เข้าสู่ระบบและแล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง
"พวกแกกำลังเล่นพิเรนอะไรกัน วันประถมนิเทศเจ้าวันก็ให้ฉันไป แล้วนี่บอกว่าจะไปทำงานเป็นพนักงานในคาเฟ่ของฉันอีก งานบริหารมีไม่ทำพากันมาทำอะไรกันห้ะ ตาต่ำสิ้นดี " คุณย่ายังสาวแม่ของดีที่พึ่งกลับจากงานประถมนิเทศหลานชายคนโตเชิดหน้าเรียวนั่งไขว่ห้างในคาเฟ่หรูห้องส่วนตัว ตรงข้ามมีสองชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์ไม่ต่างจากเด็กมหาลัยในเมืองกรุงหากไม่บอกว่ามีลูกสามคนก็คงไม่มีใครรู้ "ขอโทษที่รบกวนนะครับคุณย่าน้องวันทูทรีแต่ลูกชายคุณแม่บอกว่าเราสองคนสภาพเหมือนกุ๊ยเกินไป ก็เลยต้องขอร้องให้คุณย่าไฮโซไปแทนไงครับ" แมนยิ้มกว้างตอบแม่สามีพลางยกเครื่องดื่มราคาแพงขึ้นดื่มพรวดๆ ทำตาเป็นประกายเพราะได้กินของแพงของแม่ผัว "ฉันชอบให้หลานเรียกว่าคุณย่านะ แต่กับนายน่ะไม่ต้อง" แม่สามีเบะปากใส่ภรรยาตัวโตของลูกชายกับท่าทางยียวนใบหน้าทะเล้นไม่ว่าจะครั้งแรกที่เจอกระทั่งปัจจุบันแม่ของหลานชายสุดที่รักก็ไม่เคยทำตัวเข้าตาสักครั้ง "ฉันกอดหอมหลานฉันตลอดเวลานั่นแหละ ไม่เหมือนพวกนายแสดงความรักก็ไม่เป็นพูดก็ไม่เก่ง แล้วยังจะท้องตอนเรียนไม่จบอีก" ชายร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมผ้าพริ้วนั่งไขว่่ห้างเอ่ยเสียงหยันกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนตัวร้าย ท่าทางที่คนเป็นลูกอย่างดีเคยชิน ทั้งสีหน้าคำพูดดูถูกของแม่ไม่่สามารถทำให้เมียเถื่อนอย่างแมนร้องไห้เสียใจแบบนางเอกในละครได้ เพราะมันยัดขนมใส่ปากไม่สนใจใครอยู่ "แม่~" ดีมองหน้าเรียวเอ่ยเสียงอ่อนหวาน "เจ้าดีไม่ต้องมาเรียกฉัน" คุณแม่สะบัดหน้าใส่ลูกชายคนเดียวที่ไม่เคยได้ดั่งใจ ยังดีที่บ้านของแมนก็รวยไม่งั้นคงได้มีฉากแม่ผัวจ้างลูกสะใภ้ให้เลิกกับลูกชายด้วยเงินสิบล้านเป็นแน่ "คุณแม่หอมหลานก็เหมือนหอมผมน้า~" "นี่!..แล้วเรื่องทำงานนี่ล่ะความคิดของใคร" "ผมเองครับ ผมกับลูกชายคุณแม่ยอมออกมาทำงานแม่จะได้เลิกบ่นไง ดีป้ะ~" แมนยิ้มแฉ่งยกมือขึ้นแสดงตัว "พอดีแมนมันสงสัยว่าน้องวันจะ..มีคนคุยน่ะครับ" ดีอธิบายให้คนเป็นแม่เข้าใจ แต่คนอายุมากกว่าไม่เข้าใจ "คนคุยคืออะไร ทำไมจะคุยไม่ได้" "คุยได้ครับ แต่อาจจะคุยกันมากไปหน่อยไปถึงในห้องขนาดผมกับลูกชายคุณแม่ไม่ได้คุยกันยังมีหลานให้คุณแม่ตั้งสามแหน่ะ" แมนเอ่ยคำกำกวมแสร้งทำหน้าเศร้า "เจ้าวัน..