LOGIN"แต่แกรู้ใช่ไหม ว่าหมอเขาไม่ได้โง่ สักวันเขาก็ต้องรู้"
เขาจะไม่มีวันรู้แน่ เพราะเธอเองไม่เคยบอกใคร ไม่มีใครรู้นอกจากนาเดีย ถ้าเธอไม่พูด นาเดียไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้แน่
"เขาจะไม่รู้ ถ้าแกไม่บอก"
"ฉันไม่บอกอยู่แล้ว"
"เรื่องอนาคตก็ช่างเถอะ ฉันกลับมาก็เพราะเป็นห่วงย่า ไม่ได้คิดว่าจะต้องเจอเขาสักหน่อย" แต่ทว่านาเดียกลับกลอกตามองบน จะไม่เจอตรงไหนเพราะแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้ย่าเธอก็คือหมอคิมหันต์
"แกพูดใหม่ดิ ไม่เจอยังไงลิน เขาเป็นหมอที่ดูแลย่าแกนะ"
"ก็ช่วงที่เขามาดูแลย่า ฉันก็แค่ไม่อยู่ ให้เฮียดูแลย่าแทน เขาไม่รู้หรอก อีกอย่างตั้งห้าปีแล้ว เขาคงไม่ได้อะไรกับฉันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว" แต่ละสิ่งที่มิลินคิดมันตรงข้ามกับความเป็นจริงทุกอย่าง
เขาไม่เคยลืมเธอ แต่ที่เห็นว่าเขาไม่ตามหรือไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับมิลิน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพี่ชายของเธอคาดโทษเขาเอาไว้
"กินข้าวก่อนไหม หิวอะ" มิลินเอ่ยบอกนาเดียเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที เธออาจเป็นประสาทได้
ที่ผ่านมาเธอพยายามทำใจเรื่องของเขามาโดยตลอด ถามว่าทำได้ไหมก็พอทำใจได้ประมาณหนึ่ง ถามว่าอยากกลับไปหรือเปล่า บอกเลยว่าไม่
ชีวิตคนเรามันควรเดินไปข้างหน้ามากกว่าจะเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระแบบนั้น พอโตขึ้นเธอถึงได้เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง รวมไปถึงเรื่องของความรักด้วย
"งั้นวันนี้ฉันเลี้ยงแกเองต้อนรับเพื่อนรักกลับมาดีไหม" นาเดียยิ้มให้กับมิลินก่อนที่เธอจะพยักหน้าให้ จากนั้นทั้งสองก็นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันนาน ไม่นานจากนั้นรถก็เลื่อนไปจอดยังร้านอาหาร
"ร้านนี้แกชอบฉันจำได้"
"ร้านยังเหมือนเดิม"
"อืม เข้าไปข้างในดีกว่า" ว่าแล้วทั้งสองก็เดินเข้าร้าน แต่ทว่าในตอนเดินเข้าไปในร้านได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว มิลินก็รู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที
"โลกโคตรกลม" นาเดียว่าก่อนที่มิลินจะทำหน้านิ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร
"อ้าวมิลิน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่" มิลินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นจากพวกเปรต สัมภเวสีพวกนี้สักที หรือเกิดมาชาตินี้ก็เพื่อชดใช้เวรกรรมให้พวกมัน
