“ฉันว่าเราควรแยกกันอยู่สักพักนะ ให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินว่าเราจะไปต่อหรือพอแค่นี้...ในเมื่อคุณมีอีกคน” คำพูดนั้นราวกับปล่อยระเบิดลงกลางความสัมพันธ์ เจมส์ชะงัก มองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ เขารู้ว่าความจริงที่เขาเลือกปิดบังมาตลอดได้เปิดเผยออกมา “อิมิลี่...มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ” เขาพูดออกมาเสียงเบา ราวกับกำลังค้นหาคำแก้ตัวที่น่าเชื่อถือ เธอส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ ที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความสุขอีกต่อไป “อย่าพยายามแก้ตัวเลยเจมส์ ฉันเหนื่อย...เหนื่อยกับการพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ในขณะที่คุณไม่ได้พยายามไปกับฉันเลย” เธอก้มลงหยิบกระเป๋าเดินทางใบโต หยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ฉันอยากให้คุณใช้เวลาคิด ว่าคุณต้องการอะไรจริง ๆ... และฉันก็จะทำแบบเดียวกัน” เจมส์มองดูเธอเดินออกจากห้องไป ความรู้สึกผิดและความกลัวปะทุขึ้นในใจ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ นอกจากอยู่ในความเงียบที่เธอทิ้งไว้...
View Moreคอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ
แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียว เขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา “เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย เจมส์หยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำถามจากภรรยา ก่อนจะพลิกตัวลงจากเธอ เขานอนหงายบนเตียงและหลับตา ถอนหายใจหนักๆ “ผมขอโทษ...” เขากล่าวเบาๆ ราวกับไม่ต้องการให้เสียงนั้นหลุดออกมา อีมิลี่ขยับตัว ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง แล้วเคลื่อนนิ้วเรียวจับมือของเจมส์เบาๆ “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก เราแค่...เหนื่อยใช่ไหม? ทั้งคุณและฉัน” เจมส์ไม่ได้ตอบในทันที เขาลืมตาขึ้น มองเพดานสีขาวที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นกำแพงที่กดทับความรู้สึกในใจ “แต่ผมไม่รู้...” เขาลุกขึ้นจากเตียงราวกับต้องการเวลาสักครู่ เสียงเท้าที่กระทบกับพื้นห้องสะท้อนก้องในความเงียบเขาเดินตรงไปยังประตูห้องอาบ อิมิลี่เลื่อนสายตาตามแผ่นหลังของเขาที่หายลับเข้าไปในห้องอาบน้ำได้ยินเสียง ประตูที่ปิดลงดัง "ปัง" เบา ๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ เจมส์ยืนจ้องมอง ร่างกายหนุ่มแน่นที่เปลือยเปล่าสะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ ในสมองเขายังหมกมุ่นอยู่กับภารกิจรักที่ไม่เสร็จสิ้น เสียงน้ำจากฝักบัวดังเป็นจังหวะเหมือนเสียงสะท้อนของความคิดในหัวที่ยังหมกมุ่น เขาโยกร่างชายไปใต้สายน้ำเย็นที่ไหลริน ปล่อยให้มันชโลมร่างกายและหวังว่าจะชำระล้างความเร่าร้อนในจิตใจ แต่ถึงแม้น้ำจะเย็นเพียงใด มันกลับไม่อาจเติมเต็มช่องว่างความต้องการในหัวใจเขาได้… เจมส์ปิดเปลือกตา หายใจลึก พลางปล่อยมือไปตามสัญชาตญาณที่คุ้นเคย