และก็อย่างที่คิดเอาไว้ว่าไม่มีอะไร ในรถยนต์แอร์เย็นฉ่ำไม่ได้มีแค่เธอ ข้างหน้าเป็นลูกน้องหนุ่มชาวต่างชาติ คนหนึ่งขับรถ อีกคนนั่งข้าง ๆ คอยบอกทางและช่วยประสานงานกับเลขาฯ เจ้านายนั่งกลางเบาะหลัง ถัดไปนั้นเป็นสาวผมสีบลอนด์ทองดัดเป็นลอนปลาย ในมือของหล่อนถือแท็บเล็ตเอกสารของเจ้านายด้วยมาดนางพญา ดูเป็นผู้หญิงที่สวยสง่ามาก ๆ คนหนึ่ง
“ขอโทษที่ให้รอนะคะคุณพันวา...” สองมือประนมแนบอกไหว้เจ้านายหนุ่มรอบที่สาม นั่งชิดขาเรียบร้อยอย่างประหม่าอาย ฝ่ามือหนาก็ขึ้นปราม
“ไม่เป็นไร ผมดีใจที่ตัดสินใจถูกนะครับ แต่เลิกไหว้ได้ละ ไม่อยากแก่ไปกว่านี้”
พันวายังคงเป็นกันเองกับพนักงานในสังกัด แต่เธอก็แสนเกรงใจเขาเพราะว่าเขาเป็นเจ้าของ ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
“นี่คุณนาดีนนะครับ เลขานุการผม คุณนาดีนครับ คุณตรึงใจ...” แล้วค่อยหันไปมองใบหน้าหวานงามอย่างเอ็นดู ด้วยแววตาที่คล้ายกับว่ามีรอยยิ้มข้างใน หญิงสาวคงไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนั่นเป็นแผนการของเขา
“วันนี้มีประชุมหัวหิน รับทานอาหารช่วงหัวค่ำกับหุ้นส่วนของ Le Bua นะคะ”
“เตรียมเสื้อผ้าให้เธอรึยัง?”
“เรียบร้อยค่ะ”
เลขานุการสาวทำหน้าที่ตัวเองดี ส่วนคนมาใหม่ไม่รู้เรื่องนี้ หน้าตาเป็นกังวลเพราะว่าไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย
“ไปค้างคืนด้วยหรือคะ... คือพรุ่งนี้หนู... ต้องช่วยแม่เปิดร้าน...”
“อ้อ... เกือบลืมไป นาดีน คุณช่วยเช็กให้ทีครับ พรุ่งนี้ตอนบ่ายสองมีงานสัมมนาของสาขาในจันทบุรีหรือเปล่า?”
“ค่ะ”
“ดีครับ ผมจะได้เลี้ยงมื้อเที่ยงพนักงาน”
“คะ?” คำถามเต็มวงหน้าหวาน ตรึงใจอึกอัก “อะ... อะไรนะคะ?”
“ก็เหมาหมดร้านไงครับ ทั้งหมดเท่าไรเอาเลขที่บัญชีมา โทรไปบอกคุณแม่ว่าตื่นสายได้ จะให้คนไปรับข้าวมันไก่สักสิบโมงครึ่งนะ”
“แต่... เอ่อ จันทบุรีสองชั่วโมงจะทันหรือคะ?”
“สาขาจันทบุรีแต่พวกเขามาสัมมนาแถวเจริญกรุงครับ เร็ว ๆ ด้วยนะ ตอนนี้หิวมาก”
‘เร็ว ๆ ด้วยนะ หิวมาก? แต่ข้าวมันไก่มันพรุ่งนี้... พูดอะไรของเขา’
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ยอมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายหนังใบโปรด ยกสายโทรหาแม่ที่ดีใจไม่น้อยเมื่อมีคนมาเหมาข้าวมันไก่ ทว่าหลังจากที่ทำตามคำขอของลูกค้าในคราบเจ้านายแล้วเธอยังแปลกใจไม่หาย
“ขอโทษนะคะบอส... ทำไมบอสต้องสอนงานคุณตรึงใจด้วยคะ? ฉันหมายถึงว่า... เธอจะไปไหนมาไหนกับเราประมาณกี่วันคะ?”
