“ เจนไปไหนแล้วล่ะ “ จิรกิตติ์ทำการเก็บจานชามในห้องเสร็จ เดินออกมาก็ไม่เห็นหลานสาวตัวแสบแล้ว เขาจึงหันไปถามกับน้องพนักงาน “ มุกเห็นพี่เจนขับรถออกไปนานแล้วค่ะ แต่ไม่รู้ว่าไปไหนเหมือนกัน พอดีมุกไม่ได้ถามไว้ “ เมื่อได้ยินแบบนั้นคนถามก็พยักหน้าเข้าใจ เจนไปทำอะไรที่ไหนอีกนะ เขาเริ่มจะกังวลแล้วสิ อพาร์ทเม้นท์ แห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากเจระวีคาเฟ่เท่าไหร่นักในห้อง 305 มีร่างของพลอยเจนนั่งอยู่บนเตียง ในมือถือโทรศัพท์ต่อสายหาแฟนสาวที่กำลังจะได้กลายเป็นแค่พี่น้อง [“ ฮัลโหล พี่เจนในที่สุดพี่ก็โทรมา คิตตี้คิดว่าพี่เทคิตตี้ไปแล้ว “] ปลายสายตอบกลับเธอมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงตื่นเต้น “ มาหาหน่อย มีเรื่องจะคุยด้วย ตอนนี้รออยู่ที่ห้องของเรา “ พูดจบเธอก็ตัดสาย เธอไม่อยากจะให้ความสัมพันธ์นี้ไปต่อแล้ว ในเมื่อคนรักไม่ซื่อสัตย์ ก็ควรจะจบ เพราะเรื่องที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้คงไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับหญิงสาวได้เคลียร์ใจแล้วไปต่อได้อีก มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาน้อยๆ ที่หยดลงมาบนใบหน้า บ้านรุณรวี “ คุณเจตมาหรือยังตูน “ จ๊ะจ๋าที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวถามกับแม่บ้านที่เพิ่งเดินออกไปจัดโต๊ะอาหารที่ห้องกิ
“ เมื่อไหร่เจนจะกลับมาเนี้ย “ คนเป็นแม่บ่นหลังจากเอาอาหารมาตั้งโต๊ะหมดแล้วยังไม่เห็นหน้าลูกสาวโผล่มา “ เถลไถลแต่เล็กจนโตจริงๆ ลูกสาวคนนี้ “ แสงรวีเห็นอาการกระวนกระวายของเมียก็รีบร้องปราม “ อย่าไปรอเลย สงสัยคงไม่มาแล้วแหละ มากินข้าวกันเถอะ “ ระหว่างที่ทุกคนกำลังจับช้อนส้อม เสียงมือถือของจิรกิตติ์ก็ดังขึ้น เขาจึงขอตัวลุกจากโต๊ะออกไปรับสาย แต่พอเห็นว่าเป็นเบอร์ใครเขาก็แปลกใจไม่น้อย เพราะหลานสาวคนนี้ไม่ได้โทรหาเขาแบบนี้นานแล้ว [“ ฮัลโหล ถ้าตอนนี้คุณอยู่กับพ่อแม่เจนละก็ รีบเงียบปากไว้เลยนะ “] เมื่อรับสายเขาก็โดนเธอขู่เสียงแข็ง “ ทำไม เป็นอะไรหรือเปล่า “ [“ รถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล “] “ ห๊ะ!!! “ จิรกิตติ์ร้องออกมาด้วยความตกใจ มือไม้สั่นไปหมด [“ อย่าบอกพ่อแม่เจนเด็ดขาดเลยนะ เจนไม่อยากโดนด่า แล้วคุณก็มารับเจนด้วย “] “ ก็ได้ ๆ “ เมื่อหญิงสาววางสายไป จิรกิตติ์ที่ตอนนี้จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวก็รีบวิ่งกลับไปหาพี่ชายพี่สาวที่โต๊ะกินข้าว “ พี่แสงพี่จ๊ะจ๋า พอดีผมมีงานด่วน ต้องขอตัวก่อนนะครับ “ ไม่ทันที่จะให้ทั้งคู่ได้ซักถามเจตก็รีบวิ่งกลับไปที่บ้านของเขาทันที “ อ้า