ท่อนที่หวงแหนที่เขาจับแน่นนั้นเคยเป็นสิ่งที่เขาภูมิใจ แต่ค่ำคืนนี้กลับไม่เหมือนเดิม เขาพยายามนึกถึงภาพอย่างและบางคนที่ร้อนแรงเพื่อสนองความรู้สึก เคลื่อนมือซ้ายหยิบนิตยสารปลุกใจชายที่เขาแอบไว้ใช้สำเร็จอารมณ์ เสียงน้ำยังคงดังต่อเนื่อง เจมส์ขยับมือขึ้นลงอย่างเชื่องช้าจินตนาการและสลับมองภาพเล่มนั้นไปมาเขาจินตาการถึงบางอย่างที่น่าตื่นเต้นราวกับสงครามที่มัดแน่นนักโทษสาวพลางเคลื่อนมือขึ้นลงบนท่อนเอ็นที่ขึ้นลำอย่างเร้าใจตามเสียงของน้ำที่ไหลแรง กลบเสียงหนุ่มที่ร้องลั่นเมื่อน้ำชายพุ่งจนสำเร็จกาม หลังจากเสร็จกิจชำระร่างแล้วเจมส์ก้าวออกจากห้องอาบ เขาเหลือบมองไปที่เตียง เห็นอิมิลี่นอนอย่างไม่ขยับ เปลือกตาเธอปิดสนิท ร่างของเธอขดตัวเล็กน้อยใต้ผ้าห่ม ใบหน้าเธอดูสงบเมื่อเธอได้พักผ่อน เขาเดินเข้าไปใกล้ช้า ๆ ราวกับกลัวจะปลุกเธอ ดวงตาของเขาไล่สำรวจใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเศร้าที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน เจมส์ค่อยๆนั่งลงข้างเธอ เอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าเธอเบา ๆ ก่อนจะก้มตัวลง เคลื่อนริมฝีปากจูบหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา …… แสงแดดลอดผ่านม่านบางเบากระทบใบหน้าของเอมิลี่ เธอพลิกตัวบนเตียงขาวนวล เศษผ้าห่มสีขาวพันตัวอย่างหลวม ๆ มือที่เหยียดไปด้านข้างเพื่อหาความอบอุ่นของเจมส์กลับพบเพียงความว่างเปล่า เธอค่อย ๆ เปิดตาขึ้นช้า ๆ หัวใจเต้นแผ่วเบาเมื่อมองเห็นพื้นที่ข้างว่างเปล่า เจมส์จากไปอีกแล้ว...แต่เช้าตรู่เหมือนเดิม สายตาของเธอเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตใบเล็กที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ลายมือของเจมส์ยังคงคุ้นตาและเรียบร้อย “วันนี้มีงานด่วนแต่เช้า อาจต้องนอนค้าง… ดูแลตัวเองด้วยนะ” เอมิลี่ถอนหายใจยาว โน้ตใบนั้นช่างเหมือนกับทุกครั้งข้อความที่อ้างถึงงาน ข้อความที่บอกว่าเขาจะกลับดึก หรือไม่ก็อาจจะไม่กลับเลย สายตาเลื่อนผ่านกรอบรูปที่บรรจุภาพถ่ายงานแต่งงานของเธอและเจมส์ ภาพในวันนั้นเธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ในอ้อมแขนของเจมส์ที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ความสุขในวันนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจเธอ วันนี้…ครบรอบ 10 ปีของการแต่งงานของเธอและเจมส์เธอควรจะรู้สึกยินดีแต่กลับมีบางสิ่งที่กดทับหัวใจของเธอไว้ซึ่งเธอพยายามหาคำตอบ… เธอใช้นิ้วลูบเบา ๆ บนกรอบรูป ความอบอุ่นในรอยยิ้มของพวกเขาในวันนั้นช่างแตกต่างจากความเงียบเหงาในวันนี้ เอมิลี่รู้ดีว่าเจมส์ไม่ใช่คนเลวร้าย เขาเป็นผู้ชายที่รับผิดชอบและทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่ แต่ความรักที่เธอเคยรู้สึกชัดเจนในทุกวัน กลับดูเหมือนจางลงเรื่อย ๆ เธอวางกรอบรูปไว้บนตัก นัยน์ตาแววเศร้าเล็กน้อย ก่อนจะหลับตา สูดลมหายใจลึกเพื่อพยายามควบคุมความรู้สึกทั้งหมด เสียงถอนหายใจยาวเบา ๆ ดังขึ้นในห้องที่เงียบสนิท เธอค่อยๆคลายมือจากกรอบรูปแล้ว