นับจากวันนั้นเวลาได้ล่วงเลยมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ อลินดายังคงใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนอย่างเดิมคือทำงานแล้วกลับบ้าน
แต่มีหนึ่งสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแฟนสาว หลังจากได้โทรปรึกษากันวันนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าทั้งสองจะยังคบกันเหมือนเดิม แต่จะไม่ได้ไปมาหาสู่กันเหมือนเมื่อก่อนเพราะต้องทำเหมือนว่าเลิกกันแล้วตามที่ได้บอกมาเฟียหนุ่มไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองจึงทำได้แค่โทรหากันเท่านั้นแม้จะคิดถึง หรืออยากเจอกันเพียงใดก็ต้องอดทน ซึ่งดูเหมือนว่าด้านมาเฟียหนุ่มเองจะเชื่อสนิทใจว่าโยษิตากับอลินดาเลิกกันแล้วเพราะเขาได้ให้ลูกน้องติดตามดูทั้งสองทุกฝีก้าวก็ไม่เห็นว่าทั้งสองจะไปมาหาสู่กันเหมือนเมื่อก่อน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ชะล่าใจยังคงให้ลูกน้องคอยตามดูเสมอ “แทนลูกแน่ใจใช่ไหมว่าหยกเลิกกับอลินดาแล้ว” เสียงเข้ม ๆ ของมาคัลดังขึ้นทำให้มาเฟียหนุ่มที่กำลังก้มหน้ามองจอไอแพดอยู่ในห้องโถงละสายตาจากหน้าจอ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบผู้เป็นพ่อ “แน่ใจครับ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมให้คนคอยตามดูทั้งสองตลอดก็ไม่เห็นว่าทั้งสองจะไปมาหาสู่เหมือนเมื่อก่อนเลยครับ” “แบบนี้ก็ดี แต่น้องสาวแกมันหัวแข็งสิ้นดีจนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมตกลงแต่งงานกับเควินอีก” “คงต้องให้เวลากันหน่อยครับ หยกเพิ่งเสียใจจากอลินดามา” “ฉันจะให้เวลาแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้นแหละ หากน้องสาวแกยังดื้อรั้นอีกฉันคงต้องใช้ไม้แข็ง” “ครับ” มาเฟียหนุ่มไม่ได้ใส่ปากใส่คำกับผู้เป็นพ่อเพียงแค่เออออตามเท่านั้นเพราะความจริง หากตัดเรื่องอื่น ๆ ออกไปน้องสาวของเขาก็น่าเห็นใจมากทีเดียวที่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แต่ก็นั่นแหละไม่มีใครสามารถขัดขวางความต้องการของมาคัลได้ หลังจากผู้เป็นพ่อเดินจากไปเขาก็ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้ามองจอไอแพดอีกครั้งเพื่อทำงานที่ค้างคาต่อ กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จึงละสายตาไปมองปรากฏว่าเป็นน้องสาวของเขานั่นเองกำลังเดินลงมาจากบันใด “จะไปไหนอีกล่ะ” เขาอดถามไปไม่ได้เมื่อเห็นน้องสาวแต่งตัวด้วยชุดสวย ๆ สะพายกระเป๋าเหมือนจะออกไปข้างนอกอีกแล้ว “อยู่บ้านก็เบื่อเลยว่าจะไปเที่ยวสักหน่อย” โยษิตาตอบพี่ชายด้วยน้ำเสียงหน่าย ๆ ใบหน้าฉายแววความเซ็งออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนจนมาเฟียหนุ่มเชื่อจริง ๆ เพราะหลังจากเลิกกับอลินดาน้องสาวก็ชอบออกไปเที่ยวบ่อย ๆ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าที่น้องสาวพูดไปล้วนเป็นคำโกหก วันอื่นเธอออกไปเที่ยวจริง ๆ แต่วันนี้เธอได้นัดเจอกับอลินดาที่โรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งย่านชานเมืองเพราะต่างคนต่างทนคิดถึงไม่ไหวอีกต่อไป “งั้นก็ไปเถอะ แต่อย่าทำอะไรที่ไม่สมควรล่ะ” มาเฟียหนุ่มไม่ลืมจะพูดดักทางน้องสาวไว้เพื่อป้องกันน้องสาวแอบไปเจอกับอลินดา โยษิตาไม่ได้ตอบอะไรกลับเลือกจะเดินออกไปเงียบ ๆ โดยมีสายตาของมาเฟียหนุ่มมองตามหลังไปกระทั่งลับสายตา เขาจึงหันกลับมาสนใจหน้าจอไอแพดต่อ ครืดดด~ ผ่านไปราว ๆ สองชั่วโมงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวมาเฟียหนุ่มก็ส่งเสียงดังขึ้น เขาจึงวางไอแพดลงบนโต๊ะแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ครั้นเห็นว่าเป็นเบอร์ของลูกน้องที่เขาให้ติดตามโยษิตาก็รีบกดรับสายทันที “ว่าไง” (ดูเหมือนว่าคุณหยกกับอลินดายังไม่ได้เลิกรากันอย่างที่เราเข้าใจครับ ทั้งสองแอบนัดเจอกันที่โรงแรมเล็ก ๆ ย่านชานเมืองครับ เดี๋ยวผมส่งรูปไปให้ดูครับ) คำรายงานจากปลายสายส่งผลให้ใบหน้าของมาเฟียหนุ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ กรามทั้งสองขบเข้าหากันแน่นจนเกิดเสียงดังกรอด สิ่งที่ได้รับรู้ทำให้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า พอจะเดาได้ว่าที่ผ่านมาโยษิตากับอลินดาอาจจะแอบติดต่อกันตลอด นั่นหมายความว่าเขาโดนคนทั้งสองรวมหัวกันโกหกหลอกลวงจนกลายเป็นคนโง่ที่สุด ยิ่งได้เห็นรูปภาพที่ลูกน้องส่งมาซึ่งมันเป็นภาพที่โยษิตากับอลินดาพากันเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องพักก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก “กล้ามากอลินดา โยษิตาแล้วพวกเธอจะได้รู้ว่าผลของการโกหกฉันมันเป็นยังไง” เสียงทุ้มหลุดออกจากริมฝีปากหยักอย่างดุดัน มือหนากำโทรศัพท์ในมือแน่นราวกับว่าต้องการให้มันแหลกคามือ ตอนนี้เขาโกรธมากหากบีบทั้งสองให้แหลกคามือได้เขาคงทำไปแล้วต่อให้หนึ่งในนั้นจะเป็นน้องสาวก็เถอะ และถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้เป็นพ่อคงไม่ต้องบอกว่าเขาจะโดนตำหนิมากแค่ไหนกับความผิดพลาดในครั้งนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธคนทั้งสอง ไฟแห่งความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในกายทำให้เขาต้องระบายด้วยการปัดข้าวของที่วางบนโต๊ะจนตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นไปหมดทำเอาแม่บ้านที่อยู่บริเวณนั้นพากันสะดุ้งไปตามตาม ๆ กัน แต่ก็มีใครกล้าเข้าไปด้วยรู้ถึงนิสัยของเจ้านายดีว่าเวลาโกรธเป็นเช่นไร หลังจากจัดการกับอารมณ์ตัวเองจนรู้สึกใจเย็นลงมาเฟียหนุ่มก็ลุกเดินขึ้นไปยังห้องนอนตัวเอง จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียงยกโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาดูงานต่าง ๆ เพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอน้องสาวกลับมา ครั้งนี้เขาจะจัดการกับน้องสาวตัวเองก่อนแล้วค่อยตามไปเช็คบิลกับอลินดาทีหลัง"หยก..เธอไปอยู่ที่ไหนกัน" อลินดายังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟาแม้มาเฟียหนุ่มกับลูกน้องจะออกจากห้องไปหมดแล้วก็ตามเรื่องที่ได้รู้มันทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงจริง ๆ เพราะโยษิตาเป็นเสมือนหัวใจของเธอ ทว่าตอนนี้หัวใจดวงนั้นกลับหายไปแล้วโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าหายไปไหน น้ำสีใสยังคงรินไหลออกจากดวงตาคมไม่หยุด ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่แบบนั้นกระทั่งตระหนักได้ว่าเธอไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอแบบนี้สู้เอาเวลาไปสืบเสาะว่าแฟนสาวอยู่ที่ไหนดีกว่าคิดได้ดังนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นยืน ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจนแห้ง ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วก็ออกมาแต่งหน้าแต่งตัว จากนั้นจึงเดินทางออกจากคอนโดตรงไปสนามบินทันทีเพื่อสืบหาว่าโยษิตาบินไปประเทศไหน โดยเธอไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของตัวเองมีคนของมาเฟียหนุ่มแอบติดตามเมื่อมาถึงสนามบินเธอก็ใช้เส้นสายของผู้เป็นพ่อขอดูข้อมูลการเดินทางเข้าออกของสนามบิน ทว่าเธอกลับต้องผิดหวังเพราะข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศไม่มีชื่อแฟนสาวเลยสักไฟล์อดทำให้คิดไม่ได้ว่ามาเฟียหนุ่มพูดโกหก ความจริงแล้วแฟนสาวอาจยังอยู่ในประเทศไทย"คนเลว! คุณหลอกฉัน" เธอสบถออกมาด้วยความโกรธมือทั้งสองกำ
