ต้น ต้นคิด หนุ่มเนิร์ดคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 4 ที่แอบรักเพื่อนสนิทตัวเองอย่าง กร ภากร เพื่อนคณะเดียวกันมาตั้งแต่ปี 1 แต่เพราะความเป็นเพื่อนเขาเลยเก็บงำความในใจนี้มานานแต่พอคิดจะตัดใจ ทั้งสองกลับพลาดท่ามีสัมพันธ์กันในชั่วข้ามคืน แต่แทนที่กรจะหมางเมินมันไป กลับทำตัวติดหนึบจนเป็นต้นที่ชักเริ่มรำคาญ เพื่อนน่ะกรมีเยอะแล้ว แต่เมียขอต้นคิดแค่คนเดียว
View Moreสวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ
ไรต์ขอฝากเรื่อง “เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก”
ผลงานของนามปากกา “เธียรนรา”
เป็นนิยายเรื่องที่ 4 ใน SET คลั่งรัก ดังนี้ค่ะ
เรื่องที่ 1 อคิราห์คนคลั่งรัก (คิณ x นิดา)
เรื่องที่ 2 คลั่งรักคุณนักแข่ง (วิ x ธีร์)
เรื่องที่ 3 เด็กของรามิล (มน x มิล)
เรื่องที่ 4 เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก (กร x ต้น)
เรื่องที่ 5 **ขอเก็บไว้ก่อนนะคะ**
🌈 สำหรับเรื่องนี้เป็นนิยายวาย เรื่องราวระหว่างเพื่อนสนิทที่ก่อตัวจากความใกล้ชิดจนเกิดเป็นความรักที่ทำให้ยุบยิบหัวใจ 🌈
มาทำความรู้จักตัวละครกันหน่อยนะคะ
พระเอก
กร ภากร
ทายาทของเจ้าของแบรนด์โทรศัพท์ชื่อดัง ตอนนี้เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 4 สูง 180 ซม.
เป็นหนุ่มเฟรนด์ลี่ ขี้เล่นแถมยังสายเปย์สุด ๆ คนนี้เป็นเหมือนเป้าหมายของสาว ๆ ที่อยากมีแฟนสายซัปพอร์ตพร้อมเปย์ จนหัวกระไดไม่เคยแห้ง
นายเอก
ต้น ต้นคิด
พ่อเป็นหมอ แม่เป็นพยาบาล เขาเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 4 สูง 175 ซม.
หนุ่มเนิร์ดสมชื่อ ที่สวมแว่นตาสี่เหลี่ยมไว้ตลอดเวลา เรียบร้อย สุขุม ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่ว่ากันว่าฉลาดเป็นกรด ตัวท็อปของรุ่นมันสมองของกลุ่ม
สปอยล์กันสักหน่อย
“ไอ้ต้นนั่งข้างไอ้กรนะ ช่วยมันดูแผนที่หน่อย กูจะงีบสักนิด” ธิดาว่าก่อนจะดันให้ผมไปข้างหน้าเพื่อขึ้นประตูข้างที่นั่งคนขับ
“ยืนบื้ออะไรขึ้นรถดิ” ผมหลุดออกจากภวังค์เมื่อกรที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับเรียกผมให้ขึ้นไปนั่ง ผมโน้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับก่อนจะปิดประตูลงเบา ๆ “เปิดพิกัดที่ธิดามันส่งมาในกลุ่มให้หน่อยดิ”
“ไหนมึงบอกว่ามึงรู้ทางไง”
“มึงจับผิดกูเพื่อ หลงขึ้นมาธิดาบ่นหูชานะบอกเลย”
“แล้วมึงเอาหน้ามาใกล้กูทำไม”
“กัดกันอยู่นั่นจะได้กินไหมข้าว หรือพวกมึงสองคนจะไปกินกันเองก่อน” ทั้งผมและกรต่างหันขวับไปมองทางหญิงสาวที่นั่งกอดอกอยู่บนเบาะหลัง
“พูดอะไรเนี่ยกูขนลุกหมดละ” กรว่าก่อนจะหันกลับไปจดจ้องอยู่ที่ถนนเบื้องหน้าแล้วขับออกไปจากลานจอดรถของคณะทันที
-------------------------------------------
“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” คงใช้นิยามความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ เพียงเพราะพลาดพลั้งใจเต้นระรัวเพียงครั้งเดียวกลับทำให้เพื่อนสนิทอย่าง “ต้น” คิดไปไกล แต่พอคิดจะตัดใจความเมามายดันพาทั้งสองกลับมาใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้อ