วางมันลงบนโต๊ะใกล้ตัวเหมือนกับการวางความทรงจำที่ไว้ชั่วคราว เธอยืดตัว ขึ้น ฝีเท้าของเธอเดินอย่างช้า ๆ และมั่นคง เธอเปิดประตูห้องน้ำ กลิ่นสบู่จาง ๆ และเสียงน้ำไหลกลายเป็นจังหวะที่ช่วยปลบรรเทาความเหนื่อยล้าจากใจ แม้ในความสงบนั้น เธอปล่อยน้ำอุ่นไหลผ่านตัว เคลิ้มไปกับสายน้ำที่ไหลผ่านร่างใช้สบู่เคลื่อนไปทั่วเรือนร่างที่เปลี่ยวเหงา ในวันครบรอบแต่งงานที่แสนหดหู่ สายน้ำชโลมร่างที่โหยหา ให้คลายอารมณ์ที่ค้างเมื่อคืนที่ผ่านพลางหลับตาเคลื่อนนิ้วเรียวไล้ทุกจุดไวต่อการสัมผัสตามแรงตัณหาที่เธอต้องการ เสียงน้ำกระทบร่างแรงขึ้นราวว่าเธอกำลังปลดเปลื้องความเร่าร้อนให้เป็นรางวัลแก่ตัวเองในวันครบรอบวันแต่งงาน ที่แสน โดดเดี่ยวและเปลี่ยวใจพระอาทิตย์คล้อยต่ำ ลำแสงสุดท้ายที่ค่อย ๆ จางหายไป เจมส์ยืนอยู่หน้าประตูบ้านของอิมิลี่ บานประตูไม้เก่ากระทบกับสายลมเบา ๆ ราวกับเสียงเตือนที่เคยได้ยิน มันไม่ได้ล็อก—เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าในอากาศที่หนาแน่นขึ้นทุกที เขาลังเลไปครู่หนึ่ง... หัวใจเต้นรัวในความเงียบ ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไปด้วยมือที่เริ่มสั่นภายในบ้านยังเหมือนเดิม ทุกสิ่งยังคงอยู่ในที่ของมัน แต่ทุกอย่างกลับเหมือนถูกหยุดเวลาไว้ในอากาศ บรรยากาศเงียบงัน เย็นเยียบ—เย็นเกินไป ราวกับมันไม่ได้มีชีวิตอยู่เลย ราวกับบ้านทั้งหลังกำลังไว้ทุกข์... แต่ไร้น้ำตาเขาก้าวช้า ๆ ทุกย่างก้าวหนักหน่วง สายตากวาดไปทั่วห้อง—มองทุกมุม ทุกเงา เหมือนหาสิ่งที่หายไป แต่ไม่รู้จะหามันจากที่ไหน "อิมิลี่... คุณอยู่ไหม?" เสียงของเขาแหบแห้งและทุ้มลง คำถามนั้นดังในหัวของเขา ก่อนจะหลุดออกไปในอากาศที่หนาวเย็นพลัน... เอี้ยด—ประตูระเบียงเปิดออก ลมหอบใหญ่พัดเข้ามาผ้าม่านขาวพลิ้วไหวราวกับมือของใครบางคน—โบกลาเงียบงัน เสียงลมหายใจของบ้านเก่าดังแผ่วเบา มันไม่ใช่เสียง...แต่คือความรู้สึกในห้วงขณะหนึ่ง เจมส์สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง การมีอยู่ของควา
ดวงตาของลูคัสเด็ดเดี่ยว คมราวเหยี่ยวล่าเหยื่อ จ้องตรงไปยังเป้าหมายพลาง มือขวายกปืนขึ้น ลำกล้องเย็นเฉียบแต่นิ่งมั่น“ปัง! ปัง!”เสียงปืนกระแทกอากาศสองนัดรวด แม่นยำราวกับคมมีดผ่ากลางใจ ทุกการเคลื่อนไหวในโกดังหยุดลงเหมือนถูกสาปกล้อง อุปกรณ์ทุกชิ้น ดับสนิท แสงไฟกระพริบวูบวาบก่อนจางลง ราวกับโลกทั้งใบยอมจำนนให้แก่เขาลูกน้องของลูคัสบุกเข้ากระชับพื้นที่ ไร้เสียง ไร้ความปรานี พวกเขาจัดการลูกน้องของอองเดรอย่างรวดเร็ว แม่นยำ ไม่ปล่อยให้มีเสียงร้องหลุดลอดแม้แต่ลมหายใจสุดท้ายจากนั้น— เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวออกจากในมุมลึกของโกดังอองเดร ยืนจังก้า แผ่นหลังเหยียดตรง ราวกับการปรากฏของเขาไม่ใช่ความหวาดกลัว... แต่เป็นการรอคอย—การแก้แค้นที่เขาคิดว่าเป็นของเขามุมปากเขายกขึ้น... แววตาเป็นประกาย แต่ในความลึกนั้น เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ และเลือดเย็นลูคัสดวงตาแน่นิ่ง นิ้วหนาเล็งปลายกระบอกปืนไปยังอกของอองเดรอย่างมั่นคง “จบกันที... อองเดร”น้ำเสียงเรียบเย็น ราวมีดที่ถูกลับจนคมกริบไร้การขู่ ไม่มีแม้แววลังเลในถ้อยคำทั้งสองยืนประจันหน้า— เวลาเหมือนหยุดหมุน เสียงเขม่าควันปืนเมื่อครู่ยังคุกรุ่น
