เมื่อ พลอยเจน หญิงสาวที่ยังสับสนเรื่องเพศ อยากรู้อยากลองแล้วดันเผลอไปลองกับ จิรกิตติ์ รุ่นน้องคนสนิทของพ่อ งานนี้จะจบยังไง ในเมื่อเขาเองก็รอวันนี้มานาน
Lihat lebih banyakผับเคทีแคท
“ อ้าว นั่นเจนหรือเปล่า เจน! เจนทางนี้! “ เจระวี หรือ พลอยเจน หญิงสาวสูงราว 165 ร่างกายอวบอิ่มไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป เจ้าของผิวขาวผ่อง นัยน์ตาเฉี่ยว สวมชุดสีแดงรัดรูปก้าวขาเข้ามาในผับยังไม่ทันได้เห็นบุคคลที่เป็นเป้าหมายของตัวเธอด้วยซ้ำ แต่กลับได้ยินเสียงของชายหนุ่มออกสาวเรียกชื่อของเธอเสียงดัง ซึ่งดังกว่าเสียงเพลงเสียอีก พลอยเจนจึงรีบหันไปจ้องมอง “ เป็ด! เอ้ย ดักกี้เหรอ? “ เมื่อหันซ้ายมองขวาไปเจอต้นเสียง เธอก็ร้องชื่อของเขาคนนั้นออกมาอย่างตื่นเต้น เพราะได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เห็นแบบนั้นหญิงสาวจึงรีบก้าวขาเดินไปหา “ กลับมาจากนิวซีแลนด์ตั้งแต่เมื่อไหร่ มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเนี่ย “ เจนเดินมาทักแล้วนั่งลงข้างเพื่อน “ ถึงจะเปลี่ยนไปเยอะแต่มึงก็ยังจำกูได้นี่ แต่ไม่คิดเลยน่ะว่าจะได้มาเจอที่นี้ ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเกือบจะ 8 ปีแล้ว เป็นยังไงบ้าง “ คำถามสุดท้ายดักกี้ถามออกมาอย่างตื่นเต้น จนพลอยเจนพอจะรู้ว่าคนตรงหน้านั้นหมายถึงใคร “ ที่ถามนี้ ถามกูเหรอ “ “ ไม่! 3 หนุ่มฮอตเดอะแก๊งมึงต่างหากละ แต่งงานมีหวานใจกันหมดหรือยัง “ พลอยเจนเบี่ยงหน้าหนีพร้อมส่ายไปมาเบาๆ “ ก็อย่างที่รู้ๆ หนึ่งอะแต่งงานแล้ว ส่วนอีกสองคนก็มีคู่กันหมดแล้วเหมือนกัน “ “ เฮ้อ “ คนฟังถอนหายใจแรงด้วยความเซ็ง แล้วหันมาจ้องหน้าพลอยเจนพลางถามเสียงดัง “ แล้วมึงล่ะ “ “ กูก็มีแฟนแล้ว “ “ ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย “ คนที่พอจะดูออกว่าเพื่อนสาวตรงหน้าชอบแบบไหน จึงรีบเอ่ยถามเพื่อยืนยันให้แน่ใจ พลอยเจนก็มองคนถามสีหน้าแอบยิ้ม “ ผู้หญิง ที่กูมาที่นี้ก็เพราะมาหาแฟนนี่แหละ “ “ กูคิดไว้แล้วเชียว!! “ ดักกี้ตบขาตัวเองเสียงดังฉาด แล้วรีบยิงคำถามใส่เพื่อนสาวต่อรัวๆ “ ไหน เธอคนนั้นของมึงมาถึงหรือยัง! พามาดูหน้าสิ “ คนฟังยิ้มกลั้นขำมองท่าทางขี้เสือกของคนตรงหน้า “ น่าจะมาถึงนานแล้วแหละ เพราะว่าน้องเป็นเจ้าของที่นี้ “ “ ห๊ะ! “ เพื่อนสาวอุทานเสียงหลงเมื่อได้รู้ ทำเอาพลอยเจนแปลกใจ “ มึงตกใจอะไร? “ ดักกี้เลิกลั่กหันซ้ายขวาเล็กน้อยแล้วโน้มหน้าเข้าไปพูดกับพลอยเจนใกล้ๆ “ ยัยแมวเคทีกินลูกค้านั่นเหรอ แฟนมึง “ พลอยเจนคิ้วชนกันเมื่อได้ยิน เธอเข้าใจว่าชื่อนี้มันคือฉายาของแฟนสาว ที่คนอื่นรู้จักในนามเจ้าของผับหน้าใหม่ แต่ฟังทีไรมันก็แทงใจเธอทุกที “ แฟนกูชื่อคิตตี้หรือเคทีที่มึงรู้จักนั้นแหละ “ “ เฮ้ย เจน มึงโดนเด็กหลอกปะเนี่ย “ คนพูดจ้องเพื่อนด้วยสีหน้าหนักใจ พลอยเจนก็ถึงกับสะดุ้งแรง “ มึงหมายความว่ายังไง “ ทำให้เธอต้องรีบถามเพื่อนกลับ เพราะตั้งแต่ที่คิตตี้บอกกับเธอว่าเปิดผับ เธอก็ไม่เคยมาที่นี้เลยสักครั้ง ด้วยมัวแต่ทำงานที่คาเฟ่แล้วตอนจะดื่มก็นัดเพื่อนดื่มกันแค่ที่ร้านตัวเอง “ อ้าว แล้วมึงคิดว่าฉายาเคทีกินลูกค้าเนี่ย มันได้มายังไง นู้น ใช่มั้ย คนของมึง “ ดักกี้ไม่พูดเฉย ชี้นิ้วขึ้นไปบนชั้นสอง พลอยเจนก็แหงนคอมองตามที่เพื่อนบอก แล้วก็เห็นว่าแฟนสาวกำลังหยอกล้อกับผู้ชายพร้อมลากกันเข้าห้องไป ใจของพลอยเจนตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอก้มมองพื้นเพราะความรู้สึกเหมือนกับโดนแก้วปาใส่หน้า มันชาไปหมด “ คบกันอยู่ แล้วเด็กนั่นยังทำตัวร่านแบบนี้ อย่าเรียกว่าแฟนเลย ถ้าแฟนจริงมันต้องซื่อสัตย์ต่อกันสิ ไม่ใช่แบบนี้ มึงโอเคไหมเจน “ ดักกี้บ่นพึมพำแต่พอเห็นเพื่อนแปลกไปจึงรีบยื่นมือไปจับมือเย็นเจี๊ยบของหญิงสาว ‘ คิตตี้รักพี่เจนที่สุดเลย อ๊า อือ ‘ ภาพของสองร่างกายที่นอนทับบดขยี้กันอยู่บนเตียงยังตราตึงอยู่ในใจของพลอยเจน ทุกคืนที่ทั้งคู่ร่วมสวาทกันคิตตี้จะเอ่ยปากบอกรักเธอจนหวานเลี่ยน คิดได้แบบนั้นมือเรียวก็กำแน่น จนดักกี้ต้องรีบคลายมือออกอย่างตกใจ “ อุ้ย มึงยังโอเคอยู่มั้ย หรือจะบุกเข้าไปตบมันเลย คนร่านแบบนั้นนะ “ ดักกี้เชียร์เพื่อนเต็มที่ แต่พลอยเจนกลับมองดุมาใส่ “ เอากับผู้ชายมันสนุกมากเลยเหรอวะ! “ตกดึกของวันเดียวกันก่อนจะเข้านอน จิรกิตติ์เดินถือแก้วนมเข้ามาให้เมียก็มีคำถาม เขานั่งลงข้างๆ เธอ “ ช่วงเย็นเห็นแจกซองกัน โอมจะแต่งงานแล้วเหรอ “ พลอยเจนหันมารับแก้วนมในมือสามีพร้อมพยักหน้าให้ “ ใช่ค่ะ จะได้แต่งสมใจมันแล้ว หลังจากรอมาตั้งหลายปี “ “ อืม เห็นมาสั่งแหวนเพชรตั้งแต่สามปีก่อน นึกว่าจะได้แต่งตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะเนี้ย “ พลอยเจนเผยยิ้ม “ ถ้าแต่งเร็วก็ได้ใจไอ้โอมมันสิคะ คนเจ้าชู้แบบนั้นให้รอคอยอะไรบ้างนะดีแล้ว จะได้เห็นค่า “ เธอหัวเราะเบาๆ ในลำคอจากนั้นจึงยกแก้วนมขึ้นจิบ “ แล้วคุณไม่ดื่มด้วยกันเหรอคะ อายุก็มากโขแล้ว ควรจะเพิ่มแคลเซียมบ้างนะ “ เจตมองที่หน้าเมียแล้วก็อมยิ้ม “ เดี๋ยวก็ดื่ม “ “ ดื่ม? ดื่มจากไหน จับมาแค่แก้วเดียวนี่ “ เมื่อเมียพูดจบเขาก็ก้มหน้าลงแนบนมเมีย “ ดื่มจากเต้านี่ไง “ เจ้าของเต้าตาลุกวาวรีบดันหน้าคนแก่ออก “ ทะลึ่ง! “ “ ทะลึ่งอะไร อานอนเป็นผักมาเกือบปี ตอนนี้หายแล้วก็ไม่คิดจะให้รางวัลกันหน่อยเหรอ “ เขาออดอ้อนเธอแขนใหญ่ก็สวมกอดเธอแนบแน่น “ คุณคิดว่าอยากจะมีลูกกี่คนคะ “ คำถามของพลอยเจนเล่นเอาเข้าทางเขา “ ถามแบบนี้แสดงว่า..ถ้าอาทำอะไ
แฮปปี้ เบิร์ด เดย์ ทู ยูว์ “ แอ …ย่าย๊า แยะ “ เจมิกา หรือ แจมมี่ กำลังตบมือดีใจอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นพ่อ ก้มลงมาเป่าเทียนอย่างกับรู้มาก่อนว่าต้องทำ แถมยังยิ้มหวานส่งให้กล้องของคุณลุงหนึ่งเดียวของเธอ ที่อาสาเป็นคนเก็บภาพความทรงจำครั้งนี้ “ น่ารักที่สุดเลยหลานป้า นี่ของขวัญนะคะ “ จีนเน่จับสร้อยทองคำหนึ่งบาดสองเส้นขึ้นมาสวมแขนให้หลานสาวพลันไม่ลืมฟัดแก้มอ้วนเป็นของตอบแทน “ อ้า ย๋าๆ “ เด็กน้อยก็ดีใจสะบัดแขนขึ้นลงเหมือนจะชอบ “ โห สองผัวเมียแกซื้อทองให้หลานเลยเหรอ นี่ลูกสาวเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่นะเว้ย มันต้องกูนี่ “ ไนยะหันไปหาของเล่น 2-3 ชิ้นที่เขาขนเข้ามาเมื่อครู่พร้อมผายมือให้ทุกคนดู “ ของเล่นเสริมพัฒนาการ เล่นแล้วรับรองฉลาดปาดเปืองสมองแล่นปี๊ดแน่นอน ลุงหมอรับประกัน “ มือใหญ่ของลุงหมอก็เดินมาบีบแก้มหลานสาวที่กำลังตบมือให้ เหมือนจะรู้เรื่องกับผู้ใหญ่ด้วย แล้วเสี่ยโอมที่หวังจะเป็นลุงสุดที่รักของหลานจะยอมงั้นหรือ เขารีบเข้ามาแทรกกลางพร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เท่ารถ แล้ววางมันไว้ต่อหน้าหลาน “ ลุงว่าอันนี้ดีกว่าจะน้องแจม หายากสุดๆ แถวนี้ไม่มีขายแน่นอน ลุงบินไปซื้อที่เมืองนอกมาให้
