Mag-log inทั้งสองหยอกล้อกันตามประสาคู่รักอยู่พักใหญ่ เมื่ออาหารมาเสิร์ฟอลินดาก็ทานมันอย่างเอร็ดอร่อย ผิดกับโยษิตาที่เอาแต่นั่งมองอาหารที่แฟนสาวตักใส่ในจานให้
เธอทานมันไม่ลงจริง ๆ เพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ ซึ่งท่าทางของเธอทำให้คนรักอย่างอลินดาอดสงสัยไม่ได้ รับรู้ได้ถึงความผิดปกติจากแฟนสาวจึงถามไถ่ไปด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมเธอไม่กินล่ะ ไม่หิวเหรอหรือมีอะไรรึเปล่าบอกเค้าได้นะ”
“อ๋อ เปล่า ๆ แค่เห็นเธอกินแล้วมีความสุขน่ะ เลยลืมกินของตัวเองเลย” โยษิตาเลือกพูดโกหกเพราะไม่อยากทำให้คนรักเครียดไปด้วย ทว่าสีหน้าและแววตาของเธอกลับสวนทางกับคำพูด
อลินดาไม่เชื่อคำพูดของแฟนสาวสักนิด เซ็นส์ของเธอมันบอกว่าแฟนสาวไม่ปกติดูจากสีหน้าหม่น ๆ ถึงแม้จะมีรอยยิ้มบาง ๆ เคลือบบนใบหน้าก็ตาม ไหนจะแววตาที่ฉายด้วยความเศร้านั่นอีก
“ตอนนี้เธอมีความสุขจริงเหรอ แต่ทำไมเค้าสัมผัสความสุขจากเธอไม่ได้เลย เธอมีอะไรปิดบังเค้าอยู่รึเปล่า หรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ”
“เค้า..” โยษิตาถึงกับอึกอักเมื่อถูกสายตาคนรักจ้องอย่างคาดคั้นให้โกหกก็คงทำไม่ได้เพราะดูท่าแล้วคนรักคงจะไม่เชื่อ
เธออุตส่าห์พยายามข่มความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นในใจแล้วเชียว แต่สุดท้ายก็เผลอแสดงมันออกมาจนถูกจับได้
ความจริงที่เธอนัดสาวคนรักมาวันนี้เพราะต้องการปรึกษาเรื่องบางอย่าง และอยากจะได้กำลังใจ ทว่าพอเอาเข้าจริงเมื่อได้มาอยู่ตรงหน้าสาวคนรักเธอกลับไม่มีความกล้ามากพอที่จะพูดมันออกไป
อีกเหตุผลคือกลัวว่าสาวคนรักจะพลอยเครียดและเป็นกังวลไม่ต่างกันกับที่เธอกำลังเป็นอยู่ในเวลานี้ เธอรู้ว่าการเอาความทุกข์ไปกองไว้กับคนอื่นไม่ใช่เรื่องดี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เลือกจะแบกรับความรู้สึกเลวร้ายเหล่านั้นเอาไว้คนเดียว
“เธอเป็นอะไร”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่โยษิตาเผลอนั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองกระทั่งน้ำเสียงเข้ม ๆ ของสาวคนรักดังทบโสตประสาททำให้เธอสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“บอกมามีอะไร” อลินดาถามย้ำแฟนสาวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดุดัน เริ่มสัมผัสได้แล้วว่าคนรักของเธอผิดแปลกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ปกติแล้วโยษิตาเป็นคนสดใสร่าเริง และเมื่อไรก็ตามที่เธอเจอเรื่องไม่ดีมา ก็มักจะมาปรึกษาหารือกับเธออยู่เสมอๆ ไม่เคยต้องเก็บซ่อนเอาไว้จนกระทั่งออกทางสีหน้าและท่าทางแบบนี้เลย มันยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงมากขึ้นไปอีกจนเผลออารมณ์เสียที่แฟนสาวอึกอัก นิ่งเงียบไม่ยอมบอกสักที
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเผลอทำนิสัยไม่ดีใส่แฟนสาวไปก็พยายามพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ เพื่อระงับอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือของแฟนสาวไว้แน่นส่งผ่านความรักความห่วงใยให้แฟนสาวได้รับรู้พร้อมกับเอื้อนเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนาลที่สุด
“หยกเค้าคบกับเธอมากี่ปี แค่เธอไม่โอเคทำไมเค้าจะไม่รู้ บอกเค้ามาเถอะนะเธอมีอะไรไม่สบายใจ”
“...”
