Share

15. เธอก็แค่อยากเป็นชินจัง 1

last update Last Updated: 2025-09-01 12:00:09

พิริยาตื่นมาด้วยความสดชื่น คืนนี้เป็นอีกคืนที่นอนหลับได้สนิท เธอลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวอย่างกระฉับกระเฉง และก่อนจะออกจากพื้นที่ว่าง เธอก็ไม่ลืมแวะมาดูของที่เคาน์เตอร์มหัศจรรย์ด้วย

หญิงสาวเริ่มจับสังเกตได้หลังจากผ่านไปสามวันและตัวเลขดิจิทัลบนเคาน์เตอร์ได้นับถอยหลังไปที่ ‘27’ คล้ายกับนับถอยหลังไปหาจุดที่สิ้นสุด

และที่สำคัญ ในทุกเที่ยงคืนของวันใหม่จะมีของโผล่มาบนเคาน์เตอร์หนึ่งอย่างเสมอ มีอยู่หนึ่งวันที่เธอไม่ได้หยิบของบนเคาน์เตอร์ออก ของจะยังคงค้างอยู่แบบนั้น แล้วในวันรุ่งขึ้นก็จะไม่มีของใหม่โผล่มาเพิ่ม หลังจากนั้นเธอก็ใส่ใจจำเสมอว่าห้ามลืมหยิบของบนเคาน์เตอร์ออกทุกวัน

“วันนี้เป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้แฮะ” พิริยามองอย่างไม่เข้าใจ หลังจากแท็บเล็ตที่เป็นของชิ้นแรกแล้ว ชิ้นหลัง ๆ กลับเป็นแค่เมล็ดพันธุ์ผลไม้ วันละ 2-3 ชนิด ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจและไม่รู้ด้วยว่าจะสามารถนำไปใช้ทำประโยชน์อะไร แล้ววันนี้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ เธอมีสีหน้างุนงง ก่อนที่จะวางพวกมันไปกองกับบรรดาเพื่อน ๆ ที่โผล่มาก่อนหน้านี้

“ถ้าเป็นทองแท่งแทนน่าจะดีไม่น้อยนะ” หญิงสาวบ่นพึมพำก่อนก้าวออกจากที่ว่างไป

“แม่เรามาแล้ว แม่คะทางนี้ค่ะ” วิภาวีโบกมือให้คนเป็นแม่อย่างตื่นเต้น

ตอนนี้เกือบสิบนาฬิกาของวันใหม่ รถไฟเพิ่งมาถึงชานชาลา ด้วยความเป็นห่วงยายหนูนุ่มนิ่มคนนี้ พิริยาเลยตกลงใจยืนเป็นเพื่อนรอให้ผู้ปกครองเจ้าหล่อนมารับก่อน เธอไม่รีบไปไหนอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้พูดตามตรงคือเธอยังไม่รู้จะไปที่ไหนดีต่างหาก

ญาดาแม่ของวิภาวีโบกมือตอบกลับลูกสาว พร้อมกับเหลือบมองหญิงสาววัยรุ่นคนที่ยืนอยู่ข้างลูกสาวด้วยความฉงนใจ “นั่งรถเหนื่อยไหมลูก” และเอ่ยทักลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่เหนื่อยค่ะแม่ หลับสบายทั้งคืน แม่คะ รู้จักกับเพื่อนวิสิ นี่ ปิ่นแก้วค่ะ”

ญาดาพินิจมองอย่างแปลกใจ “สวัสดีจ้ะ ปิ่นแก้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ”

พิริยายิ้มและยกมือไหว้ทักทาย ก่อนจะหันมาพูดกับวิภาวี “ในเมื่อแม่ของวิมาแล้ว เราขอตัวก่อนนะ พอดีมีธุระจะต้องไปต่อน่ะ”

“ให้ไปส่งเอาไหม” วิภาวีเสนอต่อ

“ไม่เป็นไร ใกล้ ๆ สถานีนี้เอง ไม่ต้องนั่งรถ” พิริยาเอ่ยปากปฏิเสธพร้อมกับหันมาเอ่ยลาญาดา

