“แม่นางเถียน... เจ้าไม่สบายหรอกหรือ”
ถึงอี้ฟานจะเป็นชายนิสัยแย่ อารมณ์ร้าย ทว่าพอเห็นไป๋ลู่เถียนแสดงสมบทบาทว่าไร้เรี่ยวแรง เขาจึงไม่อาจเพิกเฉย ซึ่งอีกฝ่ายเป็นชายสูงเพรียว ไม่ล่ำสัน แต่มีกล้ามเนื้อสมตัว และที่สำคัญแม้เขาจะเป็นตัวร้าย หากเป็นชายที่หล่อเหลาที่สุดในนิยายเรื่องนี้!
“ที่นี่แดดแรง พักข้างในกันเถิด” นางเชิญชวนเขา พร้อมบีบท่อนแขนกำยำ บีบแล้วปล่อย แสดงอย่างแนบเนียนเหมือนคนกำลังเพ้อ และต้องการความช่วยเหลือจากบุรุษผู้นี้
“ชายหญิงไฉนจะอยู่กันเพียงลำพังได้” เขาถามน้ำเสียงแจ้งชัดว่ากำลังประหม่า ทั้งออกตัวว่าไม่อยากใกล้ชิดนางจนเกินไป
ซึ่งนางอยากหัวร่อนัก ยามนี้อี้ฟานยังคิดว่า ตนเป็นสุภาพบุรุษอีกหรือ อีกอย่าง เขาแค่มองนางที่เปลือกนอก นั่นเป็นเพราะนางมีผิวด่างขาว หากเป็นหญิงงามและสกุลสูงศักดิ์ อี้ฟานย่อมต้องรวบหัวรวบหางนางโดยเร็ว นอกจากนั้นการที่เขาหายไปในวันนัดพบกันที่หอเซียนเมารักนางรู้ว่า เขาได้จ้างสำนักข่าวสืบข้อมูลของไป๋ลู่เถียน กระทั่งมั่นใจว่านางมิใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า อีกทั้งมีทรัพย์สมบัติมากพอจะทำให้อี้ฟานพลิกชะตาชีวิตอันบัดซบในยามนี้ของตนได้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เหอชิงนัดนางมายังสถานที่ห่างไกลผู้คน หนึ่งก็เพื่อตกลงเรื่องสำคัญ สองคือกักตัวนางไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบและไม่ให้นางส่งข่าวถึงเจิ้งเสี่ยวหยวน เพราะเขาล่วงรู้ว่านางมาเมืองหลวงเพื่อทวงสัญญาหมั้นหมายกับบุรุษผู้นั้น
“ขะ… ข้า เหมือนจะเป็นลมจริง ๆ หน้ามืด แล้วยังอ่อนเพลีย” หญิงสาวย้ำอีกหน
อี้ฟานถอนหายใจแรง ๆ ท่าทางเขาแปลก รังเกียจนางหรือ อาจเป็นไปได้ ทว่าหากคิดอีกมุม ดูเหมือนเขากำลังหักห้ามใจตน ด้วยอี้ฟานในชาติภพก่อน คือชายที่ลุ่มหลงนางร้ายอย่างไป๋ลู่เถียน และแย่งชิงนางมาจากเจิ้งเสี่ยวหยวน แล้วย่ำยีนาง ทำร้ายจิตใจจนเหมือนคนตายทั้งเป็น!
“เช่นนั้นก็ปล่อยให้ข้าเป็นลมแดดอยู่เช่นนี้เถิด แล้วท่านจะไม่ได้รับสิ่งใดจากข้าเลย” นางเอ่ยน้ำเสียงสะบัด
อี้ฟานฉุนเล็กน้อย กระนั้นก็แข็งใจยอมอุ้มนางแนบอก พาเข้าไปในเรือนหลังเล็ก
ยามนั้นเสมือนสวรรค์เป็นใจเหลือเกิน เมื่อเข้ามาด้านในได้ เกิดเสียงลมกระโชกก่อนจะตามด้วยเสียงฟ้าร้อง
มินานสายฝนก็โปรยปรายลงมา อากาศข้างนอกชื้น ส่วนด้านในค่อนข้างเย็น อี้ฟานจึงจุดเทียนไข ก่อไฟกลางห้องโถงแล้วต้มน้ำอุ่นเตรียมชงชาให้หญิงสาว
ภาพที่อี้ฟานขยับร่างกาย ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่คล่องแคล่ว กลับทำให้หัวใจของไป๋ลู่เถียนสั่นคลอน
ด้วยความทรงจำเก่าก่อน เขาคือผีพนัน คนใจทราม และมักจะระบายอารมณ์กับนางอย่างหยาบคาย ยิ่งกว่านั้นยังปล่อยให้นางต้องรับมือฮูหยินหม้ายปัน รวมถึงอนุของเขาที่ผู้ใหญ่ส่งมารับใช้ ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็เป็นสตรีที่หัวใจแหลกสลาย ด้วยนางโง่งม รักปักใจต่อเจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เปลี่ยน...จวบจนสุดท้ายที่สิ้นลมหายใจในชาติภพก่อน
“หากไม่ไหวก็อย่าฝืน นั่งพักสักหน่อย...”