‘ อาเจตคะ? ‘ เด็กหญิงวัยสิบขวบนามว่าพลอยเจนวิ่งเข้ามาในบ้านของคนที่เธอเรียกว่าอา ทั้งวิ่งและตามหาเขาไปทั่ว ‘ มีอะไรเจน แล้วนี่ไปทำอะไรมาถึงได้เป็นแบบนี้ ‘ จิรกิตติ์เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน แล้วลงมานั่งย่อตัวคุยกับหลานสาวที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนมอมแมม ‘ ต่อยกับพวกผู้ชายที่โรงเรียนมาค่ะ ‘ ‘ ห๊ะ! ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะเจน ‘ ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างตกใจ เขารู้ว่าเด็กคนนี้ดื้อ แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ‘ ถ้าพวกมันอยู่เฉยๆ เจนก็ไม่สนใจหรอก แต่พวกมันมาล้อหน้าม้าเจนนี่น่า ‘ คนตัวน้อยจับและแหงนมองดูผมหน้าม้าที่แสนจะภูมิใจของตัวเอง ‘ แม่อุตส่าห์ตัดให้เลยนะ แถมพวกมันยังล้อว่าเจนเป็นม้าดีดกะโหลกอีก ‘ คนฟังถึงกับไปไม่เป็น เขาผิดเองใช่มั้ยที่สอนมวยให้หลาน ‘ แล้วพวกผู้ชายที่เจนไปต่อยกับเขานะกี่คน ‘ ‘ ปากแตกสองคนค่ะ อีกคนตาเขียว ครูเลยอยากให้เรียกผู้ปกครองไปพบพรุ่งนี้ ‘ เด็กหญิงพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้ ‘ แล้วก็จะให้อาไปแทนให้อีกล่ะสิ ‘ ‘ ก็ต้องเป็นแบบนั้นสิคะ หรือว่าอาเจตจะไม่ไปให้เจนเหรอ พ่อก็ไม่อยู่แม่ก็ทำงานหนัก ถ้าอาเจตไม่ไปใครจะไปให้คะ เจนไม่มีใครแล้วนี่ ‘ เด็กหญิงปล่อยโฮร้องไ
หลังจากนั้นไม่นานจิรกิตติ์ก็พาหญิงสาวกลับมาที่บ้าน รถหรูจอดเทียบที่หน้าบ้านของพลอยเจน “ ลงไหม “ เมื่อเขาเห็นว่าเธอเอาแต่นั่งนิ่งจึงได้หันไปถาม หญิงสาวก็ไม่ได้หันมาเอาแต่มองเข้าไปในบ้าน “ คุณคิดว่าพ่อกับแม่จะนอนกันหรือยังคะ “ เจตฟังเช่นนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวคงกลัวโดนพ่อแม่ซักไซ้ “ ดึกขนาดนี้แล้ว ก็คงจะหลับกันหมดแล้วละ นี่เจนกลัวพ่อกับแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ “ “ ก็ไม่ แต่คนแก่บ่นฟังแล้วมันหดหู่ใจต่างหากละ เจนเกลียดคนแก่ที่ชอบบ่นยาวๆ ที่สุด “ ประโยคหลังเธอหันมาจ้องเขา ทำเอาคนข้างกายสะดุ้งเล็กน้อย “ งั้นให้อาเดินเข้าไปส่งมั้ย “ เขาเสนอ แต่เธอกลับส่ายหน้า “ ไม่จำเป็น “ หญิงสาวเปิดประตูกำลังจะก้าวขาลงจากรถแต่กลับเหลือบไปเห็นว่าแม่นั่งอยู่ในห้องนอนของเธอผ่านหน้าต่าง เธอเลยรีบดึงขากลับขึ้นรถมาแล้วปิดประตูเอาไว้ดังเดิม “ อ้าว มีอะไรหรือเปล่า? “ “ ไปบ้านคุณอากันเลยเถอะ ถ้าแม่เห็นเจนหัวแตกคงได้บ่นยาวยันพรุ่งนี้เช้าแน่ “ เธอหันมาทำหน้ายุ่งใส่เขา จิรกิตติ์ก็เผยยิ้มกว้าง สิบกว่าปีได้แล้วมั้งที่เธอไม่ได้ไปที่บ้านของเขา “ เจนจะไปนอนบ้านอาเหรอ “ “ ทำไมคะ ไม่ได้หรือไง ถ้าไม่ได