“อย่าลืมโทรหาวินะ” วิภาวีไม่วายตะโกนย้ำ พิริยาโบกมือรับยิ้ม ๆ ก่อนเดินจากไป

หลังเดินออกจากสถานีแล้ว พิริยายังคงเดินเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย เธอยังไม่อยากกลับไปบ้านในตอนนี้เพราะกลับไปก็คงได้แต่เพียงนั่งจ่อมอยู่กับที่ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกด้วยความอึดอัดใจและเหนื่อยหน่ายตัวเอง

ระหว่างนั้น เธอก็เดินผ่านโรงภาพยนตร์ประจำจังหวัด วันนี้เป็นวันอาทิตย์ จึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาชมภาพยนตร์กัน และโดยรอบโรงภาพยนตร์ก็มีบรรดาพ่อค้า แม่ค้า มาตั้งแผงขายของหลากหลายชนิด เรียกได้ว่าเป็นตลาดนัดขนาดย่อมแห่งหนึ่งก็ว่าได้

พิริยาตาเป็นประกาย

เธอยังติดใจการขายเสื้อผ้าเมื่อวันก่อน และตอนนี้เสื้อผ้าในพื้นที่ของเธอยังมีเหลืออีกมหาศาล ถ้านำมาหารายได้เพิ่มก็น่าจะดีไม่น้อย หญิงสาวเผยอยิ้มอย่างมีความหวัง พร้อมกับเร่งฝีเท้าและสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาที่สำหรับวางขาย

หลังจากเดินวนอยู่ไม่นานก็เจอที่ว่างด้านข้างโรงภาพยนตร์ เธอเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความไม่แน่ใจ

“พี่คะ ไม่รู้ที่ตรงนี้มีเจ้าของรึยัง” พิริยาเดินไปถามแม่ค้าขายขนมขบเคี้ยวแผงข้าง ๆ

“ปกติมี แต่วันนี้คงไม่มาแล้วนะ สายแล้วนี่”

“งั้นหนูตั้งขายแทนได้ไหมคะ”

“ได้อยู่แหละมั้ง” แม่ค้าตอบแบบส่ง ๆ

พิริยายืนชั่งใจอยู่ครู่ เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน

เมื่อตัดสินใจได้แล้วเธอจึงรีบเดินไปหาสถานที่ไร้ผู้คนเพื่อเข้าไปเอาของในพื้นที่ หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เธอก็ได้เข็นรถเข็นที่จุเสื้อผ้าเดินมาเข้ามาตั้งแผงขายในทันทีทันใด

แผงนี้ค่อนข้างเล็กและไม่แน่ใจในกำลังซื้อของคนในตัวจังหวัด หญิงสาวจึงเตรียมเสื้อและกางเกงรวม ๆ แล้วประมาณหนึ่งร้อยตัวเท่านั้น

ระหว่างตั้งแผงขายได้มีคนเริ่มเข้ามาเมียงมองด้วยความสนใจ และเมื่อเห็นความสวยของเสื้อผ้าที่เธอกำลังจัดวาง จึงได้มีการสอบถามราคา พิริยากำหนดราคาขายต่ำกว่าที่เมืองหลวงสิบบาทเพราะเข้าใจถึงสภาพรายได้ของผู้คนในต่างจังหวัดซึ่งต่ำกว่าในเมืองหลวงโดยธรรมชาติ

เมื่อราคาน่าสนใจ ลูกค้าจึงเริ่มมายืนรอที่หน้าร้าน กระทั่งเธอจัดร้านเรียบร้อยก็เกิดเหตุการณ์การรุมเลือก รุมซื้อ คล้ายกับตลาดนัดในเมืองหลวง เมื่อเห็นแบบนี้หญิงสาวจึงยิ้มกว้างออกมาอย่างชื่นใจ

ยอดขายแรกของวันอยู่ที่สองร้อยบาทและน่าจะถึงหนึ่งพันบาทเมื่อสิ้นสุดวัน แต่แล้วความหวังของเธอก็ไปไม่ถึงฝั่ง

