ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น
เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียวนางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด
ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่าเขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน !
“อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด”
“ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือติดตัว คุณชายเจิ้งลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปหมดสิ้นแล้วหรือไร”
เจิ้งเสี่ยวหยวนถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก และกล่าวอย่างตัดบทว่า
“ยามนั้นข้าอายุเพียงสิบขวบ และช่วงที่มารดาเสียชีวิตจากน้ำป่า ก็ทำให้สติเลอะเลือน...ไปบ้าง เช่นนี้เจ้าจงอย่ารื้อฟื้นความหลังอีกเลย!”
ไป๋ลู่เถียนมาถึงสถานที่นัดพบกับอี้ฟาน นางค่อนข้างระแวดระวังภัย แม้จะดูเหมือนว่าช้าไปสักหน่อยที่คิดถึงเรื่องนี้ แต่ก็นั้นแหละ นางไม่ใช่ตัวร้ายโง่ ๆ อีกแล้ว เพียงแต่ยอมให้บทเดิม ๆ สานต่อเรื่องราว อีกทั้งนางจำเป็นต้องใช้อี้ฟานให้ช่วยจัดการหลายสิ่ง โดยเฉพาะการที่บุรุษผู้นี้จะพานางเข้าคฤหาสน์สกุลปัน ส่วนอี้ฟานจะมีชีวิตเช่นไรหลังจากนั้น
แน่นอนว่า เขาคงไม่ได้มีความสุขเหมือนเคย
“เข้าไปด้านในสิ” เหอชิงบอกนาง
“คุณชายฟานอยู่ข้างในเช่นนั้นหรือ” ไป๋ลู่เถียนถามและประเมินเรือนหลังเล็กเบื้องหน้า
“ข้ามีหน้าที่พาเจ้ามา อย่าถามให้มากความ เอาละ...หมดธุระเสียที” เหอชิงกล่าวจบจึงก้าวหลบไปอีกทาง
ในยามนั้นไป๋ลู่เถียนทำใจดีสู้เสือ อย่างไรชีวิตนางคงไม่ตายง่าย ๆ และจบลงที่นี่ เพราะยังมีผลประโยชน์ต่ออี้ฟาน เขาต้องการสตรีโง่เขลาสักคนที่ทำให้มีหลักประกันว่า บิดาจะให้อภัยในสิ่งที่เคยก่อไว้แต่หนหลัง ทว่าอี้ฟานกลับไม่เฉลียวใจสักนิด การที่อีกฝ่ายต้องการใช้ไป๋ลู่เถียนเป็นทางผ่านเพื่อกลับสู่สกุลปัน คนที่วางแผนไว้ตั้งแต่แรกก็คือนางต่างหาก ส่วนเขาหรือ ให้ดีที่สุดคงเป็นได้เพียงเบี้ยตัวเล็ก ๆ ในกระดานของนางเท่านั้น
เมื่อก้าวเข้าไปในสวนหิน คนผู้หนึ่งก็มองมายังไป๋ลู่เถียน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือสีหน้าเขาค่อนข้างตกใจ ดวงตาคมคู่นั้นเบิกค้าง ก่อนจะยกมือกอดอกตน เขาหวงเนื้อหวงตัว และบอกให้รู้ว่ากำลังประหม่าเมื่อพบไป๋ลู่เถียน
และชายผู้นี้คือปันอี้ฟาน ตัวร้ายที่ทำให้ไป๋ลู่เถียนต้องพบกับหายนะในชีวิต!
