เข้าสู่ระบบร่างสูงเพรียวของเชอเอมวิ่งออกมาจากไนต์คลับโดยไม่รู้ทิศรู้ทางด้วยเท้าเปล่าจนมาถึงป้ายรถโดยสารที่อยู่ห่างจากไนต์คลับครึ่งกิโลเมตร หญิงสาวนั่งหอบหายใจอยู่ที่เก้าอี้นั่งป้ายรถโดยสารประจำทางอย่างคนไร้สติ สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกเมื่อความตกใจเข้าแทนที่
ทั้งตกใจทั้งประหม่า
เธอรู้ตัวและจดจำได้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่เพราะความกลัวและยังไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเซนนิก้าตอนนี้ เธอกำลังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เธอไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไรกับรอยเลือดจาง ๆ บนที่นอนของเขา ตอนนี้เธอกำลังสับสน ความทรงจำระหว่างเซนโซก้าที่ตื่นมาจำอะไรไม่ได้นอกจากคำพูดของเขาที่ตอบเธอยามที่ตื่นขึ้นมา
มันเรื่องอะไรกัน
ตั้งแต่วันนั้นจนผ่านงานแต่งงานของผู้เป็นอากับเพื่อนมาหนึ่งปี เธอก็ไม่เคยเอื้อนเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากวิ่งหนีออกมาเหมือนกับครั้งนี้ เธอไม่รู้จะรับมืออย่างไรดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น ครั้นจะหาจังหวะถามให้รู้เรื่องกับเซนโซก้าก็ไม่มีโอกาสเสียทีจนเวลาล่วงเลยมาเป็นปีเช่นนี้ จนเกิดเรื่องซ้ำอีกครั้ง เพราะเอาแต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนกับเซนโซก้าจนต้องมานั่งดื่มคนเดียวแล้วเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ตลอดหนึ่งปีเธอทำงานหลังเรียนจบทันที เพื่อคิดว่ามันคงไม่เป็นไร แต่ท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะมาดื่มให้ลืมมันไปหลังจากไม่ได้มาที่ไนต์คลับอีกเลยตั้งแต่เลี้ยงสละโสดขนิษฐา พูดให้ถูกคือเธอกับเซนนิก้าเพิ่งได้เจอกันเป็นครั้งแรกก็เกิดเรื่องเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกเช่นนี้ ทั้งที่ปล่อยผ่านเรื่องเซนโซก้ามาแล้วแท้ ๆ กเพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเข้าขั้นว่าพลาดท้อง
“ทำยังไงดีนะ ฉันจะทำยังไงดี” เธอบ่นอุบกับตัวเอง พลางก้มลงมองที่พื้นจึงสังเกตเห็นว่าเท้าของตัวเองวางเปล่า ไร้รองเท้าส้นแหลม ฉับพลันที่เธอเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองวิ่งออกมาทั้งที่เท้าเปล่าเปลือย จนบัดนี้เป็นแผลถลอกเต็มไปหมด พอนึกขึ้นมาได้ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาเสียดื้อ ๆ จนต้องโน้มตัวลงแตะปลายนิ้วลงอย่างสำรวจ
“เสียตัวแล้วยังมาเจ็บตัวอีก ดีจริงเลยนะเชอเอม” บ่นอุบอิบพลางสำรวจเท้าเปล่าของตัวเองก่อนจะชะงัก
สายตาหวานมองเลยเท้าตัวเองไปยังเท้าใหญ่ที่สวมรองเท้าแตะสีขาวราคาหลายพันที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ สายตาหวานไล่มองขึ้นไปจนสบสายตาคมดุที่กำลังมองมาอย่างวาวโรจน์จนเธอฉงน หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย มองด้วยความตกใจที่เห็นเซนนิก้ายืนล้วงกระเป๋ากางเกง