น้ำเสียงอี้ฟานปรับให้นุ่มน่าฟังและคอยชำเลืองมองนางเป็นระยะ ซึ่งไม่รู้ด้วยเหตุใด ภายในห้องที่ดูเหมือนจะเย็นกลับค่อย ๆ มีอุณหภูมิสูงขึ้น หรือเป็นได้ว่า สายตาคม ๆ ทอแสงอ่อนโยนถึงนาง รวมถึงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากบางสีสด
อี้ฟานถอดแบบมาจากปันเส้าเฟิงหลายส่วน ผู้เป็นบิดาสง่างามดุดัน ผิวสีน้ำตาลอ่อน ร่างกายหลายแห่งมีบาดแผลดูสมชายชาตรี แต่คนที่อยู่เบื้องหน้านางยามนี้ เป็นบุรุษที่อายุเพิ่งยี่สิบปี ใบหน้าละอ่อน ทั้งมีเค้าความเป็นเด็กน้อยเจืออยู่
“ดูเหมือนแม่นางเถียน ล่วงรู้ความต้องการของข้าบ้างแล้ว”
อี้ฟานเป็นชายฉลาด เขาจึงเลือกถามอย่างตรงไปตรงมา
คิ้วเรียวของไป๋ลู่เถียนเลิกสูง ดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายด้วยความใคร่รู้ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากเจือความเย้ายวนกึ่งทีเล่นทีจริง
“ความต้องการคุณชายฟาน หมายถึงเรื่องที่ดินของข้าในเมืองเจ้อตง หรือว่าเป็นร่างกายนี้...” เมื่อเอ่ยจบนางจึงดึงสายรัดเอวออก และขยับตัวสองสามหนจนสาบเสื้อแบะอ้า เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน มันคือบังทรง (เอี๊ยม) ที่ปกปิดหน้าอกอวบสวยซึ่งสองมือของชายหนุ่มแทบจะกอบกุมไม่มิด!
ไป๋ลู่เถียนยังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างคนเกียจคร้านอีกเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงแห่บพร่าค่อนข้างเบาเพื่อให้เขาสนใจนาง
“คุณชายฟาน ชะ... ช่วย ข้าได้หรือไม่ หยิบถุงหอมให้สักหน่อยเถิด”
นางหมายถึงถุงหอมที่นำติดตัวมาด้วย มันอยู่ในถุงผ้าปักลายดอกท้อ ข้างในมีหลายสิ่งที่เตรียมไว้ใช้กับอี้ฟาน
ฉัน...ไม่ใช่สิ รู้สึกเขินที่ต้องใช้คำพรรคนั้น ด้วยข้ามาอยู่ที่โลกจีนโบราณซึ่งเข้าใจว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พบว่า ความสุขคือการลงมือทำด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ แต่เดิมนั้น ชีวิตตัวละครนามว่า ไป๋ลู่เถียน คือนางร้ายและสมควรจากไปตั้งนานแล้ว ทว่าจนตอนนี้นางมีลูกชายสามคน เป็นฝาแฝด และให้กำเนิดเด็กหญิงแสนน่ารัก ลู่เฟิง อันเป็นชื่อที่ข้ากับบิดาของนางช่วยกันตั้ง โดยผสมชื่อทั้งคู่เข้าด้วยกัน ลู่เฟิง เป็น วิหคน้อยที่งดงามสมวัย ทั้งยังเป็นที่รักของพี่ชาย ยามนี้เหล่าพี่ชายทั้งสาม ต่างแย่งกันปกป้องน้องสาว ส่วนซือหม่าปั่นผู้เป็นสามีข้า เกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เขายังหล่อเหลาและหนุ่มแน่นในแบบฉบับที่ข้าหลงรักได้ทุกวัน เพียงแต่ผมเปลี่ยนสีเท่านั้น จากดำขลับปีกอีกา ถูกแซมด้วยสีขาวซึ่งมีเสน่ห์อีกแบบทว่าอย่างเดียวที่ข้ากังวลใจ คือสีหน้าเขามักเครียดทุกครั้งยามเหล่าองค์หญิงน้อยเชิญ ลู่เฟิงไปเล่นสนุกในวังหลวง เนื่องจากมันเป็นแผนของเหล่าพระสนมนั่นเอง ด้วยอยากให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเขาเข้าวัง เพื่อเหล่าองค์ชายทั้งในสกุลและต่างสกุลได้ยลโฉม
