เหวินซืออี้สลัดความคิดต่างๆ ทิ้งไป และผิงจงถามนางด้วยก่อนถูกต้อนขึ้นรถม้า “ตัวเจ้าล่ะ... ช่วยข้าไว้ด้วยการใช้กลิ่นกระตุ้นราคะ ทั้งยังฉีกเสื้อผ้าให้ขาด เพื่อเผยความงามหลอกล่อบุรุษ คิดอยากให้ข้าเป็นพวก หรือจงใจจะล้วงความลับใดกันแน่” “ข้าแค่ไม่อยากตาย หากมีเจี่ยเจียเป็นพวก เราย่อมมีโอกาสรอด” “จือหยวนโหว มีหูตากว้างไกล อีกอย่างเจ้าทำให้คุณหนูสามจือบาดเจ็บ เช่นนี้คิดหรือว่า ยังจะมีลมหายใจสืบต่อไปได้” “หากพวกเขาอยากตัดหัวข้า ป่านนี้ข้าคงสิ้นใจนานแล้ว แต่... เป็นเพราะอยากรู้สถานะที่แท้จริงของข้า จึงปล่อยให้มีชีวิตต่อไป อีกอย่างหนึ่งในนางรำที่เหลือหากคาดการณ์ไม่ผิด ย่อมมีคนของขันทีห่าวปะปนอยู่ ” ผิงจงพยักหน้าน้อยๆ และเอ่ยขึ้น“สิ่งใดที่เจ้าต้องการทำให้สำเร็จ ข้าจะเอาใจช่วย และหวังว่า เมื่อสลัดคนพวกนี้ทิ้งได้ เราจะไม่มีเรื่องติดค้างกัน” เหวินซืออี้ไม่ได้กล่าวคำใดอีก เนื่องจากรถม้าออกเดินทาง โดยจุดหมายคือสถานที่ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นดั่งขุมนรกของสตรีและบุรุษที่มีรูปโฉมงดงามการเดินทางมาที่ซ่องในเขตเขาหวงซาน ใช้เวลาเกือบสองชั่วยาม นางรำต่างอ่อนแรง และก่อนหน้าน
“เจ้าและคนอื่นๆ ทั้งหมด ไปกับข้าด้านใน” เฉิงเซ่าเทียนสั่งการ แต่มีผู้คุมซ่อง และทหารบางส่วนไม่เห็นด้วย กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าขัด “นายท่าน แต่สินค้ายังไม่ได้รับการตรวจสอบ อีกอย่างพวกนางพึ่งถูกส่งมาจากที่อื่น อาจเป็นสายลับ หรือมือสังหาร หากปะปนเข้าไปด้านใน เกรงว่าจะเป็นภัยได้” เสียงหนึ่งดังขึ้น คนของเฉิงเซ่าเทียนที่ติดตามเขาแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะมีดาบยาวๆ จี้ไปที่ลำคอของผู้ที่เอ่ยเมื่อครู่ “ข้าต้องการพวกนาง มีใครคิดขวางทางอีกหรือไม่” เสียงดังกล่าวเข้ม ฟังอย่างไรก็ไม่ควรรั้งเขากับเหล่านางรำพวกนี้ไว้ ฝ่ายเหวินซืออี้มองชายหนุ่มร่างสูง นางประหลาดใจ แม้เขาสวมหน้ากาก ปกปิดใบหน้าที่แท้จริง แต่ดวงตาเขา อย่างไรก็เป็นอาจารย์ของนาง ถึงอย่างนั้นความเย็นชาที่แผ่ขยายออกร่างเรือนกายสูงใหญ่ ส่งผลให้นางค่อนข้างครั่นคร้ามใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับบุรุษที่คุ้นเคยไม่ได้อยู่ในร่างกายนี้ ฝ่ายเฮ่อชวีหังผู้เป็นศิษย์ของเฉิงเซ่าเทียนปรากฏตัวในชุดของนายโลม เขาวาดหน้างดงาม ริมฝีปากก็โดดเด่นด้วยสีแดงงดงาม ภาพลักษณ์ดังกล่าวไม่ใช่แค่เหวินซืออี้อึ้ง แต่ผิงจงก็ตกตะลึงทั้งนางต้องกลั้นขำอ