“พี่...พี่เซน” เธอตะกุกตะกักเรียกอีกฝ่ายทั้งที่ยังสบนัยน์ตาสวยคู่นั้น
หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงขึ้นมาฉับพลัน ความทรงจำมากมายไหลเข้ามาเป็นสายน้ำไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เขาคือรักแรกพบของเธอ พลันใบหน้าเห่อร้อนด้วยความเขินขึ้นมา ทั้งที่เขาไม่ได้รับรู้ไปกับเธอด้วยแท้ ๆ
“กลับไปกับพี่” พูดเสียงทุ้มนุ่มทั้งที่ภายในใจกำลังเดือด
“เอม ไม่...ว้าย!” เธอไม่ได้จะปฏิเสธ เพียงจะบอกว่าไม่มีรองเท้า แต่ก็ถูกเขาตัดบท
ร่างสูงของเซนนิก้าเดินเข้ามาช้อนตัวอุ้มหญิงสาวขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน หมุนตัวกลับเดินตรงไปที่รถทันที ย่อตัวลงเปิดประตูแล้ววางเธอลงอย่างเบามือ ชำเลืองมองเท้าที่เป็นแผลด้วยสายตานิ่งก่อนจะดึงเบลต์มาพาดคาดเอาไว้ ผละออกมาปิดประตูก่อนรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาฝั่งคนขับเมื่อเห็นรถประจำทางแล่นมาแต่ไกล ทันทีที่เท้าแตะคันเร่ง รถราคาแพงก็เคลื่อนตัวออกไปทันที
ภายในรถเงียบกริบจนได้ยินเครื่องปรับอากาศเท่านั้น จนหญิงสาวอึดอัด ทนไม่ไหว พูดออกไปเสียงแผ่วราวกับคนทำเรื่องผิดมหันต์ ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย
อะไรกัน มาอุ้มคนอื่นขึ้นรถแล้วก็เงียบใส่
“พี่...พี่เซนจะพาเอมไปไหนคะ” เธอชำเลืองมองพลางถาม
“กลับไปทำแผลที่เท้า” ตอบกลับเสียงเรียบเรื่อย ทว่าไม่คิดหันมามองแม้แต่นิด
“คือว่าเมื่อคืน พี่...พี่สด” เธอกระดากอายพูดออกไป พลางหลุบตามองไปที่เท้าของตัวเอง
จึงไม่ทันสังเกตเห็นมุมปากที่ยกขึ้นอย่างขบขันสาวเจ้า แต่เพียงครู่ก็มลายหายไป แล้วพูดตอบออกไปอย่างเข้าใจว่าสาวเจ้ากำลังสื่อถึงอะไร
“เดี๋ยวแวะร้านยาให้”
เซนนิก้ารู้ว่าเชอเอมกำลังรู้สึกเช่นไรหากไม่ใช่กำลังรับมือไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งเมื่อคืนชายหนุ่มก็ไม่ได้ป้องกัน คงจะกังวลจนทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ และเข้าใจว่าระหว่างเธอกับเขาเพิ่งจะรู้จักกัน ก็ไม่แปลกที่เธอจะป้องกันก่อนที่จะเกิดเรื่องผิดพลาดจนหาทางแก้ไม่ได้
แม้ลึก ๆ จะไม่อยากแวะร้านยาก็ตาม
เขาวนรถหาร้านขายยาอยู่ราวสิบนาทีก็เจอ ซึ่งอยู่อีกฝั่งของถนน ไกลจากไนต์คลับ เซนนิก้าจอดรถหวังจะลงไปซื้อให้หญิงสาว แต่แล้วท่อนแขนแกร่งก็ถูกมือเรียวบางคว้าเอาไว้ก่อนจะรีบดึงกลับไปเมื่อเขาหันกลับมามอง
“เดี๋ยวเอมลงไปซื้อเองค่ะ” พูดจบก็รีบลงจากรถเดินตรงไปยังร้านขายยาทันที
สายตาคมดุมองตามแผ่นหลังของสาวเจ้าที่หายเข้าไปในร้านขายยา ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับถุงยาและขวดน้ำที่ถูกดื่มไปแล้วครึ่งขวด พลันรอยยิ้มขันก็เผยขึ้นก่อนจะหุบลงเมื่อสาวเจ้าเดินมาขึ้นรถเรียบร้อย ไม่วายบ่นออกไปพร้อมกับโน้มตัวไปดึงเบลต์มาให้เธอ
“ดื้อ ไม่ได้ใส่รองเท้ายังจะลงไปเองอีก”
“เอม...”
