มาลีและสุขเมื่อได้ฟังเรื่องราว แววตาทั้งคู่ที่มองมาจึงแฝงไปด้วยความเห็นใจอยู่มาก อายุเพียงเท่านี้ก็ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและหมดโอกาสได้เรียนต่ออย่างที่ควรจะเป็น
“จำไว้นะลูก บริเวณขายของแถวไหนที่มีคนพลุกพล่านก็มักจะมีเจ้าถิ่นอยู่แล้ว แล้วยิ่งที่ตรงไหนขายดี ที่นั่นเจ้าที่มักจะดุเป็นพิเศษ ยังนับว่าโชคดีที่ไม่โดนทำร้ายหนักกว่านี้”
พิริยาพยักหน้าและส่งยิ้มให้อย่างอาย ๆ “แก้วจะจำไว้ค่ะ คราวหน้าไม่กล้าตั้งร้านแถวนี้อีกแล้ว เข็ดจนตายเลย”
“แล้วถ้ามีที่ให้ขายจริง ๆล่ะ แก้วจะทำรึเปล่า” เมื่อเห็นหญิงสาวมองมาด้วยความแปลกใจ ลุงสุขก็เอ่ยปากพูดต่อ “แต่ขายได้เฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น สนใจไหม”
พิริยามีเหรอจะไม่สนใจ “ไม่มีเจ้าถิ่นแน่นะคะ” ก่อนเอ่ยปากถามเพื่อความมั่นใจ
“ฮ่าฮ่า..เจ้าถิ่นก็ลุงกับป้านี่แหละ” ลุงสุขหัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนขยายความต่อ “ตรงหน้าร้านน้ำเต้าหู้นี้แหละ ตั้งแต่อาทิตย์หน้าไป ลุงกับป้าจะมาขายแค่วันจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนเสาร์อาทิตย์หน้าร้านก็จะว่าง เป็นไง สนใจไหมเรา”
พิริยาพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น “สนใจค่ะ สนใจมาก แก้วขอบคุณลุงกับป้ามากนะคะที่ให้โอกาส แก้วรับรองจะไม่ทำให้หน้าร้านสกปรกหรือเสียหายเด็ดขาดค่ะ”
“แต่ต้องมีค่าเช่านะ แก้วเต็มใจจ่ายไหม”
“เต็มใจค่ะป้า แก้วอยากให้ป้าคิดค่าเช่าอยู่แล้ว ถ้าให้ขายฟรี ๆ แก้วคงไม่กล้ามา”
“วันละ 20 บาท พอไหวไหมลูก”
“ไหวค่ะป้า ให้แก้วจ่ายล่วงหน้ายังไงดีคะ แก้วพร้อมจ่ายตอนนี้ได้เลย”
เมื่อเห็นท่าทีที่ว่าง่ายของเธอ สองสามีภรรยาก็หันมายิ้มให้กันอย่างพึงพอใจ
“เอาเป็นรายสัปดาห์ก็พอลูก เผื่อแก้วจะเอาเงินไปหมุนอย่างอื่นก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะแก้วพอมีในตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นแก้วจ่ายให้ล่วงหน้าหนึ่งเดือนก่อนนะคะ” เธอควักเงินจำนวน 160 บาทออกจากกระเป๋าส่งให้สองสามีภรรยาอย่างไม่รีรอ
“เดี๋ยวรอลุงเขียนสัญญาเช่าก่อนนะ แล้วเราลงชื่อด้วยกัน เขียนเป็นหลักฐานไว้จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย” ลุงสุขเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเขียนสัญญาเช่าระหว่างกันให้
“ป้าคะ แถวนี้มีห้องเช่าถูก ๆ ที่ไหนบ้าง ไม่ต้องดีมาก หนูแค่จะเช่าเอาไว้เก็บของและนอนตอนวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น ส่วนวันอื่น ๆ หนูจะกลับไปอยู่บ้าน” พิริยาสอบถามมาลีระหว่างนั่งรอ
“เอาหอที่นักเรียนพักเยอะ ๆ ดีกว่านะจะได้ปลอดภัย อยู่ข้างโรงหนังนี่เอง เดินเลยไปสองซอยก็เจอ”