เจมส์ขับรถออกจากศาลด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาแข็งกร้าวจ้องถนนเบื้องหน้าไม่กะพริบ ความคิดในหัววนเวียนซ้ำๆ เขาต้องไปหาแอลซ่า ต้องได้คำตอบเท้าเหยียบคันเร่งจมมิด รถทะยานไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วเสียดแทงลมราวกับสะท้อนพายุในใจของเจมส์ที่พร้อมจะระเบิดออกได้ทุกวินาที เสียงเครื่องยนต์คำรามดั่งหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ร้อนรุ่ม สับสน หวาดระแวงพริบตาเดียว รถเบรกกระทันหันจนยางเสียดกับพื้นถนนอย่างรุนแรง เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของแอลซ่า ประตูหน้าถูกล็อกแน่นสนิท ม่านหน้าต่างปิดราวกับไม่เคยมีใครอาศัย บ้านทั้งหลังเงียบงัน เย็นเยียบ เจมส์จ้องไปที่แม่กุญแจด้วยสายตาแข็งกร้าว มือที่ยังกำพวงมาลัยแน่นเริ่มสั่นเล็กน้อย ทุกอย่าง...ผิดปกติเกินไปแล้วจู่ๆ... เสียงมือถือสั่นครืดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเจมส์หันไปมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอ ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายในทันที"คุณเจมส์ใช่ไหมครับ?" เสียงปลายสายจริงจัง และหนักแน่น"ใช่ ผมเอง..." เขาขานรับ เสียงแหบพร่า หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก“ขอความร่วมมือให้คุณมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจครับ… เกี่ยวกับการหายตัวไปของคุณอิมิลี่ —
กลางมหาสมุทรเวิ้งว้างไร้ขอบเขต เสียงเครื่องยนต์คำรามกระหึ่มสะเทือนคลื่นลม เรือสปีดโบ๊ทสีดำทะมึนแล่นฝ่าเกลียวคลื่นที่ซัดกระหน่ำไม่หยุด ลูคัสยืนประจันหน้ากับสายลมบ้าคลั่ง มือกำพวงมาลัยแน่นดวงตาแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว มุ่งตรงไปข้างหน้า สู่เกาะร้างที่ซ่อนอันตรายและสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาเอาไว้เบื้องหลัง ลูกน้องหลายชีวิตติดอาวุธครบมือ นั่งกระชับปืนไรเฟิลแน่น ดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยว กวาดมองรอบตัวไม่หยุดด้วยสัญชาตญาณของนักล่า ทุกคนพร้อมระเบิดความโหดเหี้ยมได้ทันทีที่คำสั่งแรกถูกเปล่งออกมาไม่ไกลจากกันนัก บนเกาะร้างกลางทะเล ลูกน้องของอองเดรยกกล้องส่องทางไกลขึ้นแนบตา จับภาพเรือสปีดโบ๊ทที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเย็น ราวกับหมาป่าที่กำลังจะได้ลิ้มรสเนื้อสดใหม่"จัดการพวกมันเลยไหม?" เขาเอ่ยเสียงแข็งผ่านไมโครโฟนติดตัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหิวกระหายเลือดเสียงปลายสายดังขึ้น — ต่ำ ลึก และเย็นยะเยือก ราวกับน้ำแข็งกัดกระดูก"ยัง..." อองเดรลากเสียงยาวอย่างเลือดเย็น "ต้องให้มันเห็น...คนที่มันรัก...ทรมานจนขอความตายก่อนต่างหาก"ประโยคนั้นบาดลึกลงในความเงียบของทะเล ราวกั
