนกรงเหล็กหนาวเย็น ที่มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาของเขาไล่ต้อนเธอจนแทบขยับหนีไม่ได้สภาพความสัมพันธ์ในตอนนี้ คือการอยู่ด้วยกันอย่างเย็นชาและระวังภัยเขาไม่เคยเอ่ยคำว่ารักอีกเลย แต่ก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปไอรีนสัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในใจเขา ทว่ากำแพงหวาดระแวงที่เขาสร้างขึ้นก็หนาแน่นจนเธอเอื้อมไม่ถึงทุกครั้งที่สบตาเธอ คิรันเหมือนกำลังต่อสู้กับตัวเอง... แต่ก็เลือกที่จะกักขังเธอเอาไว้แทนที่จะเชื่อใจไอรีนกัดฟันอดทนในความทุกข์ที่ไม่มีทางหนีไปได้ได้แต่เว้นระยะห่างจากเขา เงียบ... และนิ่งให้มากที่สุดไม่เรียกร้อง ไม่อ้อนวอน และไม่แสดงความอ่อนแอแต่คิรันเองก็ไม่ได้โง่เขารู้... ว่ากำลังทำร้ายคนที่เขาหวงแหนที่สุดด้วยมือของตัวเอง
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
Commentaires