โยษิตาไม่ได้ตอบอะไรเพียงมองสายตาสาวคนรักด้วยความซาบซึ้งสุดหัวใจ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีอลินดาก็ยังรักยังห่วงใย และไม่เคยปล่อยปะละเลยความรู้สึกของเธอเลยสักครั้งเพราะแบบนี้ไงเธอถึงรักอลินดามาก มากจนไม่รู้ว่าหากวันหนึ่งไม่มีอลินดาอยู่เธอจะมีชีวิตต่อไปยังไง
“โอเค ในเมื่อเธออยากรู้เค้าก็จะบอก” เธอหลับตาพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ เรียกความกล้าให้ตัวเอง ก่อนจะปรือตาขึ้นเอ่ยกับสาวคนรัก จากนั้นก็เริ่มเล่าถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องทุกข์ใจ
วันต่อมา ทั้งสองก็พากันไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แล้วไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานทะเบียนต่อ"เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะ ต่อจากนี้ห้ามชายตามองผู้ชายคนไหนแม้แต่นิดเดียว" ทันทีที่ใบทะเบียนสมรสที่มีลายลักษณ์อักษรของหญิงสาวกับตัวเองอยู่ในมือมาเฟียหนุ่มก็ยืดออกแสดงความความเป็นเจ้าของอย่างเต็มภาคภูมิ"แค่ดูเป็นอาหารตาก็ไม่ได้เหรอคะสามี" อลินดาพูดหยอกสามีป้ายแดงด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบาง ๆ ขณะกำลังจูงมือกันเดินออกจากสำนักงานทะเบียน"มีผัวหล่อขนาดนี้แล้วจะไปมองผู้ชายคนอื่นทำไม มองผัวนี่แหละครับเป็นอาหารตาชั้นดี" เธอได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ พอได้ยินคำพูดจาหลงตัวเองของคนเป็นสามีเธอเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาก็หลงตัวเองเหมือนกัน ต่อให้ที่เขาพูดมาจะจริงก็เถอะ ด้วยความมันเขี้ยวอดพูดแกล้งเขาไปไม่ได้ "พี่หล่อก็จริง แค่มองทุกวันมันก็เบื่อเหมือนกันนะ"คำพูดจากริมฝีปากอิ่มทำคนฟังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่ชอบใจ พลันหยุดเดินอัตโนมัติแล้วหันไปมองหน้าร่างบางพร้อมพ่นคำพูดออกไประรัว"อย่าแม้แต่จะคิด ห้ามเบื่อ ห้ามเลิกรัก ห้ามมองผู้ชายคนอื่น ห้ามทิ้งกัน ห.."อลินดาฟังแทบไม่ทันจนเธอต้องรีบยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก
เมื่อกลับมาถึงคอนโดเธอยังคงทำตัวปกติรอจนมาเฟียหนุ่มหลับจึงแอบเอาที่ตรวจครรภ์ไปตรวจในห้องน้ำ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นแรงแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกระหว่างที่กำลังรอผลตรวจ มันลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้นเสียอีก หากถามว่าเธอพร้อมมีลูกในตอนนี้ไหมตอบเลยว่าไม่ แต่หากว่าลูกมาแล้วจริง ๆ เธอก็คงต้องพร้อมให้ได้ "อึก.." เธอลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ ก่อนจะยื่นมือที่สั่นเพราะความตื่นเต้นไปหยิบที่ตรวจครรภ์ที่วางบนอ่างล้างหน้าขึ้นมาดู "อ่า..