ข้าไม่ใช่สิบเอ็ดของซือฝู หญิงสาวกลั้นน้ำตาแล้ว แต่ความน้อยเนื้อต่ำใจมีมากล้น น้ำตานางจึงไหลไม่หยุด “กลืนมันลงไป แล้วข้าจะช่วยเหลือเจ้าให้พ้นภัยครั้งนี้” เหวินซืออี้ส่ายหน้า นางหลับตาและปฏิเสธสิ่งที่เขาเสนอ ฝ่ายเฉิงเซ่าเทียน แทนที่จะปล่อยนาง กลับกลายเป็นว่าเขาส่งยาลูกกลอนเม็ดดังกล่าวเข้าปากตัวเอง จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ทำให้เหวินซืออี้ต่อต้านหนักกว่าเดิม นางไม่เข้าใจเจตนาอีกฝ่าย หากเกลียดนางไม่อยากแยแส เหตุใดถึงข่มเหงผู้อื่นอย่างไร้ยางอาย ฝ่ายเขาประกบริมฝีปากลงมา พยายามส่งยาลูกกลอนเข้าไปในปากนาง เหวินซืออี้อยากต่อต้าน หากสุดท้ายเขาใช้กำลังที่มากกว่า และพลังยุทธ์ส่งยาลูกกลอนเข้าไป “โอ๊ย เด็กน้อย เจ้ากล้ากัดข้าหรือ” พอเขาถอนริมฝีปากออก ก็มีแผลและเลือดไหลซึมให้เห็น ฝ่ายนางตั้งใจคลายยาเม็ดดังกล่าวทิ้ง แต่สายตาคมๆ จ้องเขม็ง แจ้งชัดว่าหากนางไม่ยอมกลืนลงคอ ร่างนี้คงไร้ลมหายใจ “เจ้าไม่มีทางเลือก แค่ยอมรับมันเสีย จากนั้นทุกอย่างจะดีเอง” เหวินซืออี้กดดัน หากสุดท้ายนางไร้ทางเลือกอย่างที่เขากล่าวจริงๆ“สำหรับผู้อื่นนั้น ข้าให้อาหังไปส่ง
เกือบอึดใจใหญ่ ร่างของเขาก็หล่นกระแทกลงบนพื้นหินแข็งๆ ถึงอย่างนั้นยังกอดนางไว้ ไม่ให้ส่วนใดของนางต้องบอบช้ำ ทั้งคู่อยู่ในจวนร้างแห่งหนึ่ง พอนอนนิ่งๆ บนพื้นได้พักหนึ่ง เหวินซืออี้จึงพลิกตัว แล้วลุกขึ้นยืน นางมองรอบๆ ตัว เมื่อพบว่ามีจุดอำพรางสายตา และซ่อนตัวได้ก็ลากเขาเข้าไปหลบ เมื่อเริ่มสำรวจร่างกายสูงใหญ่ มือของหญิงสาวก็สั่น ด้วยเลือดของเขาไหลออกมาไม่หยุด ยิ่งกว่านั้น นางเพิ่งรู้ว่า เขามีอาการบาดเจ็บมาก่อนหน้า หากยังทำอวดดีเพื่อช่วยเหลือนางกับกลุ่มนางรำ “อย่าให้พวกมันจับตัวเจ้าได้ สิบเอ็ด...” “สิบเอ็ด พิลึก ข้ามีชื่อน่าเกลียดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด” เขายิ้มซีดเซียว ท่าทางหยิ่งผยอง ก่อนหน้าเหมือนจะหายไปชั่วขณะ “ข้าพึ่งรับเจ้าเป็นศิษย์ในตอนที่ป้อนยาแก้พิษของขันทีห่าว โอสถดีเช่นนั้น กว่าจะปรุงขึ้นมาได้ ข้าต้องออกแรงมาก ดังนั้นย่อมไม่ใช้กับคนเปล่าประโยชน์” เมื่อเขาเอ่ยทบทวนความทรงจำในครั้งป้อนยาให้นาง เหวินซืออี้ก็ลูบเนื้อลูบตัวตนเอง และหันไปมองานนอก ด้วยเป็นยามฟ้ามืด และจันทร์อับแสง สถานที่แห่งนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นที่ซ่อนตัวได้อย่างดี
ข้าจะทำโทษเจ้าให้หนัก ชายหนุ่มบอกนางจบก็ปลดสายรัดเอวของตนออก ร่างกายของบุรุษอยู่ตรงหน้าแล้ว เขายังเป็นชายที่นางพึงใจทั้งชาติก่อนและชาตินี้ เพียงแต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปสักนิดภาพในหัวเจ้าของร่างปรากฏให้เห็นเรื่องราวแต่หนหลัง จางเหยากับเฉินเซ่าเทียนเป็นคู่รักกัน เพียงแต่ชายหนุ่มเป็นคนเคร่งขรึม ทั้งยังต้องเดินทางไปตามที่ต่างๆ บ่อยครั้ง ยิ่งกว่านั้นเขาให้ความสำคัญต่อบ้านเมือง ส่วนจางเหยาที่หนีออกจากสกุลเหวินตั้งแต่เยาว์วัย นางขาดความอบอุ่นโหยหาความรัก เมื่อได้พบชายซึ่งเป็นที่พึ่งพิงหัวใจ ก็อยากสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เขาไม่อยากมีใครผูกมัด ในที่สุดทั้งคู่จึงแยกทางกัน ฝ่ายนางหนีขึ้นเขาศึกษาสมุนไพร ในช่วงแรกได้พบสวีเกาหาน สนิทสนมกันมาก และฝ่ายนั้นอยู่ในฐานะคุณชายเสเพล ไม่ได้บอกความจริงว่าเขาคือรัชทายาท ภายหลังเขาต้องกลับเมืองหลวง ทิ้งให้นางให้โดดเดี่ยว ถึงอย่างนั้นจางเหยาก็เข้มแข็ง นางตัดความรักทั้งหมด แล้วหันหน้าทำคุณประโยชน์ในวงการแพทย์ จนมีชื่อเสียงโดยไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ยามนี้ เหวินซืออี้กำลังคิดใคร่ครวญ นางต้องทำอย่างไรเมื่อเฉิงเซ่าเทียนส่งแรงปรารถนากระตุ้
เหวินซืออี้ไม่เข้าใจว่าเขากำลังถูกพิษราคะเล่นงานหนัก หรือว่าสิ่งที่เขาทำต้องการสนองตัณหาตน “อาเหยา เจ้ายังจะกล้ากัดของรักข้าให้ขาดหรือไม่...อ้อ หลังจากรีดพิษมันออกมาแล้ว หากยังมีแรงเหลือ ก็จงทำตามใจปรารถนาเถิด” หญิงสาวทั้งโมโห ตกใจ นางหัวเสียอย่างที่สุด ฝ่ายเขาก็ส่งความใหญ่โตให้นางได้ชิมเพียงประเดี๋ยวเดียว ด้วยหลังจากนั้น ชายหนุ่มอุ้มร่างนางขึ้น แม้ก่อนหน้านี้เห็นว่าบาดเจ็บหนัก “ห่วงแผลของตนบ้างเถอะ” พอนางเตือนเฉิงเซ่าเทียนก็เหมือนเด็กน้อย จู่ๆ เกิดกลัวตนเองจะเสียเลือดจนไม่อาจสานต่อเรื่องราวเร้าร้อนได้ “เช่นนั้น คงเป็นอาเหยาที่ต้อปล้ำข้าแล้ว” “เฉิงเซ่าเทียน ท่านหัดละอายใจเป็นบ้าง สตรีคนใดจะทำเรื่องเสื่อมเสียเกียรติ อีกอย่าง ข้าไม่ยินยอมคลายกำหนัดให้ท่านแน่นอน” ชายหนุ่มมองหน้านางอย่างพินิจ แล้วค่อยๆ วางร่างบอบบางลง โดยที่เขานั่งอยู่บนหินกว้าง และจัดท่าทางให้นางนั่งซ้อนด้านหน้า ยามนั้นทั้งคู่จึงเกิดความซ่านสยิวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ “หากข้าตายลงยามนี้ เจ้าก็จะไม่ได้พบหน้าชู้รัก...เกาหาน” “ชู้รักของข้า มารดาท่านเถอะ
มารหัวขนในครรภ์นางร้าย สองเดือนต่อมา ณ อารามห่างจากเมืองหลวงแคว้นเหลียง ราวๆ หนึ่งร้อยลี้ จือฮวนไม่อาจอยู่ที่จวนจือหยวนโหวได้ นางต้องทำบางสิ่งให้เรียบร้อย ยามนี้แม้แผลทุเลาลง แต่ยังต้องสวมถุงมือ ยิ่งยามใดเปิดดูผิวหลังมือ นางต้องหวีดร้องราวกับคนเสียสติ ถึงใบหน้าไร้อาการบาดเจ็บ ทว่าจิตใจยังเหมือนถูกหลอนหลอนไม่จบไม่สิ้น ยามใดที่เห็นไฟ หรือมีความร้อนมาใกล้ร่างกาย นางมักควบคุมร่างการตนไม่ได้ ตัวสั่น และหวาดระแวงไปหมด ฝ่ายห่าวเจียที่ไปทำภารกิจลับๆ ให้จือคังนานนับเดือนครึ่ง เมื่อกลับมาและเห็นหญิงสาวทุกข์ใจ ทั้งมีความเครียดแค้น