“ อาบน้ำนานจัง “ เมื่อเดินกลับออกมาก็เห็นจิรกิตติ์นั่งรออยู่ที่ปลายเตียง เขาจ้องร่างกายเธอที่กำลังใส่เสื้อเชิ้ตของเขาแล้วก็นึกขำ “ ขำอะไร!! “ “ ก็ขำเจนไง อาไม่คิดว่าเจนจะกลัวพ่อแม่บ่นขนาดนั้น “ หญิงสาวถอนหายใจแรง “ ก็การโดนบ่นมันมีผลดีอะไรเหรอ หรือว่าคุณไม่อยากให้เจนอยู่ที่นี้ งั้นเจนกลับก็ได้ ป่านนี้แม่ก็คงจะนอนแล้ว “ พลอยเจนกำลังจะเดินออกจากห้อง จิรกิตติ์ที่เห็นแบบนั้นก็รีบลุกแล้วมากอดเอวของเธอไว้ “ ปล่อย! คุณอาไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้น่ะ “ เธอพยายามแกะมือปลาหมึกของเขาออก หน้าคมก็โน้มมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูเธอ “ ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ อากอดลูกของอาในท้องเจน อาผิดอะไร “ คนฟังหัวร้อนควันออกหู เขาจะลวนลามเธอแล้วเอาลูกมาอ้างแบบนี้ได้ไง “ ลูกคุณยังเป็นก้อนเลือดอยู่เลย อย่ามาหาเรื่องตู่จะฉวยโอกาสเจนนะ “ เธอหยิกมือเขาจนเขายอมคลายออก พลอยเจนจึงหันไปจ้องหน้าคนข้างหลัง “ อายอมรับก็ได้ว่าอาอยากจะฉวยโอกาสเจน อาอยากอยู่ใกล้ๆ เจน “ เขาก็ยอมรับออกมาอย่างลูกผู้ชาย แต่เธอกลับนึกถึงเรื่องที่เขาทำเธอเสียใจ “ เหรอ แต่ที่ผ่านมากลับตีตัวออกห่างเจนตลอด นั่นเหรอเรียกว่าอยากใกล้ชิด “ “ ก็เ
รุ่งเช้าที่แสนสดใส จ๊ะจ๋าเดินลงมาจากชั้นสองก็เจอเข้ากับลูกสาวที่นั่งจิบนมอยู่ตรงโซฟา “ อ้าวเจน ลูกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ ด้วยเพราะจำไม่ได้ จึงได้ถามพลางมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่ก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นบางอย่างแปะอยู่บนหัวของลูก “ แล้วนี่ไปโดนอะไรมา ทำไมถึงปิดพลาสเตอร์ไว้ “ พลอยเจนเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมหันไปมองคนที่พูดด้วย เพราะในใจเธอนั้นคิดแต่เรื่องอื่นอยู่ นี่ถ้าแม่เห็นผ้าก๊อซเมื่อวานคงเป็นเรื่องแน่ ดีที่แผลน้อยๆ นั้นมันแห้งเร็วเธอจึงเอาพลาสเตอร์ปิดให้มันดูเป็นเรื่องเล็กลงมาหน่อย “ ล้มนิดเดียวเองค่ะ “ เธอตอบ “ ล้ม! ไปทำท่าไหนให้ล้ม แล้วนี้เป็นอะไรมากไหมหืม “ จ๊ะจ๋าเดินมานั่งข้างลูกแล้วสำรวจดูตามเนื้อตัว “ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะแม่ “ ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็ใช่ว่าสีหน้าของแม่จะดูเครียดน้อยลง “ เหรอ แต่ครั้งหน้าแม่ไม่ยอมให้ไปไหนมาไหนคนเดียวอีกแล้วนะ โดยเฉพาะกลับดึกดื่นแบบนี้นะ เจนท้องอยู่นะลูก ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง “ พลอยเจนมองหน้าแม่ด้วยแววตาเศร้าลง “ แม่เป็นห่วงหลานเหรอ “ “ ก็ใช่น่ะสิ นี่หลานคนแรกของแม่เลยน้า “ เมื่อฟังแบบนั้นหญิงสาวก็เริ่มตาแดง “