"เปลี่ยนร้านไหม" นาเดียเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามิลินมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
"ไม่เป็นไร เราไปนั่งข้างในเถอะ" มิลินตีมึนไม่สนใจเสียงของคนที่เอ่ยถาม ทว่าก็เหลือบมองดูมะปรางที่กำลังยืนกอดอกมองกับเพื่อนอยู่
"มิลิน"
"น่าเบื่ออะ มาถึงก็เจอผีแล้ว" มิลินเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นี่แค่วันแรกวันต่อไปจะแค่ไหน
"แกโอเคเหรอ"
"ทำไมอะ คนพวกนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตของฉันอีกแล้วเดีย อยากจะทำอะไรก็เรื่องพวกมันเถอะ" เมื่อเห็นว่ามิลินพูดด้วยความหนักแน่น ตอนนี้นาเดียก็เริ่มจะเข้าใจอะไรได้หลายอย่าง
เมื่อก่อนมิลินเป็นคนใจดีขี้สงสาร และใจอ่อนมาก ต่อให้เพื่อนทำไม่ดี แต่เธอก็ไม่เคยว่าร้าย สุดท้ายก็ยอม ยอมทั้งที่ตัวเองไม่ผิด เพียงเพราะอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบ
"ฉันดีใจนะ ที่แกคิดได้"
"อ้าว หลอกด่าฉันเหรอ"
"เปล๊า" นาเดียว่าพร้อมกับยิ้มกว้างให้เพื่อน อย่างน้อยมิลินก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่หลังจากนี้ต่างหากที่มันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามิลินจะเป็นอย่างไรต่อไป
เธอตัดใจได้แล้วจริง ๆ ใช่ไหม เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้แพทย์หนุ่มก็ไม่ได้มีแค่ยัยมะปรางคนเดียวแล้วสิ
แต่ในเมื่อมิลินพูดแบบนี้นาเดียเองก็ยินดีกับชีวิตใหม่ที่มิลินเลือก
-อีกด้าน-
"มองอะไรคะ" เสียงหวานเอ่ยถามคนที่ยืนจ้องผู้หญิงสองคนที่เดินห่างออกไป ทำไมเขาถึงได้รู้สึกเหมือนว่าคุ้นเคย
"หมอคะ" คิมหันต์ที่ได้สติหันกลับไปมองดูคณะแพทย์ของโรงพยาบาล ที่ตอนนี้ต่างยืนรอเขาอยู่
"ครับ หมอแพรวมีอะไรหรือเปล่า"
"พอดีแพรวถามหมอว่ามีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหมอดูใจลอย"
"เปล่าหรอกครับ ผมว่าไปกันดีกว่า" วันนี้ทางโรงพยาบาลมีอบรมบุคลากร เขาจึงเป็นคนที่นำทีมงานไป ปกติก็ไม่ใช่หน้าที่เขา แต่วันนี้บังเอิญว่าคนที่รับหน้าที่ไม่ว่าง เขาจึงต้องรับหน้าที่นี่แทน
ถึงจะเป็นผู้บริหาร แต่ว่าเขาก็ยังทำหน้าที่เหมือนแพทย์คนอื่น ๆ มีตรวจคนไข้บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นงานของผู้บริหารมากกว่า มีดูแลเคสพิเศษบ้าง
หลังจากที่ตอบคนข้าง ๆ แล้วเขาก็เหลือบมองดูคนที่กำลังวิ่งขึ้นรถอย่างรีบเร่ง
ทว่าสายตาภายใต้แว่นของเขากลับชัดอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเขาจำไม่ผิด นั่นเป็นรถของไคล์ ซึ่งคนที่จะเอามาขับได้ก็มีแค่ไม่กี่คน
"นาเดีย" เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้