มีแฟนเหรอ?" ตาโตของคุณนายเบอร์ใหญ่เบิกกว้างถามขึ้นด้วยความตื่นตระหนกจ้องหน้าลูกชายเขม็ง ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าเรียบเนียนแต่มือกลับประสานเข้าด้วยกันอัตโนมัติ ดีรู้ดีว่าแม่ตัวเองกำลังเครียด แม่ผิดหวังกับลูกชายมากแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีพยายามลืมมันและเลี้ยงหลานชายทุกคนมาอย่างดีเพื่อชดเชยความผิดหวังเมื่อเอ่ยถึงรักในวัยเรียนคุณย่าก็เจ็บอกขึ้นมาทันที "แมนมันแค่สงสัยก็เลยมาตามดูนี่ไงไม่อยากให้มีแฟนตอนเรียนเดี๋ยว..แม่จะว่าพวกผมไม่ดูลูกอีก" "อย่างแกกับเมียเนี่ยนะอยากจะคอยดูลูกใกล้ชิดติดหน้ารั้วโรงเรียน..โดนใครตีหัวมาหรือเปล่า" แม่ของดีเลิกคิ้วมองเมียลูกชายที่ยังเหมือนเด็กมัธยมในวันที่เดินมาบอกกันว่าท้องไม่เปลี่ยน คนที่เปลี่ยนอนาคตลูกชายที่หวังจะให้เรียนการบริหาร วางแผนไปถึงการเรียนต่อต่างประเทศ แต่ทุกอย่างก็จบลง "โดนสากตี~" แมนกำสากที่ว่ากล่างหว่างขาของดีใต้โต๊ะพลางกัดปากขยิบตาใส่แม่ผัว "อะไรนะ" "ไม่มีอะไรหรอกแม่ ผมทำที่นี่นะถือว่าฝึกงานไปด้วยเผื่อโตขึ้นจะเปลี่ยนความคิดไปช่วยงานที่บริษัทไง" "หึ่ อยากทำอะไรก็ทำแต่อย่าให้เมียแกขโมยของในร้านนะเข้าใจไหมเด็กต้องเช็คบัญชีทุกวันถ้าของหายฉันจะหักเงินนาย" คุณแม่สามีจ้องลูกสะใภ้เขม็งเพราะเจอฤทธิ์เมียลูกชายหลายต่อหลายครั้งจนเอือมระอาแต่เหมือนแมนจะแกล้งมากกว่าทำจริง "ค้าบคุณย่าคนสวย อ้อผมขออีกเรื่องนะครับอย่าบอกพนักงานว่าเราเป็นอะไรกันนะครับ" "ฉันไม่บอกหรอก ที่โรงเรียนหลานฉันยังไม่บอกเลยว่าพ่อแม่เค้าอายุแค่ 28 น่าขายหน้า" "ขายได้กี่บาทครับแบ่งผมบ้างสิ~" "นี่!!" "มึงก็ไปกวนเค้า" .. .. โรงเรียนมัธยมเปิดเทอมมาสักพักแล้ว สองผัวเมียเองก็เริ่มต้นการใช้ชีวิตแบบใหม่ด้วยการมาทำงานที่คาเฟ่หน้าโรงเรียนอินเตอร์เหมือนกัน คนไม่เคยทำงานคล่องแคล่วกว่าที่คิด ดีได้ทำงานเป็นรปภ. กะเช้านั่งเล่นเกมอยู่ในตู้ยามติดแอร์แต่แคบไปสักหน่อย สายตาคู่คมมองปราดเดียวก็จดจำทะเบียนรถสีรถหน้าตาผู้คนที่เข้าออกได้อย่างแม่นยำ ส่วนแมนเป็นพนักงานแคชเชียร์ในคาเฟ่เครื่องดื่มและเบเกอรี่ ทีแรกกะจะหยิบเงินแม่สามีมานับเล่นแต่คุณนายให้คนมาติดกล้องจ่อหน้าแคชเชียร์ตรงหน้าเลย หลบไปไหนก็ไม่ได้และคิดเงินคล่องแแคล่วแม่นยำสมกับที่เป็นลูกชายที่แม่มีร้านสะดวกซื้อ กลัวอะไรกับอีแค่ลูกสะใภ้แสนดีมาช่วยธุรกิจ พ่อแม่ของดีลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และแบรนด์เฟรนไชส์ไฮเอนที่มีชื่อเสียงร่ำรวยมากไม่ต่างกับครอบครัวของแมน เป็นลูกชายที่ไม่อวดทรัพย์สินของพ่อแม่เหมือนกัน ลูกคนรวยบางคนก็มีนิสัยนี้ 'โหลๆ โหลๆ ภรรยาเรียกสามี ๆ' แมนใช้โทรศัพท์ทำเป็นวอเรียกสามีที่อยู่นอกร้านแม้นลูกค้าในร้านจะเต็มแทบจะตลอดเวลาแต่แคชเชียร์จำเป็นก็โทรถามสามีเรื่องลูกตลอดเวลาเช่นกัน แถมยังคิดเงินถูกต้องเป๊ะไม่ต้องทวนซ้ำแค่มองผ่าน สมกับเป็นลูกชายร้านสะดวกซื้อที่ชอบไปขโมยของแม่ตัวเองกิน? 'เรียกทำเหี้ยอะไรทำงานไป' 'ถ้ามึงไม่ตอบกูกูจะเข้าไปข่มขืนมึงในป้อมยาม' 'มีอะไร?' 'เห็นลูกป้ะ' 'มึงถามทั้งวันเลยนะ' 'ไม่เดินออกมาบ้างเหรอ?' 'ไม่..เห็นละพึ่งเดินออกมาจากโรงเรียนกับเด็กนั่น' 'เฮ้ย ไปไหน' 'ไปทางสยามแสควร์' 'ไปทำไม นี่โดดเรียนเหรอ!' 'โรงเรียนนี้เลิกเรียนเร็วไม่อ่านกฎโรงเรียนเหรอ' 'กูจะตามไปดู' 'ไอ้แมน!' มอหนึ่ง..มอหนึ่งเองนะ ตอนมอหนึ่งยังเดินคนเดียวไม่กล้าพูดไม่กล้าคบใคร ถูกแกล้งอยู่คนเดียววนๆ อยู่แบบนั้นตลอดมอต้น แล้วทำไมวันถึงไปกับไอ้หล่อนั่นง่ายๆ ละลู้ก! โอ๊ะ! ร้านไอติมราคาแพง นี่ลูกเปย์ผู้ชายด้วยของราคาแพงขนาดนี้เลยเหรอ...ฮึ้ก~ทำไมไม่เลี้ยงไอติมยี่ห้อนี้กับแม่บ้าง อยากจะร้องไห้ …ไม่ได้สิจะมัวเสียใจได้ยังไงปฏิบัติการขัดขวางการปฏิสนธิเริ่มได้!"แมนทำหน้าดีๆ หน่อยลูกชายคนแรกของเรากำลังจะแต่งงานนะ"พ่อของลูกชายทั้งเจ็ดบีบแก้มคนหน้าบึ้งเบะปากมองชายหนุ่มร่างสูงในชุดเจ้าบ่าวลูบผมลูกชายด้วยท่าทางหมั่นไส้เต็มขั้น"แต่งได้ก็เลิกได้คิดว่าโรแมนติกมากมั้งถ่อมาไกลถึงทะเลลมก็แรงมีแต่กลิ่นเกลือใครมันเป็นคนเลือกสถาณที่เนี่ย สิ้นคิดชะมัด" แมนบ่นอุบสะบัดหน้าให้หลุดพ้นเงื้อมมือพ่อของลูก"พี่วันไงพี่วันชอบทะเล" ทูถือไอติมยื่นให้แม่กับพ่อพลางตอบคำถามตัวแม่ แมนหุบปากฉับย่นจมูกอย่างขัดใจแต่แอบเนียนงับไอศกรีมผัวเพราะอยากชิม"อ้าวไม่ใช่หมอนั่นเลือกเรอะ""เรียกลูกเขยให้มันเหมือนชาวบ้านหน่อย""เช๊อะ...ทะเลก็สวยดีดูพระอาทิตย์ตกดินนั่นสิ""เปลี่ยนสีเป็นกิ้งก่าเลยนะ" ดีว่าให้เมียตัวร้ายที่เดินไปสมทบกับปู่ย่าตายายเพื่อหาเหล้าฟรีดื่มแสงสุดท้ายของวันทอดตัวเหนือผิวน้ำ กลืนเข้ากับท้องฟ้าสีทองอ่อนจนแทบมองไม่ออกว่าทะเลเริ่มตรงที่ใดลมเย็นพัดผ่านกลิ่นเค็มจาง ๆ กับกลิ่นดอกลิลลี่ขาวที่ประดับเรียงรายตลอดทางเดิน ผืนผ้าสีงาช้างพลิ้วเบาอยู่เหนือพื้นทราย ทุกอย่างดูเรียบหรูมีรสนิยมบ่งบอกตัวตนความเป็นคนรวยของทั้งสองตระกูลได้เป็นอย่างดีเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะ
วันนี้ตัวแม่หมกมุ่นอย่างหนักกับคำว่ารักของลูกเขย เหมือนคนขี้อิจฉาผสมปนเปกับความไร้เดียงสาบวกกับความร้ายเดียงสาของแมนทำให้คนดีถามเมียขึ้น “มึงอายุเท่าไหร่นะไอ้แมน” “เอ่อ..น้องวันอายุเท่าไหร่น้า อ่าา..อื้มม?” เมียไม่เคยจำอะไรเกี่ยวกับตัวเลขได้ ไม่ว่าจะเลขอะไรยิ่งมีลูกเยอะก็จำวันเกิดสลับมั่วไปหมดแทบจะเป่าเค้กทุกเดือน “มึงแก่แล้ว” “เออแล้วไงตูดแก่ๆ จะมาเอาอะไรกับกู” “วุ่นวายไปหมดตั้งแต่เด็กยันแก่ กูไม่รู้ รักไหมไม่รู้แต่จะเอาถอดกางเกงเดี๋ยวนี้!” “เจ้าเซเว่นอายุเท่าไหร่นะ?” “ถามทำไมอี้กมึงเป็นโรคความจำเสื่อมเร๊อะ!” “ก็กูสงสัยไอ้เด็กนั่นมันพูดออกมาด้วยความรู้สึกแบบไหน มันรู้สึกยังไงตอนพูดออกมา มันพูดจริงไหมหรือโกหกเก่ง แต่น้องวันบอกว่ามันดี โอยปวดหัว” “ทีเรื่องตัวเองไม่เห็นมึงจะคิดอะไรท้อง..แพ้ท้อง..แม่ด่า..พ่อไม่คุยด้วยไม่เห็นมึงจะเป็นอะไร” “ลูกรักของข้า น้องวันของข้า มหาสมบัติของข้า” “มึงบ้าไปแล้วไอ้แมน” “มึงสิบ้ากามถอดกางเกงกู” “สาดน้ำใส่สักทีสองทีมึงก็กลับมาร่าเริงเหมือนคนบ้าได้แล้ว” “กูไม่มีแรงมึงตอกมาเลยกูรับบทคนโดนข่มขืนเอง” “เอาหมอนปิดหน้ามึงไว้ได้มั้ยไม่อยากฟังมึงบ่
ตึกดึกคืนนั้น เงาดำตะคุ่มๆ คืบคลานเข้ามายังหน้าห้องหนึ่งซึ่งปิดป้ายเตือนไว้ยาวเหยียด ห้องที่ชื่อ Daddy ฝรั่งจ๋ามาแต่ไกล บรรทัดต่อมาเตือนว่าให้เคาะห้องตามลำดับการเกิดพ่อจะได้รู้ว่าใครจะมาหาเรื่องอะไร คนที่รู้ว่าลูกแต่ละคนจะมีเรื่องคุยแบบไหนมาหาเพราะอะไรนี่มันช่างเป็นสุดยอดคุณพ่อเสียจริง แต่ร่างตรงหน้าประตูไม่ได้เคาะมันแต่อย่างใดกลับบิดเปิดเข้ามาแผ่วเบาคืบคลานขึ้นมาบนเตียงกว้างคลานคล่อมร่างกำยำไร้อาภรช่วงบนปกปิดอวดกล้ามเนื้อแน่นหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คุณพ่อเพียงหนึ่งเดียวในบ้านนอนหลับสนิทโดยไม่รู้เลยว่ามีภัยคุกคาามคืบคลานคล่อมร่างตนเองและจ้องเขม็งมายังวงหน้าหล่อเหลายามนิทรา สิ่งนั้นเปล่งเสียงท่ามกลางความมืดออกมาว่า! “ไอ้ดี” “..