Share

ตระกูลเกาตัดขาดนาง

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-05-20 01:00:24

“ข้าไม่รู้เรื่องนี้เลย จะเป็นอันใดหรือไม่” หลินเยว่เอ่ยออกมาอย่างกังวล

“ไว้ข้าจะพาเจ้าไปวันหลัง เจ้าอย่าได้กังวล” เลี่ยงรุ่ยเอ่ยปลอบใจนาง

หลินเยว่สั่งทำพิมพ์สบู่หลายสิบกล่อง เพราะมีราคาเพียงกล่องละสิบอิแปะเท่านั้น กล่องที่นางต้องการทำก็ไม่ได้ยุ่งยาก ลุงจวงคิดว่าทำเพียงสองวันก็คงจะเสร็จ เขาจะนำไปส่งให้นางที่เรือนในภายหลัง

เพียงวันต่อมา พ่อบ้านเกาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน เมื่อรู้ว่าเลี่ยงรุ่ยถูกตระกูลจางตัดขาด เขาจึงได้มาที่เรือนหลังใหม่ของพวกเขา

เมื่อเข้ามาด้านในและเห็นคุณหนูของตนสวมชุดธรรมดาเช่นชาวบ้านทั่วไปก็อดมองนางอย่างเห็นใจไม่ได้ เขาเห็นนางมาตั้งแต่เกิด ย่อมจะเอ็นดูนางอยู่ไม่น้อย เรื่องในวันนี้ก็เป็นเขาที่ขอมาส่งหนังสือตัดขาดด้วยตนเอง เพราะอยากจะดูความเป็นอยู่ของนาง

“คุณหนู” พ่อบ้านเกาเอ่ยเรียกนางเสียงสั่น

หลินเยว่นางเงยหน้าขึ้นมามองเขา จากความทรงจำเดิมของนาง เขาเป็นอีกคนในจวนที่ดูแลนางอย่างดี นางจึงยิ้มออกมาให้เขา

“ท่านลุงเกา” นางเอ่ยเรียกเสียงหวาน เช่นที่เจ้าของร่างเดิมชอบเรียกเขา

ทั้งสองเอ่ยพูดคุยกันหลายประโยค หลินเยว่นางจึงได้รู้ว่า วันนั้นที่นางเข้าเมือง บังเอิญว่าซินเซียนและต
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ยอดสั่งครั้งแรก

    หลินเยว่นางพูดคุยเรื่องราคามากับเลี่ยงรุ่ยแล้ว จึงได้เอ่ยออกมาตามความตั้งใจของนาง“สบู่ที่ไม่มีกลิ่น สองร้อยอิแปะ ส่วนสบู่กลิ่นดอกกุ้ยเหมยสองตำลึง เจ้าค่ะ” นางมองท่าทีของเถ้าแก่เนี้ยจินว่านางจะมีอาการเช่นไรแต่ก็พบว่านางดูมิได้ตกใจกับราคาที่หลินเยว่นางเอ่ยออกมา พร้อมทั้งพยักหน้าอย่างพึงพอใจอีกด้วย“เช่นนั้นก็ตามนี้ ส่วนเรื่องราคาที่ข้าจะนำมาขายที่ร้านสบู่ไม่กลิ่นข้าจะเพิ่มอีกห้าสิบอิแปะ ส่วนสบู่ดอกกุ้ยเหมยข้าจะเพิ่มห้าร้อยอิแปะ เจ้าเห็นเช่นไร” นางขอความเห็นกับหลินเยว่ที่นางเพิ่มขึ้นเช่นนี้ หลินเยว่จะได้ไม่ต้องมาแบ่งค่าวางสินค้าในร้านให้นางเพิ่มอีก“ได้เจ้าค่ะ” หลินเยว่เห็นว่านางก็ไม่ได้เพิ่มมากกว่าเดิมเยอะ ก็เหมือนว่านางขายส่งส่วนคนขายจะไปบวกเพิ่มเท่าไหร่ นางไม่สนใจแล้ว“เช่นนั้นก็ทำสัญญาเถิด ในเมืองหานตง ข้าอยากให้เจ้าขายให้ข้าเพียงผู้เดียว”“เรื่องนี้ข้าไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ”“ดี” จินเหมยฮวายิ้มออกมาอย่างพอใจ ที่หลินเยว่นางพูดง่ายเช่นนี้ นางรีบเดินไปนำกระดาษมาเขียนสัญญาทันที“เอ่อ ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าเลยว่าเจ้าจะส่งสบู่ชุดแรกให้ข้าได้เท่าใด” นางหันกลับมาหาหลินเยว่นางหยุดคิดอยู่ครู่ ว่า