หลังจากได้สัญญาเช่าแล้ว พิริยาได้เดินไปหาหอพักตามคำแนะนำของป้ามาลี โชคดีที่ยังมีห้องว่าง และเธอเลือกแบบที่มีห้องน้ำในตัว ซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 170 บาท มีค่าประกันอีก 170 บาท รวมที่จ่าย 340 บาท
เมื่อจ่ายเงินและรับกุญแจแล้ว เธอก็เดินไปดูห้องพักของตัวเองทันที เธอเลือกห้องพักที่อยู่ชั้นหนึ่งเพื่อสะดวกในการเข็นของเข้าออก
ห้องพักด้านในเป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ มีห้องน้ำเล็ก ๆ อยู่ตรงระเบียง ในห้องมีเพียงที่นอนฟูกแบบวางกับพื้น และราวแขวนผ้าติดผนังให้เท่านั้น แต่พิริยาก็ไม่ได้สนใจเนื่องจากเธอนอนอยู่ในพื้นที่ว่างส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว เหตุที่เช่าเพราะต้องการพรางสายตาผู้คนตอนขนของออกจากที่ว่างเท่านั้น
หลังจากเดินสำรวจห้องอยู่ครู่ เธอจึงรีบขนเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบสกปรกและคราบน้ำเข้าไปในพื้นที่เพื่อทำความสะอาด รอนำออกขายใหม่ในสัปดาห์หน้า ถึงแม้ภายในพื้นที่ยังมีเสื้อผ้าอีกมากมายรอให้นำออกมาขายอยู่ แต่เธอก็ไม่อยากทิ้งเจ้าพวกนี้เพียงเพราะว่ามันสกปรก แค่นำไปซักและรีดใหม่ พวกมันก็สามารถผันเป็นเงินได้อีกหลายบาท พิริยารู้สึกว่าเธอเริ่มกลายเป็นคนเห็นคุณค่าของสิ่งของขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
หญิงสาวใช้กำปั้นทุบเอวของตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายความปวดเมื่อยหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งรีดผ้านานกว่าสามชั่วโมง
เธอรู้สึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อยที่สามารถอดทนทำงานที่เคยมองว่าต่ำต้อยในชาติก่อนได้ ชาติที่แล้ว เพราะเกิดมาสุขสบายจนเคยชิน อยากได้อะไรก็เพียงแค่กระดิกนิ้วและขยับปาก สิ่งของที่ต้องการก็จะมากองอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว
แล้วอย่างงานทำความสะอาด ซักรีดเสื้อผ้าแบบที่กำลังทำอยู่นี่ เธอไม่เคยแตะมันเลยแม้ปลายก้อย คนงานในบ้านสามารถทำเรื่องพวกนี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ตอนนี้จะมีความทรงจำของเจ้าของเดิมร่วมด้วย แต่ก็อดคิดอย่างเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าความพยายามของตนเองก็มีส่วนอยู่ไม่น้อยที่ทำให้งานพวกนี้สำเร็จด้วยดี พิริยามองเสื้อผ้าที่สะอาดและเรียบกริบเหมือนใหม่ด้วยความภาคภูมิใจ ความลำบากในชีวิตสอนคนได้ดีที่สุดจริง ๆ
วันรุ่งขึ้น ก่อนออกจากพื้นที่ว่าง เธอไม่ลืมที่จะแวะไปที่เคาน์เตอร์มหัศจรรย์ก่อนเสมอ วันนี้ก็ยังคงเป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้เหมือนเดิม