เขาอยากช่วยทำให้นางคลายสิ่งเหล่านั้นลง “สิ่งเดียวที่จะช่วยให้ผิวอาฮวนกลับมาดีดังเดิม ข้ารู้ว่า มีแต่เกล็ดหิมะพันปีของชาวสุยจ้วงเท่านั้น” ได้ยินคำพูดห่าวเจียกล่าว หญิงสาวก็หวีดเสียงสูง “มัน... เป็นนางรำผู้นั้นที่ขโมยไป ใช่หรือไม่” “จากที่ข้าให้สายลับของเราสืบข่าวได้ความว่า แท้จริงแล้ว คนผู้นั้นคือลูกสาวพวกคหบดีเมืองซีหาน สกุลเดิมก็คือเหวิน และนางชื่อ จางเหยา ซึ่งมีความสามารถปลอมแปลงตัวเป็นผู้อื่นได้ด้วย”
จุดหมายของเหวินซืออี้คือเมืองหลวง นางมาพร้อมผิงจง และเฮ่อชวีหัง ทั้งคู่ให้ความสนิทสนมกับนางดีขึ้นเป็นลำดับ พี่รองเฮ่อชวีหัง แม้เป็นชายชาตรีแท้ ทว่าทุกครั้งที่ออกจากสำนักศึกษาต้องรับบทชายผู้อ่อนหวานเสมอ ดูเหมือนเรื่องนี้เป็นความจงใจของเฉิงเซ่าเทียน เพื่อไม่ให้คนผู้นี้แสดงความเจ้าชู้ เกี้ยวสตรีไปเรื่อยจนเสียงาน “หังเกอ เหตุใดไม่บอกซือฝูว่าท่านอยากปลอมตัวเป็นทหาร หรือองครักษ์ ไม่ก็คุณชายสักคน” เฮ่อชวีหังถอนหายใจออกมาหลายหนติดๆ กัน “คงยาก คราวนี้ข้าต้องทำเรื่องเสี่ยงภัยอย่างที่สุด และนั่นเป็นเหตุให้ต้องงามกว่าพวกเจ้าทุกคน” สิ่งที่เขาต้องทำคือการใกล้ชิดห่าวเจีย ล่วงความลับที่อีกฝ่ายเป็นขันทีปลอมและเปิดโปงให้ได้ เพื่อจะทำให้ฝ่ายจือคัง และจือฮวนเสียกำลังสำคัญ เพราะห่าวเจีย มีสกุลห่าวสนับสนุน ซึ่งล้วนเป็นชาวยุทธที่ฝักใฝ่ฝ่ายมาร รวมถึงกำลังขยายอำนาจ ด้วยการคิดร่วมมือกับชาวสุยจ้วง เมื่อเขาพูดจบเหวินซืออี้ก็หัวเราะร่วน ส่วนผิงจงถลึงตาใส่เขา นางทั้งหมั่นไส้เฮ่อชวีหัง ทั้งสามเดินทางได้ราวๆ สามร้อยลี้ ก็พักในโรงเตี้ยม แผนที่วางไว้คือ เหวินซืออี้จะเข้า
ร่างงดงามเข้าไปมาอยู่ในห้องนอนที่ข้าวของทุกอย่างล้วนเป็นสีแดง มีกลิ่นหอมของดอกไม้แห้ง เทียนไขถูกจุดให้ความสว่าง เนื้อตัวของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ได้รับการดูแลอย่างดี สะอาดหมดจด กลีบอวบอิ่มถูกชโลมด้วยน้ำมันกับขี้ผึ้ง ยอดหน้าอกทาด้วยน้ำมันหอมซึ่งจะเป็นพื้นที่ให้บุรุษใช้ปาก ลิ้น และฟันเล่นสนุกด้วย อวี้เพ่ยเอ๋อร์เคลิ้มอย่างหนัก และร้อนรุ่มในร่มผ้า กระทั่งไม่มีผู้ใดวุ่นวายกับนาง ซึ่งแม้สติจะดับๆ ติดๆ แต่นางมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่ต้องการช่วยให้ตนดับตัณหาที่ลุกโชนในร่างกาย มือของนางค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของตน ยามนี้ไม่ละอายสิ่งใด นางแค่ต้องการคลายความอึดอัด นิ้วเรียวสวยไล้ไปตามสัดส่วนงดงาม สัมผัสผิวกายที่นุ่มเนียนละเอียด บางครานางครางเสียงแปลกๆ บางครานางส่งเสียงหวีดสูงต่ำ เมื่อคลึงยอดหน้าอกตนแรงขึ้น สลับการบีบบี้ อวี้เพ่ยเอ๋อร์ก็ฉ่ำเยิ้มอย่างพึงใจ “ชะ ช่วยข้าด้วย” อวี้เพ่ยเอ๋อร์คงบ้าไปแล้ว แต่นางปรารถนาบุรุษสักคน ที่พอจะทำให้นางหลุดพ้นจากพิษร้ายที่อยู่ในร่างกาย ถึงจะมีบาดแผลที่เหนือหัวไหล่ข้างขวา แต่เล็กน้อยมาก อีกทั้งได้รับการใส่ยาอย่างดี ดังนั้นอวี้เพ่ยเอ๋