“ จอดตรงนี้แหละค่ะพี่ “ พลอยเจนหยิบเงินให้กับคนขับรถ แล้วจึงก้าวขาลงมาที่อู่ซ่อมรถ มาดูรถของเธอที่ดูจะเละเทะเพราะชนหลักกิโลเมื่อคืน “ อีกนานมั้ยคะ ถึงจะซ่อมเสร็จ “ เธอเดินเข้าไปถามกับช่าง “ อย่างต่ำก็น่าจะอาทิตย์หนึ่งละครับคุณ “ “ ห้ะ ตั้งเป็นสัปดาห์เลยเหรอ “ หญิงสาวคิ้วขมวด สีหน้าเป็นกังวล “ ใช่ครับ เพราะอะไหล่รถคุณที่อู่ไม่มี ผมเพิ่งสั่งซื้อไปเมื่อเช้า กว่าจะถึงก็อีก 2-3 วัน “ คนฟังพยักหน้า เตรียมหันหลังจะเดินกลับแต่ขาเธอดันซวยเหยียบโดนน้ำมันเครื่อง ตัวลอยจะล้ม “ ว้าย!! “ “ เป็นอะไรไหมครับ “ โชคดีที่นายช่างคนนั้นมือไว รีบเข้ามารับเธอไว้ได้ทัน เมื่อทรงตัวเองได้ เธอจึงรีบส่ายหน้า “ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยจับ นี่ถ้าล้มไปไม่รู้จะเป็นอะไรไปบ้าง “ ชายคนนั้นก็ยิ้มหวานมาให้เธอ “ ครับ ยังไงก็เดินระวังหน่อยนะครับ “ หญิงสาวยิ้มตอบแล้วค่อยๆ ก้าวเดินออกมายังหน้าอู่ระหว่างนั้นมือเล็กก็ลูบท้องตัวเองอย่างใจหาย ปี๊นๆ เสียงแตรรถดังสนั่นอยู่บริเวณใกล้ เมื่อเธอหันไปมองก็จำได้ว่าเป็นรถใคร รถหรูคันดังกล่าวเคลื่อนมาจอดต่อหน้าเธอ ไม่นานแว่นรถก็เปิดลง “ มาทำอะไรที่นี้ “ เจ้าข
“ ทำไมต้องทำแบบนี้ “ ปากอิ่มพร่ำถาม “ อาหวงเจน หวง–” นิ้วเรียวยกขึ้นมาแตะปากเขาเอาไว้ “ อย่ามาพูดเลย ทีตัวเองยังมีสาวในสต็อกเป็นสิบ จะมาพูดว่าหวงคนอื่นใครเขาจะเชื่อ “ มือเล็กผละออกจากปากเขา “ อย่าห่วงเลย ยังไงเจนก็จะคลอดลูกให้คุณก่อน แล้วถึงจะไปกับคนอื่น “ เธอพูดกับเขาอย่างประชดประชัน ส่วนคนฟังนั้นก็ถึงกับหน้าซีดพูดไม่ออก “ ถ้าจะไปส่งก็รีบออกรถได้แล้ว “ คนขับที่กำลังเสียใจอยู่ถอนหายใจเหนื่อยๆ พลอยเจนคงจะไม่มีใจให้เขาเลยสินะ เจระวีคาเฟ่ “ สวัสดีค่ะพี่เจน “ “ อือ ทำไมวันนี้มุกมาเช้าจัง “เจนทักทายพนักงาน ที่กำลังจัดร้านอยู่ มุกดาเห็นคนพี่มาคุยด้วยจึงหยุดคุย “ พอดีเมื่อคืนมุกนอนไม่ค่อยหลับ ตื่นเช้าไม่มีอะไรให้ทำเลยมาเร็วนะคะ “ พลอยเจนก็จ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงหน่อยๆ “ ไม่สบายหรือเปล่าถึงได้นอนไม่หลับ อย่าหักโหมละ เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ “ “ ค่ะพี่เจน “ “ อือ แต่มุกทำแบบนี้ก็ดีแล้ว วันไหนมาก่อนก็มาเปิดร้านรอพี่ เพราะช่วงนี้พี่คงต้องมาช้ากลับเร็วบ่อยขึ้น “ “ ค่ะ สำหรับมุกไม่มีปัญหาอะไรหรอก ในฐานะที่พี่เจนไว้ใจถึงกับให้กุญแจร้านกับมุก มุกก็จะขยันทำงานไม่ทำให้
“ เป็นยังไงบ้าง เจต พราว “ แสงรวี รุ่นพี่ของเจตและพราวซึ่งมีอายุห่างกัน 5 ปี ทั้งสามสนิทสนมกันมากเนื่องจากบ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก แถมแสงรวีก็คอยมาช่วยสอนหนังสือให้น้องทั้งสอง ทำให้ทั้งสามสนิทกันมากเป็นพิเศษ “ อ้าวพี่แสงมาได้ยังไงครับ “ เจตเดินเข้ามาทักพร้อมรับของฝากจากมือพี่ชาย “ พอดีพี่พาพี่จ๊ะจ๋าไปหาหมอมานะ เลยมาแวะดูเราสองคน “ “ พี่จ๊ะจ๋าเป็นอะไรคะ หรือว่าจะคลอดแล้วเหรอ “ พราวฟ้ารีบวิ่งออกมาช่วยประคองคนท้องมานั่งในบ้าน