"อะไรเหรอคะ"
"เปล่าครับ หมอแพรวพาคนอื่น ๆ เข้าไปก่อนนะครับ ผมมีธุระขอไปโทรศัพท์ก่อน" แพทย์สาวพยักหน้าให้และไม่คิดจะถามเซ้าซี้อะไรอีก
คิมหันต์รีบเดินหลีกตัวไปยังที่ไม่มีคนพลุกพล่านก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรหาเลขาคนสนิททันที
(ครับนาย)
"เช็กไฟล์บินวันนี้ให้ทีว่ามีชื่อของมิลินหรือเปล่า" ถ้าผู้หญิงคนนั้นคือนาเดีย แล้วอีกคนเป็นใคร แม้จะเห็นไกล ๆ แต่เขาคิดว่าเขาจำเธอไม่ผิดแน่
(ได้ครับ)
"ขอเร็วที่สุด"
(ครับ)
ใบหน้าสวยยิ้มเยาะให้คนที่ยืนจ้องมองเธออย่างเอาเรื่อง“คู่นอน?” เขาทวนคำเธออีกครั้ง ที่ผ่านมาเธอให้เขาเป็นแค่คู่นอนแค่นั้นจริงเหรอมิลินไหวไหล่ให้เขาเล็กน้อยราวกับว่าไม่อยากจะสนใจ แน่นอนว่าที่ผ่านมาสถานะของเธอและเขามันก็เป็นแค่คู่นอน ไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น“ทำไมคะ หรือว่าไม่ใช่""ไม่ใช่...""ถ้าไม่ใช่ แล้วเขาเรียกอะไรคะ" เธอเอ่ยถามเขาอย่างใจเย็น ตลอดเวลาที่เธออยู่กับเขา เขาไม่เคยให้ความชัดเจนกับเธอเลย ทั้งยังมีคู่หมั้น หรือแม้แต่ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวพันด้วยตลอดแล้วความสัมพันธ์กับเธอแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ นั่น ต้องเรียกว่าอย่างไรเหรอ"คนรัก""หึ" มิลินกลั้นขำเอาไว้แทบไม่อยู่ คนรักจริงเหรอ คนรักกันเขาทำแบบนั้นเหรอ แอบเจอ แอบคุยแล้วก็ยังแอบเอากัน เขาทำเหมือนเธอเป็นชู้รัก เป็นยิ่งกว่าเมียน้อยเสียอีกคนรักเหรอ เธอไม่เคยรู้สึกถึงคำนั้นเลยจริง ๆ แต่ก็ช่างเถอะ เวลาผ่านมานานแล้ว เธอโตขึ้นมากกว่าจะกลับไปคิดเรื่องบ้าบอพวกนี้อีกแล้ว"แล้วมะปรางล่ะไปไหน ไม่เห็นตามเกาะติดพี่เป็นปลิงแล้ว หรือว่ามันเ
ใจดวงน้อยสั่นระรัวคล้ายกับว่ามันกำลังจะหลุดออกมา มิลินที่เริ่มได้สติก็รีบใช้มือดันตัวออกจากมาเฟียหนุ่มอย่างรวดเร็ว"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เสียงทุ้มของเตวิชเอ่ยถามด้วยความห่วงใย ก่อนจะจับตัวของมิลินหมุนไปมาเพื่อสำรวจ เกือบไปแล้วไหม"นี่คุณ!" เตวิชหันไปหามาเฟียหนุ่มอย่างรวดเร็ว หมายจะเอาเรื่อง แต่ทว่ากลับโดนมิลินจับแขนเพื่อห้ามปรามเอาไว้"อย่ามีเรื่องเลย" เตวิชรู้สึกไม่ชอบหน้าคิมหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าแพทย์หนุ่มเป็นคนที่ทำให้มิลินต้องเจ็บตัว แต่ก็เอาเรื่องไม่ได้คนที่นั่งบนเก้าอี้กลับยิ้มเยาะ ไม่คิดว่าแฟนใหม่ของมิลินจะดูใจเสาะขนาดนี้"เราไปกันเถอะ" มิลินไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาสักนิด เธอจับมือของเตวิชก่อนจะเดินออกจากห้องจัดงานอย่างรวดเร็ว"หมอเป็นอะไรหรือเปล่าคะ""ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน""เออ คือว่าแพรวขอกลับกับหมอได้ไหมคะ พอดีว่ายัยมะปรางกลับไปแล้ว ทิ้งแพรวไว้คนเดียวอีกแล้วค่ะ" แพรวนภาเอ่ยบอก ที่จริงแพรวนภากับมะปรางก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มาเฟียหนุ่มรู้ดี แต่ตอนนี้เขาไม่ว่างที่จะไปส่งใครทั้งนั้น"ได้ครับ"&nb
