Share

16. เธอก็แค่อยากเป็นชินจัง 2

last update Last Updated: 2025-09-02 12:00:30

พิริยายืนตะลึงมองตรงไปที่หน้าร้านอย่างทำตัวไม่ถูก “ขอโทษนะคะพี่ พอดีหนูถามพี่ร้านข้าง ๆ เขาบอกว่าขายได้ หนูเลยมาตั้งขายค่ะ” แล้วก็เอ่ยปากขอโทษอย่างจริงใจ

“ใครบอกกัน ฉันแค่บอกว่ายังไม่เห็นเจ้าของที่เท่านั้น” เจ้าของร้านขายขนมปฏิเสธออกมาเสียงแข็ง “เธอเป็นใคร ถึงมาหาเรื่องให้ฉันทะเลาะกับนังแววแบบนี้”

“อ้อ สรุปว่ามาแย่งที่ขายของฉันแบบหน้าด้าน ๆ เรอะ” แวว แม่ค้าเจ้าของที่ชี้หน้าตำหนิปิ่นแก้วเสียงดัง

“หนูขอโทษจริง ๆ พี่ หนูเข้าใจผิดไปเองตั้งแต่แรกว่าที่ตรงนี้ว่างวันนี้ เดี๋ยวหนูจะรีบเก็บของให้นะคะ” พิริยาพูดเสียงสั่น นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เจอตั้งแต่เกิดมาได้สองชาติ

“อ้อ..เอาเงินที่หล่อนขายได้ทั้งหมดมาให้ฉันด้วย เป็นค่าเช่าที่ทำให้ฉันเสียเวลายืนรอหล่อนเป็นหลายนาที”

“มันเกินไปรึเปล่าพี่ หนูผิด หนูยอมรับ หนูก็ขอโทษไปแล้วตั้งหลายรอบ ถ้าจะให้จ่ายค่าเช่า ก็ได้ หนูยอมจ่ายค่าเสียเวลาให้พี่แค่ 50 บาท แต่ถ้าจะต้องให้เงินทั้งหมดที่ขายได้นั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”

“งั้นเตรียมเจอกับตำรวจได้เลย ฉันจะไปแจ้งความว่าหล่อนแย่งขายที่ประจำของฉัน แล้วยังคิดจะเบี้ยวค่าเช่าอีก”

“เอาเลยสิ ไปฟ้องเลย มาดูกันว่าตำรวจจะว่ายังไง ฉันจะรอแจ้งความกลับด้วยฐานขู่กรรโชก....” พิริยาเริ่มหงุดหงิด

ซ่า....

ไม่ทันพูดจบประโยค หญิงสาวกลับโดนน้ำถังใหญ่สาดเข้ามาจนเปียกปอนไปทั้งร่าง รวมถึงเสื้อผ้าที่ยังไม่ทันเก็บลงกล่องด้วย

“นี่แน่ะ! ไม่ยอมให้เงินเมียฉันใช่ไหม” ผู้ชายร่างท้วมที่ตอนนี้ในมือยังคงถือถังน้ำเปล่าอยู่ เอ่ยปากมองด้วยความสะใจ

“พี่แหวง ดีมาก สุดที่รักของแวว”

พิริยาตอนนี้อารมณ์ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งตกใจ หวาดกลัวผสมกับความอับอาย เธอได้แต่ยืนนิ่งทำตาแดงมองเสื้อผ้าที่หล่นกระจัดกระจายบนพื้น และไม่รู้จะปลีกตัวออกจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี

บางทีเธอก็แค่อยากมีชีวิตแบบชินจังก็เท่านั้น พิริยาน้ำตาคลอเบ้า

“พี่สุข เรียกตำรวจ” เสียงหญิงสูงอายุวัยประมาณหกสิบปีเอ่ยทำลายความเงียบ พร้อมกับเดินตรงไปที่พิริยายืนอยู่และก้มตัวลงช่วยเก็บเสื้อผ้าที่ตกพื้นให้