พวกเขาเลยต้องหาเจ้าสาวสักคนแต่งไปเป็นฮูหยินใต้เท้าเซี่ย ซึ่งแม้ชิงถงจะหวงหาและพิศวาสอวี้เพ่ยเอ๋อร์มากอย่างไร ทว่าเขารักตัวกลัวตายยิ่งกว่า ดังนั้นที่ทำได้ตอนนี้คือวางยานางให้สูญเสียความทรงจำชั่วขณะ แล้วย้อมแมวให้ปลอมตัวเป็นเจ้าสาวที่มีชื่อว่า จ้าวรั่วรั่ว เสียงบ้านแม่เหลียวดังขึ้นก่อนใคร ตามด้วยสาวใช้ฉีหนวนกับบ่าวชายที่อยู่ด้านหลัง “แม่บ้านเหลียว มั่นใจหรือว่า นี่คือเจ้าสาวที่จะพาไปส่งใต้เท้าเซี่ย!” บ่าวชายถาม แม้เขาอยู่ห่างออกไป แต่เหมือนจะพบพิรุธหลายอย่าง “ใช่หรือไม่ ข้าย่อมล่วงรู้กว่าผู้ใด อีกอย่าง มิเห็นหรือว่านางมีเสื้อคลุมเจ้าสาว ผ้าคลุมหน้าก็ใช่ มิหนำซ้ำยังได้รับบาดเจ็บ หากข้าคาดการณ์ไม่ผิดคงหนีตายมา แล้วหลบซ่อนตัวในบ้านร้างหลังนี้” เหลียวจูเอ่ย พลางสำรวจรูปร่างของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ และนางชอบใจเป็นอย่างมาก สตรีผู้นี้ผิวขาวอมชมพู เอวคอด หน้าอกที่อยู่ในเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น เห็นได้ชัดว่าอวบสวย นางเหมาะเป็นแม่พันธุ์โดยแท้ ฝ่ายอวี้เพ่ยเอ๋อร์ ที่ถูกมีดแทงเข้าหัวไหล่ ทั้งยังมีพิษเคลือบอยู่ทำให้นางอ่อนเพลีย มิหนำซ้ำมันให้สตินางหลงลืมชั่วขณะ นอกจากนั้นเหลีย
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อออก และส่งให้นาง “เสื้อตัวนี้ มีกลิ่นเล็กน้อย แต่รับรองสะอาด เจ้าใส่ไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ พี่จะแก้ปัญหาให้เอง” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ยื่นมือไปรับเสื้อจากอีกฝ่าย และกลับกลายเป็นว่าชิงถง ดึงมือนางไว้ ก่อนออกแรงมากกว่าเดิม จนนางถูกรั้งเข้ามาหาอกเปลือยเปล่าของเขา “พี่ถง ทะ ท่านต้องการทำสิ่งใด” “อยากสูดกลิ่นหอมๆ ของเจ้า อยากมอบจูบที่เจ้าคู่ควรได้รับ มิใช่การถูกขบ ดูดเม้ม หรือกัดอย่างป่าเถื่อน เยี่ยงสุนัขบ้า” เขาว่าแล้วก็ฉีกเสื้อที่ขาดของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ ในตอนนั้น ผิวขาวอมชมพูเผยให้เขาเห็นมากกว่าเดิม “โอ้ใช่แล้ว กลิ่นกายนี้ ความงาม เนื้อนุ่มนิ่มอ่อนหวาน คือสิ่งที่ข้าฝันถึงมานาน” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ตัวสั่น นางตกเป็นของเหวินมู่ถังแล้ว และไม่ปรารถนาเป็นของชายใดอีก เพียงแค่นี้ก็ผิดต่อป้ายวิญญาณสามีที่ตายจาก “พี่ถง ข้าชอบความเปิดเผย และความมีน้ำใจของท่าน แต่สตรีผู้นี้ เหมาะสมที่จะเป็นคนที่ท่านอยากให้อยู่เคียงข้างจริงๆ หรือ” ชิงถงไม่เสียเวลาคิด เขาตอบว่า “ให้ฟ้าดินเป็นพยาน ขอให้ข้ากับเจ้าได้เป็นสามีภรรยา ร่วมทุกข์และสุข ด้วยกันตลอดไป” อว