แววตาของพราวนั้นสดใสดีใจที่จะได้เห็นหน้าหลาน ในขณะที่เจระวีเองก็มองพ่อแม่วัยหนุ่มสาวด้วยความชอบใจ “ ยังหรอก เพิ่งจะแปดเดือนกว่าๆ เอง “ จ๊ะจ๋ายิ้มตอบน้องสาว พราวฟ้าก็มีท่าทีร่าเริงแล้วถามกับพี่สาวพี่ชายออกมา “ แล้วพวกพี่สองคนได้ตั้งชื่อหลานไว้หรือยังคะ “ จ๊ะจ๋าเงยหน้ามองแสงรวีแล้วหันมาส่ายหน้าให้คนถาม “ ยังเลยจ้ะ พอดีพวกพี่ยังไม่รู้เพศลูกกัน เลยยังไม่รู้ว่าควรจะตั้งชื่อว่าอะไรดี “ จ๊ะจ๋าบอกมือก็ลูบท้องของตัวเอง จนเจระวีที่มองอยู่ก็รู้สึกดีซาบซึ้งแปลกๆ และเหมือนว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่พราวเป็นในตอนนั้นด้วย “ หลานคงจะโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพวกพี่
“ อือ “ เจระวีรู้สึกตัวขึ้นบนเตียง ไม่ทันที่เธอจะได้นึกคิดหรือสังเกตอะไรร่างของเธอก็ลุกจากเตียงไปอย่างกระฉับกระเฉง เหมือนกับว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เจระวียืนมองภาพของตัวเองตอนนี้ในกระจก ก็เห็นว่าเธอใส่ชุดนักเรียนอยู่ พร้อมกับความรู้สึกที่ว่านี้คือตัวเธอแต่ก็ไม่ใช่เธอ ‘ นี่มันอะไร เรามาอยู่ในชุดนี้ได้ยังไง แล้วที่นี้มันที่ไหน ไม่ใช่บ้านเรานี่ ‘ เจระวีสงสัย แต่ร่างกายก็ไม่ได้ขยับตามท่าทีที่เธอต้องการ เหมือนกับว่าเธอควบคุมไม่มันได้ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น “ อีพราว! มึงลงมานี้เดี๋ยวนี้ “ เสียงตะโกนร้องขึ้นมาจากด้านล่างทำให้เจระวีตกใจ พราวเหรอ? หมายความว่าไง เจระวีได้แต่นึกคิดในระหว่างนั้นร่างกายนี้ของเธอก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง “ พ่อ มีอะไรจ๊ะ “ ร่างกายพูดคุยกับคนตรงหน้าโดยที่เจระวีไม่ได้ควบคุมอะไร เธอได้แต่จ้องมองชายแก่ที่ดูเหมือนว่าจะเมามาย มองมาทางนี้ด้วยความโกรธ เพียะ! ฝ่ามือใหญ่ตบมาที่หน้าของหญิงสาว เจระวีปวดแสบปวดร้อนรู้สึกเจ็บไปกับร่างนี้ด้วย แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงควบคุมร่างกายนี้ไม่ได้ ไม่งั้นตาแก่ตรงหน้าคงได้เจอกันสักตั้ง เจระวีได้แต่โมโหแล้วมองเห
บ้านรุณรวี “ อ้าว นี่แม่ยังไม่นอนเหรอคะ “ พลอยเจนเดินเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งชะเง้อคอรออยู่ จึงได้เดินเข้าไปนั่งด้วย “ แล้วน้องแจมหลับแล้วเหรอแม่ “ จ๊ะจ๋าพยักหน้าให้คำถามของลูก “ ใช่ หลับไปตั้งแต่หัวเย็นคุณตาเขานอนเฝ้าอยู่บนห้องนู้น แม่มีเรื่องจะคุยกับเจน ช่วงนี้เจนได้ไปหาเจตที่โรงพยาบาลบ้างมั้ย “ พลอยเจนได้ฟังแบบนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง “ ที่ผ่านมาเจนก็แวะไปหาเขาทุกวัน ยังไม่เห็นว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเลย “ คนพูดมีท่าทีเคืองๆ นิดหน่อย เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ที่ว่าจิรกิตติ์เห็นเธอเป็นตัวแทนของพราวฟ้าก็ยังไม่เคลียร์เลย แถมยังจะมามีเรื่องนี้อีก เขาไม่ยอมตื่นขึ้นมาจะได้ปีหนึ่งอยู่แล้ว ใจคอจะปล่อยเธอทำงานหนักแล้วก็เลี้ยงลูกคนเดียวไปจนถึงเมื่อไหร่ “ เจน ลูกคิดอะไรอยู่ หืม? “ หญิงสาวรีบหันไปจ้องหน้าแม่ “ เจนไม่อยากจะรอแล้วค่ะแม่ ไม่รู้ว่ามันจะต้องนานอีกแค่ไหน “ “ ..