-------------------------------------------
“ทำไม ว่าที่ท่านประธานจะยัดกูเข้าไปอยู่แผนกไหนเหรอ” ผมกล่าวแซวอย่างไม่คิดจริงจังเพราะยังไงผมก็คงจะยังไม่ได้ทำงานเร็ว ๆ นี้แล้วก็คงไม่คิดจะทำงานบริษัทเดียวกันกับไอ้กรด้วย เหตุผลง่าย ๆ ก็คือเบื่อหน้ามัน
แต่อีกไม่กี่เดือนผมก็ต้องไปเรียนต่อแล้วยังไม่รู้จะพูดกับมันยังไงดี
“แผนกเมียท่านประธาน”
🐯 🐯 🐯 🐯 🐯
©สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และฉบับเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ เลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยมีลายลักษณ์อักษร การกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
นิยายเรื่องนี้ไม่มีนอกจากนอกใจ เสิร์ฟแต่ความคลั่งรักให้ได้ฟิน ใจเหลว สมองไหลไปตาม ๆ กันค่ะ และหวังว่าความสัมพันธ์ของต้นกับกรจะสร้างความสุข ความบันเทิง และความหวานฉ่ำ ให้กับทุกท่านไม่มากก็น้อยนะคะ
นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของนักเขียนเอง ตัวละคร สถานที่ ไม่ได้อ้างอิง หรือพาดพิงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้
🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀🥀
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาให้กำลังใจนิยายเรื่องนี้ สามารถคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะคะ
อย่าลืม!!! หากชื่นชอบผลงานอย่าลืมกดหัวใจและกดรีวิวหนังสือด้วยนะคะ
🌈🌈 🌈🌈 🌈🌈
“เป็นไงบ้าง” ไอ้กรเดินเข้ามาถามผมหลังจากที่ผมเดินออกมาจากบริษัทหนึ่งหลังจากที่เขานัดมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งผู้จัดการ ผมช้อนสายตามองมันก่อนจะถอนลมหายใจออกมายังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้กรก็พูดแทรกขึ้นก่อน “ถ้าเขาไม่รับหรือพูดจาไม่ดีมึงก็ไม่ต้องทนนะคนอย่างมึงไม่จำเป็นต้องของานใครทำด้วยซ้ำขอเงินกูก็พอแต่ถ้าอยากทำงานมาทำงานกับกูก็ได้” “กร ใจเย็น” ผมรีบยกมือห้าม “กูอยากทำงานที่บริษัทนี้มากมึงก็รู้” ผมบอกกรหลายครั้งแล้วว่าผมอยากทำงานที่นี่เพราะเป็นเกี่ยวกับบริษัทวิจัยเครื่องมือทางการแพทย์ซึ่งผมก็สนใจเอามาก ๆ เพราะถือว่าเป็นงานที่มีน้อยมากและเป็นรายใหญ่ในประเทศ หลังจากที่เรียนจบมาผมเลยรีบร่อนใบสมัครมาในทันที “กูรู้ แต่ถ้าเขาไม่อยากร่วมงานกับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องร่วมงานกับเขา” “แล้วใครเขาไม่อยากร่วมงานกับกู” ผมเลิกคิ้วมองแฟนหนุ่มที่แสดงสีหน้ากังวลออกมา กรขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย “สรุปคือมึงได้งาน” “เออดิ” “...” มันอึ้งจนแทบพูดไม่ออกไม่แสดงสีหน้าอะไรนอกจากอ้าปากค้าง “ไม่ดีใจกับกูหน่อยเ