เสียงล้อรถเสียดสีกับกรวดหน้าบ้านพักดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่รถจะหยุดสนิท ลูคัสไม่รอให้เครื่องดับ เขาผลักประตูออกแล้วก้าวพรวดลงจากรถอย่างร้อนใจ"เลโอล่ะ?" เสียงเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ คำถามถูกปล่อยออกไปทันทีที่เขาเห็น กลุ่มลูกน้องยืนรวมกันอยู่ตรงระเบียงบ้าน เนื้อตัวมอมแมมด้วยคราบเขม่าควันและรอยเปื้อนดำจากเหตุไฟไหม้ร้านขายอุปกรณ์ตกปลาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนลูกน้องเหลือบตามองกันเลิ่กลั่ก ก่อนที่คนหนึ่งจะตอบด้วยน้ำเสียงขื่นขม “ไม่รู้ครับ อยู่ดีๆ ก็หายไปเลย”คำตอบนั้นเหมือนค้อนทุบซ้ำลงกลางอก ลูคัสกัดฟันกรอด ดวงตาแข็งกร้าวราวกับเหล็กเย็น เขาไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินนำไปยังทางลับที่มุ่งสู่ห้องใต้ดิน เหล่าลูกน้องรีบลุกขึ้นเดินตามอย่างไม่มีใครกล้าเอ่ยคำบรรยากาศในบ้านพักเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ผนังเก่าข้างบันไดที่ทอดลงสู่ชั้นล่าง ดูคล้ายจะกลืนซ่อนเสียงกระซิบจากอดีตไว้ใต้ฝุ่นและกาลเวลา ลูคัสดันประตูเหล็กเปิดออก เสียงบานพับเก่า ๆ ครางเบา ๆ ขณะเขาก้าวลงไปแสงจากหลอดไฟดวงเล็กฉายเงาทาบบนใบหน้าของเขา เงาที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน และความตึงเครียดที่ยากจะกลั้นในห้องใต้ดิน อาวุธหลากหลายชนิดวา
ทนายเจมส์ขับรถหรูเทียบจอดหน้า ศาลประจำจังหวัดเสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทในขณะที่รถสปอร์ตสีดำมันวาวจอดหน้าอาคารราวกับภาพในภาพยนตร์ เช้าวันนี้... ท้องฟ้าเมฆหนาครึ้มปกคลุมราวกับบอกลางร้าย บรรยากาศคล้ายลมหายใจของใครบางคนที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดัน เมฆหนาทึบแผ่ซ่านทั่วอาคารคอนกรีตสีซีด พื้นผิวเย็นเฉียบราวกับไม่มีชีวิตเสียงผู้คนจอแจหน้าอาคารศาลดังก้อง ความคุกรุ่นของความคาดหวังและความเครียดปะปนกันในอากาศรอบตัว ราวกับแม้แต่ออกซิเจนก็ถูกชำแหละด้วยสายตาและคำถามที่ยังไม่มีคำตอบสายตาหลายคู่จ้องมายังถนนทางเข้า ราวกับรอคอย "ใครบางคน" วันนี้คือวันตัดสินคดี คดีที่เป็นข่าวฉาวของสังคม เขา...ในฐานะ ทนายฝ่ายจำเลย ยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างความจริงและความหวังของผู้คน ถูกกลุ่มลูกบ้านรวมตัวกันฟ้องร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย กล่าวหา เสียดแทงแต่เขาไม่สั่นไหว... ไม่เคยเลยและวันนี้—ศาลจะชี้ขาด ไม่ใช่แค่ชะตากรรมของลูกความ แต่รวมถึงชื่อเสียงของเขา...ฝูงนักข่าวยืนดักรอราวกับฝูงหมาป่าล้อมเหยื่อ มือกำไมค์แน่น กล้องตั้งเรียงราย คำถามพร้อมถูกปล่อยทันทีที่เห็นเป้าหมายแต่เจมส์ยังไม่ลงจากรถ เขานั่งนิ่ง นิ่งจนภายในรถ