“นาดีน คุณตาถั่วหรือสมองไม่สั่งการ? จะไปตัดแว่นหรือกินน้ำมันตับปลา เอาสักอย่างครับ ผมยินดีควักเงินเดือนซื้อให้” นายสารถีพูดประชดประชันด้วยความที่ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว เคยทะเลาะกันมาหลายครั้งเรื่องการทำงาน ครั้งหนึ่งดันมาจากเหตุสุดวิสัย เจ้านายหิวโซมากจนคว้าหล่อนเข้ามาจูบ จากนั้นหล่อนก็ประมาณตัวผิดไป มักออกอาการไม่พอใจกับสาว ๆ ของเจ้านาย หากไม่เป็นเพราะว่าการทำงานยังดีอยู่ ไหนจะคอยเป็นไม้กันหมาเวลาต้องสลัดคู่ขาออกไปทีละคน พันวาคงไม่คิดเปลี่ยนเลขานุการ
“ดิฉันคิดว่าควรทราบไว้จะได้ทำตัวถูก นอกจากเตรียมเสื้อผ้าให้เธอแล้วฉันต้องทำอะไรอีก ฉันคิดว่าคุณก็ควรรู้นะอัฟซา เพราะถ้าไม่รู้ คุณอาจลืมขับรถตู้มาเพื่อให้ทุกคนนั่งได้สบายขึ้น”
จิกกัดอย่างเจ็บแสบ! นายสารถีถึงกับนิ่งเงียบ ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง เป็นปัญหาของเจ้านายที่ไม่อยากให้ลูกน้องผิดใจกัน
“ต่อไปนี้เอารถตู้ไปนะ เรื่องงานดินเนอร์ ถ้าเธอยินดีไปกับผม คุณคอยหาชุดสวย ๆ ให้เธอครับ งานทั่วไปผมว่าเธอใส่ชุดสูทแบบนี้ผมว่าดูดีแล้ว”
“เรื่องชุดดินเนอร์ควรปกปิดแค่ไหนคะ คุณตรึงใจเธอสามารถใส่ชุดโป๊ ๆ ได้หรือเปล่า เหมือนสาวคนอื่นไหม ต้องเรียกช่างแต่งหน้าทำผมด้วยไหมคะ?”
“แล้วแต่เธอครับ คุณเอาแค็ตตาล็อกให้เธอเลือกเลย เสื้อผ้าหน้าผมให้เธอเป็นคนตัดสินใจ”
“ยังไงฉันจะจัดเสื้อผ้าอย่างดีให้เธอเลยนะคะ แล้วเรื่องชุดนอนล่ะคะ?”
สาว ๆ ไม่เคยจะได้ใส่ชุดนอนหรอก ก็เปลือยอยู่บนเตียงทุกครั้งนั่นแหละ นาดีนเป็นคนจัดการเรื่องนี้ หล่อนไม่ควรถามต่อหน้าเจ้านายหากไม่เป็นเพราะไม่พอใจสาวคนใหม่ แต่จนคนในรถนั่งยิ้มหน้าเจื่อนแล้วก็ยังไม่เลิกรา ชะโงกหน้าไปเลิกคิ้วขึ้นถาม
“วันนี้ค้างคืนนะคะ คุณตรึงใจอยากได้ชุดนอนลายไหน เอาเป็นเสื้อคลุมผ้าไหมสบาย ๆ หรือว่าเป็นชุดนอนไม่ได้นอนดีคะ?”
“คะ? ชุดนอนไม่ได้นอน...” คนถามเบิกตากว้างตะลึง จินตนาการไปไหนต่อไหน ก่อนมองไปทางเจ้านายหนุ่มด้วยสายตาหวาดระแวง
พันวาผ่อนลมหายใจยาว พยายามสงบสติอารมณ์พอ ๆ กับลูกน้องหนุ่มอีกสองคน เขาคิดว่าควรคุยกันดี ๆ ก่อนหาทางจัดการหล่อนทีหลัง
“ห้องสูทอีกหนึ่งห้องครับ ขอเป็นห้องที่ดีที่สุด เสื้อผ้าชุดนอน กระเป๋า เครื่องสำอาง ไปหาให้เธอทุกอย่าง คุณจะใช้โทรศัพท์หรือว่าคุณอยากจะลงจากรถไปกับมาร์คัส ลูกน้องคนไหนบ้านผมก็ได้ คุณโทรหาพวกเขา...”