“คนเขาขอโทษแล้ว ยอมจ่ายค่าเช่าส่วนหนึ่งก็แล้ว ยังไม่ยอมความอีก ให้ตำรวจมาดูก็แล้วกัน วันนี้นอกจากไม่ได้ขายแล้ว น่าจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายกับขู่กรรโชกไปอีกหลายกระทง”

“ป้าลี อย่ายุ่งเรื่องนี้ ฉันไม่อยากทำร้ายคนแก่” ฝ่ายสามีที่ชื่อแหวงเอ่ยปากขู่เสียงดัง

“ก็ลองมาทำร้ายดูสิ” ป้า ‘ลี’ เอ่ยท้าอย่างไม่กลัวเกรง

แหวงและแววมีหรือจะกล้า พวกเขารู้จักป้ามาลีและลุงสุขเจ้าของร้านขายน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋หน้าโรงภาพยนตร์เป็นอย่างดีว่าเป็นขาใหญ่แค่ไหน เพราะเปิดร้านขายที่หน้าโรงภาพยนตร์มาหลายสิบปี จึงเป็นที่รู้จักและเคารพนับถือของผู้มีอิทธิพลแถบนี้เป็นอันมาก อีกทั้งลูกชายของป้ามาลีและลุงสุขยังเป็นสารวัตรใหญ่ประจำสถานีตำรวจที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ด้วย

“ตำรวจกำลังมาแล้ว” ลุงสุขเดินเข้ามาพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในขณะที่แหวงและแววเริ่มอยู่ไม่สุข เพราะรู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุไปมาก

 “ล..หล่อนรีบเก็บของแล้วกัน ที่เหลือถือว่าแล้วกันไป คราวหน้าอย่าทำอีก ค่าเช่าวันนี้ฉันไม่คิดจากหล่อนแล้ว” แววพูดอย่างปากกล้าขาสั่น “ไป พี่แหวง ไปขนของเข้ามาเตรียมเปิดร้าน”

“เดี๋ยว!” พิริยารีบเรียกคู่กรณีให้หยุดและเดินไปหาทั้งที่ดวงตายังคงแดงก่ำ เธอควักเงินจำนวนห้าสิบบาทยื่นให้ “ฉันสัญญาไว้แล้วจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ 50 บาท ฉันไม่ใช่คนผิดคำพูด” หญิงสาวยัดเงินห้าสิบบาทใส่กระเป๋าเสื้อของแววแล้วหันไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองต่อ ขณะที่มาลีลอบมองมาอย่างชื่นชม

“ไปนั่งที่ร้านของป้ากัน ตาสุข มาช่วยเด็กเข็นรถหน่อย”

-----

“กลัวมากไหมลูก” มาลีเอ่ยปากถามด้วยความเอ็นดูพร้อมกับส่งน้ำเต้าหู้ให้

พิริยาพยักหน้าน้อย ๆ น้ำตาพานจะหยดออกมาเสียเดี๋ยวนั้น “แก้วขอบคุณลุงกับป้ามากนะคะที่ช่วย ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงยังไม่หมดเรื่อง”

“แล้วเราเป็นใครมาจากไหน แล้วจู่ ๆ คิดยังไงถึงมานั่งขายของแบบนั้น”

พิริยาได้เล่าเรื่องของตัวเองให้คู่สามีภรรยาฟังอย่างไม่ปิดบัง “...แก้วกำลังคิดจะหางานทำค่ะ ว่าจะลองทำไปเรื่อย ๆ ก่อน ดูว่าอาชีพไหนเหมาะกับเรา เผอิญมีพี่ที่รู้จักนำเสื้อผ้าจากโรงงานมาให้ขาย เลยคิดจะลองขายดู แต่ไม่นึกเลย ขายวันแรกก็เป็นเรื่องเสียแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   104. เข้าไปยุ่งอีกจนได้

    ยุพินและมานพกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างชอบใจเมื่อเห็นเงินห้าหมื่นบาทในมือ ไม่นึกเลยว่าแค่รอบแรกก็ได้มากถึงเพียงนี้ แล้วรอบต่อไปนั้นเป็นกาแฟซึ่งร่ำลือกันว่ารายได้ดีกว่าดอกไม้แห้ง คงได้จับเงินแสนกันก็คราวนี้“แม่ยุพินที่หลักแหลมจริง ๆ” มานพเอ่ยชมภรรยาไม่หยุด“เอาเชียว ที่แรกทำท่าเหมือนไม่เต็มใจ”“ฉันขอโทษ ต่อไปไม่ค้านแล้ว ไม่คิดเลยว่ารายได้จะมากขนาดนี้ แล้วรวมทั้งปีที่เจ้าดินได้มันไม่เหยียบล้านไปแล้วเหรอ”“ก็คงประมาณนั้นแหละพี่ คราวหน้าฉันว่าจะไม่ขายอย่างเดียวแล้ว ฉันจะเอาเมล็ดพันธุ์มาปลูกเองด้วย นี่ก็ไปมอง ๆ ที่เปล่าในหมู่บ้านของพ่อฉันเอาไว้แล้ว ฉันตั้งใจจะเอาไปปลูกตรงโน้น จะได้ไกลหูไกลตาไอ้ดินมันหน่อย”“ดี อีกหน่อยบ้านเราก็จะมีเงินมากมายเหมือนกับมันแล้ว”“ว่าแต่เราเอาเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้ที่ยืมมาก่อนเถอะ ที่เหลือก็พอส่งให้นารีได้อีกสามสี่เดือน รอขายงวดหน้าเราก็สบายกันแล้ว”“เจ้านะตั้งแต่ย้ายไปทำงานในเมืองนี่หายเงียบไม่ยอมกลับมาบ้านเลย” มานพเอ่ยด้วยสุ้มเสียงไม่พอใจ“ลูกสอนพิเศษหลายที่ กำลังช่วยกันเก็บเงินซื้อที่ดินเพื่

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   103. คนโกง

    “นี่บ้านเก่า ๆ โทรม ๆ ที่เธอเคยเล่าจริง ๆ เหรอ” นิสารัตน์หันมาถาม“เมื่อก่อนเคยเก่าและโทรมมาก” ปิ่นแก้วยืนยัน “เพิ่งได้ปรับปรุงใหม่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง”“ไม่พ้นพี่ดินอีกแล้วแน่เลย” อรรณพหรี่ตามองอย่างรู้ทัน ขณะที่แดนดินยืนยิ้มกว้างอยู่ข้าง ๆ“เฮ้อ..พี่ดินไม่ควรมีคนเดียวในโลก” อรรณพยังคงรำพึงรำพันต่อไปคราวนี้พาเอาทุกคนหัวเราะครืนด้วยความชอบใจเพื่อไม่ให้เสียเวลา หลังจากจัดเก็บข้าวของกันแล้วปิ่นแก้วจึงพาทุกคนไปที่สวนผลไม้ของแดนดินที่ตอนนี้ทุเรียนและมังคุดออกลูกแก่จัดรอเก็บเกี่ยวในอีกสองสามวันข้างหน้านี้แล้ว“พวกเรากินได้จริง ๆ หรือคะพี่ดิน” มาลินีหันมาถามชายหนุ่มอีกทีเพื่อความแน่ใจ“กินได้เลย ไม่ใช่แค่ทุเรียนและมังคุดนะ สตรอว์เบอร์รีและเชอร์รีที่ปลูกในสวนข้าง ๆ ก็เข้าไปเด็ดกินได้เหมือนกัน ห้ามเกรงใจพี่เด็ดขาด คิดเสียว่าเป็นสวนบ้านตัวเอง” แดนดินอนุญาตอย่างใจดี“หน้าร้อนแบบนี้สตรอว์เบอร์รีและเชอร์รียังออกผลได้อีกเหรอคะ” นิสารัตน์อดทึ่งไม่ได้“เมล็ดพันธุ์ของเราค่อนข้างพิเศษน่ะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหันมา

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   102. เป็นที่รู้จัก

    แดนดินขมวดคิ้วเมื่อเห็นปริมาณดอกไม้แห้งที่เก็บเกี่ยวได้จากไร่ของผาด หนึ่งในคนที่เซ็นสัญญาปลูกดอกไม้และกาแฟเมื่อคราวก่อน“ที่ดินตั้งสิบไร่ ทำไมได้ดอกไม้แห้งพอ ๆ กับไร่น้าทาที่มีเพียงห้าไร่”“ม..แหม ความชำนาญมันต่างกันนะดิน น้าทานั่นชาวไร่ดีเด่นประจำหมู่บ้าน แกมีฝีมือในการดูแลต้นไม้อยู่แล้ว ปลูกดอกไม้ได้เยอะก็ไม่แปลก ไอ้ฉันมันมือใหม่ ถึงพื้นที่จะเยอะกว่าแต่ดันไม่มีฝีมืออย่างใครเขา เลยได้มาเท่านี้” ผาดละล่ำละลักอธิบายแดนดินกวาดตามองไปทั่วไร่อย่างสงสัย ในใจไม่คิดเชื่อคำพูดของผาดแม้แต่น้อย เขารู้ดีถึงคุณภาพของเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ขนาดคนที่ปลูกอะไรไม่เป็นเลยอย่างปิ่นแก้วยังสามารถปลูกจนออกดอกออกผลได้งดงาม แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ทำไร่ทำนาอยู่ทุกวันแบบนี้ล่ะถึงจะไม่เชื่อแต่เขาก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกมาเรื่องนี้ผิดปกติเกินกว่าจะละเลยได้ เมื่อกลับถึงบ้านเขาเล่าความผิดปกตินี้ให้กับทั้งคำปันและวงเดือนได้รับทราบ ผู้สูงอายุทั้งสองคนต่างมีสีหน้าเครียดลงถนัดตา“ดินคิดว่ามีเรื่องคดโกงเกิดขึ้นแน่ใช่ไหม” คำปันถามเสียงเครียด

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   101. ห้ามดูถูกตัวเอง

    “จินตนานั่งรถประจำทางไปหาน้าที่ต่างอำเภอ แล้วรถเกิดคว่ำทับจินตนาจนแขนขาด”ปิ่นแก้วใจหายวาบเมื่อได้ยิน นึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มและบุคลิกที่ไม่คิดอะไรมากของจินตนา ปิ่นแก้วก็ยิ่งใจหาย ถึงแม้จะไม่ค่อยสนิทสนมกันนักแต่ก็มีโอกาสได้ทำงานด้วยกันหลายครั้ง จินตนานับว่าเป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายคนหนึ่งแล้วคนที่เคยมีครบทั้งสามสิบสอง จู่ ๆ กลายเป็นคนพิการแบบนี้ ที่สำคัญยังอายุน้อยแค่นี้ จินตนาจะทำใจได้อย่างไรปิ่นแก้วเหลียวมองไปรอบห้อง “แล้วนิสารัตน์?”“เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน คอยอยู่เป็นเพื่อนรอพ่อกับแม่จินตนาที่กำลังนั่งรถมาหา”“แก้วใจไม่ดีเลย สงสารจินตนา แล้วนี่เราจะไปเยี่ยมกันดีไหม”คราวนี้มาลินีเป็นฝ่ายเล่า “ฉันกับอันนาไปเมื่อเย็นวานแต่ไม่ได้เจอ นิสารัตน์ให้กลับมาก่อนเพราะสภาพจิตใจของจินตนายังไม่สู้ดีนัก ให้รอพ่อกับแม่เค้ามาก่อนสักสองสามวัน ให้สงบลงอีกนิดแล้วค่อยไปเยี่ยมกันตอนนั้น”-----“อย่าตัดอนาคตตัวเองแบบนี้สิจิน”“นั่นสิลูก แค่เสียแขนซ้ายไปเอง แขนขวาก็ยัง