วันต่อมา…กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งดังสนั่นไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมปลุกให้อลินดาเจ้าของห้องที่นอนหลับอยู่บนเตียงใหญ่สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ“โอ๊ย! ใครมาตั้งแต่เช้าเนี่ย” เธอสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ใช้มือยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิง ก่อนจะพาตัวลงจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูด้วยความไม่พอใจหมายมั่นปั้นมือไว้อย่างแรงว่าหากคนที่มากดกริ่งปลุกมีเรื่องไม่สำคัญพอเธอจะด่าเข้าให้โทษฐานที่มากวนเวลานอนแกร็ก!วินาทีที่เปิดประตูออกไปเธอก็ต้องตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือผู้ชายสารเลว และด้านหลังของเขามีลูกน้องสองคนยืนประกอบอยู่ในมือถือถุงใส่ชุดแต่งงานไม่ต่ำกว่าห้าชุด เธออุตส่าห์หนีมาอยู่ที่คอนโดแล้วเขาก็ยังพาชุดแต่งงานตามมาอีกเหรอแต่แล้วยังไงเธอจะไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการเด็ดขาด คิดได้ดังนั้นก็รีบผลักประตูให้ปิดลง ทว่าเหมือนอีกคนจะเร็วกว่าเพราะเขาดันใช้เท้าดักไว้ก่อนที่ประตูจะปิดลง จากนั้นก็ใช้มือผลักประตูให้เปิดกว้างแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างหน้าตาเฉย ตามด้วยลูกน้องอีกสองคน“พวกคุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอรีบวิ่งไปขวางร่างสูงเอาไว้พร้อมกับไล่ตะเพิ
“แด๊ดดี๊กับมามี๊รู้จักเขาดีแล้วเหรอคะถึงยอมให้อลินแต่งงานกับเขาง่าย ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นคนไม่ดีก็ได้นะคะ อีกอย่างอลินก็ไม่ได้รักเขาเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาด และเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากนะคะในสมัยนี้” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มจากไปอลินดาก็รีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาที่เขาเคยนั่งแล้วพูดคุยกับพ่อแม่ พยายามหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้างหวังว่าจะเปลี่ยนความคิดพวกท่านได้“รู้จักสิ” ภาคินตอบเสียงเรียบสายตาจับจ้องหน้าบุตรสาวนิ่ง ๆ “แทนไทเป็นลูกมาคัล แอคคาร์โดผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจของไทยเพียบพร้อมทั้งครอบครัว ฐานะ การศึกษา และหน้าตาดี แล้วมีตรงไหนที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสมกับลูก” “อลินหมายถึงนิสัยค่ะแด๊ดดี๊” อลินดามองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนใจ“ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับเขา ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งสิ้นเพราะแด๊ดได้ตกลงไปแล้ว” ภาคินยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเขาต้องการให้บุตรสาวเลิกคบผู้หญิงด้วยกัน ว่าจบก็ลุกเดินขึ้นห้องไปทันทีไม่ฟังเสียงทักท้วงของบุตรสาวที่ดังตามหลังมาสักนิด“มามี๊ช่วยอลินด้วยนะคะ อลินไม่อยากแต่งงานกับเขา มามี๊ช่วยไปพูดกับแด๊ดดี๊ให้หน่อยนะคะ” เมื่อพูดเปลี่ยนใจผู้เป็นพ่อไม่สำเร็