“ ไม่เอาผัวใหม่นะครับ “ เขาที่นอนเป็นผักมาหลายเดือนทำให้การพูดค่อยข้างมีปัญหาประโยคสั้นๆ แต่ก็ต้องใช้แรงเยอะมาก เนื่องจากเมื่อกี้ได้ยินเมียขู่ว่าจะมีผัวใหม่เขารับรู้แล้วยอมไม่ได้ เมื่อจิตใจต่อสู้ร่างกายจึงตอบสนอง คนที่นั่งจ้องเขาอยู่นั้นก็มีแววตาตื่นเต้นตกใจดีใจปะปนกันไปหมด จนร่างกายขยับไม่ได้เลย “ อะ คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ เจนจะรีบไปตามหมอให้ หมอ หมอคะ! “ เมื่อหญิงสาวเริ่มคุมสติตัวเองได้ก็รีบวิ่งออกไปตามหมอข้างนอก ซึ่งหมอไนยะก็กำลังเตรียมของจะออกไปข้างนอกพอดี เขาจึงรีบกลับมาดูให้ “ เฮ้อ “ หมอไนยะถอนหายใจแรงหลังจากเข้ามาเช็คดูอาการของคนไข้บนเตียง จนพลอยเจนที่มองดูอยู่ดูไม่ออกกังวลใจยิ่งกว่าเดิม “ เป็นยังไงบ้างถึงได้ถอนหายใจแรงแบบนี้เนี่ย “ ไนยะหันมายิ้มให้ท่าทีร้อนใจของเพื่อน “ ปกติคนที่หลับนานเกือบปีแบบนี้ถ้าตื่นขึ้นมาคงต้องนับหนึ่งใหม่หมด ตั้งแต่ขยับตัวพูดจา แต่ร่างกายของอาเจตน่าจะแข็งแรงกว่าคนรุ่นเดียวกันมาก เลยอาการดูไม่หนัก คิดว่าถ้าทำกายภาพบำบัดสัก 2-3 เดือนก็น่าจะกลับมาเป็นปกติแล้วแหละ “ “ จริงเหรอ! “ พลอยเจนมีท่าทีดีใจมากรีบหันไปมองคนบนเตียง “ ใช่ เดี๋ยวฉันจะ
โรงพยาบาล “ อ้าวเจน “ พลอยเจนเดินเข้ามาในห้องพักของจิรกิตติ์ก็เจอเข้ากับไนยะ ที่กำลังยืนถือมีดโกนจ้องมองคนบนเตียง “ มีอะไรหรือเปล่า “ เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ “ พอดีอาเจตหนวดเริ่มขึ้นอีกแล้วนะ กูก็เลยว่าจะช่วยโกนให้เขา “ คนถามพยักหน้าให้กับคำตอบเธอไม่ได้มาหาจิรกิตติ์ก็นานแล้ว คงไม่ค่อยมีใครหมั่นมาโกนหนวดให้เขา มือน้อยของหญิงสาวเอื้อมไปแย่งมีดโกนในมือเพื่อน “ เดี๋ยวจัดการเอง มึงมีอะไรก็ได้ทำเถอะ “ “ อืม ถ้ามึงมาแล้วงั้นกูไปหาเมียที่ร้านก่อนแล้วกัน “ คนพูดอมยิ้มเมื่อคิดอะไรออกจึงพูดขึ้นมาอีก “ ถ้าวันไหนมึงว่าง มึงก็มาหาเขาบ่อยๆ หน่อย ช่วงเกือบเดือนมานี้ที่มึงไม่มา กูว่าอาการอาเจตดูทรุดลงกว่าเดิมเยอะเลยนะ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะนอนไม่ได้สติอยู่แบบนี้ แต่เขาก็คงจะรับรู้ได้ว่ามีใครหมั่นมาหาบ้าง “ คนฟังพยักหน้าเข้าใจ “ อือ ขอบใจนะ กูก็ตั้งใจว่านับตั้งแต่วันนี้จะแวะมาหาเขาทุกวัน “ คุณหมอยิ้มตอบจากนั้นจึงเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง “ เฮ้อ ทำไมถึงทำตัวแบบนี้คะ ปกติคุณต้องเป็นคนดูแลเอาใจใส่เจนไม่ใช่เหรอ “ หญิงสาวบ่นให้เขาเบาๆ จากนั้นจึงค่อยๆ โกนหนวดเคราให้เขา “ หนวด