ส่วนไป๋ลู่เถียนนั้น นางย้อนเวลากลับมาโลดแล่นในเรื่องนี้ โดยมีชื่อแซ่เดียวกัน ผิดแต่ไป๋ลู่เถียนผู้มาใหม่ มิใช่นางร้ายตัวตลกโง่งมที่มักถูกนางเอกและเหล่าเพื่อนนางเอกกลั่นแกล้ง ซ้ำร้ายยังแพ้ภัยตัวเองเสมอ เจ็บตัว เจ็บใจ สุดท้ายพระเอกไม่เห็นค่า ตัวร้ายยังย่ำยี
“เอ่อ... แม่นางเถียน”
อี้ฟานไม่ได้ขยับตัว เขาช่างดูเป็นผู้ชายขี้ขลาด แม้จะหล่อเหลาจัด ดวงตาคมกริบ ผิวขาวเหลือง ปากคิ้วนั้นรับใบหน้าเทพบุตร
“หากคุณชายฟาน อยากกล่าวขอโทษข้าเรื่องที่ผิดนัด รวมถึงการให้ข้าต้องเดินทางไกลครึ่งค่อนวันก็เชิญเถิด สตรีผู้นี้มีเหตุผลมากพอ”
ชายหนุ่มแสดงท่าทีกระอึกกระอักและเกร็ง แน่นอนแม้นางจะสวย หยาดเยิ้ม ทว่าเมื่อเปิดเปลือยผิวหน้าที่แท้จริง รอยด่างหลายแห่งนั้นย่อมทำให้คนไม่คุ้นชินครั่นคร้ามใจหรือถึงขั้นรังเกียจ
“ข้าไม่คิดว่า จะมีรอยประหลาดบนใบหน้าและลำคอของเจ้า”
ฮึ...ความบัดซบของชายงามล่มเมืองอย่างอี้ฟานบังเกิดขึ้นแล้ว
ชาติก่อนนางเมา ไร้สติ เพราะเสียใจที่เจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เห็นค่า สุดท้ายก็เจอผีพนันอย่างอี้ฟานข่มเหงและยังบังคับให้นางยกโฉนดที่ดินหลายพันไร่ให้แก่เขา เมื่อเข้าสกุลปันได้นางยังถูกไท่ฮูหยินปันกลั่นแกล้ง
ฉากสุดท้ายที่จำได้ก่อนสิ้นใจ นางได้พบปันเส้าเฟิงและน่าเสียดายเหลือเกินที่เขายื่นมือมาช่วยเหลือช้าเกินไป กระทั่งสวรรค์หยิบยื่นให้นางได้เกิดใหม่ เป็นตัวละครเดิม เยี่ยงนี้นางร้ายไฉนจะไม่เปลี่ยนบทให้ตนมีอำนาจและวาสนากันเล่า
“ข้าป่วย...แต่ไม่ถึงกับตาย อีกอย่างมันแค่เปลือกหุ้มร่างกาย และหากคุณชายฟานมิชอบ ข้าจะกลับเสียเดี๋ยวนี้”
ไป๋ลู่เถียนไม่ได้กล่าวเล่น ๆ น้ำเสียงกับท่าทีของนางแสดงให้รู้ว่าพร้อมจากไปเสมอ
ยามนั้นอี้ฟานแยกเขี้ยวคม ๆ และฝืนใจก้าวเข้ามาใกล้ไป๋ลู่เถียน ท่าทางของเขาบอกให้รู้ว่าพยายามเหลือเกินที่จะใช้ความหล่อเหลาของตนมัดใจนาง ถึงอย่างนั้น ผู้ชายแสนร้ายและเลือดเย็น ก็ยังไม่กล้าทำอย่างที่ใจนึก ด้วยปกติมือไม้ของเขาไวอย่างกับลิง แต่ยามนี้กลับทำได้แต่เก้ ๆ กัง ๆ จะเอื้อมมากอด มาบีบนวลเนื้อนิ่มก็หาได้กล้ากระทำไม่
เมื่อเป็นเช่นนั้น นางร้ายผู้นี้ ย่อมต้องยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัวเสียหน่อย ด้วยนางใช่ว่าจะมีเวลามากมาย เสร็จจากเรื่องของอี้ฟาน นางก็ต้องหาทางพบกับเหล่าตัวเอกของเรื่อง ทั้งเฉินมี่ เจิ้งเสี่ยวหยวนและตงเร่อ
“อ๊ะ...อุ๊ย...ทำไม ข้ารู้สึกหน้ามืด และหายใจไม่ออกเช่นนี้”
ไป๋ลู่เถียนแสร้งเซเสียหลัก แล้วมือเรียวสวยก็เกาะแขนชายหนุ่ม บีบต้นแขนกำยำเขาพอให้อีกฝ่าย รู้สึกถึงความเร่าร้อนระหว่างชายหญิง
อี้ฟานหน้าแดงระเรื่อ เพราะส่วนที่เก็บเรียบร้อยในกางเกงค่อย ๆ พองขยาย เมื่อไป๋ลู่เถียนหมุนตัวเล็กน้อย นางก็รับรู้ได้ว่าขาที่สามของเขาสัมผัสกับบั้นท้ายงอนหนั่นแน่น!
ฉัน...ไม่ใช่สิ รู้สึกเขินที่ต้องใช้คำพรรคนั้น ด้วยข้ามาอยู่ที่โลกจีนโบราณซึ่งเข้าใจว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พบว่า ความสุขคือการลงมือทำด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ แต่เดิมนั้น ชีวิตตัวละครนามว่า ไป๋ลู่เถียน คือนางร้ายและสมควรจากไปตั้งนานแล้ว ทว่าจนตอนนี้นางมีลูกชายสามคน เป็นฝาแฝด และให้กำเนิดเด็กหญิงแสนน่ารัก ลู่เฟิง อันเป็นชื่อที่ข้ากับบิดาของนางช่วยกันตั้ง โดยผสมชื่อทั้งคู่เข้าด้วยกัน ลู่เฟิง เป็น วิหคน้อยที่งดงามสมวัย ทั้งยังเป็นที่รักของพี่ชาย ยามนี้เหล่าพี่ชายทั้งสาม ต่างแย่งกันปกป้องน้องสาว ส่วนซือหม่าปั่นผู้เป็นสามีข้า เกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เขายังหล่อเหลาและหนุ่มแน่นในแบบฉบับที่ข้าหลงรักได้ทุกวัน เพียงแต่ผมเปลี่ยนสีเท่านั้น จากดำขลับปีกอีกา ถูกแซมด้วยสีขาวซึ่งมีเสน่ห์อีกแบบทว่าอย่างเดียวที่ข้ากังวลใจ คือสีหน้าเขามักเครียดทุกครั้งยามเหล่าองค์หญิงน้อยเชิญ ลู่เฟิงไปเล่นสนุกในวังหลวง เนื่องจากมันเป็นแผนของเหล่าพระสนมนั่นเอง ด้วยอยากให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเขาเข้าวัง เพื่อเหล่าองค์ชายทั้งในสกุลและต่างสกุลได้ยลโฉม
เยว่ซิงตามมาดูเหตุการณ์ต่างๆ พอเห็นว่าซือซินอี๋ลอยไปตามสายน้ำในจุดที่พ้นภัย นางค่อยโล่งใจ ซึ่งก่อนหน้านั้น นางกับฝ่ายแคว้นตาโจวร่วมมือกันยิงธนูเพื่อเร่งเร้าให้ทั้งคู่ หาทางใกล้ชิดกัน แม้อันตรายหากได้ผลดีเยี่ยม “นางกำนัลเยว่... ครั้งนี้นับว่าเจ้าสร้างผลงานชั้นเลิศ แม่ทัพของพวกเราขาดสตรีอุ่นเตียงมานานเหลือเกิน อีกทั้งเขาได้กินเนื้อหงส์เช่นนี้ วาสนานั้นนับว่าดีเกินใคร” รองแม่ทัพและสหายเจิ้งคังเอ่ย “ทั้งหมดนี้เพราะ ชิงอ๋องต้องการหาบุรุษที่เหมาะสมกับองค์หญิงเก้า และฝ่ายแคว้นต้าโจวเสนอบุรุษที่เพียบพร้อมที่สุด ทั้งยังยึดมั่นในความรัก เรื่องนี้นับว่าเป็นความเหมาะสม” “พวกเราย่อมมีนายหญิงคนใหม่ที่สูงศักดิ์เร็ววัน ขอบน้ำใจนางกำนัลเยว่” รองแม่ทัพเอ่ยจบ เขาก็ไปเตรียมรอการกับมาของเจิ้งคัง ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยชายหญิงคู่นี้ ย่อมใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คงราวๆ สามคืนสามวันเป็นอย่างต่ำ ซือซินอี๋กินตื่นเช้าอีกวัน แน่นอนนางกับเจิ้งคังร่วมรักกันยาวนาน เป็นเวลามากกว่าสามคืนสามวัน เจิ้งคังต้องการเช่นนั้น เขาจะได้คุยโม้ปันเส้าเฟิงได้ว่า
