มือบางสั่นน้อยๆ ขณะผลักประตูไม้สักสลักลายสวยหรู หากแต่หลังประตูบานนี้กลับไม่มีสิ่งงดงามใดๆ ให้เธอได้ยลแม้แต่นิดเดียว มีเพียงภาพเงาของชายรูปร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งหันหลังให้เธอ รติมามองเงาของชายคนนั้น พลางกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผากขึ้นมาทัน รัศมีรังสีความร้ายกาจปกคลุมไปทั่วทั้งห้องกว้าง ที่มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นทว่าเรียบหรู
ศีรษะทุยได้รูปนั้นตั้งตรง ไหล่กว้างตั้งขนานกับพื้นเป็นราวไม้บรรทัด และเขาไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจผู้เข้ามาใหม่เลยสักนิด และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รติมารู้สึกว่ายืนนานจนรู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งเรียวขา หญิงสาวแอบถอนใจเบาๆ พยายามรวบรวมกำลังเพื่อจะเอื้อนเอ่ยให้เขารู้ว่าเธอได้เข้ามาในห้องนี้นานแล้ว
เขาอาจจะไม่รู้ว่าเธอเข้ามาเพราะเขาตาบอด แต่ เอ๊ะ เขาก็ไม่ได้หูหนวกนี่นา สองเสียงเล็กๆ แย้งกันในหัว
“เอ่อ คุณ ชาคริตคะ คือ ดิฉัน...” รติมาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะไม่ให้สั่นและบังคับให้มันเรียบที่สุด ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกราวกับว่าในห้องนี้มันไม่มีออกซิเจนให้หายใจ หญิงสาวคิด..
“ฉัน คือฉัน...”
“หุบปาก หากฉันไม่ได้ถามหรือพูดอะไรกับเธอ ห้ามพูดแม้แต่คำเดียว!” เสียงห้วนๆ นั้นตวาดลั่น พร้อมกับที่เขาค่อยๆ หันมาช้าๆ
ใบหน้าเรียวคมคายได้รูปนั้นดูเย็นชา ริมฝีปากหยักสวยเม้มสนิท ดวงตาถูกปกปิดด้วยแว่นสีดำอันโต ทำให้รติมาไม่สามารถมองเห็นดวงตาของเขาได้ และไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนตรงหน้าอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่อารมณ์ที่ดีแน่นอน
“เธอไม่ใช่พริมรตา” เสียงนั้นเยือกเย็นนัก จนรติมารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับอสูรร้าย
“เอ่อ คือ ฉัน...”
“พวกเธอมันน่ารังเกียจ ไร้สัจจะ และละโมบ คงนึกว่าฉันตาบอดแล้วจะโง่เหรอ” ชายหนุ่มตวาดลั่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะจนรติมาตัวสั่นด้วยความกลัวเกรง
“ตะ แต่ น้องมดก็มาแทนแล้วไงคะ คือพี่รตา เอ่อ คือ...” หญิงสาวพูดไม่ออกได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่กลางห้อง ยิ่งยามนี้ร่างสูงใหญ่นั้นค่อยๆ เคลื่อนกายมาที่เธอช้าๆ เสมือนพญาราชสีห์ที่กำลังจะขย้ำเหยื่อเธอยิ่งหวั่นวิตก นี่เขาตาบอดจริงๆ ใช่ไหม...
“ฉันไม่ต้องการตัวแทน ฉันต้องการให้พริมรตามาดูแลรับใช้ฉัน ส่วนเธอก็ไสหัวไป...”
“ไม่ได้หรอกค่ะ น้องมดรู้ว่าคุณต้องการพี่รตา แต่ตอนนี้พี่รตาหนีไปแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าเธอหนีไปไหน คุณป้าพริ้งเลยให้น้องมดมาแทน”
“ฉันไม่ต้องการใคร ฉันต้องการผู้หญิงสารเลวคนนั้น”
ชาคริตตวาดลั่น เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวร่างบอบบางซึ่งยืนตัวสั่น แผ่นหลังบางชิดผนังห้องสีทึมเทาด้วยความกลัว
“สงสัยใช่ไหม ว่าทำไมฉันรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ ฉันตาบอดก็จริง แต่อวัยวะอย่างอื่นยังใช้งานได้ดี โดยเฉพาะ...”
ร่างสูงใหญ่ของคนตาบอดจงใจรั้งร่างบางเข้ามาประชิดจนร่างของเขาและเธอสนิทชิดเชื้อจนน่าหวาดเสียว แล้วยิ่งความร้อนผ่าวจากแก่นกายชายที่เสียดสีอยู่ที่หน้าท้องเนียนด้วยแล้ว รติมายิ่งอยากจะร้องไห้ด้วยความกลัวและอดสู
“รู้แล้วใช่ไหม ว่าทำไมฉันต้องการผู้หญิงคนนั้น เธอสมควรชดใช้สิ่งที่ทำไว้กับฉัน หากเธอคิดว่าเธอทำหน้าที่รับใช้ฉันทุกอย่างแทนพริมรตาได้ ฉันก็ไม่ขัด แต่ฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนความตั้งใจแน่นอน...”
“นะ น้องมด...”
“เธอชื่อน้องมดใช่ไหม” เขาเอ่ยชิดแก้มนวลที่เห่อร้อน และเหมือนผิวแก้มใสจะถูกแผดเผาจากลมหายใจที่ผ่าวร้อนของชาคริตซึ่งจงใจแสดงกริยาเช่นนี้กับเธอ
“คะ ค่ะ...”
“และตัวเธอก็เล็กเหมือนมดด้วย เอวเล็ก สะโพกผาย หน้าอกใหญ่เกินตัว”
“คุณ...” รติมาหน้าแดงด้วยความอับอายที่สุดในชีวิต หากแต่เธอก็พูดได้เพียงเท่านั้นเพราะตอนนี้เธอรู้สึกตีบตันไปหมด รู้สึกลำคอแห้งผากราวอยู่กลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ
“หึ ฉันบอกแล้วว่าฉันตาบอดก็จริง แต่อย่างอื่นยังใช้ได้ เอาล่ะ เธอออกไปได้แล้ว ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจะจัดการอย่างไร แต่ฉันต้องการให้พริมรตามารับใช้ฉัน ไม่อย่างนั้น พวกเธอทั้งหมดต้องกระเด็นออกจากบ้านหลังนั้นและต้องไปนอนในคุก รวมทั้งเธอด้วย เพราะเธอร่วมมือกันกับคนพวกนั้นหลอกลวงฉัน จงใจผิดสัญญา”
เขากล่าวอย่างเลือดเย็นเมื่อผละออกจากร่างบางนุ่มละมุนแม้เขาจะสัมผัสเธอผ่านเนื้อผ้าหยาบกระด้างก็ตามที แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายเล็กจ้อยกว่าเขามากมายนั้นก็ติดจมูกอยู่มิคลายจนน่าโมโห
ชาคริตหันหลังให้ร่างที่สั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นนั้น แล้วกลับไปนั่งที่เดิมเหมือนคนปรกติทุกประการ จนรติมารู้สึกหวาดกลัว นี่ขนาดว่าเขามองไม่เห็นรังสีอำมหิตจากดวงตาหลังแว่นสีดำนั้น ก็ส่งรังสีครอบคลุมไปทั้งห้องจนเธอหายใจแทบไม่ออก หากเขามองเห็นจริงๆ และจับจ้องเธอด้วยแววตาอำมหิตอย่างที่เธอจินตนาการไว้ เธอคงมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี รติมาหลับตาลงอย่างอดสูแล้วคิดถึงถ้อยคำร้ายกาจแกมขู่เข็ญบังคับของคุณพริ้งผู้เป็นป้าเมื่อวันก่อน
“แกต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนน้องรตานังมด หากแกไม่สามารถทำให้คุณชาคริตเขายอมรับหรือให้แกทำหน้าที่แทนรตา ฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ แล้วจะไล่พวกขี้ข้าของแกออกให้หมดเข้าใจมั้ย ฉันเลี้ยงแกให้โตมาขนาดนี้ ก็หัดทดแทนบุญคุณกันบ้างนะยะ คิดจะเอาตัวรอดคนเดียวหรือไง เมื่อผู้มีพระคุณลำบากแกก็ต้องช่วยสิ”
“แต่คุณป้าพริ้งคะ...”
“แกไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องหรือต่อรองอะไรทั้งสิ้น แกก็คงรู้ว่าช่วงนี้ฉันไม่ได้มีเงินมากมายเหมือนแต่ก่อน บริษัทเฮงซวยของพ่อแกก็กำกลังจะเจ๊ง อีกอย่างหากต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันจริงๆ ฉันก็คงไม่มีเงินหรอกนะ หากไม่ขายบ้านหลังนี้ ใช่แล้วหรือว่าฉันจะขายดีนะ ท่าทางจะได้เงินเยอะอยู่คงพอใช้ต่อสู้คดีในชั้นศาลหากฝ่ายนั้นเขาจะฟ้องน้องรตาจริงๆ และก็คงจะพอมีเงินเหลือใช้ซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่ได้ ขายบริษัทนั่นด้วย แต่บอกไว้ก่อนนะว่าเงินนี่ฉันจะใช้จ่ายเฉพาะครอบครัวของฉัน ส่วนแกกับบรรดาขี้ข้าของแกก็ไสหัวไปจะไปไหนก็ไป ว่าไงล่ะจะตกลงมั้ย..”