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ร้านจินเซียง

    หลินเยว่นางจึงได้รู้ว่า คนที่ถูกตระกูลตัดขาด หากไม่หนักแน่นพอก็อาจจะเป็นบ้าหรือฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นเสีย จะได้ไม่ต้องถูกสายตาเหยียดหยามมองมาตลอดเช่นนี้“ใช่ แต่ข้าอยากรู้ว่ามีร้านอื่นอีกหรือไม่” หลินเยว่ นางไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจแล้ว“ร้านจินเซียงอย่างไรเล่า เจ้าก็ช่างประหลาด เมื่อก่อนก็อยู่ในเมืองแท้” นางมองหลินเยว่ด้วยสีหน้าประหลาด“ขอบใจเจ้ามาก ข้าไปก่อนเล่า” หลินเยว่เก็บผ้าทั้งหมดใส่ตะกร้า และแบกขึ้นหลังทันที“อาเยว่ เจ้ายังซักไม่เสร็จเลย” เสี่ยวถิงตะโกนร้องเรียกนาง แต่หลินเยว่นางเพียงแค่โบกมือแล้วเร่งฝีเท้ากลับไปทางเรือนของนาง“อะไรของนาง” เสี่ยวถิงเกาหัวอย่างมึนงงเหมือนหลินเยว่นางเพียงแค่อยากมาพูดคุยเช่นที่นางบอก ไม่ได้อยากมาซักผ้าเสียหน่อยเลี่ยงรุ่ยเห็นนางแบกตะกร้าที่เปียกโชกกลับมาก็รีบเดินออกไปรับตะกร้ามาถือไว้เอง ยิ่งเห็นผ้าด้านในบางตัวเปียก บางตัวไม่เปียก เขาก็มองนางอย่างขอคำตอบ“อ้อ ข้าเพียงไปสืบข่าวเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจไปซักผ้า” นางเอ่ยออกมา ก่อนจะแย่งตะกร้าแล้วเก็บเข้าไปในมิติ“เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่”“อ้าว ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจแล้วเสียอีก ข้าจะไปเจรจ

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   สืบข่าว

    เพียงนำเบสสบู่ออกมาละลาย โดยวิธีการตุ๋น เมื่อละลายดีแล้ว นางก็นำน้ำหอมที่อยู่ในมิติของนางมาผสมใส่ลงไป เพียงแต่นางไม่ได้ใส่สี เพราะกลัวว่าจะดูแปลกจนเกินไปกลัวว่าผู้คนจะไม่กล้าซื้อไปใช้สบู่ของนางจึงมีเพียงสีขาว และขาวขุ่นเท่านั้น เพื่อเพิ่มความแตกต่างของแต่ละกลิ่น นางจึงต้องหาดอกไม้มาผสมลงไปในสบู่ของนางด้วยในเรือนตอนนี้มีเพียงดอกเหมยกุ้ย (ดอกกุหลาบ) นางจึงทำออกมาเพียงแค่กลิ่นเดียวเท่านั้น เพื่อจะทดสอบดูว่าพอจะใช้ได้หรือไม่ และกลิ่นที่ได้ติดผิวกายมากน้อยเพียงใดส่วนผสมทุกอย่างนางเพียงคาดเดาเท่านั้น จึงไม่อาจสำเร็จได้ในครั้งแรก หลินเยว่ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่หลายวัน กว่าที่นางจะได้สบู่ชุดแรกออกมา“ข้าว่าครั้งนี้สำเร็จแล้ว” นางมองสบู่ที่เพิ่งแกะออกจากพิมพ์ ครั้งนี้กลิ่นที่ออกมาจากสบู่ไม่รุนแรงเช่นที่ผ่านมา เมื่อนำมาลองล้างมือก็พบว่ากลิ่นติดมือไม่น้อย“ท่านว่าเป็นเช่นไร” หลินเยว่ยื่นมือของนางไปใกล้จมูกของเลี่ยงรุ่ยเมื่อเขาได้ลองสูดดมก็พบว่าครั้งนี้กลิ่นที่ออกมากำลังพอดี ไม่ฉุนจนเกินไป ทั้งยังเย้ายวนไม่น้อย จึงเผลอสูดดมอยู่นาน จนหลินเยว่นางต้องดึงมือกลับมา“ข้าว่าใช้ได้แล้ว” สายตาที่ม