'แม่งใครวะ โคตรสวย''ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นน้องสาวของคลาสเวลต์''สวยไอ้สัส กูไปอยู่ไหนมา''มึงก็อยู่นี่แหละ แต่ได้ยินว่าเขาไม่ได้อยู่ไทยนานแล้ว''ไม่น่า''อะไร''ไม่งั้นกูจีบไปล่ะ''ไอ้ฟาย น้องสาวมาเฟียใครกล้าแหย็ม ไอ้สัส จีบปุ๊บ ลูกตะกั่วลงหัวปั๊บ''เออ ก็จริง'มีเสียงคนที่พูดคุยกระซิบกระซาบกันอยู่ด้านหลังไม่ขาดสาย แต่ทว่ามิลินกลับรู้สึกแปลกไป เมื่อเธอถูกอีกหลายสายตาจ้องมอง ไม่ว่าจะทั้งชายหรือหญิง"ผมเมธีครับ" คนที่นั่งถัดจากเตวิชเอ่ยบอกก่อนที่มิลิน.จะพยายามนึกถึงชื่อนี้ แต่เอาตรง ๆ เธอนึกไม่ออกอยู่ดี"เป็นเพื่อนคิมหันต์ครับ" มิลินรีบพยักหน้าทันที เพื่อนจริงเหรอ เธอก็พึ่งจะนึกออกตอนที่เขาเอ่ยชื่อคิมหันต์เมื่อก่อนแพทย์หนุ่มเคยพูดชื่อคนนี้ให้ฟัง แต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อน แต่บอกแค่ว่าอย่าเข้าใกล้คนที่ชื่อเมธี"ค่ะ" เธอยิ้มให้เขาบาง ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงพิธีกรประกาศบนเวที เธอจึงใช้โอกาสนี้เลิกคุยกับเขา"ลินรู
"ถึงเวลาแล้ว ไปกันยัง" มิลินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวก่อนที่จะมองดูผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น"มามี้ฉวย" แม็กซ์เวลเด็กน้อยปากหวานกว่าใคร ชมแม่ใหญ่เลย แต่ทว่าจะพาไปด้วยก็เป็นงานกลางคืน เลยมีคนอาสามาเฝ้าเด็กน้อยให้ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิม อาทอมของเขาเองอาทอมตลอดไป"วันนี้แม็กซ์อย่าดื้อนะครับ มามี้ไปธุระแป๊บเดียวก็กลับแล้วครับ""รับทราบครับมามี้คนฉวย" เด็กน้อยช่างพูดเจรจาเอ่ยบอกแม่ก่อนจะรีบวิ่งไปนั่งข้าง ๆ ทอมอย่างรู้ความ ฉลาดกว่านี้มีใครอีก แม็กซ์เวลเป็นเด็กที่เรียกเก่งมาก อาจารย์ที่สอนเด็กก่อนเข้าโรงเรียนเคยบอกเธอเขาเรียนรู้ได้ไวกว่าปกติ ไม่ใช่เพราะเขาได้พ่อมาหรอก เพราะแม็กซ์ฉลาดเองต่างหาก พ่อแม็กซ์เหรอโง่มาก โง่กว่าจะเป็นหมอซะอีก มิลินคิดแบบนั้น"ไปค่ะ" ว่าแล้วร่างสวยในชุดราตรีสีสวยก็ก้าวเดินออกมาจากห้องพร้อมกับเตวิชในชุดสูทที่ดูดี ดูเป็นการออกงานครั้งแรกในฐานะคู่รักเลยก็ว่าได้"ตื่นเต้นเหมือนกันนะ เตว่าไหม""สวยขนาดนี้ตื่นเต้นอะไร" คนข้าง ๆ เอ่ยชมไม่ขาดปาก เป็นธรรมดาที่เตวิชพูดแบบนี้กับเธออยู่แล้ว