ทำไมรีบมาจังลูกแม่ยังใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้มเลย" พอเห็นผลตรวจที่ขึ้นสีแดงสองขีดเธอถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมด ใจหนึ่งเธอก็ดีใจแต่อีกใจก็นึกกังวลอะไรหลาย ๆ อย่าง เธอหลับตาลงพยายามตั้งสติ ขจัดความรู้สึกไม่ดีออกไป จากนั้นก็กำที่ตรวจครรภ์ไว้ในมือแน่นแล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ เดินไปหย่อนก้นนั่งบนเตียงข้าง ๆ ร่างสูงที่นอนหลับอยู่ สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกมันเขี้ยวที่เธอท้องคงจะสมใจเขาแล้วสิ นิ้วเรียวยื่นไปกรีดกรายตามแนวคิ้วโก้งทั้งสอง แล้วค่อย ๆ ลากลงตามจมูกโด่งเป็นสันมาหยุดที่ริมฝีปากหยักสีชมพูพลางครุ่นคิดในใจว่าหากเป็นล
เป็นเพราะเธอที่เข้ามาทำให้โลกอันดำมืดของเขาสว่างไสว เธอเป็นคนที่เข้ามาเติมทุกอย่างที่เขาขาดหายให้เต็มแล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารัก และขอบคุณเธอได้ยังไงกันสองสายตามองสบประสานกันอย่างลึกซึ้งส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนทั้งสองจะละสายตาจากกันเมื่อหมอวัยกลางคนเดินเข้ามา มีแค่มีที่ยังกอบกุมกันไว้แน่นด้วยลุ้นระทึกกับผลตรวจที่อยู่ในมือหมอ"ผลตรวจร่างกายของคนไข้ปกติทุกอย่างครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล" พอได้ฟังผลตรวจทั้งมาเฟียหนุ่มกับอลินดาก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยรู้สึกโล่งอกที่ผลออกมาปกติ ทว่าอีกใจก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีกับอาการที่เป็นอยู่"แล้วอาการที่ผมเป็นอยู่นี่ล่ะครับ" มาเฟียหนุ่มถามไถ่ไป"จากอาการที่คนไข้บอกมาถ้าร่างกายปกติก็มีเพียงอย่างเดียวครับ" หมอวัยกลางคนกล่าวยิ้ม ๆ แล้วเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยต่อ "แพ้ท้องแทนภรรยา""ห๊ะ!!"สิ้นคำบอกกล่าวจากหมอมาเฟียหนุ่มกับอลินดาถึงกับตาเบิกกว้างร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจระคนฉงน พลันหันมองหน้ากันอัตโนมัติ"ประจำเดือนน้องอลินมารึยังเดือนนี้" มาเฟียหนุ่มรีบถามไถ่ด้วยความตื่นเต้นพลางก้มมองหน้าท้องของคนรัก ลึก ๆ ในใจเขาอยากให
หนึ่งเดือนต่อมา.."พี่แทนลุกขึ้นมากินข้าวอย่าเอาแต่นอนแบบนี้" อลินดาเขย่าเรียกคนตัวโตที่เอาแต่นอนตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงข้าวปลาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาทานด้วยความเป็นห่วงช่วงหนึ่งอาทิตย์มานี้เขาเอาแต่นอน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยทานบอกว่าเบื่อจนน้ำหนักลดลงไปหนึ่งกิโลแล้ว หนำซ้ำยังมีอาการอ่อนเพลีย ปวดท้องปวดหลังราวกับผู้หญิงมีประจำเดือนยังไงยังงั้น แต่พอพาไปหาหมอหมอกลับบอกว่าปกติทุกอย่างถามว่าเขามีความเครียดหรือเปล่าเขาก็บอกว่าไม่เลย เขามีความสุขที่สุดด้วยซ้ำเพราะได้อยู่กับเธอแทบทุกวันทุกคืนตั้งแต่วันที่ไปหาพ่อแม่ของเธอด้วยกัน ได้พูดคุยจนเข้าใจเธอกับเขาก็ไปมาหาสู่ และอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นซึ่งมาเฟียหนุ่มจะมาอยู่ที่คอนโดของเธอเรียกได้ว่าตอนนี้เขาครองห้องเธอไปแล้ว ส่วนเธอก็มีบางคืนที่กลับไปนอนที่บ้านบ้างเพื่อไม่ให้พ่อแม่ว่าเอาได้ว่าอยู่แต่กับผู้ชายจนลืมบ้านลืมช่อง "พี่แทนลุกขึ้นมากินอะไรสักนิดก่อน แล้วค่อยนอนต่อ" เธอเขย่าคนตัวโตแรงกว่าเดิมเมื่อเขายังคงนอนหลับต่อ "ตื่นแล้วครับ" ในที่สุดคนถูกปลุกก็ต้องลืมตาตื่นด้วยความจำใจ เขายกมือทั้งสองขยี้ตาไล่อาการงัวเงียออก ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกที่
ภายในห้องน้ำเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรักของคนทั้งสองไปแล้วน้ำที่ว่าเย็นก็ดับความร้อนแรงนี้ไม่ได้ มาเฟียหนุ่มเดินหน้ากระแทกไม่หยั่ง อีกคนก็รอรับด้วยความกระสันเสียวและสุขสม กว่าจะอิ่มหนำก็ใช้เวลาไปไม่น้อยอลินดาถึงกับขาอ่อนยืนไม่ไหวเป็นมาเฟียหนุ่มที่ต้องคอยดูแลจัดการอาบน้ำถูสบู่ และสระผมให้ แล้วอุ้มออกมาวางบนเตียง"หึ" มาเฟียหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างนึกเอ็นดูคนตัวเล็กที่นั่งตาปอยอยู่ริมเตียง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ แล้วเดินไปเอาผ้าขนหนูอีกผืน จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างหลังเธอจัดการเช็ดผมให้อลินดายกยิ้มออกมาน้อย ๆ กับการกระทำแสนอ่อนโยนของคนตัวโตใครจะคิดว่ามาเฟียหนุ่มอย่างเขาจะมีมุมอ่อนโยนด้วย เขาอ่อนโยนจนบางทีเธอก็คิดไม่ถึง"ขอบคุณค่ะ" ครั้นเขาเช็ดผมให้เสร็จเธอก็เอี้ยวหน้าไปขอบคุณพร้อมทั้งฉีกยิ้มให้เขาจนตายี มาเฟียหนุ่มจึงใช้จังหวะนั้นจุบปากเธอไปหนึ่งทีถือเป็นค่าเช็ดผม แล้วจึงลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อให้เธอใส่ เขายืนเลือกอยู่สักพักโดยมีอลินดานั่งมองที่เตียง เมื่อเลือกได้ก็พาไปยื่นให้ "ใส่ไปก่อนครับ เดี๋ยวชุดน้องอลินพี่ให้แม่บ้านเอาไปซักให้"อลินดามองเสื
ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงค่ำ ๆ หลังจากนอนพักเอาแรงกันจนอิ่มแล้วมาเฟียหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาเปิดหน้าจอดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้สองทุ่มแล้วจึงบอกกล่าวกับร่างบางในอ้อมกอด "ลุกขึ้นไปอาบน้ำครับจะได้ไปหาอะไรกินกัน""ขอนอนนิ่ง ๆ แบบนี้อีกสักพักได้ไหม" อลินดาแสดงท่าทีงอแงเพราะรู้สึกง่วง ๆ และขี้เกียจน้อย ๆ ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็ไม่คิดขัดใจปล่อยให้เธอนอนกอดเขาต่อไปไม่คิดจะลุกหนีผ่านไปราว ๆ ยี่สิบนาทีจึงเรียกเธออีกครั้ง "พี่ว่าลุกขึ้นได้แล้วครับน้องอลิน""หือ.." อลินดาถึงกับตาโตหูผึ่ง ผงกหน้าขึ้นมองคนตัวโตด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินคำเรียกที่เขาเรียกแทนตัวเองและเธอ มันฟังดูละมุนจนรู้สึกจักกะจี้ในหัวใจ ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย"หืออะไรครับ ต่อไปนี้เราจะเรียกกันแบบนี้โอเคไหมครับ" "โอเคก็ได้ค่ะ" อลินดาพยักหน้าเอออออย่างว่าง่ายแม้จะรู้สึกเขอะเขิน และไม่ชินหูก็ตาม"น่ารักที่สุด" มาเฟียหนุ่มก้มลงหอมหน้ามนฟอดใหญ่ ก่อนจะเคลื่อนลงหอมแก้มซ้ายขวาของเธอต่อด้วยความรักใคร่เอ็นดู ขณะที่คนถูกหอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากเธอตัดสินใจวางทิ้งความรู้ไม่ดีต่อมาเฟียหนุ่มเกี่ยวกับเรื่องในอดีต และท