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ตระกูลเกาตัดขาดนาง

    “ข้าไม่รู้เรื่องนี้เลย จะเป็นอันใดหรือไม่” หลินเยว่เอ่ยออกมาอย่างกังวล“ไว้ข้าจะพาเจ้าไปวันหลัง เจ้าอย่าได้กังวล” เลี่ยงรุ่ยเอ่ยปลอบใจนางหลินเยว่สั่งทำพิมพ์สบู่หลายสิบกล่อง เพราะมีราคาเพียงกล่องละสิบอิแปะเท่านั้น กล่องที่นางต้องการทำก็ไม่ได้ยุ่งยาก ลุงจวงคิดว่าทำเพียงสองวันก็คงจะเสร็จ เขาจะนำไปส่งให้นางที่เรือนในภายหลังเพียงวันต่อมา พ่อบ้านเกาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน เมื่อรู้ว่าเลี่ยงรุ่ยถูกตระกูลจางตัดขาด เขาจึงได้มาที่เรือนหลังใหม่ของพวกเขาเมื่อเข้ามาด้านในและเห็นคุณหนูของตนสวมชุดธรรมดาเช่นชาวบ้านทั่วไปก็อดมองนางอย่างเห็นใจไม่ได้ เขาเห็นนางมาตั้งแต่เกิด ย่อมจะเอ็นดูนางอยู่ไม่น้อย เรื่องในวันนี้ก็เป็นเขาที่ขอมาส่งหนังสือตัดขาดด้วยตนเอง เพราะอยากจะดูความเป็นอยู่ของนาง“คุณหนู” พ่อบ้านเกาเอ่ยเรียกนางเสียงสั่นหลินเยว่นางเงยหน้าขึ้นมามองเขา จากความทรงจำเดิมของนาง เขาเป็นอีกคนในจวนที่ดูแลนางอย่างดี นางจึงยิ้มออกมาให้เขา“ท่านลุงเกา” นางเอ่ยเรียกเสียงหวาน เช่นที่เจ้าของร่างเดิมชอบเรียกเขาทั้งสองเอ่ยพูดคุยกันหลายประโยค หลินเยว่นางจึงได้รู้ว่า วันนั้นที่นางเข้าเมือง บังเอิญว่าซินเซียนและต

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เจ้าขาดน้ำตาลรึ

    สามีของนางมิได้สนใจบุตรสาวคนโตมากนัก จึงเป็นเรื่องง่ายที่นางจะพูดให้เขาเห็นด้วย แต่เขาก็ยังคงเป็นห่วงหลินเยว่ที่ต้องเข้าตระกูลจางที่เป็นเพียงชาวบ้านเท่านั้นจึงได้มอบสินเดิมให้นางติดตัวไปถึงห้าร้อยตำลึงเงิน แต่เป็นนางที่เก็บเงินไว้กับตัว โดยแบ่งใส่สินเดิมให้หลินเยว่ไปเพียงยี่สิบตำลึงเงินเท่านั้น หากสามีนางรู้เรื่องนี้ขึ้นมาคงจะตำหนินางไม่น้อย“แม่ต้องส่งคนไปสืบเรื่องที่หมู่บ้านจิ่วหานเสียหน่อยแล้ว” ความจริงนางเจินซื่อให้คนไปแจ้งนางฮั่วซื่อให้ทรมานหลินเยว่จนไม่อาจเข้ามาในเมืองได้ก็เท่านั้นหากเป็นเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดที่นางทำไว้ สามีของนางก็ไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน แม้แต่ตู้ฮุ่ยเหอเขาก็รู้จากซินเซียนว่า หลินเยว่นางมีเงินติดตัวไปห้าร้อยตำลึง ในตอนแรกเขาก็จะนำเงินไปมอบให้นางเพิ่มอีก แต่ซินเซียนนางเอ่ยท้วงไว้“หากพี่สาวมีเงินมาไป ข้าคิดว่าไม่ดีเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นจะเกิดภัยกับนางได้ ที่ท่านพ่อมอบให้ไปก็เพียงพอให้นางใช้รักษาตัว ทั้งยังมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” ภรรยารักพูดเช่นนี้เขาจะไม่ฟังได้อย่างไรนางเจินซื่อรีบพาซินเซียนไปนั่งรอที่ห้องโถง เผื่อว่าหลินเยว่นางกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม นาง