พอเลขาฯ สาวจะอ้าปากถามเจ้านายก็กระแทกเสียง “Please... Treat her better than anyone กรุณาให้เกียรติเธอด้วย คุณน่าจะรู้นะว่าผมยังไม่ได้นอนกับเธอ ปกติคุณก็รู้ไปหมดทุกเรื่องนี่ ที่เป็นเรื่องของผมน่ะ อย่าให้ผมต้องบอกทุกอย่างเพราะว่ามันเป็นงานของคุณนะนาดีน ไม่งั้นผมจ้างเลขาฯ คนใหม่ดีกว่าไหม?”
เลขาฯ สาวหน้าซีดเจื่อนเมื่อการระรานของหล่อนไม่เป็นผล จึงยิ้มกลบเกลื่อน
“รับทราบค่ะ”
“แล้ว... ดาวจะไปดินเนอร์กับผมไหมล่ะครับ?” ชายหนุ่มเพิ่งหันไปถามคนที่คิดว่าควรถามแต่แรก ตรึงใจพอได้สติตั้งตัวกับแรงปะทะจากสาวผมบลอนด์ ซึ่งมาพร้อมการให้เกียรติของเจ้านาย แก้มขาวนวลกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
“คือจะให้หนู เอ่อ... เป็นคู่ควงแลกกับการสอนงานจากคุณพันวาหรือคะ?”
“ครับ พี่อยากพาน้องดาวไปทุกที่หากว่าน้องยินดีไป จะสอนงานทุกอย่างให้ด้วย แต่ก่อนอื่นต้องแทนตัวเองว่าดาวนะ เหมือนที่พูดกับลูกค้าน่ะ”
ตรึงใจคิดว่าตัวเองคงได้มาเรียนงานเฉย ๆ อาจเป็นเพราะว่าเขาถูกใจเธอเป็นพิเศษเลยอยากสอน แต่ไม่! เขาน่าจะคิดมากกว่านั้นอย่างที่พี่ดุลยาบอก ยิ่งความปรารถนาก่อตัวขึ้นภายในดวงตาคู่คมประดับยิ้ม
“นะครับดาว... รับรองว่าเป็นคู่ควงคุณพันวาไม่เสียหายหรอก น้องมีแต่ได้กับได้”
ตรึงใจเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอก! ทว่าเธอกลับไม่ได้โกรธเขาเลย ตาลอบมองกรามแกร่งของบุรุษรูปงาม แม้หัวคิดถึงความฝันอันมืดมิดน่ากลัว ร่างใหญ่ทะมึนของแมงมุมยักษ์แทบแตกเป็นเสี่ยง เมื่อถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธร้ายกาจสารพัดจะจินตนาการได้ จากฝีมือของชายร่างกำยำที่น่ากลัวเหล่านั้น แต่เขาไม่ยอมพ่ายแพ้ ไม่แพ้ทั้งกับความเจ็บปวดและตัวเธอ เขาสู้พอ ๆ กับเธอ“ไม่ต้องกลัวนะ การแพทย์เดี๋ยวนี้ก้าวไกลกว่าสมัยก่อนเยอะ มีเงินซะอย่าง มีเงินก็ต่อชีวิตได้ ไปหาหมอฉีดยาก็หาย ไม่เหมือนสมัยก่อน คนเกิดง่ายตายง่าย ติดโรคไม่มียารักษา โลกเรามันพัฒนาไปเรื่อย ๆ แหละครับ แต่ถ้าไม่หาย...” ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้ม ชำเลืองมองดวงตาแดงก่ำที่เบนหลบไปอย่างเง้างอน “จะฉีดยาซ้ำให้อีกเข็ม...”“ฉีดยาอะไรกัน ดาวขอพี่กอดมาตั้งหลายวันพี่ยังไม่ให้ดาวกอดเลย... มาทำเป็นพูดดี...”“พูดจริงครับ ไม่ได้โกหก พี่เคยโกหกดาวที่ไหน? บอกจะให้ก็ให้ครับ”“ไม่เชื่อค่ะ พี่หลอกดาวอีกแน่นอน” พูดเท่านั้น เธอคงนึกแผนการบางอย่างได้ “หลับตาให้ดาวดูก่อนว่าไม่ได้หลอก ทำให้ดาวได้หรือเปล่า”แน่ล่ะว่าคนรู้ทันคงไม่ทำ ทว่าใบหน้าสดสวยพลันขยับเข้าหาคนที่ปิดปากเธอเอาไว้ด้วยฝ่าม