หรือเธอจะลองเป็นชาวสวนดีนะ
พิริยาคิดขำ ๆ ก่อนจะส่ายหัวเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ ความรู้ในการทำสวนขั้นติดลบอย่างเธอ ทำไม่ได้อย่างแน่นอน
หญิงสาวเดินเข้าร้านเพื่อเลือกซื้อขนมอบ ขนมเค้กไม่มีแบ่งขายเป็นชิ้น เธอจึงเลือกปอนด์เล็กสุด และหยิบคุกกี้กระปุกเล็ก เค้กโรล ขนมปังปอนด์มาอีกอย่างละหนึ่งเพื่อทดสอบรสชาติ“แอะ! แค็ก..” คาวไข่ขั้นสุดเมื่อกลับมาถึงหอพัก เธอได้รีบแกะขนมออกมาชิม ทันทีที่ตักขนมเค้กเข้าปาก ผลที่ได้คือเนื้อเค้กที่หวานจัดและคาวไข่เป็นอย่างมาก ไม่เท่านั้น เนื้อครีมที่ปาดหน้าเค้กค่อนข้างหนัก ทั้งหวานและเลี่ยน เมื่อกัดชิมคำแรกถึงกับคายทิ้งแทบไม่ทัน แล้วทำไมถึงยังขายดีได้ขนาดนี้เค้กโรลก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน สำหรับคุกกี้นั้นให้ความรู้สึกหวานเพียงอย่างเดียว ไม่มีความหอมหรือมันของเนยแม้แต่น้อย ส่วนขนมปังปอนด์นั้นสามารถพูดได้เลยว่าขนมปังให้ปลาในยุคที่เธอจากมายังนุ่มมากกว่า แล้วทำไมถึงยังขายดีขนาดนี้ได้อีกแต่ข้อด้อยพวกนี้แหละคือตัวช่วย หากทำขนมออกมาแบบไม่เหลือข้อด้อยพวกนี้ ธุรกิจจะต้องรุ่งโรจน์อย่างไม่ต้องสงสัย ปิ่นแก้วอยู่ในอารมณ์ที่คึกคักถึงขีดสุดเธอรีบหายเข้าไปในพื้นที่และเปิดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับขนมยอดฮิตต่าง ๆ ดู ก่อนจะคัดเมนูที่ทำได้ไม
“แก้วรู้ค่ะว่าป้าเป็นห่วงแก้วและหวังดีกับแก้วที่สุด แก้วขอบคุณป้ามาก ๆ นะคะ”“ถ้าจะให้พูดตามจริง ตอนนี้แก้วมีเงินพอที่จะส่งทั้งตัวเองและชัยเรียนได้อย่างสบาย แต่ใจแก้วยังไม่อยากเรียนเอง เพราะถ้าเรียนต่อ ม.4 แล้วพอจบ ม.6 ก็ต้องอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก ค่าใช้จ่ายเรียนมหาวิทยาลัยค่อนข้างสูงป้าเองก็รู้นี่คะ แล้วแก้วจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อ”“สู้ตอนนี้ หยุดเรียนก่อนสักครึ่งปี สร้างฐานะให้มั่นคง เก็บเกี่ยวเงินให้ได้เยอะ ๆ แล้วค่อยไปเรียน กศน. แก้วว่าน่าจะสบายกว่า”วงเดือนถอนหายใจแรง “แต่เรียน กศน. แล้วเหมือนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยยากเต็มทีนะแก้ว ป้าเสียดายอนาคต”“ไม่หรอกค่ะป้า ลองเราตั้งใจจริง ไม่ว่าเรียนจบจากไหนก็สามารถสอบเข้าได้ แต่ที่เห็นกันจนชินตาว่าเรียน กศน.แล้วความรู้ไม่พอจะไปต่อมหาวิทยาลัย นั่นเพราะคนเรียน กศน.มีภาระผูกพันค่อนข้างมาก บางคนก็มีครอบครัวอยู่แล้ว ทำให้คิดไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยกันน้อย แต่แก้วไม่มีภาระตรงนี้นี่คะ ภาระอย่างเดียวของแก้วคือต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้เยอะ ๆ ถ้า