ในประเทศไทยคงจะมีแค่ครอบครัวมาคัลที่ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งเขาก็เคยพบเจอมามาคัลบ่อย ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน และยังรู้ว่ามาคัลมีบุตรชายกับบุตรสาวชื่อแทนไทกับโยษิตา เขารู้จักโยษิตาบุตรสาวคนเล็กของมาคัลเพราะเธอเป็นเพื่อนกับบุตรสาวของเขา เคยไปมาหาสู่บุตรสาวที่บ้านบ่อย ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเกินคำว่าเพื่อนจึงนึกสงสัยเลยแอบตามดูพฤติกรรมทั้งสองห่าง ๆ จนได้รู้ความจริงบางอย่าง ส่วนแทนไทบุตรชายคนโตของมาคัลเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะชายหนุ่มไม่เคยไปออกงาน หรือปรากฏตัวที่ไหนเลยการที่ชายหนุ่มปรากฏกายที่บ้านในวันนี้ทำให้เขาสงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางแปลก ๆ ของบุตรสาวตอนคุยกับชายหนุ่มเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “ครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาคุยกับท่านทั้งสองครับ” มาเฟียหนุ่มยิ้มรับคำพูดภาคินเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันทีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ทิ้งให้อีกคนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่
หัวใจดวงน้อย ๆ ของอลินดากระหน่ำเต้นขึ้นมาฉับพลันในตอนที่รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่รั้วบ้านของเธอ รีบหันไปถามร่างสูงข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณมาบ้านฉันทำไม คิดจะทำอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”“หึ” คนถูกถามหันไปแสยะยิ้มร้ายมุมปากให้หญิงสาวแทนคำตอบ ก่อนจะเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกกระจกเหมือนเดิม กระทั่งรถจอดสนิทลงหน้าบ้านหญิงสาวจึงหันกลับไปออกคำสั่งกับร่างบางข้าง ๆ “ลงไปสิถึงบ้านเธอแล้ว”“คุณมีแผนอะไรกันแน่ คงไม่ใช่ใจดีมาส่งฉันที่บ้านอย่างเดียวใช่ไหม” อลินดาเลิกคิ้วขึ้นมองใบหน้าคมคายอย่างหวาดระแวงเพราะเธอไม่เชื่อสักนิดว่าเขาจะใจดีมาส่งเธอแค่อย่างเดียว แต่กลับได้รับความเงียบแทนคำตอบ หนำซ้ำเขายังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่ายิ่งทำให้เธอไม่ไว้ใจเข้าไปอีก พยายามอ่านสายตาของเขาแต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยมาเฟียหนุ่มมองสบสายตาหญิงสาวนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูลงจาจรถไปเมื่อเธอยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงสักทีทำให้อลินดาต้องรีบเปิดประตูลงตามไป แล้วรีบวิ่งไปยืนขวางหน้าร่างสูงที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านของเธอ “คุณจะไปไหน”“…”มาเฟียหนุ่มไม่ตอบเหมือนเดิมเลือกจะเดินเลี่ยงเธอไปอีกทาง ซึ่
วันต่อมา…หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน วันนี้อลินดาก็ตัดสินใจว่าจะไปเฝ้าดูลาดเลาแถว ๆ หน้าบ้านแฟนสาวก่อนเผื่อจะมีโอกาสเข้าไป ให้เธอทนอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวของแฟนสาวเลยเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขใจมันพะหว้าพะวงตลอดเวลา โดยเธอได้กลับไปยืมรถของน้องชายที่บ้านแล้วขับไปยังบ้านแฟนสาวเพราะหากขับรถของตัวเองไปก็เกรงว่ามาเฟียหนุ่ม และคนอื่น ๆ ในบ้านนั้นจะจำได้เธอนั่งดูลาดเลาอยู่ภายในรถบริเวณริมกำแพงบ้านแฟนสาว ทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าคนในบ้านหลังนี้จะออกไปไหนเลย“บ้าเอ๊ย! ใจคอไม่คิดจะออกไปไหนกันเลยเหรอ” เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิงเพื่อระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ด้วยสิ ในวินาทีที่เธอตัดสินใจจะกลับก็มีรถลีมูซีนแล่นออกมาจากบ้าน เธอพยายามใช้สายตาเพ่งมองผ่านกระจกมืดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นมาเฟียหนุ่มกับพ่อของเขานี่แหละเป็นโอกาสดีของเธอที่จะเข้าไปหาแฟนสาว ทันทีที่รถลีมูซีนแล่นออกไปไกลเธอก็รีบขับรถเข้าไปยังบ้านแฟนสาวด้วยความเร็วหัวใจของเธออดสั่นไหวไม่ได้ในตอนที่จอดรถลงหน้าบ้านแฟนสาว แล้วเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำหน้าตาดุดันเดินต