เยว่ซิงตามมาดูเหตุการณ์ต่างๆ พอเห็นว่าซือซินอี๋ลอยไปตามสายน้ำในจุดที่พ้นภัย นางค่อยโล่งใจ ซึ่งก่อนหน้านั้น นางกับฝ่ายแคว้นตาโจวร่วมมือกันยิงธนูเพื่อเร่งเร้าให้ทั้งคู่ หาทางใกล้ชิดกัน แม้อันตรายหากได้ผลดีเยี่ยม “นางกำนัลเยว่... ครั้งนี้นับว่าเจ้าสร้างผลงานชั้นเลิศ แม่ทัพของพวกเราขาดสตรีอุ่นเตียงมานานเหลือเกิน อีกทั้งเขาได้กินเนื้อหงส์เช่นนี้ วาสนานั้นนับว่าดีเกินใคร” รองแม่ทัพและสหายเจิ้งคังเอ่ย “ทั้งหมดนี้เพราะ ชิงอ๋องต้องการหาบุรุษที่เหมาะสมกับองค์หญิงเก้า และฝ่ายแคว้นต้าโจวเสนอบุรุษที่เพียบพร้อมที่สุด ทั้งยังยึดมั่นในความรัก เรื่องนี้นับว่าเป็นความเหมาะสม” “พวกเราย่อมมีนายหญิงคนใหม่ที่สูงศักดิ์เร็ววัน ขอบน้ำใจนางกำนัลเยว่” รองแม่ทัพเอ่ยจบ เขาก็ไปเตรียมรอการกับมาของเจิ้งคัง ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยชายหญิงคู่นี้ ย่อมใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คงราวๆ สามคืนสามวันเป็นอย่างต่ำ ซือซินอี๋กินตื่นเช้าอีกวัน แน่นอนนางกับเจิ้งคังร่วมรักกันยาวนาน เป็นเวลามากกว่าสามคืนสามวัน เจิ้งคังต้องการเช่นนั้น เขาจะได้คุยโม้ปันเส้าเฟิงได้ว่า
จากนั้น เจิ้งคังเลือกที่จะควบม้าออกจากกลุ่มของเขา และแจ้งทุกคนว่า หากใครพบซือซินอี๋ก่อนจงล้อมนางไว้ อย่าได้แตะต้องหรือล่วงเกินเด็ดขาด โดยเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพราย เขากลัวจะมีเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงนางนั่นเอง แม่ทัพหนุ่มควบม้าสลับการสืบหาล่องลอยองค์หญิงอยู่เกือบสองวัน ในที่สุดเขาก็พบหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังนอนบนหินริมแม่น้ำกว้าง ปล่อยใจชื่นชมบรรยากาศด้วยความสุข แต่หนุ่มน้อยคนดังกล่าว ผิวออกจะนวลเนียน ใบหน้ากระจ่างใส อีกทั้งริมฝีปากแดงสดยั่วยวนน่าจูบอย่างที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังมีหน้าอกอวบๆ ดึงดูดสายตา และหากเขาใจกล้าพอที่จะจับเป้ากางเกงอีกฝ่ายคงไม่พบงวงช้างอันใด หากจะเป็นกลีบฉ่ำๆ อย่างแน่นอน แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึๆ สตรีผู้หนึ่งชอบความสนุกเป็นที่ตั้ง รักความสำราญใจและอิสระ โดยไม่รู้ว่าผลที่ตามมาผู้อื่นต้องลำบากสิ่งใดบ้าง หากไม่สั่งสอนสักหน่อย คงไม่ใช่เจิ้งคังผู้นี้ ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากม้า สืบเท้าไปหานางช้าๆ “ข้าอยากดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านได้หรือไม่” ทั้งที่อยากกำร
ซือซินอี๋ องค์หญิงเก้าแคว้นชิง นางกำนัลเยว่ซิง ขันทีเจียง (เจียงกง) เจิ้นเหริน แฝดคนโต เจิ้นห่าว แฝดคนกลาง เจิ้นหนาน แฝดคนสุดท้อง ลู่เฟิง ลูกสาวคนสวยของไป๋ลู่เถียนและปันเส้าเฟิง **************************“ลิ้นสากร้อนของท่านช่างเกเร...”“แล้วลิ้นเรียวเล็กสีชมพูขององค์หญิงเล่าเอาชนะบุรุษแห่งแคว้นต้าโจวได้หรือไม่”ได้ยินอย่างนั้น ซือซินอี๋ก็ไม่รอช้าถูกท้าทายเช่นนี้อย่างไรนางก็ต้องกุมชัยชนะอยู่เหนือแม่ทัพเจิ้ง!*************************ตอนพิเศษเร้ารักองค์หญิงต่างแคว้นซือซินอี๋ คือโฉมงามแคว้นชิง ทว่านางหัวรั้นอวดดี ทั้งยังนิยมแต่งตัวเป็นบุรุษ วันดีคืนนี้ก็ทำตัวเสเพลแอบดูสตรีอาบน้ำ หากสิ่งนั้นยังน้อยไป เพราะการถ้ำมองคู่รักเข้าหอคืนแรกคือสิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นและซ่านสยิวใจที่สุด ดูด้วยสองตาไม่พอ ยังสั่งวาดภาพ และจดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ด้วย ยิ่งได้เห็นเหล่าหญิงงามที่นุ่มนิ่ม เอวบางขยับท่าทางโลดโผน แล้วรุกไล่ข่มเหงบุรุษ หรือส่งเสียงครางระงมราวกั