อวี้เพ่ยเอ๋อร์ ยังปวดศีรษะด้านหลัง ทั้งถูกยากล่อมประสาททำให้ มึนงงอยู่มิน้อย กระนั้นการถูกตบอย่างแรง ก็ทำให้นางฟื้นคืนสติ “ลงนามเดี๋ยวนี้!” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ไม่ยอมจับปากกา ดังนั้นจึงถูกจับทั้งฝ่ามือ และหัวนิ้วโป้งลงไปในตลับหมึกสีแดงๆ “ไม่... ข้าไม่ยอมให้ทรัพย์สินใด กับคนช่วยอย่างพวกเจ้า” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ร้องประท้วง แต่มือนางถูกซ่งหลันบีบเอาไว้ และสุดท้ายก็วางลงในกระดาษแผ่นดังกล่าว “ฮิๆ ๆ ยอมหรือไม่ เรื่องนี้เจ้าไม่สิทธิ์ขัดขืนหรอก” เมื่อได้หนังสือมอบอำนาจของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ สิ่งที่ซ่งหลันกระทำก็นับว่าสำเร็จ ยามนั้นนางเกิดความคิดหนึ่งขึ้น มันฉายวาบในหัว จะดีเท่าใด หากให้เหตุการณ์ต่อจากนี้คือ อวี้เพ่ยเอ๋อร์ มีความสัมพันธุ์กับน้องสามี และเพื่อปกปิดความลับ จึงพยายามจะฆ่าอนุผู้ที่กำลังตั้งท้องอย่างซ่งหลัน! ในตอนนั้น ไฟเริ่มลุกลามเข้ามาทีละนิด ความร้อนทำให้ซ่งหลันไม่อาจอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้อีกต่อไป ซึ่งด้านนอกเริ่มมีเสียงเอะอะ โวยวายดังอึงอล “ฮูหยินหม้าย แซ่อวี้ เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่!” “แม่นางอวี้... ป้าเจี้ยนมาหา เจ้ารีบออกมาจากเรือนก
อวี้เพ่ยเอ๋อร์เคลิ้มไปกับการนวด และการจูบหนักหน่วง ทั้งลิ้นเรียวเล็กที่เลื่อนไปตามจุดที่ไวต่อการปลุกเร้า แม้นางจะฟื้นจากยาสลบแล้ว หากยามนี้สิ่งที่ได้รับเข้าไปใหม่ คือยากล่อมประสาท และถุงหอมราคะ ซึ่งกระตุ้นให้หญิงสาวร้อนอบอ้าวในกลีบบุปผางาม และนางจะไวต่อสัมผัสของบุรุษเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเวลาเกือบสามวันสามคืน! ทั้งหมดนี้คือการกลั่นแกล้งของซ่งหลัน ด้วยต้องการให้อวี้เพ่ยเอ๋อร์ถูกย่ำยี และไม่เหลือความภาคภูมิใจต่อตนเองอีกต่อไป ซ่งหลันอยากให้อีกฝ่าย มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตาย และกลายเป็นโสเภณี ที่มีตราบาปไปชั่วชีวิต! “นางมิใช่สตรีบริสุทธิ์ อีกทั้งยามที่ข้า ใช้กัวซาไล้วนที่กลีบฉ่ำแฉะนั้น คุณชายเจี่ยง ก็เห็นและได้ยินนางครางเสียงหวานเช่นไร” ซ่งหลันพยายามเหลือเกินที่จะทำให้อวี้เพ่ยเอ๋อร์กหลุดครางเสียงกระเส่าอย่างสตรีไร้ยางอาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็ทำให้เจียงเซียนแถบจะโผเข้าไปย่ำยีอวี้เพ่ยเอ๋อร์ เจี่ยงเซียนมองร่างที่นอนบนเตียง และไล้เลียริมฝีปากตน ส่วนมือเขาก็จับเป้า และลูบไปมา เพราะส่วนที่แข็งขันกำลังสู้มือ อยากออกมาสูดอากาศนอกกางเกงเหลือเกิน “ให้ข้าส่ง