วงเดือนใช้มือตบพื้นเรือนเสียงดังด้วยความไม่พอใจ “ยุพินนี่มันเกินไปจริง ๆ รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก”“ป้า อย่าโมโหไปเลย เรื่องมันสบช่องให้เขาได้เปรียบก็ต้องปล่อยไป” ปิ่นแก้วพูดปลอบ“ชัย พี่แก้วเค้าไปลงชื่อค้ำประกันเราไว้แบบนี้แล้ว ต่อไปเราต้องระมัดระวังตัว อย่าไปทำเรื่องทำนองนี้จนทำให้พี่เค้าเดือดร้อนอีกนะ ถ้าหิวหรือขาดอะไร ให้มาหาป้ากับลุงก่อน ป้ากับลุงจะช่วยเอง”“ผมขอบคุณพี่แก้วอีกครั้งนะครับที่ช่วย ต่อไปผมไม่กล้าแล้วจริง ๆ” ชิงชัยพูดพร้อมกับมีน้ำตารื้นอยู่เต็ม มันเป็นความรู้สึกทั้งเสียใจบวกกับความอับอายที่โดนประณามในเรื่องนี้“แม่กับพี่แก้วไม่ต้องห่วง ชัยเป็นคนดีจริง ๆ ไม่เคยมีนิสัยชอบขโมย” แดนไทยช่วยรับประกันให้เพื่อนรัก “ต่อไปหลังเลิกเรียนผมจะไปช่วยชัยหาผักป่าไปขายอีกแรง จะได้เอาเงินไปใช้หนี้ที่ติดอยู่ไว ๆ”“นี่แม่ชัยยังสร้างหนี้เพิ่มอีกเหรอ” วงเดือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ “อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้วด้วย จะมีเวลาไปหาของป่าขายได้ที่ไหน เลิกเรียนก็ใกล้ค่ำแล้ว คงไม่พอหาหรอก”“ชัยไม่เรียนต่อแล้วนะแม่ ไม่มีค่าเทอม”“แล้วแม่ชัยรู้ไหมว่าลูกตัวเองจะไม่เรียนต่อแล้ว” วงเดือนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พ
“ที่น้าพูดมันก็ถูก แต่ควรดูเจตนาเด็กก่อนที่จะกล่าวหา ชัยไม่ได้ตั้งใจขโมยแต่แรกนี่ เขาได้ยินว่าน้าไม่กินแล้ว และกำลังจะเทให้หมา ชัยเขาหิว เขาเลยตัดสินใจไปแบบนั้น”“หล่อนไม่ต้องมาทำหัวหมอ ฉันไม่สนใจ ถึงแม้ฉันจะไม่ต้องการกินแกงนี่แล้ว แต่มันก็ยังเป็นของฉัน ฉันจะให้ใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ในเมื่อฉันตั้งใจจะยกให้หมาแล้ว ไอ้เด็กหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งไปได้ ฉันจะเอาเรื่องไอ้เด็กเหลือขอนี่ให้ถึงที่สุด”เมื่อยุพินพูดจบ ผู้คนที่ยืนรายล้อมต่างส่งเสียงออกมาหลายแนว บ้างก็เห็นด้วยกับยุพิน บ้างก็เห็นด้วยกับปิ่นแก้ว บ้างก็มองดูเหตุการณ์ด้วยความสะใจและสนุกกับคราวเคราะห์ของชัยในครั้งนี้ บ้างก็มีสีหน้าแสดงความเห็นใจเด็กชาย แต่ยุพินไม่สนใจ เธอยังคงตั้งมั่นในความคิดของตน“ตกลงมีเรื่องอะไรกัน” คำแปง ผู้ใหญ่บ้านที่โดนเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ฟังทั้งยุพินและปิ่นแก้วชี้แจงเรื่องราวในมุมมองของตน คำแปงก็ทำสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อย เรื่องเหมือนจะดูเล็กน้อย แต่ถ้าคิดเป็นเรื่องใหญ่ ก็ดูใหญ่พอตัว โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ไม่เคยเกิดเหตุทำนองนี้มาก่อน“ยุพิน ปล่อยเด็กไปสักครั้งเถอะ อย
หลังจากทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้วและเห็นว่ายังเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงมื้อเย็น เธอจึงตั้งใจจะเดินสำรวจหมู่บ้านนาแสนแห่งนี้ไปเพลิน ๆ ก่อนหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านกลางหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ อากาศจึงเย็นตลอดปี และมีผู้คนอยู่อาศัยประมาณสามร้อยกว่าชีวิต ส่วนมากมีฐานะยากจน ประกอบอาชีพทำนาทำไร่เป็นหลัก บ้านที่ปลูกส่วนมากเป็นบ้านไม้สีหม่นหลังคามุงจาก มีบ้านฐานะดีที่หลังคามุงกระเบื้องและสังกะสีอยู่ไม่ถึงสิบหลัง ปิ่นแก้วเดินไปตามทางเดินซึ่งเป็นเส้นทางหลักภายในหมู่บ้านถึงจะขึ้นชื่อว่าเส้นทางหลัก แต่จริง ๆ ก็คือทางดินแดงเล็ก ๆ กว้างขนาดสองคนเดินสวนกัน พื้นผิวขรุขระและเป็นหลุมเป็นบ่อเสียเยอะ บางจุดเละเป็นโคลนเนื่องจากฝนที่ตกมาตั้งแต่เช้า ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านไม่ได้รู้สึกแปลกหรือลำบากแต่อย่างใดเพราะคุ้นชินกับถนนแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วจะมีก็เพียงปิ่นแก้วนี่แหละที่รู้สึกลำบาก เธอผู้เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาทั้งชีวิต จึงไม่เคยรู้จักและไม่เคยสัมผัสฝุ่นสีแดงที่เกิดจากถนนดินแดงเลยสักครั้ง วันแรกที่ได้ย้อนเวลากลับมาเธอถึงกับสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปจนสำลักและแสบค
“ป้าคะ ลุง อยู่บ้านกันหรือเปล่า”วงเดือนโผล่หน้าออกมาจากชานเรือน เมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนเรียกอยู่ที่หน้าบ้าน เธอก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ “แก้ว กลับมาแล้วเหรอ ขึ้นมาบ้านก่อนเร็วแดดกำลังร้อน”หลังจากตื่นนอนวันนี้ พิริยาได้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน อย่างน้อย บ้านน้อยหลังนี้ก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเธอ ถึงแม้จะยังไม่รู้สึกคุ้นชินนักแต่เธอก็อยากจะลองปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตตอนนี้ให้ได้ เผื่อจะมีลู่ทางที่ดีเพิ่มขึ้นในอนาคตเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและจริงใจของวงเดือน เธอรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาที่อก บางทีชีวิตที่กำลังดำเนินต่อไปของเธออาจไม่ได้แย่เกินไปนักก็ได้ พิริยาส่งยิ้มพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรังเดินขึ้นบ้านไป“หิ้วอะไรมาเยอะแยะ”“ของฝากค่ะป้า ลุงกับไทยไม่อยู่บ้านเหรอคะ”“ลุงเขาไปทำงานในไร่ ส่วนเจ้าไทยไม่รู้ไปซนที่ไหน หายหัวไปตั้งแต่กินมื้อเช้าเสร็จ ดีว่าอาทิตย์หน้าเปิดเทอมแล้ว”“นี่ค่ะของฝาก ถุงเล็กนี่เป็นขนมของไทย ส่วนที่เหลือของลุงกับป้านะคะ&