“หล่อนเป็นใคร! มาขายทับที่ของฉัน!” เสียงตวาดแหวของผู้หญิงวัยสามสิบกว่าดังขึ้นที่หน้าร้าน ทำเอาลูกค้าที่กำลังยืนเลือกเสื้อผ้าต่างตกใจและเดินหนีออกจากร้านไปกันหมด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   104. เข้าไปยุ่งอีกจนได้

    ยุพินและมานพกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างชอบใจเมื่อเห็นเงินห้าหมื่นบาทในมือ ไม่นึกเลยว่าแค่รอบแรกก็ได้มากถึงเพียงนี้ แล้วรอบต่อไปนั้นเป็นกาแฟซึ่งร่ำลือกันว่ารายได้ดีกว่าดอกไม้แห้ง คงได้จับเงินแสนกันก็คราวนี้“แม่ยุพินที่หลักแหลมจริง ๆ” มานพเอ่ยชมภรรยาไม่หยุด“เอาเชียว ที่แรกทำท่าเหมือนไม่เต็มใจ”“ฉันขอโทษ ต่อไปไม่ค้านแล้ว ไม่คิดเลยว่ารายได้จะมากขนาดนี้ แล้วรวมทั้งปีที่เจ้าดินได้มันไม่เหยียบล้านไปแล้วเหรอ”“ก็คงประมาณนั้นแหละพี่ คราวหน้าฉันว่าจะไม่ขายอย่างเดียวแล้ว ฉันจะเอาเมล็ดพันธุ์มาปลูกเองด้วย นี่ก็ไปมอง ๆ ที่เปล่าในหมู่บ้านของพ่อฉันเอาไว้แล้ว ฉันตั้งใจจะเอาไปปลูกตรงโน้น จะได้ไกลหูไกลตาไอ้ดินมันหน่อย”“ดี อีกหน่อยบ้านเราก็จะมีเงินมากมายเหมือนกับมันแล้ว”“ว่าแต่เราเอาเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้ที่ยืมมาก่อนเถอะ ที่เหลือก็พอส่งให้นารีได้อีกสามสี่เดือน รอขายงวดหน้าเราก็สบายกันแล้ว”“เจ้านะตั้งแต่ย้ายไปทำงานในเมืองนี่หายเงียบไม่ยอมกลับมาบ้านเลย” มานพเอ่ยด้วยสุ้มเสียงไม่พอใจ“ลูกสอนพิเศษหลายที่ กำลังช่วยกันเก็บเงินซื้อที่ดินเพื่

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   103. คนโกง

    “นี่บ้านเก่า ๆ โทรม ๆ ที่เธอเคยเล่าจริง ๆ เหรอ” นิสารัตน์หันมาถาม“เมื่อก่อนเคยเก่าและโทรมมาก” ปิ่นแก้วยืนยัน “เพิ่งได้ปรับปรุงใหม่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง”“ไม่พ้นพี่ดินอีกแล้วแน่เลย” อรรณพหรี่ตามองอย่างรู้ทัน ขณะที่แดนดินยืนยิ้มกว้างอยู่ข้าง ๆ“เฮ้อ..พี่ดินไม่ควรมีคนเดียวในโลก” อรรณพยังคงรำพึงรำพันต่อไปคราวนี้พาเอาทุกคนหัวเราะครืนด้วยความชอบใจเพื่อไม่ให้เสียเวลา หลังจากจัดเก็บข้าวของกันแล้วปิ่นแก้วจึงพาทุกคนไปที่สวนผลไม้ของแดนดินที่ตอนนี้ทุเรียนและมังคุดออกลูกแก่จัดรอเก็บเกี่ยวในอีกสองสามวันข้างหน้านี้แล้ว“พวกเรากินได้จริง ๆ หรือคะพี่ดิน” มาลินีหันมาถามชายหนุ่มอีกทีเพื่อความแน่ใจ“กินได้เลย ไม่ใช่แค่ทุเรียนและมังคุดนะ สตรอว์เบอร์รีและเชอร์รีที่ปลูกในสวนข้าง ๆ ก็เข้าไปเด็ดกินได้เหมือนกัน ห้ามเกรงใจพี่เด็ดขาด คิดเสียว่าเป็นสวนบ้านตัวเอง” แดนดินอนุญาตอย่างใจดี“หน้าร้อนแบบนี้สตรอว์เบอร์รีและเชอร์รียังออกผลได้อีกเหรอคะ” นิสารัตน์อดทึ่งไม่ได้“เมล็ดพันธุ์ของเราค่อนข้างพิเศษน่ะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหันมา

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   102. เป็นที่รู้จัก

    แดนดินขมวดคิ้วเมื่อเห็นปริมาณดอกไม้แห้งที่เก็บเกี่ยวได้จากไร่ของผาด หนึ่งในคนที่เซ็นสัญญาปลูกดอกไม้และกาแฟเมื่อคราวก่อน“ที่ดินตั้งสิบไร่ ทำไมได้ดอกไม้แห้งพอ ๆ กับไร่น้าทาที่มีเพียงห้าไร่”“ม..แหม ความชำนาญมันต่างกันนะดิน น้าทานั่นชาวไร่ดีเด่นประจำหมู่บ้าน แกมีฝีมือในการดูแลต้นไม้อยู่แล้ว ปลูกดอกไม้ได้เยอะก็ไม่แปลก ไอ้ฉันมันมือใหม่ ถึงพื้นที่จะเยอะกว่าแต่ดันไม่มีฝีมืออย่างใครเขา เลยได้มาเท่านี้” ผาดละล่ำละลักอธิบายแดนดินกวาดตามองไปทั่วไร่อย่างสงสัย ในใจไม่คิดเชื่อคำพูดของผาดแม้แต่น้อย เขารู้ดีถึงคุณภาพของเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ขนาดคนที่ปลูกอะไรไม่เป็นเลยอย่างปิ่นแก้วยังสามารถปลูกจนออกดอกออกผลได้งดงาม แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ทำไร่ทำนาอยู่ทุกวันแบบนี้ล่ะถึงจะไม่เชื่อแต่เขาก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกมาเรื่องนี้ผิดปกติเกินกว่าจะละเลยได้ เมื่อกลับถึงบ้านเขาเล่าความผิดปกตินี้ให้กับทั้งคำปันและวงเดือนได้รับทราบ ผู้สูงอายุทั้งสองคนต่างมีสีหน้าเครียดลงถนัดตา“ดินคิดว่ามีเรื่องคดโกงเกิดขึ้นแน่ใช่ไหม” คำปันถามเสียงเครียด

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   101. ห้ามดูถูกตัวเอง

    “จินตนานั่งรถประจำทางไปหาน้าที่ต่างอำเภอ แล้วรถเกิดคว่ำทับจินตนาจนแขนขาด”ปิ่นแก้วใจหายวาบเมื่อได้ยิน นึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มและบุคลิกที่ไม่คิดอะไรมากของจินตนา ปิ่นแก้วก็ยิ่งใจหาย ถึงแม้จะไม่ค่อยสนิทสนมกันนักแต่ก็มีโอกาสได้ทำงานด้วยกันหลายครั้ง จินตนานับว่าเป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายคนหนึ่งแล้วคนที่เคยมีครบทั้งสามสิบสอง จู่ ๆ กลายเป็นคนพิการแบบนี้ ที่สำคัญยังอายุน้อยแค่นี้ จินตนาจะทำใจได้อย่างไรปิ่นแก้วเหลียวมองไปรอบห้อง “แล้วนิสารัตน์?”“เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน คอยอยู่เป็นเพื่อนรอพ่อกับแม่จินตนาที่กำลังนั่งรถมาหา”“แก้วใจไม่ดีเลย สงสารจินตนา แล้วนี่เราจะไปเยี่ยมกันดีไหม”คราวนี้มาลินีเป็นฝ่ายเล่า “ฉันกับอันนาไปเมื่อเย็นวานแต่ไม่ได้เจอ นิสารัตน์ให้กลับมาก่อนเพราะสภาพจิตใจของจินตนายังไม่สู้ดีนัก ให้รอพ่อกับแม่เค้ามาก่อนสักสองสามวัน ให้สงบลงอีกนิดแล้วค่อยไปเยี่ยมกันตอนนั้น”-----“อย่าตัดอนาคตตัวเองแบบนี้สิจิน”“นั่นสิลูก แค่เสียแขนซ้ายไปเอง แขนขวาก็ยัง