จากนั้น เจิ้งคังเลือกที่จะควบม้าออกจากกลุ่มของเขา และแจ้งทุกคนว่า หากใครพบซือซินอี๋ก่อนจงล้อมนางไว้ อย่าได้แตะต้องหรือล่วงเกินเด็ดขาด โดยเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพราย เขากลัวจะมีเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงนางนั่นเอง แม่ทัพหนุ่มควบม้าสลับการสืบหาล่องลอยองค์หญิงอยู่เกือบสองวัน ในที่สุดเขาก็พบหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังนอนบนหินริมแม่น้ำกว้าง ปล่อยใจชื่นชมบรรยากาศด้วยความสุข แต่หนุ่มน้อยคนดังกล่าว ผิวออกจะนวลเนียน ใบหน้ากระจ่างใส อีกทั้งริมฝีปากแดงสดยั่วยวนน่าจูบอย่างที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังมีหน้าอกอวบๆ ดึงดูดสายตา และหากเขาใจกล้าพอที่จะจับเป้ากางเกงอีกฝ่ายคงไม่พบงวงช้างอันใด หากจะเป็นกลีบฉ่ำๆ อย่างแน่นอน แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึๆ สตรีผู้หนึ่งชอบความสนุกเป็นที่ตั้ง รักความสำราญใจและอิสระ โดยไม่รู้ว่าผลที่ตามมาผู้อื่นต้องลำบากสิ่งใดบ้าง หากไม่สั่งสอนสักหน่อย คงไม่ใช่เจิ้งคังผู้นี้ ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากม้า สืบเท้าไปหานางช้าๆ “ข้าอยากดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านได้หรือไม่” ทั้งที่อยากกำร
ซือซินอี๋ องค์หญิงเก้าแคว้นชิง นางกำนัลเยว่ซิง ขันทีเจียง (เจียงกง) เจิ้นเหริน แฝดคนโต เจิ้นห่าว แฝดคนกลาง เจิ้นหนาน แฝดคนสุดท้อง ลู่เฟิง ลูกสาวคนสวยของไป๋ลู่เถียนและปันเส้าเฟิง **************************“ลิ้นสากร้อนของท่านช่างเกเร...”“แล้วลิ้นเรียวเล็กสีชมพูขององค์หญิงเล่าเอาชนะบุรุษแห่งแคว้นต้าโจวได้หรือไม่”ได้ยินอย่างนั้น ซือซินอี๋ก็ไม่รอช้าถูกท้าทายเช่นนี้อย่างไรนางก็ต้องกุมชัยชนะอยู่เหนือแม่ทัพเจิ้ง!*************************ตอนพิเศษเร้ารักองค์หญิงต่างแคว้นซือซินอี๋ คือโฉมงามแคว้นชิง ทว่านางหัวรั้นอวดดี ทั้งยังนิยมแต่งตัวเป็นบุรุษ วันดีคืนนี้ก็ทำตัวเสเพลแอบดูสตรีอาบน้ำ หากสิ่งนั้นยังน้อยไป เพราะการถ้ำมองคู่รักเข้าหอคืนแรกคือสิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นและซ่านสยิวใจที่สุด ดูด้วยสองตาไม่พอ ยังสั่งวาดภาพ และจดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ด้วย ยิ่งได้เห็นเหล่าหญิงงามที่นุ่มนิ่ม เอวบางขยับท่าทางโลดโผน แล้วรุกไล่ข่มเหงบุรุษ หรือส่งเสียงครางระงมราวกั
