มาเฟียหนุ่มนั่งรอน้องสาวนานกว่าสามชั่วโมงในที่สุดเธอก็กลับมา ทันทีที่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดบริเวณบ้านเขาก็รีบลุกเดินออกจากห้องไปดักรอน้องสาวที่หน้าห้องของเธอ
ขณะที่เจ้าตัวอย่างโยษิตาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยครั้นเดินขึ้นมาเห็นพี่ชายยืนกอดอกอยู่หน้าห้องตัวเองจึงเอ่ยถามไปด้วยความสงสัย “พี่แทนมายืนทำอะไรหน้าห้องหยกคะ” “ไปไหนมา” มาเฟียหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามน้องสาวแต่ย้อนถามเธอแทน ต้องการดูว่าน้องสาวจะโกหกอะไรอีก “หยกก็บอกแล้วไงคะว่าไปเที่ยว พี่จะมาถามอะไรอีกเนี่ย” โยษิตายังคงตอบเหมือนที่ได้บอกไปก่อนออกจากบ้าน ทว่าในใจกลับนึกหวั่น ๆ ไม่น้อยเพราะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติจากน้ำเสียง และสีหน้าคนเป็นพี่ชายที่ดูเคร่งขรึมจนดูน่ากลัว “เธอไม่ได้ไปเที่ยว แต่เธอแอบไปหาอลินดามาโยษิตา เธอกับอลินดารวมหัวกันหลอกพี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ พี่ควรจัดการยังไงกับพวกเธอดีฮึ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยกับน้องสาวอย่างใจเย็น แต่กลับทำให้คนฟังเสียวสันหลังวาบเพราะมันเย็นเยือกจนน่ากลัว ไหนจะสายตาที่เย็นชานั่นอีกเห็นทีครั้งนี้เธอกับอลินดาคงลำบากแน่ ๆ ยากที่จะประคองความสัมพันธ์ต่อไปได้อีก เพียงคิดว่าเธอกับอลินดาต้องเลิกราจริง ๆ ขอบตาพลันร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้ แต่เธอก็พยายามกลั้นน้ำตาไม่ไหลออกมา ก่อนเอ่ยตัดพ้อพี่ชายด้วยความรู้สึกเจ็บปวด “ใช่ค่ะหยกกับอลินยังไม่เลิกกัน แล้วทำไมคะการที่เราสองคนรักกันมันผิดมากเหรอ ทำไมพี่ต้องขัดขวางความรักของเราด้วย” "เธอก็รู้ดีหยกว่าเพราะอะไร พี่ขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายหากยังไม่เลิกยุ่งกับอลินดาพี่นี่แหละจะทำให้อลินดาหายสาบสูญไปจากโลกนี้" คำตัดพ้อของโยษิตาไร้ความหมายมาเฟียหนุ่มหาได้สนใจไม่กลับยื่นคำขาดให้น้องสาวแทนโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกเธอสักนิด "ฮึก! พี่แทนใจร้าย เอาสิคะหากอลินเป็นอะไรไปหยกก็ตายตาม เพราะฉะนั้นพี่ห้ามทำอะไรอลินเด็ดขาด" โยษิตาเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้พี่ชายพูดขู่ไปทั้งน้ำตานองหน้า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเธอขอพุ่งชนให้สุดไปเลย มาเฟียหนุ่มไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำขู่น้องสาว ไม่คิดจะสนใจด้วยซ้ำเพราะไม่ชอบความดื้อรั้นของน้องสาว กลับตะเบ็งเสียงเรียกแม่บ้าน และลูกน้องที่อยู่บริเวณนั้นแทน "ใครอยู่แถวนี้มาหาฉันหน่อย" "พี่คิดจะทำอะไร" โยษิตาที่กำลังสะอื้นไห้เอ่ยถามเสียงสั่น ดวงตาที่พร่าเบลอด้วยม่านน้ำตามองหน้าคนเป็นพี่ชายอย่างหวาดระแวงนึกกลัวว่าที่เขาเรียกลูกน้องมาต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ๆ “เธอบังคับให้พี่ต้องทำแบบนี้เองนะหยก” มาเฟียหนุ่มตอบคนเป็นน้องสาวเพียงแค่นั้น ทิ้งความสงสัยไว้ให้คนฟัง ก่อนเขาจะหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องสองคนที่เดินเข้ามา “มาจับตัวหยกไว้” “ไม่นะ” โยษิตารู้ได้ในทันทีว่าอะไรเป็นอะไรรีบถอยหลังกรูดในตอนที่ลูกน้องทั้งสองคนของพี่ชายตรงเข้ามาหาเธอ หมายจะก้าวเท้าวิ่งหนีแต่ก็ช้ากว่าผู้ชายร่างบึกบึนทั้งสองคนอยู่ดี “ปล่อยฉันนะ พวกแกไม่มีสิทธิ์มาจับตัวฉัน ปล่อย!” เธอร้องโวยวายออกมาด้วยความโมโหพลางพยายามออกแรงดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจับกุมของชายทั้งสอง แต่มีหรือแรงผู้หญิงอย่างเธอจะสู้กำลังของผู้ชายตัวโต ๆ สองคนได้ เธอดิ้นจนเริ่มเหนื่อยก็ไม่เป็นผล “พี่แทนทำแบบนี้กับหยกไม่ได้นะ บอกให้ลูกน้องพี่ปล่อยหยกเดี๋ยวนี้” เมื่อดิ้นรนไม่เป็นเป็นผลโยษิตาจึงหันไปเอ่ยกับพี่ชายแทนพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกมากมายที่มันท่วมท้นอยู่ในอก ถามว่ามาเฟียหนุ่มสนไหมตอบเลยว่าไม่ต่อให้เป็นน้องสาวเขาก็ไม่คิดใจอ่อน ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้เพราะน้องสาวทำตัวเองทั้งนั้น เขาจ้องหน้าน้องสาวนิ่ง ๆ เสี้ยวนาที ก่อนจะเดินเข้าไปแย่งกระเป๋าในมือน้องสาวมา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนโยษิตาไม่ทันได้ระวัง ครั้นตั้งตัวได้ก็ร้องท้วงด้วยความโมโหพลางพยายามจะขืนตัวออกจากการจับกุมอีกครั้งเพื่อจะแย่งกระเป๋าคืน “พี่จะทำอะไรเอากระเป๋าหยกคือมานะ เอาคืนมา” “พาหยกเข้าไปในห้องแล้วจัดการล็อคประตูให้เรียบร้อย อย่าให้เธอออกมาจนกว่าจะมีคำสั่งจากฉัน” มาเฟียหนุ่มไม่สนเสียงทักท้วงน้องสาวแต่ออกคำสั่งกับลูกน้องทั้งสองแทน ว่าจบก็หันหลังเดินกลับไปยังห้องนอนตัวเอง ที่เขาต้องเอากระเป๋าของน้องสาวมาก็เพราะจะเอาโทรศัพท์ของเธอติดต่อกับอลินดา อีกอย่างเพื่อป้องกันเธอติดต่อกับอลินดาด้วย เขาไม่ต้องการให้เธอส่งข่าวใด ๆ ให้อลินดารู้ตัวเสียก่อน และที่ต้องจับเธอขังไว้ก็เพื่อป้องกันเธอออกไปหาอลินดา เขาเดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งปลายเตียงภายในห้องนอน ก่อนจะเปิดกระเป๋าน้องสาวล้วงโทรศัพท์ออกมาทำการปลดรหัส แล้วเปิดเข้าแอปพลิเคชันไลน์เพื่อจะส่งข้อความหาอลินดาหลอกล่อให้เธอออกมาพบ ทว่าเขาถึงกับต้องกัดกรามกรอดวินาทีที่เปิดเข้าไปในแชทของอลินดาเพราะมันมีแต่ประโยคบอกรัก บอกคิดถึง และคำพูดอะไรต่าง ๆ อีกมากมายยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขามันโง่แค่ไหน เขาถูกทั้งสองรวมหัวกันหลอกจนแทบกลายเป็นตัวตลก อารมณ์ที่เพิ่งเย็นลงพลันคุกรุ่นอีกครั้งเขาจะต้องให้บทเรียนครั้งใหญ่กับทั้งสองคน เขาจัดการสวมรอยเป็นโยษิตาแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาอลินดาทันที ติ้ง ติ้ง~ เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นทำให้อลินดาที่กำลังเตรียมตัวไปอาบน้ำหยุดการกระทำ ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางบนเตียงมาดู ‘อลิน 2ทุ่มออกมาเจอกันที่คลับอินเตอร์นะ เค้าอยากเจอเธอมากเลย’ พอได้อ่านข้อความที่แฟนสาวส่งมาอลินดาถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมอดแปลกใจไม่ได้ เธอกับแฟนสาวเพิ่งไปแอบเจอกันมาเมื่อตอนเที่ยงเอง แต่พอตกเย็นแฟนสาวกลับส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงให้ออกไปเจอกันอีกแล้ว จึงพิมพ์ข้อความถามกลับไป ‘เราเพิ่งเจอกันเมื่อตอนเที่ยงเองนะ เธอเป็นอะไรรึเปล่าทำไมถึงอยากเจอเค้าอีกรอบ นัดเจอกันบ่อยแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายจะจับได้เหรอ’ ‘เค้ามีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยเลยอยากเจอเธอ คืนนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่เลยไปร่วมงานประมูลกันหมดเค้าเลยออกไปเจอเธอได้ไง มาเจอกันหน่อยนะ’ ‘’งั้นก็โอเคเค้าจะออกไปหา ไว้เจอกันนะตอนนี้เค้าขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน’ ‘โอเค 2ทุ่มเจอกันที่คลับอินเตอร์ ห้องวีไอพี 5 นะ เค้าโทรจองไว้เรียบร้อยแล้ว” ‘รับทราบค่าที่รัก’ อลินดาเชื่ออย่างสนิทใจว่าคนที่ส่งข้อความมาเป็นแฟนสาวเพราะทั้งภาษา และคำพูดเหมือนของแฟนสาวทุกประการจึงตอบตกลงไปไม่ได้คิดเอะใจอะไรสักนิด ครั้นคุยกับแฟนสาวเสร็จก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวพอได้เวลานัดหมายก็รีบออกเดินทางทันที"หยก..เธอไปอยู่ที่ไหนกัน" อลินดายังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟาแม้มาเฟียหนุ่มกับลูกน้องจะออกจากห้องไปหมดแล้วก็ตามเรื่องที่ได้รู้มันทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงจริง ๆ เพราะโยษิตาเป็นเสมือนหัวใจของเธอ ทว่าตอนนี้หัวใจดวงนั้นกลับหายไปแล้วโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าหายไปไหน น้ำสีใสยังคงรินไหลออกจากดวงตาคมไม่หยุด ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่แบบนั้นกระทั่งตระหนักได้ว่าเธอไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอแบบนี้สู้เอาเวลาไปสืบเสาะว่าแฟนสาวอยู่ที่ไหนดีกว่าคิดได้ดังนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นยืน ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจนแห้ง ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วก็ออกมาแต่งหน้าแต่งตัว จากนั้นจึงเดินทางออกจากคอนโดตรงไปสนามบินทันทีเพื่อสืบหาว่าโยษิตาบินไปประเทศไหน โดยเธอไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของตัวเองมีคนของมาเฟียหนุ่มแอบติดตามเมื่อมาถึงสนามบินเธอก็ใช้เส้นสายของผู้เป็นพ่อขอดูข้อมูลการเดินทางเข้าออกของสนามบิน ทว่าเธอกลับต้องผิดหวังเพราะข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศไม่มีชื่อแฟนสาวเลยสักไฟล์อดทำให้คิดไม่ได้ว่ามาเฟียหนุ่มพูดโกหก ความจริงแล้วแฟนสาวอาจยังอยู่ในประเทศไทย"คนเลว! คุณหลอกฉัน" เธอสบถออกมาด้วยความโกรธมือทั้งสองกำ
วันต่อมา…กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งดังสนั่นไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมปลุกให้อลินดาเจ้าของห้องที่นอนหลับอยู่บนเตียงใหญ่สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ“โอ๊ย! ใครมาตั้งแต่เช้าเนี่ย” เธอสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ใช้มือยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิง ก่อนจะพาตัวลงจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูด้วยความไม่พอใจหมายมั่นปั้นมือไว้อย่างแรงว่าหากคนที่มากดกริ่งปลุกมีเรื่องไม่สำคัญพอเธอจะด่าเข้าให้โทษฐานที่มากวนเวลานอนแกร็ก!