ยามเช้าวันนี้อวี้เพ่ยเอ๋อร์แปลกใจอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะตั้งแต่เมื่อคืน นางรีบปิดประตูห้องก่อนผล็อยหลับไป รู้สึกตัวก็ฟ้าสว่างแล้ว หญิงสาวสำรวจเนื้อตัว และโล่งใจที่ไม่ถูกข่มเหง กระนั้นก็อดครั่นคร้ามใจมิได้ ด้วยนางคาดว่าตนถูกวางยา! หญิงสาวออกจากห้องนอน ไม่เห็นทั้งซ่งหลัน หรือเจี่ยงเซียน จึงเดินตรวจสอบข้าวของคนทั้งคู่ พบว่าห่อผ้า ทั้งของใช้จุกจิกยังอยู่ครบ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขา อาจออกไปข้างนอก จากนั้น อวี้เพ่ยเอ๋อร์ก็แอบไปดูเหวินมู่ถัง ซึ่งเป็นรอบที่สามแล้วแม้ไม่พบเขา อีกฝ่ายหายตัวไปและทำให้นางน้อยใจมาก ด้วยเหวินมู่ถัง ไม่บอกกล่าวสิ่งใด แม้จะเขียนจดหมายแจ้งข่าวคราวก็ยังไม่มี เมื่อมั่นใจว่า เหวินมู่ถึงไม่ได้อยู่ในห้องเก็บฟืน ใจก็เคว้งเหลือเกิน กระนั้นกลิ่นกายของเขาจางๆ ยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในโรงเก็บฟืนนี้ อวี้เพ่ยเอ๋อร์กำซาบถึงความรู้สึก ระหว่างเขากับนาง มือเรียวสวยเผลอลูบไล้ตัวตน ทั้งภายในร่มผ้าร้อนเร่าขึ้น นางยอมรับว่าเมื่อใกล้ชิดเหวินมู่ถัง ความปรารถนาอยากตกเป็นของอีกฝ่ายรุนแรงเหลือเกิน ยามเขาซุกไซ้เรือนกาย ขบเม้มไปจุดที่ไวต่อความรู้สึก ก็ประหนึ่งว่านางได้ขึ้
“เสี่ยวเอ๋อร์... พี่ถง จะทำให้เจ้า ลืมผู้ชายทุกคน เชื่อเถิด น้ำของพี่จะอาบทั้งกลีบเนื้อนี้ และเรือนกายเจ้าจนเปียกชุ่ม” แม้ประหลาดใจที่อีกฝ่ายเรียกตนว่า ‘พี่ถง’ แต่ซ่งหลันก็มิอาจหยุดความต้องการได้แล้ว นางต้องปล่อยให้ศึกรักดุเดือดนี้เดินหน้าต่อไป “บีบรัดกว่าสิ เจ้าเคยทำได้ดีกว่านี้ ข้าเห็นชัดด้วยสองตาของตน!” ซ่งหลันได้ยินอย่างนั้น นางก็อยากเอาใจชิงถง ด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยามร่วมรักกับเจี่ยงเซียน คนใจทราม และหยาบคาย เขาหาได้เล้าโลมนางไม่ ก็เพียงแค่กระแทกกระทั้น ถ้อยคำหวานใดๆ ก็ไม่เคยปริปากบอก มิหนำซ้ำยังเสร็จคนเดียว ปล่อยให้นางจมอยู่กับความรู้สึกน้อยใจเพียงลำพัง “ข้าทำได้ เชื่อข้าหรือไม่ ข้าทำให้ท่านได้” หญิงสาวว่าแล้ว ก็ร้องเสียงครางหวานจัด และบีบรัดแกนกายของชิงถง ยามนั้นเขาส่งแรงจากสะโพกเข้าไปลึก ทั้งคู่จึงแทบจะปล่อยความสุขออกมาพร้อมกัน “เสี่ยวเอ๋อร์... เจ้าช่างเอาใจเก่ง” ชิงถงเอ่ยจบก็สับสะโพกรัวแรงกว่าเดิม และยามนั้น ร่างหนึ่งที่ไร้อาภรณ์สืบเท้าเข้ามา “ฮ่าๆ ๆ พี่สะใภ้ ออกมากลางค่ำ กลางคืนให้ ผู้อื่นเย่อ ราวกับหมาตัวเมียเช่นนี้