ต่างคนมองหน้ากันไปมาอย่างสงสัย พวกเขาคงอยากรู้นักว่านรกเป็นยังไง ยังไม่มีใครเข้าใจเรื่องที่เจ้านายพูดเลยสักคำ! แต่เพราะกำลังเป็นห่วงมากกว่า ชายร่างสูงใหญ่กำยำดูซูบผอมลง ขอบตาดำคล้ำเหมือนคนอดหลับอดนอนมาเป็นอาทิตย์ ๆ“นายควรจะกินอะไรบ้างนะครับ เอาแต่นั่งหลับตาตรง พยาบาลตกใจกลัวกันไปทั้งวอร์ดแล้วนาย”“ฉันโทรสั่งข้าวให้บอสหลายมื้อแล้วนะคะ อย่าปล่อยให้อาหารเย็นชืด คุณดาวเธอฟื้นขึ้นมาจะเป็นห่วงบอสนะคะ”“นั่นสิ... เหมือนจะ... ปวดท้อง”ชายหนุ่มเพียงหรี่ตาเท่านั้นเมื่ออาการเจ็บปวดของร่างกายมนุษย์กำเริบ เขายังเห็นว่าลูกน้องเริ่มมีสีหน้าหวาดกลัวตามคุณหมอคุณพยาบาลคงไม่ใช่แค่นั่งอดข้าวอดน้ำไม่พูดจากับใคร ดันมีข่าวลือว่าเห็นแมงมุมแม่ม่ายดำเดินไปเดินมาในห้องผู้ป่วยพิเศษก่อนที่พวกมันจะหายไป ตกดึกยังมีเสียงกรีดร้องโหยหวนยังกับโรงพยาบาลผีสิง ทั้งที่มันไม่เคยมีมาก่อนถึงเป็นเช่นนั้น พันวาแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ ไม่มีวัน! ใบหน้าเข้มเครียดเหนื่อยล้าหันไปบอกทั้งสามคน “ขอบคุณทุกคนนะครับ เอาเป็นว่าผมจะดูแลตัวเอง ไม่ต้องห่วง”--------------------------------------‘อดทนนะดาว กลัวแค่ไหนเจ็บแค่ไหนก็ต้องทน... ถ้
โลกสีดำทะมึนมีเพียงแสงสลัวจากเทียนเล่มเล็กที่ใกล้จะมอดดับ ถัดไปจากโต๊ะไม้เก่าข้างเตียงเหล็ก ผนังปูนถูกฉาบด้วยคราบเปรอะเปื้อนปะปนไปกับรอยเลือดเป็นทางยาว เตียงผู้ป่วยรายเรียงติดกันจนสุดทางเดินขนานไปกับหน้าต่าง ข้างนอกนั้นไร้ท้องฟ้าและแสงดาว มันมืดสนิท!กรอกแกรก... ซ่อกแซ่ก...ดวงตาคู่สวยสั่นไหวส่ายมองไปรอบ ๆ ห้องเงียบสงัด คล้ายว่าจะเป็นโรงพยาบาลร้าง ดวงหน้าขาวซีดก้มลงมองผ้าปูเตียงขาดวิ่น ชุดผู้ป่วยเสื้อกางเกงสกปรกแบบผูกข้าง ก่อนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย‘ที่นี่ที่ไหน... แล้วนั่น... เสียงอะไร?’ เธอตัดสินใจชะโงกคอหาต้นตอของเสียงจากใต้เตียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น กองเลือดเป็นเส้น ๆ ลักษณะคล้ายรอยเล็บใครสักคน ขูดลากไปกับพื้นหินอ่อน เรือนผมสีดำเลื่อนหายไปทำเอาหายใจเข้าออกไม่ทั่วท้อง ทันใดนั้นเอง ปลายนิ้วเหี่ยวย่นเกาะหมับเข้าที่กั้นเตียงเหล็กพาเสียงแหลมเล็กหวีดร้องลั่น“กรี๊ดดดดดดดดด!”ร่างบอบบางกระโจนวิ่งสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอปะเข้ากับลุงแก่ขาขาดหันมาอ้าปากกรีดร้องจนช่องว่างวงรีนั้นขยายออกกว้างกลายเป็นโพรงสีดำ ก่อนกระเสือกกระสนลนลานกระโดดจากหน้าต่าง เธอแทบสิ้นสติ! ยืนต