งั้นแม่จะเล่าอะไรให้ฟังนะ “ จ๊ะจ๋าได้สังเกตลูกสาวมาหลายเดือนแล้วเธอเป็นห่วง สุขภาพจิตใจของลูกวันนี้จึงอยากจะมาเล่าอะไรบ้างอย่างให้ลูกสาวฟัง เผื่อว่ามันจะทำให้พลอยเจนมีกำลังสู้ต่อไป ซึ่งพลอยเจนได้ยินแบบนั้นเธอก็นั่งเงียบจ
“ ว่าอย่างไร คุณประธานบริษัทคนสวย “ เมื่อเห็นคนที่กำลังรอก้าวขาเข้ามาในห้อง เพื่อนๆ ที่รออยู่ก็แซวใหญ่ “ จะให้ว่ายังไงล่ะ ก็เหนื่อยน่ะสิ “ พลอยเจนปลดกระเป๋าสะพายลงแล้วนั่งลงข้างๆ ครีมหอมพร้อมกับถอนหายใจโล่งอกที่วันนี้มันผ่านไปได้สักที มือของเธอก็พลันหยิบกล่องของขวัญออกมาจากกระเป๋า “ ของขวัญเรียนจบสำหรับน้องสาวคนสวยของพี่ค่ะ “ ครีมหอมตาโตแสดงท่าทีดีใจออกมา แล้วรีบรับเอาโดยไม่ลืมเข้าสวมกอดและหอมพลอยเจนเพื่อเป็นการขอบคุณ จนเสี่ยโอมเริ่มไม่พอใจรีบดึงเมียออก “ พอแล้วครีม มันบาดตาบาดใจพี่นะ โอ้ย “ เสี่ยเลยโดนแฟนสาวหันมาหยิกแขนให้ด้วยความหมั่นไส้ แล้วครีมหอมก็หันกลับไปยิ้มให้พลอยเจน มือเล็กยกขึ้นพนมไหว้แนบอกพี่สาว “ ขอบคุณมากๆ นะคะพี่เจน ขนาดงานยุ่งยังมีเวลาหาของขวัญมาให้น้องด้วย “ “ ครีม “ เสี่ยโอมรีบกอดเอวเมียให้ขยับออกมาหาเขา แม้ว่าพลอยเจนจะแต่งงานมีผัวเขาก็ไม่ไว้ใจ ดูสายตามันสิ หยุดแพรวพราวได้สักที่ไหน “ ไว้ครีมจะมาช่วยงานนะคะพี่เจน พรุ่งนี้เลยก็ได้ “ คนฟังขมวดคิ้ว “ แล้วเสี่ยโอมของน้องจะยอมเหรอ “ คนถูกโยงถอนหายใจแรง “ ถ้าครีมต้องการฉันจะขัดอะไรได้ล่ะ ที่สำคัญมึงก็ยังล
9 เดือนต่อมา ที่คาเฟ่เจระวี “ ยินดีด้วยนะครีม เรียนจบสักทีแบบนี้ก็แต่งงานได้แล้วสิ “ จีนเน่เดินเข้ามาทักครีมหอมซึ่งนั่งรออยู่กับเสี่ยโอมในห้องนั่งเล่นประจำของพวกเขาก่อนที่คนอื่นๆ จะเดินตามเข้ามา “ ครีมไม่รีบหรอกค่ะพี่จีน ความจริงยังไม่คิดอยากจะแต่งด้วยซ้ำ “ เสี่ยโอมถึงกับจ้องหน้าเมียด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เขาอุตส่าห์รอเธอมาตั้ง 3 ปีเลยนะ ทำไมถึงพูดแบบนี้ “ แล้วนี้ยัยเจ้าของร้านไปไหนแล้วล่ะ “ ไนยะเข้ามานั่งตรงข้ามเสี่ยโอม แล้วถามหาอีกคนที่ควรจะอยู่แต่ไม่อยู่ คนที่นั่งหน้ายุ่งงอนแฟนสาวอยู่จึงได้ตอบ “ วันนี้มันเข้าไปดูงานที่บริษัท บอกว่าตอนนี้กำลังจะออกมา “ ไนยะพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เสี่ยโอมพูด “ สงสารพี่เจนนะคะ ต้องเลี้ยงทั้งลูกต้องไปบริษัทให้อาเจตแถมยังต้องมาดูแลคาเฟ่อีก พี่เจนเป็นผู้หญิงที่โคตรแกร่งเลย “ ณิหลาเป็นคนพูดขึ้น ทุกคนที่ได้ฟังก็คิดแบบเดียวกับที่ณิหลาคิด “ อืม ครีมว่าถ้าวันไหนว่างครีมมาช่วยงานที่ร้านนี้ให้พี่เจนดีไหม ยังไงทุกวันนี้ครีมก็ยังไม่ได้ทำงานยู่แล้ว “ นางแบบคนสวยของเสี่ยโอมหันหน้าไปถามเขา เสี่ยเองก็มองเมียด้วยแววตานิ่งๆ เมื่อไหร่เธอจะรู้ตัวว่าเขางอนในส