-วันต่อมา-"เตเตมาแย้ว" เสียงของแม็กซ์เวลดังขึ้นเมื่อเห็นว่าตอนนี้ใครกำลังเดินมาหา"ว่าไงครับ ตัวแสบ คิดถึงเตไหม""คิดถึงที่ซุ้ดด" เด็กน้อยทำหน้าทะเล้นดีอกดีใจที่ได้เจอคนตามใจกลับมาหาแล้ว จากที่กอดเตวิชจนพอใจแม็กซ์ก็ขยับตัวไปนั่งเล่นด้านล่างเหมือนเดิม"เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม" มิลินเอ่ยถามคนที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ เตวิชหันมายิ้มให้เธอก่อนจะส่ายหน้าไปมา"ไม่เลย แต่ว่าไม่ได้กลับมานาน ที่นี่ดูแปลกไปเยอะเลย""นั่นสินะ กี่ปีแล้วที่เตไม่ได้กลับมาบ้าน ว่าแต่เตเข้าบ้านหรือยัง" มิลินเอ่ยถามเขาด้วยความอยากรู้ เธอรู้ว่าเตวิชออกจากบ้านไปตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง กว่าจะมีวันนี้ได้มันยากมาก"ยังไม่ได้เข้า ไม่รู้ว่าต้องบอกพวกเขายังไงดี""ตอนนี้มีลินแล้วกลัวอะไร เอ่อ แล้วทอมหายไปไหน ทำไมไม่มาด้วย""นอน เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น""ดีแล้ว ๆ ปล่อยเขานอนบ้าง แต่ว่าถ้าเตจะกลับบ้าน ลินไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ เอาไหม" เธอเอ่ยถามเขาอย่างรู้สึกห่วงใย เป็นธรรมดาที่ทุกคนอยากจะกลับไปบ้าน เตวิชก็คงไม่ต่างกัน
จากนั้นจึงเลือกที่จะเดินจากออกไป พอเดินมาถึงรถของตัวเอง ก็รีบโทรหาเลขาคนสนิทของเขาทันทีเมื่อวานเขาได้รับการ์ดเชิญงานเดินแบบเปิดตัวเสื้อผ้าของแบนด์ระดับโลกจากคนรู้จัก แน่นอนว่าเขาสืบเรื่องมิลินมาพอรู้บ้างว่าเธอมีแบนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองและแน่นอนว่าเธอต้องสนใจที่จะไปงานนี้แน่ หากว่ามีคนส่งการ์ดให้(ครับนาย)"ส่งการ์ดเชิญงานแฟชั่นโชว์ของเซฟานนี่ให้มิลินด้วย"(ได้ครับนาย แล้วนายจะไปไหมครับ ผมจะได้จัดการให้)"อืม คนที่ให้ตามมิลินว่าไงบ้าง"(จริงอย่างที่นายสงสัยครับ วันนั้นคุณมิลินไปรับผู้ชายคนหนึ่งที่สนามบิน) "ใคร"(เอกสารสืบไม่ได้ครับ แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีเด็กกลับมาด้วย หลังจากส่งผู้ชายคนนั้น คุณมิลินกับเด็กคนนั้นก็ไปบ้านคุณไคล์ครับ)"เด็กเหรอ""ครับ จากนั้นก็ไม่ออกมาเลยจนถึงเช้า""ไปหาประวัติมาเอารูปมาด้วย ทั้งผู้ชายทั้งเด็ก" เขาไม่เข้าใจ ตกลงมิลินไปรับใครกันแน่ ทำไมมันดูคลุมเครือไปหมด"ครับ ผมจะรีบจัดการให้"ว่าจบเขาก็วางสายไปทันที ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วมองไปรอบ ๆ สายตาคมดันเหลือบไปเห็นว่าตอนนี้มีรถของไคล์จอดอยู่ที่นี่ด้วย แสดงว่าเมื่อกี้ที่มากับมิลินเป็นนาเดียไม่ผิดแน่จากที่คิดไตร่ตร