พันวาไม่คิดมากกับงานโอน ด้วยความเป็นเจ้านายใจดีสายเปย์อยู่แล้ว นาดีนเองก็ทำงานดีและเขาคงไม่อยากหาเลขานุการคนใหม่ ทุกอย่างจึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาออกไปทำธุระประปรัง ทำงานกลับบ้านเช่นทุกวัน แวะไปพูดคุยกับคุณแม่เรื่องสินสอดจนสำเร็จ ขอให้เป็นค่าเทอมของลูกชายคนเล็กก็ยังดี นักศึกษาแพทย์ยังต้องใช้ทุนการศึกษาอีกมากกว่าจะเรียนจบฤกษ์งามยามดีถูกกำหนดเอาไว้แล้ว... เหลือแค่... เจ้าสาวของปีศาจด้วยรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับบรรยากาศอบอวลความสุข แม้แต่ว่าที่เจ้าสาวยังไม่ถือสาคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ รักไม่รักค่อนข้างเป็นเรื่องไร้สาระ รอยยิ้มร่าเริงจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาในทุกย่างก้าวเดิน ตาสบเข้ากับเจ้าของร่างบางในเดรสกระโปรงสีขาวแขนพอง เธอพยายามปกปิดเรือนร่างผอมบางแทบเห็นกระดูก ผ่านค่ำคืนหวานมาด้วยกัน เขารู้ว่าเธอซูบผอมลงมาก“บอสคะ... คุณดาวเธอ... บอกว่าสบายดีแต่ฉันคิดว่าเธอมองไม่ค่อยเห็นนะคะ เธอบอกว่าเห็นหยากไย่แต่ว่าฉันไม่เห็น ฉันไม่แน่ใจเรื่องนี้แล้วเธอเดินสะดุด เตะนู้นนี่หกล้มจนเท้าบวม...”สีหน้าของคนไกล ๆ ดูแปลกไป จนเขาต้องหรี่ตามองคนที่รีบลุกขึ้นเดินมาหาแต่หันไปถามเลขาฯ“ทำไม... ผมไม่รู้เรื่องนี้?”ซ
ในเมื่อรับปากเอาไว้แล้วก็ต้องทำ หลายค่ำคืนมานี้ตรึงใจจึงงัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึก ผลักกายขึ้นคร่อมทับบนเรือนร่างกำยำรุ่มร้อน สบมองนัยน์ตาสีอำพันเปล่งประกายดิบเถื่อนใต้แสงนวลสลัวด้วยอารมณ์ไม่ต่าง ถึงแม้ว่าขาแหลมราวเข็มทั้งแปดจะพลันผลักเธอให้ลงไปอยู่ใต้อาณัติ ครึ่งปีศาจหนุ่มดูดุดันเชื่อมั่นในสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมฉีกร่างเหยื่อ เธอยังคงโอนอ่อนตามเขาทุกครั้งไปเปรียบดังว่าเขาเป็นลมหายใจ เป็นชีวิตของเธอโดยเต็มใจยินดี ราวกับว่าเธออาจขาดใจตายตรงนี้หากว่าเขาไม่ได้ดูดดื่มกลืนไอสีแดงเข้มไปจากริมฝีปากเพื่อเติมเต็มความหิวกระหาย แม้แต่เขี้ยวที่ยาวพ้นออกมาขบกัดบนผิวกายจนเป็นรอยแดง ดวงตามากมายเบื้องหน้าไม่สามารถทำให้เธอหวั่นกลัวได้อีกไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะเป็นอย่างไร เธอเชื่อว่าเขายังเป็นพี่พันวาบนเตียงนุ่มนี้จึงกลายเป็นสรวงสวรรค์ หากว่าเขากอดเธอแน่นด้วยกล้ามเนื้อที่เกร็งจัดเธอจะกอดตอบอย่างเดียวกัน ตราบจนได้ยินเสียงคำรามลั่น ร่างกายพร่างพราวด้วยเม็ดเหงื่อหยุดขยับฝังแก่นกายเข้าลึกพร้อมมอบจุมพิตให้เธออีกครั้งแสงสีนวลสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระทบลงบนใบหน้าหล่อเหลาที่เลื่อนมาพรมจูบบน