“ พราว พราวอย่าเป็นอะไรไปนะพราว พราวต้องตื่นกลับมาหาเจตนะ “ เจระวีมองหน้าของจิรกิตติ์ที่ร้องไห้วิ่งตามร่างของเธอ นั่นก็คือร่างของพราวที่กำลังเป็นอยู่ “ เจต พราวรักเจนนะ “ สิ้นเสียงแผ่วเบาที่เจ้าของร่างพึมพำบอกคนตรงหน้า พยาบาลก็ได้เข็นเอาร่างกายนี้เข้ามาในห้องฉุกเฉิน เจระวีรู้สึกเจ็บและปวดร้าวทรมานไปทั้งตัว เหมือนกับว่าคนที่ถูกรถชนเป็นเธอจริงๆ แต่เมื่อรู้ตัวอีกรอบก็เหมือนกับว่าดวงจิตของเธอได้หลุดออกมาจากร่างของพราวฟ้าแล้ว เจระวีมึนงงก้มมองตัวเองที่เป็นเหมือนอากาศ แล้วเงยหน้าจ้องไปที่คนบนเตียงซึ่งกำลังโดนทีมแพทย์ช่วยป้ำหัวใจให้อยู่ ตี๊ด…ตี๊ด…. “ หมอชีพจรของคนไข้ดับแล้วค่ะ “ เจระวีถึงกลับน้ำตาตก ยกมือขึ้นทาบอก นี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน ระหว่างนั้นร่างของเธอที่เป็นเหมือนดั่งลมก็ลอยไปตามอากาศ ไปหยุดยังห้องพักของคนๆ หนึ่ง ‘ แม่ ‘ หญิงสาวมองคนที่อยู่ในห้องนั้นก็คือจ๊ะจ๋าแม่ของเธอ กำลังดิ้นทุรนทุรายมีแววตาเจ็บ “ โอ้ย ปวดท้อง จะคลอดแล้ว พี่แสง!! “ ในระหว่างที่เจระวีกำลังตกใจ เธอก็โดนลมดูดเข้าไปในท้องของคนเป็นแม่! “ อ๊าก!!! “ ร่างของพลอยเจนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องนอนของบ้านจิรกิตติ์
“ เป็นยังไงบ้าง เจต พราว “ แสงรวี รุ่นพี่ของเจตและพราวซึ่งมีอายุห่างกัน 5 ปี ทั้งสามสนิทสนมกันมากเนื่องจากบ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก แถมแสงรวีก็คอยมาช่วยสอนหนังสือให้น้องทั้งสอง ทำให้ทั้งสามสนิทกันมากเป็นพิเศษ “ อ้าวพี่แสงมาได้ยังไงครับ “ เจตเดินเข้ามาทักพร้อมรับของฝากจากมือพี่ชาย “ พอดีพี่พาพี่จ๊ะจ๋าไปหาหมอมานะ เลยมาแวะดูเราสองคน “ “ พี่จ๊ะจ๋าเป็นอะไรคะ หรือว่าจะคลอดแล้วเหรอ “ พราวฟ้ารีบวิ่งออกมาช่วยประคองคนท้องมานั่งในบ้าน แววตาของพราวนั้นสดใสดีใจที่จะได้เห็นหน้าหลาน ในขณะที่เจระวีเองก็มองพ่อแม่วัยหนุ่มสาวด้วยความชอบใจ “ ยังหรอก เพิ่งจะแปดเดือนกว่าๆ เอง “ จ๊ะจ๋ายิ้มตอบน้องสาว พราวฟ้าก็มีท่าทีร่าเริงแล้วถามกับพี่สาวพี่ชายออกมา “ แล้วพวกพี่สองคนได้ตั้งชื่อหลานไว้หรือยังคะ “ จ๊ะจ๋าเงยหน้ามองแสงรวีแล้วหันมาส่ายหน้าให้คนถาม “ ยังเลยจ้ะ พอดีพวกพี่ยังไม่รู้เพศลูกกัน เลยยังไม่รู้ว่าควรจะตั้งชื่อว่าอะไรดี “ จ๊ะจ๋าบอกมือก็ลูบท้องของตัวเอง จนเจระวีที่มองอยู่ก็รู้สึกดีซาบซึ้งแปลกๆ และเหมือนว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่พราวเป็นในตอนนั้นด้วย “ หลานคงจะโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพวกพี่
“ อือ “ เจระวีรู้สึกตัวขึ้นบนเตียง ไม่ทันที่เธอจะได้นึกคิดหรือสังเกตอะไรร่างของเธอก็ลุกจากเตียงไปอย่างกระฉับกระเฉง เหมือนกับว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เจระวียืนมองภาพของตัวเองตอนนี้ในกระจก ก็เห็นว่าเธอใส่ชุดนักเรียนอยู่ พร้อมกับความรู้สึกที่ว่านี้คือตัวเธอแต่ก็ไม่ใช่เธอ ‘ นี่มันอะไร เรามาอยู่ในชุดนี้ได้ยังไง แล้วที่นี้มันที่ไหน ไม่ใช่บ้านเรานี่ ‘ เจระวีสงสัย แต่ร่างกายก็ไม่ได้ขยับตามท่าทีที่เธอต้องการ เหมือนกับว่าเธอควบคุมไม่มันได้ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น “ อีพราว! มึงลงมานี้เดี๋ยวนี้ “ เสียงตะโกนร้องขึ้นมาจากด้านล่างทำให้เจระวีตกใจ พราวเหรอ? หมายความว่าไง เจระวีได้แต่นึกคิดในระหว่างนั้นร่างกายนี้ของเธอก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง “ พ่อ มีอะไรจ๊ะ “ ร่างกายพูดคุยกับคนตรงหน้าโดยที่เจระวีไม่ได้ควบคุมอะไร เธอได้แต่จ้องมองชายแก่ที่ดูเหมือนว่าจะเมามาย มองมาทางนี้ด้วยความโกรธ เพียะ! ฝ่ามือใหญ่ตบมาที่หน้าของหญิงสาว เจระวีปวดแสบปวดร้อนรู้สึกเจ็บไปกับร่างนี้ด้วย แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงควบคุมร่างกายนี้ไม่ได้ ไม่งั้นตาแก่ตรงหน้าคงได้เจอกันสักตั้ง เจระวีได้แต่โมโหแล้วมองเห