คุณพริ้งถามเธอด้วยน้ำเสียงและแววตาวาววับ นางเองก็ได้แต่หวังว่ารติมายอมทำตามที่นางต้องการ โดยการเอาบ้านของเธอมาอ้าง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วบ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึด
ตอนที่84. บทส่งท้าย อวสาน รติมายิ้มกับโปสการ์ดที่ได้รับจากพริมรตา เธออ่านลายมือที่เขียนอย่างบรรจงของพี่สาวซ้ำไปซ้ำมาอย่างเป็นสุขจนสามีที่นอนรอภรรยามานอนแนบข้าง อดทนรอไม่ไหวเดินมารวบร่างอวบไปนอนเคียงข้างเสียเอง“อื้อ พี่คริสทำอะไรระวังหน่อยสิคะ แล้วนี่ดูลูกดีรึยังคะ น้องภูมิ หลับสบายรึเปล่า” หญิงสาวเอ็ดสามีเบาๆ แล้วถามถึงน้องภูมิหรือ เด็กชาย รติภูมิ บุตรชายที่เพิ่งกินนมแล้วหลับไปเมื่อสักครู่ ชาคริตหน้างอเมื่อคิดว่าตอนนี้ตนเริ่มหมดความสำคัญกับภรรยา แล้วยังอิจฉาเจ้าลูกชายตัวน้อยที่ได้ดื่มกินนมมารดาอย่างอิ่มหนำซ้ำเจ้าตัวแสบก็มักจะร้องแผดจ้าทุกครั้ง ยามที่เขาอยากจะชิดใกล้แล้วทำอะไรๆ อย่างที่ใจปรารถนากับคุณแม่คนสวย จนตอนนี้เขาอยากจะหึงหวงรติมากับลูกชายนัก“หลับแล้ว น้องมดไม่ต้องห่วงหรอก พี่คริสน่ะเป็นยิ่งกว่าทาสน้องภูมิอีก” ชายหนุ่มพูดงอนๆ พลางซุกหน้าลงกับอกอิ่มอย่างแสนจะคิดถึง อยู่ใกล้กันทุกวันแต่เหมือนห่างไกลเพราะรติมาทุ่มเทดูแลบุตรชายวัยเจ็ดเดือนด้วยตนเองจนไม่มีเวลาได้คลอเคลียกันเหมือนก่อน“อิจฉาลูกหรือคะ”“ก็มันน่าอิจฉาไหมล่ะ น้องมดดูแลสนใจแต่น้องภูมิปล่อยให้พี่คริสเหี่ยวเฉาเพราะ...”“
ตอนที่83.ชาครียามองหน้าคนที่เธอเคยตั้งแง่รังเกียจอย่างรักและชื่นชม และรู้สึกละอายนักที่ครั้งหนึ่งเคยทำร้ายหญิงสาวคนนี้ เพราะทิฐิและความหูเบาโง่เขลาของตนเอง“พอกันล่ะค่ะ พี่มด พี่รุจก็ชอบแหย่พี่คริส... พี่มดคะ น้องญายังไม่มีโอกาสขอโทษพี่มดตรงๆ เลยสักครั้ง... น้องญาขอโทษกับทุกๆ เรื่องที่ผ่านมานะคะ”“โธ่... น้องญา พี่มดไม่เคยโกรธน้องญาเลยนะคะ กลับกันก็ยังรู้สึกละอายใจด้วยซ้ำ พี่เองก็ต้องขอโทษน้องญาเหมือนกัน หากพี่เคยทำอะไรให้น้องญาไม่สบายใจ” สองสาวยิ้มให้กันอย่างเป็นสุขด้วยความรักและเข้าใจ รติมาเอื้มมือไปกุมมือของชาครียาไว้ด้วยความรัก เธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดชาครียาเลยสักครั้ง และดีใจเหลือเกินที่วันนี้ทุกคนเข้าใจกันรักและห่วงหาอาทรกัน ครอบครัวของเธอสมบูรณ์แบบแล้ว...“คุยอะไรกันจ๊ะสาวๆ” เสียงสองหนุ่มดังแข่งกันมายังห้องนั่งเล่นซึ่งสองว่าที่คุณแม่กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็กอยู่“นี่เลยครับ พวกเรามาพร้อมลูกตาลลอยแก้ว อร่อยเย็นชื่นใจ”“โอ้โห อย่าบอกนะคะว่าพี่คริสกับพี่รุจช่วยกันทำ”“ใช่แล้วจ้ะน้องรัก”“มันกินได้แน่นะคะ งั้น... น้องญาขอชิมก่อน” ชาครียามองลูกตาลลอยแก้วตรงหน้าอย่างสน