ข้อเสนอน่าสนใจขนาดนั้น! พันวาคงยอมเธอทุกอย่าง อย่าว่าแต่ให้กลับร่างปีศาจนั่งปิกนิกในสวนหลังบ้านตัวเองเลย เธอบอกให้ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกเพราะไม่อยากให้มันขาด เสียดายเงินเสียดายเสื้อราคาแพง เขาก็ตามใจปลดกระดุมทีละเม็ดด้วยแววตาประกายปรารถนา กองทั้งหมดไว้บนฟูก ยอมนั่งนิ่งมองผ้าผืนยาวสีชมพูแปร๋นสี่เส้นผูกทับกันเป็นโบว์บนขาทั้งหน้าหลัง รอยยิ้มแสนภาคภูมิใจของหญิงสาวที่ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ทึกทักตนว่าเป็นอลิซในวันเดอร์แลนด์! แต่ว่ามันไม่มีแมงมุม ปีศาจภาพลวงตาอย่างเขาจะกลายเป็นกระต่ายยักษ์ได้ด้วยไหมนะ ตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าเขาสนใจเธอบ้างหรือเปล่าพันวาไม่สามารถตอบคำถามเหล่านั้น เขาไม่สามารถอ้าปากพูดภาษามนุษย์ในร่างของแมงมุม และต่อให้เขาสื่อสารอย่างแมงมุม เธอก็คงไม่เข้าใจความหมายอยู่ดี ในร่างสัตว์ตอนนี้เป็นไปอย่างธรรมชาติสรีระ แม้แต่ขาขนาดใหญ่ แหลมยาวและคมราวเข็มหมุดทำให้การนั่งเป็นเรื่องยาก แมงมุมยังไม่สามารถเคลื่อนส่วน cephalothorax (หัว) ได้ พวกมันใช้ดวงตารับรู้การเคลื่อนไหว โฟกัสติดตามภาพด้วยกล้ามเนื้อตา เธอจึงแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกจ้องมองด้วยนัยน์ตาคู่สวยสีอำพันทั้งแปดปีศาจอย่างเขาย
เป็นครั้งแรกที่ลูกน้องไม่เข้าข้าง! เจ้านายพยายามขยิบตาให้นายสารถีผ่านกระจกมองหลัง อัฟซาก็ทำเป็นไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ขณะที่หนุ่มอีกคนเริ่มเล่าประสบการณ์ผ่านคนในครอบครัว“ผมได้ยินมาว่าผู้ป่วยเบาหวานไม่ใช่น้ำตาลสูงแล้วจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างเดียวนะครับ... คือ... ป้าผมก็เป็นเบาหวาน...ป้าผมเนี่ย... หิวบ่อย ใจสั่น ตาลาย แกขี้กังวลด้วย พอแกกินน้ำตาลเข้าไปมันก็พอหายจากอาการนี้นะ ดีขึ้น แต่พอแกทำแบบนี้บ่อย ๆ มันยิ่งไม่ดี หมอบอกว่าควรควบคุมให้อยู่ในระดับพอดีครับไม่เหวี่ยง ไม่สูงไปต่ำไป แต่คนแก่ขี้หลงขี้ลืม กินอาหารไม่ตรงเวลา บางทีก็ไม่กินเลย แกฉีดอินซูลินกินยาไม่ถูกเวลา กินผิดกินถูก พอเกิดภาวะน้ำตาลต่ำ แกล้มตึงไปเลย”“แล้วตอนนี้ป้าเป็นยังไงบ้างล่ะ? มาร์คัส ดีขึ้นไหม...”“เผาไปแล้วครับ แกไตวายด้วย วันเดียวไปวัดเลย”“ขอบใจนะ สำหรับคำแนะนำ...” พูดพลันหันไปทางคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินไหมครับ ไปวัดจองเมรุเผาเลย”คนฟังถึงกับหน้าซีดเจื่อน ก้มหน้ากำถุงกระดาษยาหลายใบจากโรงพยาบาลเอกชน กระทั่งรถจอดลงหน้าบ้าน ลูกน้องของเขาลงจากรถมาเปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่ เธอเลื่อนมือไปจับกุมมือหนาด้วยสีห