วินาทีที่เปิดประตูออกไปเธอก็ต้องตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือผู้ชายสารเลว และด้านหลังของเขามีลูกน้องสองคนยืนประกอบอยู่ในมือถือถุงใส่ชุดแต่งงานไม่ต่ำกว่าห้าชุด เธออุตส่าห์หนีมาอยู่ที่คอนโดแล้วเขาก็ยังพาชุดแต่งงานตามมาอีกเหรอแต่แล้วยังไงเธอจะไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการเด็ดขาด คิดได้ดังนั้นก็รีบผลักประตูให้ปิดลง ทว่าเหมือนอีกคนจะเร็วกว่าเพราะเขาดันใช้เท้าดักไว้ก่อนที่ประตูจะปิดลง จากนั้นก็ใช้มือผลักประตูให้เปิดกว้างแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างหน้าตาเฉย ตามด้วยลูกน้องอีกสองคน“พวกคุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอรีบวิ่งไปขวางร่างสูงเอาไว้พร้อมกับไล่ตะเพิ
“แด๊ดดี๊กับมามี๊รู้จักเขาดีแล้วเหรอคะถึงยอมให้อลินแต่งงานกับเขาง่าย ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นคนไม่ดีก็ได้นะคะ อีกอย่างอลินก็ไม่ได้รักเขาเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาด และเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากนะคะในสมัยนี้” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มจากไปอลินดาก็รีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาที่เขาเคยนั่งแล้วพูดคุยกับพ่อแม่ พยายามหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้างหวังว่าจะเปลี่ยนความคิดพวกท่านได้“รู้จักสิ” ภาคินตอบเสียงเรียบสายตาจับจ้องหน้าบุตรสาวนิ่ง ๆ “แทนไทเป็นลูกมาคัล แอคคาร์โดผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจของไทยเพียบพร้อมทั้งครอบครัว ฐานะ การศึกษา และหน้าตาดี แล้วมีตรงไหนที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสมกับลูก” “อลินหมายถึงนิสัยค่ะแด๊ดดี๊” อลินดามองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนใจ“ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับเขา ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งสิ้นเพราะแด๊ดได้ตกลงไปแล้ว” ภาคินยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเขาต้องการให้บุตรสาวเลิกคบผู้หญิงด้วยกัน ว่าจบก็ลุกเดินขึ้นห้องไปทันทีไม่ฟังเสียงทักท้วงของบุตรสาวที่ดังตามหลังมาสักนิด“มามี๊ช่วยอลินด้วยนะคะ อลินไม่อยากแต่งงานกับเขา มามี๊ช่วยไปพูดกับแด๊ดดี๊ให้หน่อยนะคะ” เมื่อพูดเปลี่ยนใจผู้เป็นพ่อไม่สำเร็
ในประเทศไทยคงจะมีแค่ครอบครัวมาคัลที่ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งเขาก็เคยพบเจอมามาคัลบ่อย ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน และยังรู้ว่ามาคัลมีบุตรชายกับบุตรสาวชื่อแทนไทกับโยษิตา เขารู้จักโยษิตาบุตรสาวคนเล็กของมาคัลเพราะเธอเป็นเพื่อนกับบุตรสาวของเขา เคยไปมาหาสู่บุตรสาวที่บ้านบ่อย ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเกินคำว่าเพื่อนจึงนึกสงสัยเลยแอบตามดูพฤติกรรมทั้งสองห่าง ๆ จนได้รู้ความจริงบางอย่าง ส่วนแทนไทบุตรชายคนโตของมาคัลเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะชายหนุ่มไม่เคยไปออกงาน หรือปรากฏตัวที่ไหนเลยการที่ชายหนุ่มปรากฏกายที่บ้านในวันนี้ทำให้เขาสงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางแปลก ๆ ของบุตรสาวตอนคุยกับชายหนุ่มเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “ครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาคุยกับท่านทั้งสองครับ” มาเฟียหนุ่มยิ้มรับคำพูดภาคินเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันทีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ทิ้งให้อีกคนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่