“ขับรถเล่น ค่ำไหนนอนนั่นสามวันสองคืน” มิลทวนประโยคหลังจากที่ธิดามาเล่าไอเดียบรรเจิดให้พวกเราฟังว่าอยากให้พวกเราพากันขับรถเล่นไปเรื่อย ๆ เที่ยวแถวชายหาด นอนดูดาวหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน “ต้อนรับต้นกลับมาไง พวกมึงไม่ดีใจกันเหรอ” ธิดาว่า “ไปกันแค่พวกเราห้าคนไง” “มึงแน่ใจนะว่าแฟนมึงจะไม่ว่า” ผมเอ่ยถามเพราะต่อให้พี่คุณแฟนธิดาจะสนิทกับพวกเรามากก็จริงแต่การที่แฟนจะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายทั้งกลุ่มไม่รู้ว่าจะเหมาะสมหรือเปล่า” “สามีจ้ะ แต่งแล้วเรียกสามีได้เนอะ” เพื่อนสาวชูโชว์นิ้วนางข้างซ้ายที่มีแหวนเพชรสะท้อนแสงเข้าตาจนต้องหรี่ตามอง “พี่คุณไม่ว่าอะไรหรอกมีกูไปด้วยแถมให้เงินค่าเปิดโรงแรมมาอีก” คิณอธิบาย “ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ ต้นไปอยู่ต่างประเทศนานให้มาเที่ยวเมืองไทยบ้างก็ดีเหมือน กันมึงว่าปะ” กรหันมาถามความคิดเห็นจากผม ซึ่งถ้าจะให้ผมตอบผมก็คงจะยินดีที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ แต่ว่าช่วงนี้ผมค่อนข้างจะสับสนกับเวลาหลังจากที่ไปอยู่คนละไทม์โซนมาทำเอาผมสามารถหลับได้ทุกที่เลย “กูเจ็ตแล็กว่ะกลัวไปเที่ยวไม่สนุกจะ
หนึ่งปีต่อมา และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันที่ผมจะได้กลับไทยสักทีถึงแม้จะกลับไปชั่วคราวเพราะงานรับปริญญาแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กลับเลยล่ะวะ ไอ้กรมันบ่นทุกวันว่าพยายามจะเคลียร์ตารางงานมาหาผมให้ได้แต่มันก็ยุ่งเสียเหลือเกิน การจะลามาต่างประเทศแค่สองสามวันมันไม่พอจริง ๆ ผมเลยบอกมันว่าไม่เป็นไรยิ่งมันได้ขึ้นมาเป็นรองประธานคณะกรรมการฝ่ายบริหารด้วยแล้วยิ่งปลีกตัวไม่ได้เข้าไปใหญ่ บทบาทหน้าที่สูงขึ้น ความรับผิดชอบก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา หลังจากที่ผมนั่งเครื่องมาเกือบครึ่งวันในที่สุดผมก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเสียที ผมก้าวเดินออกมาตามทางเดินด้วยหัวใจที่ฟูฟ่องเตรียมที่จะได้พบหน้ากับคนรัก กรมันบอกว่ามันจะเป็นคนมารับผมเอง ผมเลยตั้งหน้าตั้งตารอเป็นพิเศษ “กร” ผมเรียกชื่อของอีกฝ่ายเบา ๆ จากด้านหลัง เจ้าของชื่อค่อย ๆ หันมาช้า ๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อสบตาเข้ากับผม “ต้นคิด” มันเข้ามาสวมกอดผมเอาไว้อย่างแนบแน่นแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดอยากกอดมันแน่นยิ่งกว่านี้เสียอีก “กูคิดถึงมึงมากเลย” มั
แค่ถูกมันสัมผัสผมก็อารมณ์กระฉูดจนเกินจะต้านแล้ว “มองค้างขนาดนี้ อิจฉากูหรืออยากได้กู” ผมช้อนสายตาขึ้นไปมองมันด้วยดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยม่านน้ำตา ไม่รู้ว่ามันดูเย้ายวนหรือเปล่าแต่ความรู้สึกของผมตอนนี้ ผมเหมือนผู้ชนะที่ได้มันมาครองเลยแฮะ “มึงมากกว่ามั้งที่อยากได้กู” ผมถอดเสื้อของตัวเองออกก่อนจะโยนไปกองไว้ข้าง ๆ โซฟาจากนั้นก็รั้งท้ายทอยของมันให้ลงมาจูบกับผมอีกครั้ง รสจูบในครั้งงนี้ร้อนแรงราวกับลาดน้ำมันลงบนกองเพลิงที่โหมกระหน่ำจนไม่มีสิ่งใดมายับยั้งได้ ไอ้กรไม่รอช้าอีกต่อไปมันลูบไล้ตามลำตัวของผมอย่างหลงใหล บีบหน้าอกบ้าง บีบสะโพกบ้าง แล้วก็ใช้นิ้วเขี่ยเม็ดบัวจนผมเผลอกระตุกแล้วปล่อยเสียงครางออกมา “คืนนี้กูจะกินมึงทั้งคืนเลย เตรียมตัวไว้เถอะ” มันว่าก่อนจะรีบกระชากกางเกงขาสั้นของผมออกโดยไม่รีรออะไรอีกต่อไป ราวกับประโยคเมื่อกี้มันแค่แจ้งให้ทราบไม่ได้ให้ผมร่วมตัดสินใจด้วยเลย มันลุกขึ้นไปถอดกางเกงของมันออกเหมือนกันก่อนจะหยิบกล่องถุงยางขึ้นมาแกะ ผมเอื้อมมือไปแย่งซองถุงยางของมันมาก่อนจะดันให้มันนั่งลงบนโซฟาอย่างเคย