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เป็นนางใช่หรือไม่

    หากนางจะต้องไปอีกสองร้านก็กลัวว่าจะกลับไปเอาของที่ฝากไว้ และไปที่เกวียนที่จอดรออยู่หน้าประตูเมืองไม่ทันร้านเครื่องหอมที่เลี่ยงรุ่ยพามา เป็นร้านใหญ่ไม่น้อย แต่ของด้านในก็มีเพียงแค่ถุงหอมกับกำยานที่ใช้จุดเท่านั้น กลิ่นที่มีก็เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆนางหยิบถุงหอมขึ้นมาดูอย่างสนใจ กลิ่นมีให้เลือกอยู่ไม่น้อย แต่นางก็ยังไม่เข้าใจว่าเพียงแค่ห้อยไว้ที่เอว จะส่งกลิ่นหอมออกมาได้มากเพียงใด หลินเยว่จึงได้ซื้อกลับมาหนึ่งถุง ตอนที่จ่ายเงินมือของนางก็สั่นไม่น้อย เพราะต้องเสียเงินไปถึงสองตำลึงเงินราคาที่นางเสียไปเป็นราคาที่ถูกที่สุดในร้านแล้ว นางไม่อยากจะเชื่อ เพียงแค่ถุงผ้าปักลวดลายสวยๆ ใส่กลีบดอกไม้แห้งเพียงเล็กน้อย จะมีราคานับสิบตำลึงเงิน ของนางที่ซื้อกลับมา ถุงผ้ามิได้มีลวดลายอันใด ราคาจึงเพียงแค่สองตำลึงเงินเท่านั้นหลินเยว่ มิได้เอาถุงหอมห้อยไว้ที่เอว เพราะนางลองแล้ว กลิ่นที่ออกมาก็ไม่เห็นจะชัดเจนเท่าไหร่ นางจึงลองใส่ไว้ในอกเสื้อของนางแทน“เจ้าทำอันใด” เลี่ยงรุ่ยตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นหลินเยว่นางล่วงเข้าไปในสาบเสื้อระหว่างที่เดินอยู่บนถนน“ข้าว่าห้อยไว้ที่เอว กลิ่นมันไม่หอมมากนัก จึงลองใส่ไว้ที่อกเสื

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เข้าเมืองซื้อของ

    นางคิดว่าเขาเคยชินกับที่นอนแข็งๆ ที่มีเพียงเตียงไม้ไผ่ปูทับด้วยผ้าบางๆ“ไม่ใช่” เลี่ยงรุ่ยได้ทีก็ขยับไปจนชิดกับนาง“ที่นอนกว้างขวาง ท่านจะมานอนเบียดข้าเพื่ออันใด” นางลุกขึ้นไปมองที่นอนฝั่งของเลี่ยงรุ่ยที่กว้างจนคนอีกคนมานอนได้อย่างสบาย“ข้าอยากนอนใกล้เจ้า” หลินเยว่เบิกตากว้างมองเลี่ยงรุ่ยคืนนี้ที่ทั้งคู่นอนด้วยกัน เป็นเพียงคืนที่สามเท่านั้น เขาก็ทำหน้าหนาอยากนอนใกล้นางเสียแล้ว“เอ่อ นอนนิ่งๆ เล่า ห้ามขยับอีก ข้าจะนอนแล้ว” นางพลิกตัวหันหนีไปอีกข้าง เพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่านางกำลังหน้าแดงเลี่ยงรุ่ยมิได้ขยับตัวอีก จนเมื่อหลินเยว่นางหลับสนิท เขาก็ลืมตาขึ้น พร้อมทั้งดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแทนรุ่งเช้าเมื่อหลินเยว่นางตื่นขึ้น นางจึงได้รู้ว่าตัวนางอยู่ในอ้อมกอดของเลี่ยงรุ่ย นางจึงนอนนิ่งไม่ยอมขยับ เลี่ยงรุ่ยที่รู้ว่านางตื่นแล้วแต่ไม่ยอมที่จะขยับตัวก็รู้สึกขบขันไม่น้อย เขาจึงกระซิบข้างหูของนาง“ตื่นแล้วเหตุใดถึงไม่ลุกเล่า” เสียงทุ้มต่ำยามตื่นนอนของเขา ทำให้นางอดจะขนลุกไม่ได้หลินเยว่รีบพลิกตัวหนีไปอีกด้านทันที นางยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิด เพราะตัวนางคิดว่าเป็นตัวเองที่เผลอเข้าไปกอดเขาตอนที