ตอนที่82.“เป็นสาวเป็นนาง ห้ามบอกรักผู้ชายก่อนรู้ไหม น้องมดมาบอกรักพี่คริสก่อนได้อย่างไร น้องมดต้องให้พี่พูดว่า พี่ คริสรักน้องมดก่อน ตัวเองค่อยมาบอกรักตอบพี่ เล่นบอกรักพี่คริสก่อนแบบนี้พี่ก็เสียเชิงชายแย่สิ” “พี่คริส...” รติมาอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อหู ชาคริตบอกว่ารักเธอใช่ไหม พี่คริสรักน้องมด...“มาทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ในวัดได้อย่างไรกัน มันบาปรู้ไหม”“คนบ้า คนเขาทำหน้าน่ารักมันบาปตรงไหนกัน” เมื่อความเข้าอกเข้าใจเริ่มแทรกซึมเข้าสู่ใจสองดวงหญิงสาวก็กล้าที่จะหยอกเย้ากับเขาบ้าง มือบางทุบเบาๆ กับอกแกร่งแล้วผละออกห่างร่างหนาอย่างขัดเขินใบหน้านวลแดงจัดจรดใบหูบาง ชาคริตมองภาพหญิงสาวที่รักด้วยหัวใจที่สุขล้น เรื่องร้ายๆ ผ่านไปแล้ว...“บาปสิ บาปที่ทำให้พี่คริสนึกอยากจูบน้องมด แต่ทำไม่ได้”“พี่คริส ไม่เสียใจแล้วใช่ไหมคะ ที่คุณอ้อมเธอจากไป” หญิงสาวถามเขาเมื่อนึกถึงว่าตนเองอยู่ที่ใด“เสียใจมั้ยที่อ้อมเสียไป พี่ก็เสียใจนะ แต่พี่เสียใจเพราะพี่ยังไม่ได้ตอบแทนน้ำใจของอ้อมเลยต่างหาก น้องมดเข้าใจใช่ไหม” เขาถามเธอเมื่อทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเขาได้บอกเล่าให้เธอรับรู้ หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข
ตอนที่ 81.ส่วนพริมรตาก็ถอนหายใจแรงๆ อย่างโล่งอกเมื่อสามารถจัดการไอรดาได้ แล้วเมื่อคิดว่าเธอช่างบ้าบิ่นวิ่งเข้าหาคนที่มีปืนอยู่ในมืออย่างไม่กลัวเกรงแล้วก็ต้องนึกทึ่งและขันตนเองไปพร้อมๆ กัน เพราะก่อนหน้านั้นเธอกำลังปฐมพยาบาลรติมาอยู่ เมื่อรติมาฟื้นได้สติแล้วรู้ว่าชาคริตกำลังเผชิญหน้ากับไอรดาตามลำพังรติมาก็ลุกพรวดพราดเข้ามาทำให้เธอต้องวิ่งตามมาด้วยและเมื่อเห็นว่าไอรดากำลังจะยิงชาคริตรติมาก็วิ่งเข้าไปเพื่อจะกันร่างชาคริตไว้โดยไม่คิดชีวิต ส่วนตัวเธอเองก็ห่วงน้องสาวและหลานจะเป็นอันตรายก็เลือกที่จะเข้าหาไอรดาโดยวิ่งพุ่งชนร่างไอรดาอย่างแรงจนวิถีกระสุนเบี่ยงเบนไป แล้วใช้สันมือฟาดลงบนมือของไอรดาอย่างแรงจนปืนในมือของไอรดากระเด็นไปไกล พอได้ทีก็จัดการกับไอรดาอย่างที่ทุกคนเห็น พริมรตาหอบหายใจเบาๆ มองไอรดาอย่างที่ยังไม่นึกไว้ใจ“กรี๊ดดด อีบ้า มึง กูจะฆ่ามึง...กรี๊ดดด ปล่อยกูนะ” ไอรดากรีดร้องอย่างเจ็บปวดใจที่ทำพลาดวันนี้เธอพลาด คนพวกนั้นกำลังมีความสุข ชาคริตกับรติมารักกันหวานชื่น ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น สาวน้อยกรีดร้องโหยหวนอีกครั้งก่อนจะถูกตำรวจจับร่างเล็กเข้าไปในรถเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นท