“น้องแพรเขาทำคลิปขอโทษแล้วนะเว้ย” ไอ้กรยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผมดูคลิปแพรที่ยกมือไหว้ขอโทษแล้วก็สารภาพความผิดทุกอย่างออกมาด้วยปากของตัวเอง ถึงแม้มันจะเป็นภาพที่ผมคิดเอาไว้อยู่แล้วแต่พอได้เห็นจริง ๆ ก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย “มึงยังเสียใจเรื่องเด็กอยู่อีกเหรอวะ” “กูพยายามคิดในแง่ดีแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมกูถึงยังรู้สึกผิดอีก” ผมว่าไปตามตรง ในเมื่อแม่เด็กไม่ต้องการอยู่แล้วมันก็คงเป็นทางที่ดีที่สุดที่เด็กจะได้ไม่ต้องเกิดมาลำบากในโลกใบนี้ แต่พอคิดว่าผมมีส่วนด้วยต่อให้จะไม่ได้ตั้งใจมันก็เหมือนตราบาปว่าครั้งหนึ่งผมทำให้เด็กคนนั้นไม่ได้มีโอกาสเกิดมา “เด็กยังตัวเท่านิ้วโป้งอยู่เลยนะเว้ย เขาไม่โกรธมึงหรอก ไม่มีใครโทษมึงเลย เพราะงั้นเลิกโทษตัวเองได้แล้ว” ผมรู้ว่ามันต้องการจะปลอบผมก็เหลือแต่ผมแล้วล่ะที่ต้องปล่อยวาง “เรามาภาวนาให้เด็กไปเกิดในครอบครัวที่ดีกว่านี้กันเถอะนะ” “อือ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันก่อนจะระบายยิ้มออกมาช้า ๆ “ขอบคุณนะที่อยู่ข้าง ๆ กูมาตลอด” “ไม่ให้อยู่ข้างแฟนแล้วจะอยู่ข้างใครเล่า” มันว่าก่อนจะเอื้อมมือมาจิ้มแก้มผมเบ
“พี่ต้นนัดแพรมาทำไมเหรอคะ” หญิงสาวรุ่นน้องเดินเข้ามาหาผมในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอดูมีท่าทีหวาดระแวงผมเล็กน้อยไม่ปากดีเหมือนตอนที่คุยโทรศัพท์กัน “พี่อยากเคลียร์เรื่องโพสต์น่ะ” ผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ หน้าจอมีหน้าโพสต์นั้นอยู่แต่แพรกลับยกยิ้มบาง “โพสต์นี้มันไม่ได้เอ่ยชื่อใครนี่คะ ไม่ได้หมายถึงพวกเราสักหน่อยพี่ต้นจะไปกลัวอะไร พี่ก็รู้นี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เอ๊ะ หรือที่กลัวเพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงคะ” ผมคงประเมินเธอต่ำไปหน่อย ที่แท้เพียงแค่รอจังหวะที่จะสู้กลับเหมือนกัน “อย่าลืมสิว่าพี่เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ เว็บบอร์ดมหา’ลัยก็ต้องลงทะเบียนก่อนจะใช้งานได้ คิดว่าข้อมูลแค่นี้พี่จะเจาะไม่ได้เชียวเหรอว่าใครเป็นคนโพสต์” แพรเริ่มหน้าเสียหลังจากที่ผมพูดจบ “แพรก็แค่อยากได้ความยุติธรรมให้ลูกในท้องแพร ยังไงเด็กในท้องแพรก็ต้องมีพ่อ” แพรเริ่มขึ้นเสียงดังจนคนในร้านเริ่มหันมามองเป็นตาเดียวกัน “พี่ต้นคืนพ่อของลูกแพรมาเถอะนะคะ เห็นแก่เด็กที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูลูกนะคะพี่ต้น” ผมปรายตามองหน้าท้องแบนราบของหญิงสาวที่ยืนอย
Comments