ว่า” ไม่ต้องลืมตาขึ้นมามองก็รู้ว่าใครที่เข้ามาห้องคนอื่นโดยพละการคลานขึ้นเตียงมาตัวขาวโพลน คนที่ไร้มารยาทที่สุดในบ้านและคาดหวังว่ามันจะดีไปกว่านี้ไม่ได้ อีเมียตัวดี “มึงรักกูมั้ย?” คำถามที่มาพร้อมความรู้สึกหยาบกร้านแสบสันไร้ความอ่อนโยนเหมือนกระดาษทรายเบอร์ 88 ทำเอาคนตัวโตขนลุกซู่จนต้องท้าวแขนผงกตัวขึ้นมาเปิดไฟหัวเตียงด้วยใบหน้านิ่งสนิทหรี่ตามองคนร่างควาย
ตอนแนะนำตัวกับครอบครัววันครั้งแรก ดีกันคิดว่าคงเป็นแค่ทักทายธรรมดาแต่ไม่… มันคือการเจอกองทัพทั้งเจ็ด…อย่างกับสโนว์ไวท์แน่ะเขายืนหน้าประตูบ้าน ยิ้มสุภาพเหมือนคนดูมีมารยาท ทันใดนั้น ฝูงน้อง ๆ ก็กรูเข้ามาเหมือนเจอดารา“สวัสดีพี่ดีกัน!”“หวัดดีพี่ดีกัน!”“หวัดดีจ้าพี่ดี~!”“เฮลโหลวพี่กันดี เอ้ย ดีกัน!”“ไงพี่กัน!”“โย่วพี่ดีกัน!”เสียงทักดังรัวเหมือนยิงปืนกล“สวัสดีน้องๆ”ใช่ครับแฟนผมมีน้องพ่อแม่เดียวกันมากถึงหกคนรวมแฟนผมเป็นเจ็ดคน…เขากวาดตามองแถวเด็กที่ยืนเป็นระบบระเบียบกว่าทหารเกณฑ์ลูกดกขนาดนี้นี่คือบ้านหรือเครื่องถ่ายเอกสาร?“ลูกดกมาก…” ดีกันกระแอมห่างกันปี สองปี สามปี สูงไล่เลี่ยกันหมด…หน้าตาดีทั้งบ้าน เพราะพ่อแม่หน้าตาดีมากด้วย“ใครให้อินดีกว่านี้มั้ย…ตั้งใจปั๊มลูกอย่างมีระบบมากเลยนี่นา~”น้องซิกยกมือทันที “พ่อบอกว่าอยากครบสิบ!!”ดีกันช็อกจนแทบหยุดหายใจวันตบบ่าเขาเบา ๆดีกันหันมองคนข้างตัวช้า ๆ“…วันอยากมีลูกกับฉันแบบนี้ไหม”วันชะงักเแต่น้องๆ หัวเราะกร๊าก"อยู่บ้านกันหมดเลยเหรอ" ดีกันกวาดตามองรอบบ้านใหญ่ที่เต็มไปด้วยรองเท้ากองหน้าประตู เหมือนทุกคนในจังหวัดนัดกันมาที่นี่"ช่าย นี่
(วัน) หลายปีผ่านไปครอบครัวของผมใหญ่ขึ้นเพราะน้องๆ โตขึ้นเรียนชั้นสูงขึ้นแยกย้ายกันเรียนในสายที่ชอบแต่ไม่ไกลบ้านนัก ผมอยู่คอนโดลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลำพังเสียทีเดียว ก็คุณแมนไปอ้อนคุณยายให้ซื้ออีกห้องชั้นล่างสุดน่ะสิไม่รู้มีแผนอะไรชอบไปตีสนิทกับยามและแม่บ้าน