เธอพูดไม่ออกไปโดยปริยาย ได้แต่จ้องสบตาชายหนุ่มที่หันมามองอยู่ห่างไม่ถึงคืบ พลางถือเบลต์ค้างไว้ เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รินรดกันและกัน จนวาบหวามไปทั้งกายอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยสั่นแรงราวกับจะหลุดออกมาเสียให้ได้
โอย...หวั่นไหว จะไม่ไหวแล้วนะ ทำไมผู้ชายคนนี้ดาเมจแรงแบบนี้ เขาก็แค่จะคาดเบลต์ให้หรือเปล่า แค่ไม่อยากให้เกิดอันตรายระหว่างใช้รถใช้ถนนเท่านั้นเอง แต่ทำไมยังจ้องเธอไม่หยุดเช่นนี้ ทำไมไม่ยอมหันกลับไปนั่ง
ดี ๆ เสียที กลัวจังว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอ แต่เดี๋ยวนะ...ทำไมเหมือนใบหน้าของเขากำลังเคลื่อนมาใกล้กว่าเดิมล่ะ!
“เสียงหัวใจเต้นแรงดีนะ”
เขาพูดเสียงแหบพร่างขณะที่เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อย่างรุกต้อนไม่ให้เธอหนีไปไหนได้ เมื่อเริ่มรู้สึกว่าใกล้เกินไปหัวใจก็ยิ่งเต้นแรง มือเรียวบางที่ถือถุงยาและขวดน้ำบีบเอาไว้แน่น กลั้นหายใจด้วยความลุ้น ก่อนจะแอบพรูลมหายใจออกมาเมื่อเขาหัวเราะในลำคออย่างขบขันแล้วผละออกห่าง กลับไปนั่งที่คนขับเช่นเคยหลังคาดเบลต์ให้เธอเรียบร้อย
บ้าจริง หัวใจเจ้ากรรมดวงนี้ทำไมเต้นแรงขนาดนี้นะ
พลันมือเรียวบางยกขึ้นมาลูบเบา ๆ ที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง เบือนหน้ามองออกไปด้านนอกแก้เก้อ ทว่าอิริยาบถของหญิงสาวอยู่ในสายตาของชายหนุ่มตลอด อาการหวั่นไหวจนต้องยกมือขึ้นมาทาบบนเนินอกแล้วลูบเบา ๆ คล้ายกำลังออกคำสั่งให้มันหยุดหวั่นไหวเรียกรอยยิ้มจากเขาได้เป็นอย่างดี
เซนนิก้ายกยิ้มมุมปากอย่างขบขันด้วยความเอ็นดูเชอเอมเอมก่อจะเข้าเกียร์เหยียบคันเร่งออกรถ ตรงกลับคอนโดมิเนียมของชายหนุ่มทันที เขาตัดสินใจที่จะตรงไปคอนโดแทนไนต์คลับเมื่ออยากคุยเรื่องนี้กันเพียงสองคน โดยไม่มีใครเข้ามาขัดขวางหรือรับรู้จนทำให้มีผลต่อการตัดสินใจ
เพราะเขาอยากให้เธอได้ตัดสินใจจากความรู้สึกของตัวเอง
มีหรือเธอจะยอมอยู่เฉย แค่ยอมให้เขาป้อนด้วยช้อนของเขายังไม่พอหรอก คิดได้แล้วมือเล็กก็ใช้ช้อนตัวเองตักเนื้อปลากะพงยื่นไปตรงหน้าเขาทันที เขามองสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไร อ้าปากรับเนื้อปลากินทันที ทั้งสองผลัดกันป้อนบ้าง กินข้าวกันเองบ้าง จนอาหารที่สั่งมาหมดเกลี้ยงและพากันออกมาจากร้านอาหารก็เกือบบ่ายโมงแล้วแดดจ้ากำลังพอดี แต่ไอความร้อนก็ทำให้คนที่กำลังเดินไปตามทางถนนเหงื่อตกจนกระทั่งเดินไปเจอกับร้านเล็ก ๆ ของชาวบ้านซึ่งตั้งขายน้ำแข็งใส แต่ทว่าด้านหน้าร้านตั้งป้ายว่า ‘โอ้เอ๋ว’ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ไม่วายคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตรงไปยังร้านที่เป็นเป้าหมายทันที ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงร้าน“โอ้เอ๋วคืออะไรเหรอคะ ไม่ใช่น้ำแข็งใสเหรอคะ” ถามออกไปด้วยความสงสัยเต็มประดา“หม้ายช่าย โอ้เอ๋วคือวุ่น หรอยแรง ลองกินม้าย” คนขายพูดภาษาใต้ตอบกลับมา“ขอสองถ้วยค่ะ” สาวเจ้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร แต่ค่อยกลับไปหาข้อมูลก็ไม่สาย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เรื่องก็เห็นจะเป็นภาษาใต้ที