หัวใจดวงน้อย ๆ ของอลินดากระหน่ำเต้นขึ้นมาฉับพลันในตอนที่รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่รั้วบ้านของเธอ รีบหันไปถามร่างสูงข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณมาบ้านฉันทำไม คิดจะทำอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”“หึ” คนถูกถามหันไปแสยะยิ้มร้ายมุมปากให้หญิงสาวแทนคำตอบ ก่อนจะเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกกระจกเหมือนเดิม กระทั่งรถจอดสนิทลงหน้าบ้านหญิงสาวจึงหันกลับไปออกคำสั่งกับร่างบางข้าง ๆ “ลงไปสิถึงบ้านเธอแล้ว”“คุณมีแผนอะไรกันแน่ คงไม่ใช่ใจดีมาส่งฉันที่บ้านอย่างเดียวใช่ไหม” อลินดาเลิกคิ้วขึ้นมองใบหน้าคมคายอย่างหวาดระแวงเพราะเธอไม่เชื่อสักนิดว่าเขาจะใจดีมาส่งเธอแค่อย่างเดียว แต่กลับได้รับความเงียบแทนคำตอบ หนำซ้ำเขายังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่ายิ่งทำให้เธอไม่ไว้ใจเข้าไปอีก พยายามอ่านสายตาของเขาแต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยมาเฟียหนุ่มมองสบสายตาหญิงสาวนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูลงจาจรถไปเมื่อเธอยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงสักทีทำให้อลินดาต้องรีบเปิดประตูลงตามไป แล้วรีบวิ่งไปยืนขวางหน้าร่างสูงที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านของเธอ “คุณจะไปไหน”“…”มาเฟียหนุ่มไม่ตอบเหมือนเดิมเลือกจะเดินเลี่ยงเธอไปอีกทาง ซึ่
วันต่อมา…หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน วันนี้อลินดาก็ตัดสินใจว่าจะไปเฝ้าดูลาดเลาแถว ๆ หน้าบ้านแฟนสาวก่อนเผื่อจะมีโอกาสเข้าไป ให้เธอทนอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวของแฟนสาวเลยเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขใจมันพะหว้าพะวงตลอดเวลา โดยเธอได้กลับไปยืมรถของน้องชายที่บ้านแล้วขับไปยังบ้านแฟนสาวเพราะหากขับรถของตัวเองไปก็เกรงว่ามาเฟียหนุ่ม และคนอื่น ๆ ในบ้านนั้นจะจำได้เธอนั่งดูลาดเลาอยู่ภายในรถบริเวณริมกำแพงบ้านแฟนสาว ทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าคนในบ้านหลังนี้จะออกไปไหนเลย“บ้าเอ๊ย! ใจคอไม่คิดจะออกไปไหนกันเลยเหรอ” เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิงเพื่อระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ด้วยสิ ในวินาทีที่เธอตัดสินใจจะกลับก็มีรถลีมูซีนแล่นออกมาจากบ้าน เธอพยายามใช้สายตาเพ่งมองผ่านกระจกมืดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นมาเฟียหนุ่มกับพ่อของเขานี่แหละเป็นโอกาสดีของเธอที่จะเข้าไปหาแฟนสาว ทันทีที่รถลีมูซีนแล่นออกไปไกลเธอก็รีบขับรถเข้าไปยังบ้านแฟนสาวด้วยความเร็วหัวใจของเธออดสั่นไหวไม่ได้ในตอนที่จอดรถลงหน้าบ้านแฟนสาว แล้วเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำหน้าตาดุดันเดินต