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   100. สัมภาษณ์

    ถ้าพวกเขาได้มีโอกาสมาเห็นปิ่นแก้วในตอนนี้รับรองเลยว่าคงพูดไม่ออกเลยสักคนเดียว ปิ่นแก้วที่นวดแป้ง ปั่นส่วนผสมของขนมอย่างคล่องแคล่ว ปิ่นแก้วที่สามารถสั่งการได้อย่างเฉียบขาดและทุกคนที่อยู่รายรอบพร้อมจะทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะปิ่นแก้วคนนี้คือเจ้าของร้านขนมรสชาติอร่อยที่สร้างความประทับใจให้กับประธานหอการค้าของจังหวัด m จนได้มาทำขนมจัดเลี้ยงผู้เข้าร่วมสัมมนากว่าสามร้อยคนในครั้งนี้“พวกเธอรู้ไหม รายได้ต่อวันของร้านแก้วสามารถจ่ายค่าเทอมทั้งปีได้อย่างสบาย” อรรณพเล่าด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มคล้ายกับว่าทั้งสองร้านนี้เป็นของเขาก็ไม่ปาน“ทำไมปิ่นแก้วถึงไม่คิดพูดแก้ต่างเรื่องนี้กับเพื่อน ๆ ในคณะล่ะ ปล่อยให้พวกเรามองเขาเสีย ๆ หาย ๆ อยู่ได้ตั้งนาน” จินตนาบ่นงึมงำ“เค้ามองว่าเสียเวลาไง ถ้าเค้าพูดแก้ต่างพวกเธอคิดว่าจะมีใครยอมเชื่อไหม คนเราลองมีอคติต่อกันแล้ว ถึงจะแก้ตัวหรือทำดีให้ตายยังไงก็ไม่มีใครเปลี่ยนมุมมองหรอก พวกเขาเลือกที่จะเชื่อมุมที่พวกเขาคิดเสมอ สู้เอาเวลาที่เสียไปตรงนี้มาหาความสุขให้ตัวเองและมาใส่ใจคนที่รักและเข้าใจตัวเองดีกว่

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   99. ปิดกิจการ

    “ก็ไปพูดไม่ไว้หน้าเขาแบบนั้น ใครเขาจะไปทนไหว มานี่ฉันช่วยเอง” นิสารัตน์นั่งลงยอง ๆ อยู่ด้านข้างและคว้ากรรไกรมาช่วยตัด ขณะที่จินตนาลูกคู่ของเธอก็มานั่งช่วยพับกระดาษเป็นรูปดอกไม้ให้ด้วย“ขอบใจนะ” ปิ่นแก้วหันไปยิ้มให้“ไม่เป็นไร งานจะได้เสร็จไว ๆ”นิสารัตน์เงยหน้ามองปิ่นแก้วก่อนพูดออกมา “อันที่จริงการุณเขาก็พูดถูกนะ คนที่มีแววอนาคตจะสดใสแบบเธอน่าจะหันกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแบบเพื่อน ๆ ได้แล้ว”หลังจากเหตุการณ์เย็นวันนั้น บรรดานักศึกษาและผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างเอาเรื่องนี้ไปพูดคุยกันอย่างสนุกปาก การุณรู้สึกอับอายอย่างที่สุด และมักจะทำหน้าบูดบึ้ง ส่งตาขวางให้ทุกครั้งที่เห็นปิ่นแก้ว ซึ่งปิ่นแก้วทำเพียงแค่ยักไหล่และใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองไปวัน ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและใบหน้าการุณยิ่งบูดบึ้งมากขึ้นเมื่อได้ยินข่าวว่าปิ่นแก้วย้ายออกจากหอในไปอยู่กับผู้ชาย และยิ่งใบหน้าการุณบูดบึ้งเท่าไหร่ ใบหน้าของสกุณาก็ยิ่งสดชื่นมากขึ้นเท่านั้น-----“แก้ว ร้าน Best Bake ปิดกิจการไปแล้วนะ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status