หลังจากกินไอศกรีมกันจนอิ่มท้อง ทั้งคู่ก็พากันออกไปเดินเล่นตามถนนย่านเมืองเก่า พลางหามุมถ่ายรูป ผลัดกันถ่ายรูปบ้างเซลฟีบ้าง และมันทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เดินไปทางไหนก็ไม่มีคนรู้จัก มองเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าหรือไม่ก็นักท่องเที่ยว แตกต่างจากที่อิตาลี ที่ไปไหนจะต้องมีลูกน้องเป็นสิบคนเดินตามไปด้วยทุกที่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าคนเดียว มีลูกน้องกันเอาไว้ข้างนอก ความเป็นส่วนตัวและการได้เดินเล่นอย่างไม่กังวลเช่นนี้น่ะหรือ...ไม่มีหรอกและยิ่งได้เดินกับคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้สักนิด การได้พบและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเชอเอมทำให้เซนนิก้าต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมดในความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะหญิงสาวได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาไปเสียแล้ว และคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่นาน เขาจะต้องวางแผนรับมือให้ดีที่สุด หากเขาจะรั้นคำสั่งของผู้เป็นปู่ก็คงไม่มีอะไรราบรื่นเป็นแน่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกต่อไปยามที่ได้กลับอิตาลีใช่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับอิตาลี กลับไปเคล
สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาในวันที่สองของการมาเที่ยวภูเก็ตทำให้เชอเอมและเซนนิก้าไม่สามารถออกไปเที่ยวไหนได้เลย กระทั่งในวันที่สาย ฝนที่เคยตกก็หายไปราวกับว่าไม่มีมาก่อน ท้องฟ้าแจ่มใสจนคิดว่าเป็นหน้าร้อน แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นวันดีที่ทำให้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง และเธอเองก็อยากออกมาเที่ยวในเมืองภูเก็ตมากกว่าจะนั่งมองคลื่นทะเลกระทบโขดหินที่วิวห้อง และสถานที่แรกที่เธอกับเซนนิก้ามาตามแพลนที่ฟ้าครามให้ไว้ก็ไม่พ้นร้านของกิน“อร่อยใช่มั้ยคะ” เชอเอมเอ่ยถามเซนนิก้าเมื่อได้กินไอศกรีมเจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนมีแต่คนนำไปขึ้นเว็บไซต์รีวิวอย่างร้าน Torry's Ice Cream ที่ตั้งอยู่บนถนนถลางแห่งย่านเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต หลังจากรอให้ฝนหยุดตกมาหนึ่งวันเต็ม ๆ และมันก็เป็นวันที่ดีสำหรับเธอกับเขากับท้องฟ้าแจ่มใสแดดจ้า ราวเป็นใจให้หญิงสาวและชายหนุ่มได้ออกมาท่องเที่ยวและสำรวจพื้นที่ภูเก็ตไปด้วย“อืม อร่อย”“เอมมาครั้งนี้ก็ครั้งที่สอง ครั้งแรกที่มาก็ตอนแวะเพราะหิว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย” เชอเอมยิ้มกว้าง ภูมิใจกับสิ่งที่
บทที่ 9รอยยิ้มกับแสงตะวันเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นระลอกในยามสายของวันให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายหลังฝนเทกระหน่ำลงมาเมื่อคืน เซนนิก้าก้าวเดินออกมาในระยะห่างที่มากพอจะไม่ให้คนในวิลลาออกมาได้ยิน เมื่อสายทางไกลติดต่อมาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไรสำหรับชายหนุ่ม แม้เขาจะรู้ว่าไม่นานเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบนี้ หากเมื่อก่อนยังไม่พบกับเชอเอม