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เรือนหลังใหม่

    ทั้งสองเดินไปที่เรือนหลังใหม่ทันที โดยไม่ได้หยุดฟังหรือสนใจคำพูดของชาวบ้านที่ต่อว่านางฮั่วซื่อ หรือสะใจที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ทั้งคู่มีเพียงห่อผ้าและหีบสินเดิมของหลินเยว่เท่านั้น เมื่อมาถึงเรือนก็ไม่ต้องเก็บสิ่งใดมากนัก เพียงนำไปวางไว้ในห้องเท่านั้นแม้แต่เครื่องครัวหรือเครื่องเรือนก็ไม่แบ่งให้ทั้งสองไปใช้ในเรือนของนางกุ้ยเลยสักชิ้นข้าวของที่เรือนของมารดาเลี่ยงรุ่ย ต่างถูกนางฮั่วซื่อและนางหงซื่อไปขนมาไว้ที่เรือนตระกูลจางหมดแล้ว ตอนนี้จึงมีเพียงแค่เรือนเปล่าๆแต่ทั้งสองไม่รู้เลยว่า เลี่ยงรุ่ยสร้างเครื่องเรือนด้วยตนเองนำไปเก็บไว้ที่เรือนบ้างแล้ว แม้เรือนจะไร้คนอยู่อาศัย แต่ตัวเขาก็ไปเก็บกวาดอยู่เสมอ เรือนจึงไม่ได้ทรุดโทรมมากนัก“เจ้านั่งพักก่อนดีหรือไม่ ข้าจะไปทำความสะอาดเรือนให้เอง” เลี่ยงรุ่ยลูบใบหน้าของนางอย่างปวดใจ ที่ต้องพานางมาลำบากเช่นนี้“ข้ามิได้เหนื่อยอันใด ประเดี๋ยวทำความสะอาดเสร็จค่อยพักก็ได้”หลินเยว่นางนำของทำความสะอาดออกมาจากมิติ เมื่ออยู่เพียงลำพังเช่นนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีผู้อื่นมาเห็นสิ่งของที่นางนำออกมาเมื่อมีไม้กวาดกับไม้ถูพื้นที่นางนำออกมา ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะง่า

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ตัดขาดตระกูลจาง

    เมื่อเขามีครอบครัวเป็นของตนเองจึงไม่อยากให้ภรรยาถูกรังแกไปด้วย วันนี้เขาก็รู้จากลูกสะใภ้ว่าหลินเยว่นางต้องซักผ้าให้คนทั้งเรือน ทั้งยังเปิดให้ดูร่องรอยที่นางถูกนางฮั่วซื่อทุบตีอีกด้วย“เอาเถิด เช่นนั้นก็นำที่นาและเงินในส่วนของอาซางมาให้อารุ่ยเสีย” เขาหันไปบอกจางซุนและนางฮั่วซื่อ“เหอะ ข้าไม่ให้ ตั้งแต่มันเกิดมาครอบครัวข้าต้องสูญเสียไปไม่น้อย ตอนจะไปยังคิดจะมาเอาของ ของข้าไปอีกรึ” นางฮั่วซื่อเท้าสะเอวต่อว่าเลี่ยงรุ่ยผู้นำหมู่บ้านก็ดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างยิ่งที่นางฮั่วซื่อดื้อรั้นเช่นนี้ เขากำลังจะอ้าปากต่อว่า แต่เสียงของเลี่ยงรุ่ยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน“ท่านลุงจิ่ว ส่วนของบิดาข้า ข้าไม่ต้องการขอรับ แต่ข้าขอส่วนที่เป็นสินเดิมของท่านแม่คืนก็พอขอรับ” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อมกับผู้นำหมู่บ้าน“ไปนำมาคืนอารุ่ยเสีย” ผู้นำหมู่บ้านก็เห็นด้วยกับเลี่ยงรุ่ย“ส่วนนี้ก็ไม่ได้” นางฮั่วซื่อหันหน้าไปทางอื่น“เพ้ย ของอาซางก็ไม่ให้ ที่นากับบ้านของอากุ้ยเจ้าก็ไม่ให้อีกรึ เช่นนั้นก็ไปที่ว่าการ ให้ท่านนายอำเภอตัดสินเสีย”จางซุนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าจะไปที่ว่าการ เขาลากตัวมารดาออกไปคุยห่างจากผู้อื่นเล็กน้อย“ท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status