ก็คงเล่นเป็นสายลับเหมือนเดิมเกิดเป็นลูกคนอย่างพ่อกับแม่ไม่ง่ายเลยนะเหมือนเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน หลายครั้งก็อยากจะดุด่าให้สำนึกจริงจังสักทีว่าทำไมไม่ใช้ชีวิตให้ดีกว่านี้ แต่พอโตขึ้นก็นึกขอบคุณที่เขาไม่ตามกระแสยังคงความเป็นตัวของตัวเองแบบมนุษย์ที่มีความแตกต่างได้แทบจะร้อยเปอร์เซ็นที่รู้สึกแบบนั้นเพราะส่วนหนึ่งเห็นครอบครัวคนรักอย่างดีกันเคร่งครัดกับการใช้ชีวิตมากไปหน่อย ยามอยู่ห่างกันคนตัวโตทำท่าจะเป็นจะตายเพราะงานที่บ้านชวนให้อึดอัด พอกลับมาเจอก็อ้อนอยากกอดตลอดเวลาเหมือนเด็กๆ ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบ้านให้ดีกันคอยพักพิงไปเสียแล้ว“เหนื่อยจังไม่อยากทำงานแล้ว”คนตัวสูงรูดเนคไทออกจากลำคอแกร่ง นักบาสคนเก่งกลายร่างเป็นนนักธุรกิจหนุ่มขึ้นทุกวัน ใกล้เรียนจบมหาวิทยาลัยเพื่อนคนอื่นมีแพลนเรียนต่อต่างประเทศเริ่มธุรกิจอย่างที่อยากทำ
เสียงวันสวนกลับทันที พ่อแม่เงียบไปสามวินาทีก่อนระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน“อู้วว เสียดสีเหลือเกิ๊น” แมนยกมือกุมอกแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวดพลางเอนพิงโซฟา “ไปนอนด้วยได้มั้ย เดี๋ยวเหงา”“ไม่เอาอ้ะ” วันพูดเสียงเนือยตัดบททันควัน “ให้อยู่กับคุณ เอาน้องห้าคนไปอยู่ด้วยดีกว่า”“อะไรอ้ะ~” แม่ทำเสียงสูงทันที ส่วนเจ้าแฝดเริ่มหัวเราะคิกคัก“ผมไปอาบน้ำนอนละ อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวน้องเลียนแบบ” วันพูดก่อนเดินขึ้นห้องไป“อะไรอ้าาาา~”เสียงแม่แมนลากยาวตามหลัง ส่วนพ่อดีก็หัวเราะหึในลำคอเบา ๆ เหมือนจะบอกว่าบ้านนี้…เงียบได้สักวันคงปาฏิหาริย์แล้วล่ะ“มึงดูลูกสิ”แมนทำหน้ายู่ชี้นิ้วไปทางห้องลูกชายคนโตแตสามีเพียงยิ้มให้พลางเทน้ำส้มลงแก้ววางลงตรงหน้าคนท้อง “ดูทำไม ลูกจะเรียนจบมอหกแล้ว โตมาอย่างมีคุณภาพ อาจจะกดดันตัวเองมากไปหน่อย แต่ก็ผ่านมาได้โดยไม่ทะเลาะกัน”“ใครจะกล้าทะเลาะด้วยวะ ดุจะตาย” แม่แมนหัวเราะในลำคอ นึกถึงสายตาคม ๆ ของลูกชายที่เหมือนแม่ตัวเองไม่มีผิดดีหัวเราะเบา ๆ “ดีจริง ๆ มีลูกคนแรกมากำราบความดื้อด้านของตัวเองอีกที”“นี่กูคิดถูกไหมเนี่ย ที่ปล่อยให้มีลูกมากขนาดนี้” แมนพูดพร้อมยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบเหล







