กอดให้เจ้าลืม
"โอ๊ย เรือจะพาข้าล่มวันไหนก็ไม่รู้" หมอผีไกรหรือไอ้ไกรพายเรือผุๆพังๆเพื่อข้ามฝั่งไปขายสมุนไพรและของป่า เขาเอาผ้าปิดหน้าไว้เหลือแค่ดวงตาไว้มองทาง แขนกำยำพายเรือไปบ่นไป อีกมือก็ยัดปลาแห้งเข้าปาก แต่แล้วก็ถูกเรือใหญ่ชนท้ายเรือ จนเรือผุๆของเขาหักลงจริงๆ!!!
"โอ๊ย ช่วยด้วยๆ โอ๊ย ข้าว่ายน้ำไม่เก่ง" ไอ้ไกรตะเกียกตะกายปีนขึ้นเรือที่ชนเขานั่นแหละ เสียงโวยวายของคนในเรือดังลั่น
"ว้าย! ลงไปเดี๋ยวนี้นะ ขึ้นมาทำไม" นางจันทร์โวยวายไม่พอใจ
"บ๊ะ มึงจะปีนขึ้นมาทำไม เรือกูเลอะเทอะหมดแล้ว"
เสียงตวาดของชายสูงศักดิ์ทำเอาไอ้ไกรโมโห "ก็เรือพวกเอ็งชนข้า น้ำเชี่ยวขนาดนี้ ดีแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่จมน้ำตาย แล้วกับอีแค่ขอขึ้นเรือแค่นี้มันจะอะไรนักหนา!!!"
"ไอ้ไพร่ชั้นต่ำ"
เจ้าพระยาสุรเดชเลือดขึ้นหน้า ปกติเขาเป็นคนโมโหร้ายอยู่แล้ว และวันนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะคำขอหย่าขาดกับภรรยาพระราชทานได้รับการปฏิเสธ
"ในเมื่อเต็มใจรับนางไปแล้ว จะมาหาเรื่องทอดทิ้งเอาปานนี้ก็กระไรอยู่" ทางราชสำนักว่ามาอย่างนี้ เจ้าพระยาสุรเดชแทบจะกระอักเลือดตาย เขาไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว เพราะเกลียดชังคุณหญิงเอิบเหลือเกิน แม้แต่อยู่ในชายคาเรือนเดียวกันก็ไม่อยากจะให้อยู่!!!
เขาควรทำอย่างไรดี?
"เออ ข้าชั้นต่ำ เกิดมาเป็นไพร่ เจ้ามีปัญหาอะไร" ไอ้ไกรเรียกสติท่านเจ้าคุณกลับมา "มึงลงไปจากเรือกูบัดเดี๋ยวนี้" เขาสติแตก คว้าดาบไล่ฟันไอ้ไกรจนผ้าที่ปิดหน้าไว้จะหลุด ไอ้ไกรเห็นท่าไม่ดี เขากระโดดลงน้ำ ว่ายทุลักทุเลจะจมน้ำตายอยู่รอมร่อ
"โอ๊ย จะถึงฝั่งตอนไหนวะ จะตายแล้ว" ไอ้ไกรมีน้ำเสียงอ่อนแรง ข้าวของที่หามาขายก็หายไปกับน้ำเสียแล้ว แถมตัวเขายังจะมาตายอนาถตรงนี้อีกรึ!!
"แม่แย้มๆ คนกำลังจะจมน้ำ" บังเอิญเหลือเกินที่คุณหญิงเอิบกับแม่แย้มกำลังนั่งเรือไปไหว้พระที่วัดอีกฝั่งหนึ่ง คุณหญิงเอิบกระโดดลงน้ำอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
"โอ๊ยตายแล้ว โอ๊ยจะโดดลงไปทำไมเจ้าคะ" แม่แย้มรีบพายเรือตามเจ้านายไป "มาเร็วแย้ม"
ไอ้ไกรผ้าปิดหน้าหลุดออก เขาถูกสตรีช่วยชีวิต พยุงร่างหนักๆของเขา ลากขึ้นเรือจนได้
"พ่อหมอไกรนี่นา"
"อืม ข้าเองคุณหญิง พาข้ากลับสำนักที" ถึงจะเกือบว่ายน้ำไม่รอดแล้ว แต่ไอ้ไกรก็ยังไม่ได้จมน้ำ
"ไปหาหมอยาไม่ดีกว่าหรือ" คุณหญิงเอิบว่า
"ไม่ๆ เอ่อ ข้านอนพักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น"
"แต่ท่านเกือบจมน้ำแล้วนะ" นางเอาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา
"ข้าอยากกลับสำนัก"
"โธ่ พ่อหมอล่ะก็" แม่แย้มตั้งใจพายเรือ พาทั้งสองคนกลับไปยังสำนักหมอผี
"คุณหญิงหาอะไรมาคลุมหน้าไว้หน่อยเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวคนอื่นเห็นมันจะไม่งาม"
"เช่นนั้นหรือ"
คุณหญิงเอิบเอาผ้าคลุมไหล่มาปิดหน้าไว้ นางมองไอ้ไกรอย่างห่วงใย "ว่าแต่พ่อหมอ ทำไมไปอยู่ในน้ำเช่นนั้นล่ะ วันนี้น้ำแรง เกือบจะจมน้ำแล้วเห็นหรือไม่"
ไอ้ไกรกลับมารับบทบาทหมอผีอีกครา "ข้าเห็นผีพรายกำลังจะล่มเรือผู้คน เลยตั้งใจจะลงไปปราบ แต่ผีพรายตัวนี้มันร้ายนัก มันจะดึงข้าลงไปใต้แม่น้ำ โชคดีเหลือเกินที่ได้คุณหญิงมาช่วยเอาไว้" หมอผีไกรพูดด้วยใบหน้าขึงขัง คุณหญิงเอิบเอามือทาบอก "โธ่พ่อ ดีนะที่ข้าช่วยท่านไว้ทัน"
----------------------
บรรยากาศในสำนักหมอผียังคงวังเวงเช่นเคย "แม่แย้มเจ้ากลับไปก่อนเถิด เผื่อมีคนมาตามหาข้าที่เรือนจะได้รับหน้าได้" คุณหญิงเอิบตั้งใจจะอยู่ดูแลหมอผีไกรต่อ "คุณหญิง" แม่แย้มเริ่มรู้สึกแปลกๆ "ทำอย่างนี้จะเสียหายเอานะเจ้าคะ" นางทัดทานแต่ก็ถูกดันหลังให้เดินออกไป
"เจ้ารีบกลับเถอะ จะได้รับหน้าแทนข้า บอกว่าข้าไม่สบาย หรืออะไรก็ว่าไป" คุณหญิงกลัวพ่อหมอจะจับไข้กลางดึก ไร้คนดูแลเช่นนี้ไม่ดีแน่
"เช่นนั้น เกิดอะไรขึ้นก็รับผลที่ตามมาเอาแล้วกัน" แม่แย้มไม่สบอารมณ์ เดินหายไปลับสายตาคุณหญิง
กลางดึก ในคืนที่เงียบสงัด คุณหญิงเอิบเช็ดตัวให้พ่อหมอที่ดูเหมือนจะเป็นไข้ "ไหวหรือไม่พ่อหมอ"
"ข้าไม่เป็นอันใดดอก" หมอผีไกรจับมือนางไว้ "ยาเสน่ห์ของข้าใช้ได้ผลหรือไม่?"
".....มัน....ยังไม่ได้ผล" แท้จริงนางไม่ได้ใช้
"เช่นนั้นหรือ"
"เขาทำให้ท่านเจ็บปวดมากหรือไม่"
น้ำตาหญิงงามร่วงหล่น "ฮึก...."
"เช่นนั้นดอกหรือ" เขาจูบหน้าผากนางแผ่วเบา "เขาคือที่พึ่งเดียวของข้า" นางนอนซบลงบนแผ่นอกแกร่ง "แต่เขาก็เอาแต่ทำร้ายข้า"
ร่างบอบบางของคุณหญิงเอิบสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น พ่อหมอไกรลูบหลังนางเบาๆ และไม่รู้ว่าตอนไหนกันที่เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกจนหมดสิ้น.....
"คืนนี้ข้าจะทำให้เจ้าลืมเลือนชายผู้นั้น...."
NC ท่ายากกับเมีย!!ไกรยืนแนบอยู่กับขอบประตู มุมปากยกยิ้มอย่างพึงใจ นัยน์ตาดำขลับเต็มไปด้วยไฟปรารถนา นางเอิบช่างงดงามยามต้องแสงเช่นนี้ ผิวขาวเนียนชุ่มไปด้วยเหงื่อ เส้นผมยุ่งเหยิงปรกลงมาตามลาดไหล่ ริมฝีปากแดงช้ำเผยอออกจากเสียงหอบกระเส่าเขาเดินเข้าหานางที่ยังไม่ทันตั้งตัว มือหยาบกร้านของเขาจับข้อเท้านางไว้ ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงมา ปลายจมูกของเขาไล้ผ่านต้นขา สร้างความร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งกาย นางเอิบสั่นสะท้านทุกสัมผัสของเขา ลมหายใจร้อนผ่าวของไกรไล่ผ่านผิวเนื้ออ่อนไหว แหย่ลิ้นเข้าไปในรูนาง ตวัดลิ้นระรัว ปลุกกระแสความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างยากจะห้ามใจนางเอิบเสี้ยนรูมาก ดวงตานางฉ่ำเยิ้ม หัวใจเต้นรัว“พี่ไกร...” นางครางเสียงแผ่วไกรไม่พูดอะไร เขาลุกขึ้นแล้วโน้มตัวไปหานางเอิบ จับปลายคางนางเชยขึ้นก่อนกดริมฝีปากลงอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัด ดูดดึงความหวานจากริมฝีปากของนางจนแทบหมดสิ้น มือหนากอบกุมทรวงอกอวบ ลูบไล้ บีบคลึงราวกับกำลังหลอมละลายนางไปทั้งร่าง"อ่าาาาห์"นางเอิบครางกระเส่าเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากลงมา ซุกไซ้ที่ซอกคอ ดูดเม้มจนเกิดรอยแดง ไล้ต่ำลงมาสู่เนินอก นางแอ่นอกข
NC เ.ี่ยน อยากมีลูกยามเช้าตรู่ของวันใหม่มาถึง หมอกจาง ๆ ปกคลุมลำน้ำ ขับเน้นให้ท่าเรือดูเงียบเหงานางดวงยืนส่งนางเอิบที่ละทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์ ตัดสินใจไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับไกรที่ละทิ้งอาชีพหมอผีแล้วเช่นกันเมื่ออยู่ที่ท่าเรือ สายตาของนางดวงเต็มไปด้วยความห่วงใย "ข้าหวังว่าท่านจะพบความสุขแท้จริงที่นั่น" นางกล่าวพลางยื่นห่อเสบียงให้เอิบ"ขอบน้ำใจแม่ดวงนัก" เอิบเอื้อมมือรับ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายหลาก"ไปเถิด" นางดวงยิ้ม ก่อนหันไปพยักหน้าให้ไกร ชู้รักของนางเอิบ ที่บัดนี้เลื่อนขั้นมาเป็นสามีเต็มตัว"โชคดีเช่นกันนะแม่ดวง" นางเอิบกล่าวลาเรือของพวกเขาเคลื่อนออกจากท่า ล่องไปตามสายน้ำเชี่ยวของเจ้าพระยา ใช้เวลาเดินทางอยู่หลายวันกว่าพวกเขาจะมาถึงหมู่บ้านดงเร้นอีกคราหมู่บ้านกลางป่าลึกแห่งนี้ยังคงสงบเช่นเดิม กระท่อมไม้ไผ่ของพวกเขายังคงตั้งอยู่ท่ามกลางไร่ผักและคอกไก่ที่พวกเขาช่วยกันสร้างขึ้นเมื่อคราก่อนหนึ่งเดือนต่อมาชีวิตที่นี่เรียบง่ายและสงบสุข เอิบตื่นเช้าขึ้นมาตักน้ำจากบ่อ เตรียมสำรับกับข้าว ไกรออกไปหาสมุนไพรในป่าลึก ตกเย็นเขาจึงกลับมาพร้อมปลาสด ๆ ที่หามาได้จากลำธาร"ข้าชักชอบชีว