***แนะนำก่อนอ่านเรื่อง ในตอนพิเศษนี้ คือเหตุการณ์หลังจากปันเส้าเฟิงและไป๋ลู่เถียนอยู่ในจวนปันอย่างสามีภรรยา และมีสามแฝดเป็นพยานรักไป๋ลู่เถียนรับรู้ได้ว่าปันเส้าเฟิงกำลังพยายามทำบางอย่างด้วยต้องการเอาใจนาง แต่ให้ตายเถิด มันจั๊กจี้เป็นบ้า ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่ใช่การเล่นปูไต่ หากเขากำลังใช้นิ้วยาวๆ สำรวจน่อง ไล่ไปยังต้นขาเรียวและอีกนิดเดียวคงแทรกเข้าสู่พื้นที่หวานจัดของนางอ๊ะ ความหวามใจนี้ เกินที่นางจะระงับความซ่านสยิวของเนื้อสาวที่ฉ่ำแฉะได้อีกต่อ และนางหมายใจอยากให้ทั้งนิ้วยาวๆ ของเขา และขาที่สามอุ่นจัดซึ่งอยู่ในร่มผ้าเผด็จศึกนางเสียที กระนั้นนางก็เอ่ยปากตรงข้ามความรู้สึกของตน“ตาเฒ่า ท่านหยุดลามกกับเมียเด็กสักวันได้หรือไม่” ช่วงหลังมานี้ ไป๋ลู่เถียนติดใช้คำร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน และปันเส้าเฟิงย่อมไม่ถือสา เขาสนุกกับถ้อยคำของนาง อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ พลอยทำให้ปันเส้าเฟิงได้ย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง และเหนืออื่นใดเขารักเมียเด็ก หลงเมีย และรู้ว่าอีกไม่นานนางคงตั้งครรภ์ แล้วให้กำเนิดเด็กๆ ที่น่ารักมาเป็นเพื่อนเล่นเหล่าพี่ชายซึ่งอยู่ในวัยซุกซนทั้งสามคน “มิได้ เป้าเป่
เมื่อเมื่อก้าวเข้ามาในเรือนก็เห็นจู่ซินเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย นางอาจไม่ใช่สตรีงดงามล่มเมือง ทว่ากิริยาน่ารักน่าชม เหนืออื่นใดนางอวบอัด มีเนื้อหนังให้น่าสัมผัสไปหมด เมื่อดวงตาเรียวรีมองเห็นผู้เป็นสามียืนอยู่กลางห้องโถง พร้อมวัตถุดิบในมือ จู่ซินจึงยิ้มดีใจ สำหรับนางอี้ฟานเป็นบุรุษที่น่าสงสาร เขาพยายามเป็นคนดีเสมอ ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีโอกาสนักสำหรับชายคนนี้ กระทั่งมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน อี้ฟานค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัย แม้ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ก็เป็นชายที่นางอยากใช้ชีวิตด้วย ที่สำคัญอี้ฟานไม่เคยทำร้ายนาง ไม่มีการตบตี ด่าทอ อาจพูดน้อย รักสันโดษ และไม่ค่อยร่าเริงก็เท่านั้น “ทำอาหารกินกันดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะหิว” อี้ฟานกล่าวทำลายบรรยากาศที่ร้อนรุ่มในห้องโถงของเรือน “ท่านพี่...” จู่ซินไม่ได้อยากทำตัวเป็นสตรีตามตรอกหอนางโลม หรือพวกอนุที่ชอบยั่วเย้าสามี เพื่อให้เขารักและหลง แต่ยามนี้นางอดใจไม่ไหว ด้วยชายหนุ่มไม่ได้สวมเสื้อ เปลือยกายท่อนบน เป้ากางเกงเขาก็ตุงจัด หากนางคาดการณ์ไม่ผิด สิ่งที่อยู่ข้างในคงอยากโผล่ออกมาสูดอากาศเต็มที่แล้ว “อาซิน...ไปอาบ