“จัดการได้เลย...” เสียงคำสั่งแผ่วต่ำแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ แทรกผ่านสัญญาณไร้สาย ส่งตรงถึงเงามืดใต้ต้นไม้ใหญ่หน้า ร้าน แอลฟิชชิ่งช้อป ในความมืดนั้น ร่างสูงในชุดดำแนบสนิทกับเงา ดวงตาเขาเย็นเฉียบ จ้องเป้าหมายตรงหน้าไม่กะพริบ ไม่มีความลังเล ไม่มีคำถาม มีแต่ "คำสั่ง" ที่ต้องทำให้เสร็จภายนอก...ดูเงียบงันเหมือนป่าที่ไร้ลม แต่ภายในร่างชายชุดดำ ไฟแค้นลุกไหม้ราวภูเขาไฟใกล้ระเบิด หัวใจเต้นเป็นจังหวะรอการลงมือ เขารอเวลานี้มานาน... เวลาที่จะลบศัตรูทั้งร้านนี้ไปจากแผนที่ไฟแช็กอยู่ในมือ เชื้อเพลิงวางเรียงรายรอบร้านและลังสินค้า ระเบิดตั้งเวลาแอบไว้หลังถังแก๊สคืนนี้...มันจะกลายเป็นแค่ซากเถ้าถ่านแต่ทันใดนั้น—เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากปลายถนน ในความเงียบของยามเช้ามืด เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นคอนกรีตชื้นจากน้ำค้าง กลายเป็นจังหวะที่ฟังดู...ไม่ธรรมดา กึก... กึก... กึก...เลโอ เดินกลับมา แสงไฟถนนสลัวสีส้มทอดเงาเขายาวเหยียดบนทางเท้า อากาศเย็นเฉียบ ราวกับลมหายใจของเมืองกำลังกลั้นไว้บางอย่างเขาหรี่ตามองไปข้างหน้า เห็นเงาร่างหนึ่งยืนหลบมุมใกล้ร้าน ชายคนหนึ่ง... ท่าทางไม่คุ้น ยืนนิ่งเหมือนก
“ด่วนเลยค่ะ ไปสนามบินด่วนค่ะ” เธอย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ แต่หนักแน่นพอที่จะทำให้คนขับไม่ถามอะไรอีกทันทีที่รถเคลื่อนตัว อากาศในรถก็เหมือนจะหยุดนิ่ง ทุกอย่างเงียบเฉียบจนน่าขนลุก เสียงลมหายใจของแอลซ่าเบาแต่หนักอึ้ง คล้ายกับความกังวลที่ก่อตัวในอก ………….เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ถนนที่รถกำลังแล่นผ่านดูแปลกตา… ไม่ใช่เส้นทางที่ควรจะไปสนามบินแน่ๆหัวใจของเธอกระตุกวูบ มือที่วางบนตักกำแน่นจนเล็บจิกผิว “ไม่ใช่ทางนี้นิ...” เธอพูดเสียงแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้คนขับได้ยินไม่มีคำตอบเธอขยับตัวนิดหน่อย มองไปยังกระจกหน้าอีกครั้ง ถนนยังคงทอดยาวไปในทางที่เธอไม่รู้จัก “ไป...ทางนั้นสิ” เธอพยายามควบคุมน้ำเสียง ไม่ให้สั่นไหวรถยังคงแล่นต่อ โดยไม่มีการชะลอหรือเปลี่ยนทิศทาง“ฉันบอกให้จอด!” ครั้งนี้เสียงของเธอเข้มขึ้น แฝงด้วยความหวาดกลัวและสัญชาตญาณเอาตัวรอดเงียบ...ความเงียบที่ตามมาทำให้ทุกอย่างดูอันตรายขึ้นทันตา ความเย็นวาบไหลผ่านสันหลังของเธอ ราวกับเธอกำลังก้าวเข้าสู่บางสิ่งที่ไม่มีทางย้อนกลับชายคนนั้นยังคงเงียบสนิท เขาไม่พูด ไม่ตอบแม้แต่คำเดียวรถแล่นผ่านทางแยกที่ควรจะเลี้ยวไปสนามบิน...แต่เขากลั
รถกระบะจอดนิ่งอยู่หน้าร้าน แอลฟิชชิ่ง ช็อป แสงไฟหน้ารถสาดสะท้อนกระจกหน้าร้านเป็นเงาวูบวาบไหวไปมาในความมืด แต่เลโอไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์ตกปลาแห่งนั้นเลยสักนิดเขาเปิดประตูรถด้วยท่าทางร้อนรน ลมกลางคืนพัดวูบพาไอเย็นกระทบผิวกาย กลิ่นชื้นของทะเลลอยแผ่วมากับลม แต่เขาไม่หยุดสูด กลับเดินมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านหลังหนึ่ง ที่เขาแน่ใจ—หรืออย่างน้อยก็หวัง—ว่ามันคือบ้านของอิมิลี่ก้าวเท้าหนักแน่นแต่แฝงความลังเล ทุกย่างก้าวดังชัดเจนในความเงียบงัน หัวใจเขาเต้นถี่แรงเหมือนจะระเบิดออกจากอก ความรู้สึกบางอย่างบีบคั้นอยู่ในอก ทั้งกลัว ทั้งหวัง ทั้งเจ็บเขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ยกมือขึ้นเคาะประตูแผ่วเบา—ครั้งหนึ่ง แล้วอีกครั้งไร้เสียงตอบรับ
Comments