ลาก่อน..ไอ้เดช!!แสงแรกของวันค่อย ๆ ทาบทับลงบนหลังคาเรือนภายในพระนครศรีอยุธยา หมอกจาง ๆ ลอยอ้อยอิ่งเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ลมยามเช้าพัดกรูมาต้องผิวน้ำเกิดเป็นระลอกคลื่นเล็ก ๆ ที่สะท้อนแสงตะวันเป็นประกายระยิบระยับ รุ่งอรุณเช่นนี้มักเป็นช่วงเวลาที่พ่อค้าแม่ค้าเริ่มตั้งร้านริมคลอง ชาวบ้านพากันออกจากเรือนมุ่งหน้าไปยังตลาด ขณะที่เหล่าขุนนางและข้าราชการต่างเตรียมตัวเข้าสู่การทำงานตามหน้าที่ของตนแต่เช้านี้แตกต่างออกไปความเงียบสงัดอันผิดปกติค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วพระนคร ไม่มีเสียงหัวเราะของบรรดาเด็กเล็กที่วิ่งไล่จับกันหน้าบ้าน ไม่มีเสียงพ่อค้ายกยอปอปั้นสินค้าอันโอชะของตน เหล่าผู้คนต่างมารวมตัวกัน ณ ลานหน้าศาลหลวง ตั้งแต่ยังไม่ทันฟ้าสาง เพื่อรอชมเหตุการณ์สำคัญ นั่นก็คือการตัดสินคดีความของเจ้าพระยาสุรเดชและพรรคพวกอีกด้านหนึ่ง ภายในเรือนใหญ่ของเจ้าพระยาสุรเดช นางจันทร์ หญิงสาวผู้เคยสำเริงสำราญกับทรัพย์สินที่ได้มาจากสามี พอรู้ว่าคดีพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ถึงกับหน้าซีดเผือด "ข้าต้องไป..." นางเดินวนไปมาอยู่ภายในห้อง หยิบข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของมีค่าอัดแน่นลงไปในหีบไม้ แต่พอปิดหีบก็พบว่ามันหนัก
NC จุกรูหูแทบตาย!!!ในเช้าวันรุ่งขึ้น ศาลหลวงได้รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับการปล้นเรือนของบิดาคุณหญิงเอิบ และมีคำสั่งให้ขุนศรีนำพยานหลักฐานเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วกรุงศรีอยุธยา บรรดาขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพระยาสุรเดชเริ่มแตกตื่น พวกมันบางคนพยายามทำลายหลักฐาน บางคนหาทางหลบหนีแต่ไม่มีใครหนีพ้น....หลวงพิชัย ผู้เคยหวังจะเอาตัวรอด กลับถูกจับกุมเสียเอง"ปล่อยข้า ...ไอ้ไพร่อย่ามาแตะตัวข้า""ข้าไม่เกี่ยว ข้าถูกใส่ร้าย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!"ขุนศรียืนอยู่ในศาลหลวง ในมือของเขาคือจดหมายและคำให้การของพยาน "คดีนี้ต้องได้รับการพิจารณาโดยละเอียด ขอให้ศาลหลวงโปรดพิจารณาอย่างยุติธรรม"บรรดาขุนนางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พยักหน้า พวกเขารับเอกสารอย่างเคร่งขรึมในที่สุด แผนการของคุณหญิงเอิบก็มาถึงจุดสำคัญที่สุดในคืนหนึ่ง ก่อนวันที่ศาลจะตัดสินชะตากรรมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด คุณหญิงเอิบยืนมองพระจันทร์เต็มดวง นางยกมือขึ้นแตะแหวนหยกเบาๆ ก่อนจะพึมพำ"เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องทำ ก่อนจะจากที่นี่ไปตลอดกาล"
NC วางแผนจนน้ำเยิ้ม...สองวันต่อมาเสียงกลองยามตีบอกเวลายามสองดังก้องทั่วอยุธยา แสงจันทร์สาดส่องเป็นประกายเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ทว่าภายในเงามืดของที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา สองร่างกำลังนั่งสนทนาอย่างเคร่งเครียดพ่อหมอไกรและคุณหญิงเอิบ"พวกมันเริ่มไหวตัวแล้ว" พ่อหมอไกรพูดเสียงต่ำ พลางวางม้วนกระดาษเก่าคร่ำคร่าลงบนโต๊ะไม้เล็กๆ ในห้องลับ "เจ้าพระยาสุรเดชถูกจับ แต่คนที่เกี่ยวข้องยังมีอีกหลายคน หากเราต้องการลากมันลงมาให้หมด เราต้องหาหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้""ท่านคิดว่าเราควรเริ่มจากที่ใด" คุณหญิงเอิบถาม ดวงตาของนางทอประกายเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความร้อนเร่าอย่างลึกล้ำพ่อหมอไกรสบตานาง ความมืดของค่ำคืนไม่อาจปิดบังแรงปรารถนาที่สุมอยู่ในอกได้ มือของเขาเอื้อมไปแตะหลังมือของนาง ลูบไล้ปลายนิ้วเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ สอดประสาน มือของเขาเย็นเฉียบ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาทั้งร่างให้ร้อนรุ่ม"ข้าเพิ่งได้ข่าวจากแหล่งข่าวในราชสำนัก มีขุนนางบางคนที่ได้รับเงินจากเจ
บาปนั้นคืนสนอง"ที่แท้โจรชั่วนั่นคือท่าน!!"คุณหญิงเอิบปาดน้ำตา นางรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือใคร และนางก็รู้เช่นกันว่า จะไม่มีวันยอมให้ความจริงนี้ถูกฝังกลบไปพร้อมกับอดีตในคืนที่เงียบสงัดภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง คุณหญิงเอิบซ่อนกายอยู่ในเงามืดของเรือนเจ้าพระยาสุรเดช หัวใจเต้นแรงระรัว นางเม้มริมฝีปากแน่น กลั้นลมหายใจให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้ใครจับได้ นางดวงที่อยู่เคียงข้างกันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูคุณหญิงเอิบด้วยเสียงสั่นเครือ“ขออภัยเถิดเจ้าค่ะคุณหญิง ข้ามิรู้มาก่อนว่าวันนี้ที่เรือนใหญ่จะมีแขก” นางดวงกล่าว สีหน้ารู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง นางเป็นเพียงทาสที่ทำงานอยู่ในไร่ในสวน ไม่ค่อยได้ขึ้นมาเรือนใหญ่ จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคืนนี้เจ้าพระยาสุรเดชมีแขกมาดื่มสุราด้วยที่เรือน"ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆ"เสียงหัวเราะหยาบโลนดังลอดออกมาจากโถงกลางของเรือน น้ำเสียงกระด้างและคำพูดส่อเสียดของเหล่าบุรุษที่กำลังสนุกสนานกับเหล้าและการเล่นพนัน ทำให้คุณหญิงเอิบต้องรีบตัดสินใจ นางร