บ้านรุณรวี “ อ้าว นี่แม่ยังไม่นอนเหรอคะ “ พลอยเจนเดินเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งชะเง้อคอรออยู่ จึงได้เดินเข้าไปนั่งด้วย “ แล้วน้องแจมหลับแล้วเหรอแม่ “ จ๊ะจ๋าพยักหน้าให้คำถามของลูก “ ใช่ หลับไปตั้งแต่หัวเย็นคุณตาเขานอนเฝ้าอยู่บนห้องนู้น แม่มีเรื่องจะคุยกับเจน ช่วงนี้เจนได้ไปหาเจตที่โรงพยาบาลบ้างมั้ย “ พลอยเจนได้ฟังแบบนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง “ ที่ผ่านมาเจนก็แวะไปหาเขาทุกวัน ยังไม่เห็นว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเลย “ คนพูดมีท่าทีเคืองๆ นิดหน่อย เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ที่ว่าจิรกิตติ์เห็นเธอเป็นตัวแทนของพราวฟ้าก็ยังไม่เคลียร์เลย แถมยังจะมามีเรื่องนี้อีก เขาไม่ยอมตื่นขึ้นมาจะได้ปีหนึ่งอยู่แล้ว ใจคอจะปล่อยเธอทำงานหนักแล้วก็เลี้ยงลูกคนเดียวไปจนถึงเมื่อไหร่ “ เจน ลูกคิดอะไรอยู่ หืม? “ หญิงสาวรีบหันไปจ้องหน้าแม่ “ เจนไม่อยากจะรอแล้วค่ะแม่ ไม่รู้ว่ามันจะต้องนานอีกแค่ไหน “ “ ..งั้นแม่จะเล่าอะไรให้ฟังนะ “ จ๊ะจ๋าได้สังเกตลูกสาวมาหลายเดือนแล้วเธอเป็นห่วง สุขภาพจิตใจของลูกวันนี้จึงอยากจะมาเล่าอะไรบ้างอย่างให้ลูกสาวฟัง เผื่อว่ามันจะทำให้พลอยเจนมีกำลังสู้ต่อไป ซึ่งพลอยเจนได้ยินแบบนั้นเธอก็นั่งเงียบจ
“ ว่าอย่างไร คุณประธานบริษัทคนสวย “ เมื่อเห็นคนที่กำลังรอก้าวขาเข้ามาในห้อง เพื่อนๆ ที่รออยู่ก็แซวใหญ่ “ จะให้ว่ายังไงล่ะ ก็เหนื่อยน่ะสิ “ พลอยเจนปลดกระเป๋าสะพายลงแล้วนั่งลงข้างๆ ครีมหอมพร้อมกับถอนหายใจโล่งอกที่วันนี้มันผ่านไปได้สักที มือของเธอก็พลันหยิบกล่องของขวัญออกมาจากกระเป๋า “ ของขวัญเรียนจบสำหรับน้องสาวคนสวยของพี่ค่ะ “ ครีมหอมตาโตแสดงท่าทีดีใจออกมา แล้วรีบรับเอาโดยไม่ลืมเข้าสวมกอดและหอมพลอยเจนเพื่อเป็นการขอบคุณ จนเสี่ยโอมเริ่มไม่พอใจรีบดึงเมียออก “ พอแล้วครีม มันบาดตาบาดใจพี่นะ โอ้ย “ เสี่ยเลยโดนแฟนสาวหันมาหยิกแขนให้ด้วยความหมั่นไส้ แล้วครีมหอมก็หันกลับไปยิ้มให้พลอยเจน มือเล็กยกขึ้นพนมไหว้แนบอกพี่สาว “ ขอบคุณมากๆ นะคะพี่เจน ขนาดงานยุ่งยังมีเวลาหาของขวัญมาให้น้องด้วย “ “ ครีม “ เสี่ยโอมรีบกอดเอวเมียให้ขยับออกมาหาเขา แม้ว่าพลอยเจนจะแต่งงานมีผัวเขาก็ไม่ไว้ใจ ดูสายตามันสิ หยุดแพรวพราวได้สักที่ไหน “ ไว้ครีมจะมาช่วยงานนะคะพี่เจน พรุ่งนี้เลยก็ได้ “ คนฟังขมวดคิ้ว “ แล้วเสี่ยโอมของน้องจะยอมเหรอ “ คนถูกโยงถอนหายใจแรง “ ถ้าครีมต้องการฉันจะขัดอะไรได้ล่ะ ที่สำคัญมึงก็ยังล
Komen