เพราะไม่พอใจคนที่ไม่สนใจกันเลย ร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาเลยสลัดเสื้อออกโยนลงพื้น กระโดดลงสระว่ายน้ำกลางบ้าน ตูมเดียว! แววตาเร่าร้อนของเหล่าสาวน้อยใหญ่ก็พุ่งตรงมายังเรือนร่างกำยำอันสมบูรณ์แบบ กำลังผุดดำผุดว่ายประหนึ่งเงือกหนุ่ม พอเขาถอดกางเกงแสล็คดำออก เหลือกางเกงชั้นในไว้ตัวหนึ่งให้พอลุ้นระทึก ดำน้ำหายไปแล้วโผล่ขึ้นมาสะบัดศีรษะจนเส้นผมเปียกหมาดยุ่งเหยิง ดูไม่ตั้งใจแต่เจตนายั่ว สาว ๆ เลยมานั่งจิบไวน์รอบสระกันเสียหมด รวมถึงตรึงใจ... เธอดื่มไปหลายแก้ว จนรุ่งเช้ามา อาการปวดศีรษะอาเจียนกลางดึกทำให้เธอสิ้นฤทธิ์ไปพร้อมอาการเมาค้าง เปิดเปลือกตาหนักอึ้งในสีหน้าเหยเก“ตื่นแล้วหรือ? ไงล่ะ ทิ้งพี่พันวาหนีไปเมาคนเดียว” ทั้งน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนผิดเป็นคนละคน ในอ้อมแขนที่กอดกระชับกายสาวไว้ให้อบอุ่นตลอดคืน ตรึงใจเพิ่งรู้สึกตัว หลังเมาแอ๋จนต้องให้คนต้นเรื่องอุ้มขึ้นบ้านมา ยังว่าเขาเป็นพวกขี้อวดกล้ามบ้าง อีตาโรคจิตบ้าง ร้ายที่สุดคงว่าเขาเป็นแมงมุมยักษ์ตัวเท่าฝาบ้าน! ดีที่ไม่มีใครได้ยิน“วันหลังไม่ให้กินแล้วนะ ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเลย ป่วยขึ้นมาจะทำยังไง? หืม...”“ดาวขอโทษค่ะ ดาวขอนอนก่อนนะคะ ปวดหัว”“ก
“ให้ใครล่ะครับ? ตอนนี้มีคนเดียว” พูดพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจรดริมฝีปาก ขณะที่เขากำลังรอจังหวะเหมาะ ๆ พอเธอหันไปอีกทางเหมือนงอนอะไรสักอย่าง โน้มใบหน้าลงปิดริมฝีปากอิ่มงาม มือบีบกรามน้อยให้ยอมอ้าปากรับน้ำองุ่นขมปนหวาน“อร่อยไหมครับ?”“อื้ม... ค่ะ อร่อย” ตรึงใจคงไม่รู้ตัวว่าท่าทางเขินอายหลังได้ลิ้มชิมไวน์องุ่นราคาแพง อาจทำให้หนุ่มเพลย์บอยกลายเป็นแมวเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง เมื่อเขาจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยใสโดยไม่ปิดบังความรู้สึก“จิบไวน์มื้อค่ำอาจดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน พี่เคยอ่านบทความทางการแพทย์อยู่บ้างนะ ไม่ดื่มเยอะคงไม่เป็นไร”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นดาวกินสักแก้วคงไม่เป็นไร”เธอคงอยากคว้าทั้งขวดมากระดกให้หมด แต่เพราะอุณหภูมิในกายสาวพุ่งปรี๊ดปรอทแตกเพียงเพราะแววตาเร่าร้อนตรงหน้า พอเลื่อนมือไปรับแก้วไวน์มา เขาก็คว้าข้อมือเรียวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ก้มลงบดริมฝีปากเธออีกครั้ง พร้อมส่งผ่านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หอมหวาน กว่าจะปล่อย คนถูกระรานเลยยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก“น่าอายนะ มาจูบดาวต่อหน้าคนเยอะแยะ”“เพื่อนพี่ต่างชาติกับเด็กนอกทั้งนั้นครับ ไม่มีใครถือ พี่อยากจูบดาวพี่ก็จูบ พี่จะทำอะไรกับอาหารมื้อค่ำก็ได้” พูด