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   100. สัมภาษณ์

    ถ้าพวกเขาได้มีโอกาสมาเห็นปิ่นแก้วในตอนนี้รับรองเลยว่าคงพูดไม่ออกเลยสักคนเดียว ปิ่นแก้วที่นวดแป้ง ปั่นส่วนผสมของขนมอย่างคล่องแคล่ว ปิ่นแก้วที่สามารถสั่งการได้อย่างเฉียบขาดและทุกคนที่อยู่รายรอบพร้อมจะทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะปิ่นแก้วคนนี้คือเจ้าของร้านขนมรสชาติอร่อยที่สร้างความประทับใจให้กับประธานหอการค้าของจังหวัด m จนได้มาทำขนมจัดเลี้ยงผู้เข้าร่วมสัมมนากว่าสามร้อยคนในครั้งนี้“พวกเธอรู้ไหม รายได้ต่อวันของร้านแก้วสามารถจ่ายค่าเทอมทั้งปีได้อย่างสบาย” อรรณพเล่าด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มคล้ายกับว่าทั้งสองร้านนี้เป็นของเขาก็ไม่ปาน“ทำไมปิ่นแก้วถึงไม่คิดพูดแก้ต่างเรื่องนี้กับเพื่อน ๆ ในคณะล่ะ ปล่อยให้พวกเรามองเขาเสีย ๆ หาย ๆ อยู่ได้ตั้งนาน” จินตนาบ่นงึมงำ“เค้ามองว่าเสียเวลาไง ถ้าเค้าพูดแก้ต่างพวกเธอคิดว่าจะมีใครยอมเชื่อไหม คนเราลองมีอคติต่อกันแล้ว ถึงจะแก้ตัวหรือทำดีให้ตายยังไงก็ไม่มีใครเปลี่ยนมุมมองหรอก พวกเขาเลือกที่จะเชื่อมุมที่พวกเขาคิดเสมอ สู้เอาเวลาที่เสียไปตรงนี้มาหาความสุขให้ตัวเองและมาใส่ใจคนที่รักและเข้าใจตัวเองดีกว่

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   99. ปิดกิจการ

    “ก็ไปพูดไม่ไว้หน้าเขาแบบนั้น ใครเขาจะไปทนไหว มานี่ฉันช่วยเอง” นิสารัตน์นั่งลงยอง ๆ อยู่ด้านข้างและคว้ากรรไกรมาช่วยตัด ขณะที่จินตนาลูกคู่ของเธอก็มานั่งช่วยพับกระดาษเป็นรูปดอกไม้ให้ด้วย“ขอบใจนะ” ปิ่นแก้วหันไปยิ้มให้“ไม่เป็นไร งานจะได้เสร็จไว ๆ”นิสารัตน์เงยหน้ามองปิ่นแก้วก่อนพูดออกมา “อันที่จริงการุณเขาก็พูดถูกนะ คนที่มีแววอนาคตจะสดใสแบบเธอน่าจะหันกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแบบเพื่อน ๆ ได้แล้ว”หลังจากเหตุการณ์เย็นวันนั้น บรรดานักศึกษาและผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างเอาเรื่องนี้ไปพูดคุยกันอย่างสนุกปาก การุณรู้สึกอับอายอย่างที่สุด และมักจะทำหน้าบูดบึ้ง ส่งตาขวางให้ทุกครั้งที่เห็นปิ่นแก้ว ซึ่งปิ่นแก้วทำเพียงแค่ยักไหล่และใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองไปวัน ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและใบหน้าการุณยิ่งบูดบึ้งมากขึ้นเมื่อได้ยินข่าวว่าปิ่นแก้วย้ายออกจากหอในไปอยู่กับผู้ชาย และยิ่งใบหน้าการุณบูดบึ้งเท่าไหร่ ใบหน้าของสกุณาก็ยิ่งสดชื่นมากขึ้นเท่านั้น-----“แก้ว ร้าน Best Bake ปิดกิจการไปแล้วนะ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status