***แนะนำก่อนอ่านเรื่อง ในตอนพิเศษนี้ คือเหตุการณ์หลังจากปันเส้าเฟิงและไป๋ลู่เถียนอยู่ในจวนปันอย่างสามีภรรยา และมีสามแฝดเป็นพยานรักไป๋ลู่เถียนรับรู้ได้ว่าปันเส้าเฟิงกำลังพยายามทำบางอย่างด้วยต้องการเอาใจนาง แต่ให้ตายเถิด มันจั๊กจี้เป็นบ้า ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่ใช่การเล่นปูไต่ หากเขากำลังใช้นิ้วยาวๆ สำรวจน่อง ไล่ไปยังต้นขาเรียวและอีกนิดเดียวคงแทรกเข้าสู่พื้นที่หวานจัดของนางอ๊ะ ความหวามใจนี้ เกินที่นางจะระงับความซ่านสยิวของเนื้อสาวที่ฉ่ำแฉะได้อีกต่อ และนางหมายใจอยากให้ทั้งนิ้วยาวๆ ของเขา และขาที่สามอุ่นจัดซึ่งอยู่ในร่มผ้าเผด็จศึกนางเสียที กระนั้นนางก็เอ่ยปากตรงข้ามความรู้สึกของตน“ตาเฒ่า ท่านหยุดลามกกับเมียเด็กสักวันได้หรือไม่” ช่วงหลังมานี้ ไป๋ลู่เถียนติดใช้คำร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน และปันเส้าเฟิงย่อมไม่ถือสา เขาสนุกกับถ้อยคำของนาง อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ พลอยทำให้ปันเส้าเฟิงได้ย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง และเหนืออื่นใดเขารักเมียเด็ก หลงเมีย และรู้ว่าอีกไม่นานนางคงตั้งครรภ์ แล้วให้กำเนิดเด็กๆ ที่น่ารักมาเป็นเพื่อนเล่นเหล่าพี่ชายซึ่งอยู่ในวัยซุกซนทั้งสามคน “มิได้ เป้าเป่
เมื่อเมื่อก้าวเข้ามาในเรือนก็เห็นจู่ซินเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย นางอาจไม่ใช่สตรีงดงามล่มเมือง ทว่ากิริยาน่ารักน่าชม เหนืออื่นใดนางอวบอัด มีเนื้อหนังให้น่าสัมผัสไปหมด เมื่อดวงตาเรียวรีมองเห็นผู้เป็นสามียืนอยู่กลางห้องโถง พร้อมวัตถุดิบในมือ จู่ซินจึงยิ้มดีใจ สำหรับนางอี้ฟานเป็นบุรุษที่น่าสงสาร เขาพยายามเป็นคนดีเสมอ ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีโอกาสนักสำหรับชายคนนี้ กระทั่งมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน อี้ฟานค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัย แม้ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ก็เป็นชายที่นางอยากใช้ชีวิตด้วย ที่สำคัญอี้ฟานไม่เคยทำร้ายนาง ไม่มีการตบตี ด่าทอ อาจพูดน้อย รักสันโดษ และไม่ค่อยร่าเริงก็เท่านั้น “ทำอาหารกินกันดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะหิว” อี้ฟานกล่าวทำลายบรรยากาศที่ร้อนรุ่มในห้องโถงของเรือน “ท่านพี่...” จู่ซินไม่ได้อยากทำตัวเป็นสตรีตามตรอกหอนางโลม หรือพวกอนุที่ชอบยั่วเย้าสามี เพื่อให้เขารักและหลง แต่ยามนี้นางอดใจไม่ไหว ด้วยชายหนุ่มไม่ได้สวมเสื้อ เปลือยกายท่อนบน เป้ากางเกงเขาก็ตุงจัด หากนางคาดการณ์ไม่ผิด สิ่งที่อยู่ข้างในคงอยากโผล่ออกมาสูดอากาศเต็มที่แล้ว “อาซิน...ไปอาบ