โรงพยาบาล ร่างของพลอยเจนนั่งร้องไห้อยู่กับจีนเน่ ไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็รีบวิ่งเข้ามาหา “ เจน เจนลูก “ จ๊ะจ๋ารีบมานั่งข้างลูกสาวแล้วสวมกอดลูกของเธอเอาไว้ “ แม่ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ เจนยังไม่ทันได้คืนดีกับเขาเลยนะ ทำไมเขาถึงได้ทำแบบนี้ “ “ ไม่เอาสิเจน ไม่ร้องไห้นะลูก เจตต้องปลอดภัยสิเชื่อแม่ “ จ๊ะจ๋าพยายามจะปลอบใจลูกที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไม่มีแม้เสียง จีนเน่เองก็รีบยื่นมือมากุมมือเพื่อนไว้ “ ใช่เจน มึงตั้งสติก่อนนะ ไนมันเก่งมันต้องช่วยให้อาเจตคืนกลับมาหามึงกับลูกได้แน่ “ สักพักเสี่ยโอมกับหนึ่งเดียวก็วิ่งเข้ามาสมทบหลังจากไปจัดการจับนกน้อยส่งตำรวจ ในอ้อมแขนของเสี่ยโอมก็อุ้มหลานสาวตัวน้อยที่พลอยเจนฝากกับมุกดาไว้ที่ร้านมาด้วย ทารกน้อยก็กำลังร้องไห้เหมือนรับรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “ เอาน้องแจมมาให้พ่อนะลูก “ แสงรวีเดินเข้าไปอุ้มเอาหลานจากเสี่ยโอม เสี่ยจึงได้เดินมาหาเพื่อนรักของเขา “ ไม่เป็นอะไรนะเจน มึงอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลย อาเจตต้องรอดกลับมา “ “ ใช่ มึงดูจากพวกกูสิทั้งโดนซ้อมโดนแทงโดนปืนเข้าโรงพยาบาลปางตายกันก็ยังกลับมาได้เลย กูเชื่อว่าอาเจตเองก็ต้องเข้มแข็งกลับมาอย
“ แง แอ “ พลอยเจนหาวนอนพยายามโอ๋ลูกนานแล้วแต่ทารกน้อยก็ไม่ยอมเงียบสักที เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว จนแม่แบบเธอที่เห็นก็สงสาร หญิงสาวหันไปมองจิรกิตติ์ซึ่งยื่นมือมาจับที่แขนของลูก ตัวเล็กกลับนิ่งแล้วค่อยๆ หยุดร้องไห้ “ ส่งลูกให้อาเถอะ แล้วเจนก็ไปนอนได้แล้ว “ พลอยเจนที่เห็นว่าลูกคงอยากจะให้พ่ออุ้มมากกว่าเธอ จึงยอมส่งลูกให้เขาเพราะคงไม่มีแม่คนไหมทนเห็นลูกร้องไห้ไม่หยุดแบบนี้ได้หรอก “ ลูกพ่อ ร้องไห้ทำไมครับ ทำแบบนี้ไม่ดีเลย คุณแม่เขาตกใจนะ “ เมื่อลงไปอยู่ในอ้อมแขนของพ่อ ลูกสาวก็เงียบไปนอกจากจะไม่ร้องไห้ยังยิ้มมีความสุขอีก ทำเอาพลอยเจนที่นั่งมองอยู่หมั่นไส้ เขาทำแบบนี้กะจะไม่ให้เธอพาลูกไปจากเขาได้ใช่มั้ย แล้วถ้าวันหนึ่งไม่มีเขาเธอจะต้องทำอย่างไรล่ะ เช้าของวันต่อมา เวลา 05:13น. พลอยเจนตื่นงัวเงียลุกขึ้น เธอมองซ้ายมองขวาก็เห็นว่าลูกสาวกำลังนอนอยู่ในเปลแต่พ่อของลูกเธอไม่รู้ว่าหายไปไหน “ ทำไม เจตต้องกลับไปหานกนะ! “ “ เสียงใคร “ พลอยเจนรู้สึกว่ามีเสียงโวยวายดังอยู่หน้าร้าน เธอจึงลุกแล้วเดินออกไปดู “ คุณกลับไปซะ เราจบกันไปตั้งนานแล้วนี่คุณยังจะกลับมาวุ่นวายอะไรอีก “ “ ไม่!นกไม่กลับ