ก็คงมองว่ามันก็ช้าไปอยู่ดีกับเรื่องที่สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปจัดการในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลปาเนสบากาเรซแววตาคมกริบมองชื่อของบุคคลที่ต่อสายเข้ามาด้วยเบอร์ต่างประเทศอย่างชั่งใจชั่วครู่ ก่อนจะกดรับสายในที่สุด ทว่ายังไม่ยอมกรอกเสียงออกไป จนคนปลายสายต้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ในที“แกจะกลับเมื่อไร”น้ำเสียงแหบพร่าไปตามวัยที่ชราขึ้นส่งเสียงเข้มถาม เมื่อคนที่เป็นหลานชายคนโตดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว นับตั้งแต่เลิกรากับเอเรียน่า หลานชายคนนี้ก็หนีหายไปจากครอบครัวตามน้องของต
เพื่อให้ได้เธอกลับไป ให้เธอตายใจก็เป็นได้“พี่โอนเงินยี่สิบล้านยูโรเข้าบัญชีโรงแรมที่นี่เพื่อให้ได้เป็นหุ้นส่วนและที่บาร์ของเอมอีกห้าล้านยูโรกับซิกไปแล้ว...ก็เพราะพี่หวงเอม” เขาตอบกลับหน้าตาเฉยอย่างไม่ยี่หระทว่าคนฟังคำตอบไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างที่เขาใช้น้ำเสียงโทนปกติ อุทานออกไปด้วยความตกใจอย่างที่สุด“อะไรนะคะ! พี่ต้องได้รับความกระทบกระเทือนที่หัวแน่ ๆ เลย” เธอพูดออกไปพร้อมกับดึงทิชชูออกจากจมูก“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากให้เอมอยู่ในสายตาพี่ตลอด เวลาเอมจะไปไหน ทำอะไร พี่จะได้รู้ว่ามีใครมาเกาะแกะเอมไหม” เขายังคงตอบกลับมาเสียงเรียบเรื่อยอย่างปกติแต่ทว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเชอเอมน่ะสิ“นี่พี่...” เธอพูดไม่ออกจริง ๆ กับความใจป๋าของชายหนุ่ม“พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึก ความต้องการเหมือนซิกก้าที่อยากเลือกความรักเอง แค่เพิ่งรู้ตัวว่าหวั่นไหวกับเอมก็เท่านั้น แปลกตรงไหนที่พี่จะหึงจะหวง” เขายังคนตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิมจนเชอเอมทนไม่ไหว“พี่จะมา
ยกเว้นคราวนี้นะ เธอแค่อยากใช้เวลากับเซนนิก้าเพื่อค้นหาคำตอบให้กับหัวใจตัวเองมากขึ้น ให้มันชัดเจนมากกว่านี้จนแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ปฏิเสธและก่อกำแพงขึ้นมาอีก ทว่าเท้าที่กำลังก้าวเดินพ้นเขตวิลลาของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของฟ้าครามตะโกนเรียกเอาไว้เสียก่อน สาวเจ้าจึงหันกลับไปมองแล้วส่งยิ้มไปให้“จะไปเอามื้อเช้าเหรอ”“ค่ะ กินมื้อเช้าก็ว่าจะออกไปเที่ยว จริงสิคะ พี่ครามช่วยลิสต์มาให้เอมได้ไหมคะว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง เอมขี้เกียจเสิร์ชดูอ่ะ”เชอเอมพูดออกไปตามตรงพร้อมสีหน้าหยีเมื่อพูดถึงความขี้เกียจของตัวเองให้ฟ้าครามได้หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูกับนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ที่เป็นลูกคุณหนูตัวจริง แต่ยังดีที่มีจิตใจดี ไม่เห็นแก่ตัว“ได้สิ เดี๋ยวจะสงเคราะห์ แต่ขอแกล้งเขาอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ฟ้าครามยิ้มหัวเราะตอบออกไป พลางชำเลืองมองเซนนิก้าที่กำลังยืนมองออกมาจากหน้าต่างวิลลาด้วยสายตาข่มขู่ไม่เป็นมิตร ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของเจ้าตัวมานาน“แค้นฝังหุ่นจังเลยนะคะ”“แน่นอน แฟนทั้งคนนะ มาขัดขวางความรักคนอื่นหน้าตา