ตอนที่80.“พี่รัก...”“รักใครคะ..” ไอรดาตื่นเต้น เมื่อชายหนุ่มที่ตนแอบหลงรักมานานกำลังจะเอ่ยความในใจกับเธอ สาวน้อยคิดเข้าข้างตัวเองอย่างช่วยไม่ได้“ปล่อยรติมาก่อนสิน้องไอ พี่คริสสัญญาว่าจะบอกน้องไอคนเดียว” ชายหนุ่มต่อรองไอรดามองเขาที มองรติมาทีอย่างชั่งใจ และค่อนข้างสะใจที่เห็นรติมาน้ำตานองหน้า“หึ ในที่สุดพี่คริสก็ไม่รักแกนังแม่มด..” ไอรดาผลักรติมาอย่างแรงด้วยความสะใจ รติมาเซถลาแล้วล้มกองที่พื้นอย่างอ่อนแรง แต่ความจริงเธอหมดแรงกับคำพูดของชาคริตต่างหาก ชาคริตปรายตามองและส่งสัญญาณให้พริมรตาที่แอบเข้ามาให้เข้ามาช่วยรติมาออกไป พริมรตาอ้อมไปทางด้านหลังห้องนั่งเล่นแล้วปีนหน้าต่างเข้ามาด้วยความช่วยเหลือจากพี่จอยและพี่จุ๊บแจง ส่วนพี่แสงก็อ้อมไปอีกด้าน ในขณะที่แม่จิตรอเปิดประตูให้ตำรวจที่หน้าบ้าน“มานี่สิน้องไอ” ชาคริตเรียกเธออีกครั้งแล้วยื่นมือไปข้างหน้า สาวน้อยยิ้มกว้างดีใจจนลืมหญิงสาวที่เธอปองร้าย รีบยื่นมือมาจับมือหนาทันที แต่แล้วสายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ตรงหน้าต่าง ไอรดาปัดมือชายหนุ่มออกห่างแล้วหันกลับไปหารติมาอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของเธอเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ แล้
ตอนที่79.“รตาเห็นน้องมดบ้างไหม”“ไม่เห็นค่ะ นั่งอยู่ในออฟฟิศรึเปล่าคะ”“ไม่อยู่นะหรือว่าน้องมดเข้าบ้านไปแล้ว”“เอ ไม่แน่ใจนะคะวันนี้ลูกค้าเยอะด้วยรตาเองก็ไม่ได้สังเกตว่าน้องมดอยู่ในห้องรึเปล่า มีอะไรรึเปล่าคะ”“ตอนนี้รติมาไม่ปลอดภัย เราทุกๆ คนด้วยเอาเป็นว่ารีบปิดร้าน ผมจะไปตามหาน้องมดแล้วผมจะเล่าให้ฟัง”กรี๊ดดด...! เสียงกรีดร้องของรติมาดังมาจากบ้านหลังงาม ชาคริตกับพริมรตาหันไปยังทิศทางของบ้านด้วยความตกใจ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปยังประตูที่เชื่อมระหว่างบ้านกับร้านอย่างรวดเร็ว หากแต่คีย์การ์ดที่เคยใช้กลับไม่สามารถเปิดประตูได้ ชายหนุ่มพยายามรูดบัตรอยู่หลายครั้งก็พบความผิดปรกติ ระบบการทำงานของเครื่องรูดบัตรเสียหายเนื่องจากมีคนทำอะไรสักอย่างกับมัน ชายหนุ่มหน้าซีดด้วยความเป็นห่วงคนที่อยู่ในบ้าน ร่างสูงมองรั้วสูงตรงหน้าด้วยความหวัง ส่วนพริมรตารีบไปบอกทุกคนให้รีบปิดร้านแล้วรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจก่อนจะวิ่งตามชาคริตไปในขณะเดียวกันรติมากำลังเผชิญหน้ากับสาวน้อยที่เธอเพิ่งรู้ว่าเป็นบุคคลอันตรายและร้ายกาจ ร่างอวบอิ่มเพราะอายุครรภ์มากขึ้นถอยหลังช้าๆ เมื่อร่างบอบบางทว่าดูแกร่งกระด้างของไอรดาเดินยังเธอพร้อมม