“ เจน! เดี๋ยว!เจน “ จิรกิตติ์มาถึงร้านในตอนที่พลอยเจนกำลังจะปิดประตูพอดี เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาเอามือจับประตูไว้ “ มาทำไม “ เธอถามเขาเสียงแข็ง “ อาเป็นห่วง กลับไปนอนที่บ้านเราเถอะนะเจน นี่เจนเกลียดอาขนาดถึงขั้นพาลูกออกมานอนข้างนอกแบบนี้เลยเหรอ “ “ เจนไม่อยากเห็นหน้าคุณ เพราะเจนรู้สึกว่าสายตาของคุณไม่ได้มองเจนเป็นพลอยเจนอีกแล้ว แต่คุณมองเจนเป็นคนอื่น “ เจระวีตะคอกเสียงดังใส่หน้าเขา จนจิรกิตติ์ก็ได้แต่หงอยเหงา ที่โดนดุ “ เจน อารักเจนในแบบที่เจนเป็นนะ แล้วก็เป็นห่วงมากด้วย ฟังกันก่อนได้มั้ย “ “ ไม่ฟัง ถ้าเจนไม่บังเอิญไปหน้าเหมือนคนที่ชื่อพราว คุณก็จะรักเจนอย่างนั้นสิ “ คำถามนี้ทำเอาเขายืนเงียบอีกรอบ “ คุณก็ตอบเจนไม่ได้! “ มือเล็กดึงประตูสุดแรงเพื่อจะปิดมัน แต่เขาก็ยังดันไว้ “ แต่เจนก็คือเจนนะ ถ้าเจนไม่หน้าเหมือนพราวอาก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง แต่อาก็รักเด็กหัวดื้อคนนี้จนมาถึงตอนนี้แล้วไง เรามีลูกด้วยกันแล้วนะพลอยเจน “ หญิงสาวจ้องตาเขาแล้วแสยะยิ้ม “ หือ ปล่อย! “ มือของเธอออกแรงดึงประตูอีกรอบพลันยกขาขึ้นตีนถีบยอดอกของสามีจนเขาล้มหงายหลัง แล้วเธอจึงปิดประตูได้ “ เจน!
“ พี่เจน มุกกับพี่ชัยกลับก่อนนะคะ “ เมื่อถึงเวลาเลิกงานมุกดาก็เดินเข้ามาลาพลอยเจนในห้องพัก “ จ้ะ “ พลอยเจนที่กำลังนั่งจ้องลูกสาวหลับอยู่จึงได้เงยหน้าขึ้นหันไปพยักหน้าให้คนข้างนอก “ ว่าแต่พี่เจนจะกลับกี่โมงคะ มันจะดึกแล้วนะ “ มุกดาถามเธอมาด้วยความเป็นห่วง แต่พลอยเจนก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเธอยังไม่ทันได้คิดไว้ “ อีกสักแป๊บเนี้ยแหละ “ ถึงอย่างนั้นเธอก็ตอบส่งๆ ออกมาเพื่อไม่ให้มุกดาต้องห่วง มุกดาจึงส่งยิ้มตอบแล้วหันหลังไปเจอเข้ากับคุณจ๊ะจ๋า ที่กำลังเดินมาทางนี้ “ สวัสดีค่ะ “ มุกพนมมือไหว้ตามมารยาทจากนั้นจึงก้มหน้าแล้วเดินออกไป ส่วนจ๊ะจ๋าก็มุ่งหน้าเดินเข้ามาในห้องที่ลูกกับหลานสาวอยู่ “ แม่ “ พลอยเจนที่เห็นแม่เดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับเธอ ก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย ส่วนคนเป็นมารดาก็มองไปที่คนตัวน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับที่ลูกสาวนั่งอยู่ “ อาเจตบอกให้แม่มานี่เหรอคะ “ จ๊ะจ๋ารีบละสายตาจากหลานแล้วเงยหน้าขึ้นมองพลอยเจน “ แล้วเจนเป็นอะไรถึงได้หอบลูกหนีมาแบบนี้ล่ะ “ “ เจนว่าแม่คงจะรู้จากอาเจตแล้วนะคะ “ สองแม่ลูกจ้องตากัน พลอยเจนน้ำตาซึมเพราะเกิดอาการน้อยใจ ทั้งที่พ่อแม่ก็น