หลังอาหารมื้อค่ำที่ดึกอยู่สักหน่อย เจี่ยงเซียนขอดื่มสุราในห้องโถง อันที่จริงอวี้เพ่ยเอ๋อร์ปฏิเสธแล้ว และบอกว่านางหาได้มีสุราในเรือนหลังนี้แม้แต่ป้านเดียว ทว่าอีกฝ่ายยิ้มร่า บอกว่าเตรียมมาด้วย นอกจากนั้นยังมีกัญชา และฝิ่นใช้สำหรับสูบ ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวรใจคอไม่สู้ดี นางอยากออกปากไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้า ซึ่งยามนี้ฝนหยุดตกแล้ว ทว่าเจี่ยงเซียนหาเหตุผลยกมาอ้างว่าเดินทางเข้าเมืองฮุ่ยลำบากมิน้อย ส่วนซ่งหลันก็เข้านอนไปแล้ว กระทั่งปลายยามห้าย (21.00-22.59น.) ร่างหนึ่งในชุดเสื้อผ้าสตรีทำงานครัวก็ก้าวออกจากเรือนหลังเล็ก ลัดเลาะไปตามกำแพง ก่อนสืบเท้าพ้นประตูด้านหลัง จุดหมายคือบริเวณลำธารสายเล็กๆ ที่ทอดตัวมาจากภูเขาสูง เมื่อนั่งที่หินก้อนใหญ่อย่างผ่อนคลาย สตรีนางนั้นก็แกะชุดด้านในออก มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบหินจากลำธาร ก่อนนำมาถูไถร่างกาย คืนนี้แสงจันทร์มืดอยู่มาก อีกทั้งบริเวณนั้นมีต้นไม้หนาทึบแผ่กิ่งก้านบดบังแสงจันทร์เอาไว้ ผู้ที่แอบซุ่มดูอยู่จึงได้แต่จินตนาการว่า หญิงสาวกำลังทำสิ่งใดกันแน่! อีกทั้งเสียงครวญครางนาง ก็ช่างหวานล้ำ ชวนให้บุรุษเกิดความกระสัน! ชิงถ
เอาเข้าจริงๆ อวี้เพ่ยเอ๋อร์ไม่อยากต้อนรับเจี่ยงเซียน และสตรีอีกคนที่ชื่อซ่งหลัน ฝ่ายนั้นประกาศตัวชัดเจนว่าตนคือ อนุของเจี่ยงซาน โดยเรื่องนี้หญิงสาวไม่ล่วงรู้มาก่อน ที่สำคัญคนทั้งคู่มากับรถม้าคันหนึ่ง เห็นว่ามีสาวใช้รุ่นใหญ่ติดตามมาด้วย แต่แยกตัวออกไป อ้างว่าจะไปพบญาติที่อยู่ใกล้ๆ เมืองนี้ ถึงอย่างนั้นอวี้เพ่ยเอ๋อร์ก็คลางแคลงใจ หนึ่งคือน้องชายสามี อีกหนึ่งเป็นอนุผู้ที่ตายไปแล้ว พิจารณาอย่างละเอียด อย่างไรพวกเขาก็ไม่ควรเดินทางมาด้วยกัน ภายในเรือนหลังเล็ก เมื่อต้องต้อนรับคนแปลกหน้า ยิ่งทำให้อวี้เพ่ยเอ๋อร์เกิดความเครียด ทั้งยังกังวลใจว่า ทั้งคู่อาจเดินทางมาด้วยความประสงค์ร้ายแอบแฝง เจี่ยงเซียนมองสำรวจทุกอย่างในเรือน แม้ไม่ได้กว้างขวาง แต่สะอาดสะอ้าน และเห็นได้ชัดว่า อวี้เพ่ยเอ๋อร์ ไม่ใช่แค่หญิงสาวทั่วไป นางมีฝีมือด้านการปักผ้า ซ้ำยังอ่านหนังสือ และเขียนตัวอักษรได้ดี สตรีเช่นนี้สมแล้วที่พี่ใหญ่ให้แม่สื่อสู่ขอมาเป็นภรรยา ทว่าผิดแต่ครอบครัวนางละโมบ โดยเฉพาะพี่ชายของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ที่ ถูกจำคุกในข้อหาหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ซ้ำยังทำร้ายเจ้าขุนนางของศาล จนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายเสียชีวิต