ท่านเจ้าคุณเอาใจออกห่าง คุณหญิงเอิบเลยต้องพึ่งหมอผี หวังยาเสน่ห์จะเอาผัวรักกลับคืนมา แต่อนิจจา นางได้หมอผีเป็นผัวแทน!!!!
Lihat lebih banyakน้ำตาคุณหญิง
ปีพุทธศักราช 2000
กรุงศรีอยุธยา
"เจ้าไปไหนมา"
คุณหญิงเอิบยืนเท้าสะเอวจ้องอนุภรรยาคนใหม่ของสามีตาเขม็ง
"ไปที่ใดมาก็เรื่องของข้า" นางจันทร์เป็นแม่ค้าขายปลาที่ตลาด ตอนรู้ว่าเจ้าพระยาสุรเดชจะรับนางเข้ามาเป็นอนุ คุณหญิงเอิบแทบจะอยากกัดลิ้นตาย!!!
"เอ็งนี่เล่นหูเล่นตาใส่ข้าดีนัก เดี๋ยวแม่จะตบให้คว่ำ"
"โอ๊ย ท่านเจ้าคุณเจ้าขา กรี๊ดดดดดด คุณหญิงจะฆ่าน้อง" นางจันทร์แสร้งโวยวายให้ใหญ่โต เจ้าพระยาสุรเดชหรือเจ้าคุณเดชที่ทุกคนเรียกติดปากรีบวิ่งออกมาดู แถมยังถือดาบออกมาด้วย
"ไหน อีเอิบอีจัญไร มึงจะทำอะไรเมียกู" เจ้าคุณเดชไม่เหลือเยื่อใยให้เมียพระราชทานคนนี้แล้ว เขาถือดาบไล่ฟันคุณหญิงเอิบ "ว้าย! ท่านเจ้าคุณ ฮืออออ น้องไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ้าคะ"
"ท่านเจ้าคุณอย่าไปเชื่อ เมื่อครู่คุณหญิงยังบอกว่าจะฆ่าน้องอยู่เลย" เมื่อนางจันทร์ว่าอย่างนั้น เจ้าคุณเดชที่กำลังหลงใหลนางก็ตั้งใจจะฟันคุณหญิงเอิบให้โดนสักที
"ช่วยด้วย แม่แย้ม แม่แย้มเอ็งมาช่วยข้าที" คุณหญิงเอิบวิ่งหนีกลับเรือนตน นางเพียงเห็นแม่จันทร์ไปทำอะไรลับๆล่อๆที่ท่าน้ำ เลยเข้าไปถามแค่นั้น แถมยังไม่ทันได้ทำอะไรนางเลยด้วยซ้ำ
"ว้าย!คุณหญิงเจ้าขา" นางแย้มทาสสาววัยสามสิบกว่ารีบวิ่งมาปิดประตูเรือน
"อีเอิบ อีจัญไร กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามายุ่งยากเรื่องเมียกู กูจะมีเมียอีกเป็นร้อยคนก็เรื่องของกู ใครๆเขาก็มีกันทั้งนั้น มึงอย่ามาทำเป็นหมาหวงก้าง เดี๋ยวกูจะฆ่ามึงให้ตาย ตัดหัวส่งไปบ้านเก่ามึง ให้ตายตามพ่อแม่มึงไปเลยดีมั้ย"
เจ้าคุณเดชโกรธจัดที่เมียไม่อยู่ในโอวาท เขาฟันประตูเรือนคุณหญิงเอิบระบายอารมณ์ ทั้งถีบทั้งเตะประตูจนสาแก่ใจก่อนจะรีบกลับไปปลอบขวัญนางจันทร์ผู้น่าสงสาร...
"โธ่ คุณหญิงเจ้าขา"
นางแย้มเห็นคุณหญิงนั่งกอดเข่าร้องไห้ก็สงสารจับใจ คุณหญิงเอิบพึ่งอายุยี่สิบห้าปี ยังงามยังสาว แต่คงเพราะแต่งงานอยู่กินกับท่านเจ้าคุณมาเป็นสิบปีแล้วกระมัง ความงามของคุณหญิงเลยหมดความหมาย สู้ของสดใหม่ที่ท่านเจ้าคุณพึ่งได้มาไม่ได้
"ข้าไม่ได้ทำอะไรนาง แต่คุณพี่ก็เชื่อคำนางไปเสียหมด" คุณหญิงเอิบสะอึกสะอื้น "คงเพราะข้ามีลูกให้ท่านไม่ได้กระมัง"
"โธ่ คุณหญิง..."
"เอาเช่นนี้มั้ยเจ้าคะ"
"เช่นไรรึ?"
"มีหมอผีอยู่คนหนึ่ง เขาลือกันว่าเก่งกาจมาก ถ้าได้ท่านมาทำยาเสน่ห์ให้... รับรองว่าท่านเจ้าคุณจะต้องกลับมารักคุณหญิงดังเดิมเจ้าค่ะ" นางแย้มลูบหลังปลอบใจเจ้านาย
"จริงหรือ?" คุณหญิงเอิบเริ่มมีความหวัง
"ต้องเป็นเช่นนั้นแน่เจ้าค่ะ"
ค่ำคืนนั้นคุณหญิงเอิบนอนหลับไปทั้งน้ำตา ช่างเป็นคืนที่เงียบเหงาและโดดเดี่ยวเหลือเกินสำหรับนาง....
"คุณหญิงเอิบเจ้าขา ท่านเจ้าคุณเรียกให้ไปพบที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ" นางทา ทาสสาววัยสิบกว่าๆของแม่จันทร์วิ่งแจ้นมาเรียกคุณหญิงเอิบตั้งแต่เช้า และใช่แล้ว คุณหญิงเอิบผู้เป็นภรรยาเอกถูกไล่มาอยู่เรือนหลังเล็กๆ ส่วนอนุภรรยาสุดที่รักอย่างนางจันทร์ได้ขึ้นไปอยู่เรือนใหญ่กับเจ้าพระยาสุรเดช....
"เดี๋ยวข้าไป"
คุณหญิงเอิบหน้าตาไม่สู้ดีนัก นางหันมองแม่แย้ม "ไม่เป็นไรดอกเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปด้วย" แม่แย้มลูบหลังปลอบใจผู้เป็นนาย
"ทำอะไรอยู่ นานเสียจริง" นางจันทร์นั่งอยู่บนตักท่านเจ้าคุณ "นั่นสิ อีนางคนนี้ ทำอะไรก็ไม่ทันใจข้าสักอย่าง" เจ้าพระยาสุรเดชเออออกับนางจันทร์ไปด้วย ตบท้ายด้วยบีบหน้าอกเมียรักไปหนึ่งที ไอ้พรตทาสหนุ่มถึงกับเบือนหน้าหนี "ช่างน่าไม่อายเสียจริง" เขาคิดในใจ
"มาแล้วขอรับ" ไอ้พรตเห็นคุณหญิงเดินมาก็รีบบอก
"เชิดหน้าไว้นะเจ้าคะ" แม่แย้มกระซิบบอกผู้เป็นนาย
"คุณพี่"
'เพียะ'
"อีอัปรีย์ อีจัญไร กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามารังแกเมียกู"
คุณหญิงเอิบยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำก็โดนสามีตบจนหน้าหัน ถึงความจริงแล้วจะห้ามทำร้ายภรรยาพระราชทาน แต่เรื่องภายในบ้านเช่นนี้ ใครเล่าจะรู้ได้ หากคนในบ้านไม่เอาไปพูดเสียอย่าง!!!
"มึงมันชั่วเหมือนพี่เหมือนพ่อแม่มึง ไร้ประโยชน์ พึ่งพาอะไรไม่ได้สักอย่าง เอาแต่ลอยหน้าลอยตาอยู่ให้กูชังน้ำหน้า"
"พ่อแม่น้องตายไปแล้ว ท่านจะขุดขึ้นมาดูหมิ่นแบบนี้ไม่ได้"
คุณหญิงเอิบเริ่มไม่ยอมแล้ว นางชี้หน้าสามี "อีจัญไร" เลยโดนกระหน่ำตบเป็นสิบครั้ง ก่อนที่เจ้าพระยาสุรเดชจะกดนางนั่งคุกเข่า
"มึงทำร้ายแม่จันทร์ ขอโทษนางเดี๋ยวนี้"
นางจันทร์ยิ้มสะใจ เป็นอีกวันที่นางเอาชนะคุณหญิงเอิบได้
"มันจะมากไปนะเจ้าคะ อย่างไรเสียก็น่าจะให้เกียรติคุณหญิงบ้าง" นางแย้มเถียงสู้
"ไอ้พรต เอาอีแย้มไปโบยร้อยที"
"ไม่ได้นะเจ้าคะ" คุณหญิงเอิบโกรธจนมือไม้สั่น "แม่จันทร์ เรื่องเมื่อคืนข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย"
"ตกลงให้เอาไปโบยหรือไม่ขอรับ"
เสียงคนนั้นพูดทีคนนี้พูดที เจ้าพระยาสุรเดชที่กำลังมีโทสะเลยกระโดดถีบไอ้พรตไปหนึ่งที "โอ๊ยๆๆๆๆ" ทาสหนุ่มกลิ้งหลุนๆตกบันไดไป ส่วนท่านเจ้าคุณก็อุ้มนางจันทร์เข้าห้องนอนไปเสียดื้อๆ
"อย่าเจ้าค่ะ อิ อิ คุณพี่ละก็ เดี๋ยวจะไปทำงานสาย อ๊าาาา นะเจ้าคะ" นางจันทร์แกล้งพูดดังๆเพื่อเย้ยหยันคุณหญิงเอิบ
"ไม่ได้การ คืนนี้เราต้องไปหาพ่อหมอแล้วนะเจ้าคะ" แม่แย้มรีบเสนอ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งจะทำให้เรื่องวุ่นวายกว่าเดิม.....
"โอยยยย.... ถีบกูลงมาได้ ถึงเป็นทาสแต่ก็เป็นคนเหมือนกันนะโว้ย!!!"
ไอ้พรตนอนกลิ้งเกลือกอยู่ด้านล่าง ก่อนที่จะเห็นคุณหญิงเอิบนั่งลงตรงหน้ามัน
"เจ็บมากหรือไม่ เดี๋ยวไปทำแผลที่เรือนข้านะ" คุณหญิงเอิบมองเขาด้วยสายตาห่วงใย แต่ไอ้พรตดันรู้สึกผิดอยู่ลึกๆที่เขาไม่ได้ช่วยเหลืออะไรนางเลย
"ไม่เป็นไรขอรับ"
เขาวิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีหายไป....
NC ท่ายากกับเมีย!!ไกรยืนแนบอยู่กับขอบประตู มุมปากยกยิ้มอย่างพึงใจ นัยน์ตาดำขลับเต็มไปด้วยไฟปรารถนา นางเอิบช่างงดงามยามต้องแสงเช่นนี้ ผิวขาวเนียนชุ่มไปด้วยเหงื่อ เส้นผมยุ่งเหยิงปรกลงมาตามลาดไหล่ ริมฝีปากแดงช้ำเผยอออกจากเสียงหอบกระเส่าเขาเดินเข้าหานางที่ยังไม่ทันตั้งตัว มือหยาบกร้านของเขาจับข้อเท้านางไว้ ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงมา ปลายจมูกของเขาไล้ผ่านต้นขา สร้างความร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งกาย นางเอิบสั่นสะท้านทุกสัมผัสของเขา ลมหายใจร้อนผ่าวของไกรไล่ผ่านผิวเนื้ออ่อนไหว แหย่ลิ้นเข้าไปในรูนาง ตวัดลิ้นระรัว ปลุกกระแสความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างยากจะห้ามใจนางเอิบเสี้ยนรูมาก ดวงตานางฉ่ำเยิ้ม หัวใจเต้นรัว“พี่ไกร...” นางครางเสียงแผ่วไกรไม่พูดอะไร เขาลุกขึ้นแล้วโน้มตัวไปหานางเอิบ จับปลายคางนางเชยขึ้นก่อนกดริมฝีปากลงอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัด ดูดดึงความหวานจากริมฝีปากของนางจนแทบหมดสิ้น มือหนากอบกุมทรวงอกอวบ ลูบไล้ บีบคลึงราวกับกำลังหลอมละลายนางไปทั้งร่าง"อ่าาาาห์"นางเอิบครางกระเส่าเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากลงมา ซุกไซ้ที่ซอกคอ ดูดเม้มจนเกิดรอยแดง ไล้ต่ำลงมาสู่เนินอก นางแอ่นอกข
NC เ.ี่ยน อยากมีลูกยามเช้าตรู่ของวันใหม่มาถึง หมอกจาง ๆ ปกคลุมลำน้ำ ขับเน้นให้ท่าเรือดูเงียบเหงานางดวงยืนส่งนางเอิบที่ละทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์ ตัดสินใจไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับไกรที่ละทิ้งอาชีพหมอผีแล้วเช่นกันเมื่ออยู่ที่ท่าเรือ สายตาของนางดวงเต็มไปด้วยความห่วงใย "ข้าหวังว่าท่านจะพบความสุขแท้จริงที่นั่น" นางกล่าวพลางยื่นห่อเสบียงให้เอิบ"ขอบน้ำใจแม่ดวงนัก" เอิบเอื้อมมือรับ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายหลาก"ไปเถิด" นางดวงยิ้ม ก่อนหันไปพยักหน้าให้ไกร ชู้รักของนางเอิบ ที่บัดนี้เลื่อนขั้นมาเป็นสามีเต็มตัว"โชคดีเช่นกันนะแม่ดวง" นางเอิบกล่าวลาเรือของพวกเขาเคลื่อนออกจากท่า ล่องไปตามสายน้ำเชี่ยวของเจ้าพระยา ใช้เวลาเดินทางอยู่หลายวันกว่าพวกเขาจะมาถึงหมู่บ้านดงเร้นอีกคราหมู่บ้านกลางป่าลึกแห่งนี้ยังคงสงบเช่นเดิม กระท่อมไม้ไผ่ของพวกเขายังคงตั้งอยู่ท่ามกลางไร่ผักและคอกไก่ที่พวกเขาช่วยกันสร้างขึ้นเมื่อคราก่อนหนึ่งเดือนต่อมาชีวิตที่นี่เรียบง่ายและสงบสุข เอิบตื่นเช้าขึ้นมาตักน้ำจากบ่อ เตรียมสำรับกับข้าว ไกรออกไปหาสมุนไพรในป่าลึก ตกเย็นเขาจึงกลับมาพร้อมปลาสด ๆ ที่หามาได้จากลำธาร"ข้าชักชอบชีว
ลาก่อน..ไอ้เดช!!แสงแรกของวันค่อย ๆ ทาบทับลงบนหลังคาเรือนภายในพระนครศรีอยุธยา หมอกจาง ๆ ลอยอ้อยอิ่งเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ลมยามเช้าพัดกรูมาต้องผิวน้ำเกิดเป็นระลอกคลื่นเล็ก ๆ ที่สะท้อนแสงตะวันเป็นประกายระยิบระยับ รุ่งอรุณเช่นนี้มักเป็นช่วงเวลาที่พ่อค้าแม่ค้าเริ่มตั้งร้านริมคลอง ชาวบ้านพากันออกจากเรือนมุ่งหน้าไปยังตลาด ขณะที่เหล่าขุนนางและข้าราชการต่างเตรียมตัวเข้าสู่การทำงานตามหน้าที่ของตนแต่เช้านี้แตกต่างออกไปความเงียบสงัดอันผิดปกติค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วพระนคร ไม่มีเสียงหัวเราะของบรรดาเด็กเล็กที่วิ่งไล่จับกันหน้าบ้าน ไม่มีเสียงพ่อค้ายกยอปอปั้นสินค้าอันโอชะของตน เหล่าผู้คนต่างมารวมตัวกัน ณ ลานหน้าศาลหลวง ตั้งแต่ยังไม่ทันฟ้าสาง เพื่อรอชมเหตุการณ์สำคัญ นั่นก็คือการตัดสินคดีความของเจ้าพระยาสุรเดชและพรรคพวกอีกด้านหนึ่ง ภายในเรือนใหญ่ของเจ้าพระยาสุรเดช นางจันทร์ หญิงสาวผู้เคยสำเริงสำราญกับทรัพย์สินที่ได้มาจากสามี พอรู้ว่าคดีพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ก็ถึงกับหน้าซีดเผือด "ข้าต้องไป..." นางเดินวนไปมาอยู่ภายในห้อง หยิบข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของมีค่าอัดแน่นลงไปในหีบไม้ แต่พอปิดหีบก็พบว่ามันหนัก
NC จุกรูหูแทบตาย!!!ในเช้าวันรุ่งขึ้น ศาลหลวงได้รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับการปล้นเรือนของบิดาคุณหญิงเอิบ และมีคำสั่งให้ขุนศรีนำพยานหลักฐานเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วกรุงศรีอยุธยา บรรดาขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพระยาสุรเดชเริ่มแตกตื่น พวกมันบางคนพยายามทำลายหลักฐาน บางคนหาทางหลบหนีแต่ไม่มีใครหนีพ้น....หลวงพิชัย ผู้เคยหวังจะเอาตัวรอด กลับถูกจับกุมเสียเอง"ปล่อยข้า ...ไอ้ไพร่อย่ามาแตะตัวข้า""ข้าไม่เกี่ยว ข้าถูกใส่ร้าย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!"ขุนศรียืนอยู่ในศาลหลวง ในมือของเขาคือจดหมายและคำให้การของพยาน "คดีนี้ต้องได้รับการพิจารณาโดยละเอียด ขอให้ศาลหลวงโปรดพิจารณาอย่างยุติธรรม"บรรดาขุนนางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พยักหน้า พวกเขารับเอกสารอย่างเคร่งขรึมในที่สุด แผนการของคุณหญิงเอิบก็มาถึงจุดสำคัญที่สุดในคืนหนึ่ง ก่อนวันที่ศาลจะตัดสินชะตากรรมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด คุณหญิงเอิบยืนมองพระจันทร์เต็มดวง นางยกมือขึ้นแตะแหวนหยกเบาๆ ก่อนจะพึมพำ"เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องทำ ก่อนจะจากที่นี่ไปตลอดกาล"
NC วางแผนจนน้ำเยิ้ม...สองวันต่อมาเสียงกลองยามตีบอกเวลายามสองดังก้องทั่วอยุธยา แสงจันทร์สาดส่องเป็นประกายเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ทว่าภายในเงามืดของที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา สองร่างกำลังนั่งสนทนาอย่างเคร่งเครียดพ่อหมอไกรและคุณหญิงเอิบ"พวกมันเริ่มไหวตัวแล้ว" พ่อหมอไกรพูดเสียงต่ำ พลางวางม้วนกระดาษเก่าคร่ำคร่าลงบนโต๊ะไม้เล็กๆ ในห้องลับ "เจ้าพระยาสุรเดชถูกจับ แต่คนที่เกี่ยวข้องยังมีอีกหลายคน หากเราต้องการลากมันลงมาให้หมด เราต้องหาหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้""ท่านคิดว่าเราควรเริ่มจากที่ใด" คุณหญิงเอิบถาม ดวงตาของนางทอประกายเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความร้อนเร่าอย่างลึกล้ำพ่อหมอไกรสบตานาง ความมืดของค่ำคืนไม่อาจปิดบังแรงปรารถนาที่สุมอยู่ในอกได้ มือของเขาเอื้อมไปแตะหลังมือของนาง ลูบไล้ปลายนิ้วเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ สอดประสาน มือของเขาเย็นเฉียบ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาทั้งร่างให้ร้อนรุ่ม"ข้าเพิ่งได้ข่าวจากแหล่งข่าวในราชสำนัก มีขุนนางบางคนที่ได้รับเงินจากเจ
บาปนั้นคืนสนอง"ที่แท้โจรชั่วนั่นคือท่าน!!"คุณหญิงเอิบปาดน้ำตา นางรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือใคร และนางก็รู้เช่นกันว่า จะไม่มีวันยอมให้ความจริงนี้ถูกฝังกลบไปพร้อมกับอดีตในคืนที่เงียบสงัดภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง คุณหญิงเอิบซ่อนกายอยู่ในเงามืดของเรือนเจ้าพระยาสุรเดช หัวใจเต้นแรงระรัว นางเม้มริมฝีปากแน่น กลั้นลมหายใจให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้ใครจับได้ นางดวงที่อยู่เคียงข้างกันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูคุณหญิงเอิบด้วยเสียงสั่นเครือ“ขออภัยเถิดเจ้าค่ะคุณหญิง ข้ามิรู้มาก่อนว่าวันนี้ที่เรือนใหญ่จะมีแขก” นางดวงกล่าว สีหน้ารู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง นางเป็นเพียงทาสที่ทำงานอยู่ในไร่ในสวน ไม่ค่อยได้ขึ้นมาเรือนใหญ่ จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคืนนี้เจ้าพระยาสุรเดชมีแขกมาดื่มสุราด้วยที่เรือน"ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆ"เสียงหัวเราะหยาบโลนดังลอดออกมาจากโถงกลางของเรือน น้ำเสียงกระด้างและคำพูดส่อเสียดของเหล่าบุรุษที่กำลังสนุกสนานกับเหล้าและการเล่นพนัน ทำให้คุณหญิงเอิบต้องรีบตัดสินใจ นางร
NC แสงจันทร์อาบโลกีย์หลังพักผ่อนกันจนหายเหนื่อย ทั้งสองคนก็ชวนกันลงไปอาบน้ำในคลองตอนนี้มืดแล้ว เสียงแมลงร้องขับขาน สองคนคลอเคล้ากันอยู่ริมคลองเสียงน้ำในคลองลึกกระเพื่อมเบาๆ ยามต้องแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนเงาของสองร่างที่แนบชิดกัน พ่อหมอไกรประคองคุณหญิงเอิบลงสู่น้ำอย่างทะนุถนอม ปลายนิ้วแข็งแกร่งวักน้ำขึ้นลูบไล้ลำคอระหงของนางอย่างแผ่วเบา ความเย็นของสายน้ำตัดกับไออุ่นจากฝ่ามือเขา ทำให้นางสะท้านไหวเบาๆ“เย็นหรือไม่” เขากระซิบถาม ริมฝีปากแตะอยู่ใกล้ใบหูนางคุณหญิงเอิบเอนศีรษะพิงแผงอกกว้างของเขา แววตาฉ่ำเยิ้มในเงาจันทร์ “เย็นก็จริง แต่เมื่ออยู่กับเจ้า ข้ากลับรู้สึกอบอุ่น...”พ่อหมอไกรหัวเราะแผ่วเบา มือสากแตะแก้มของนาง ลูบไล้ลงมาจนถึงลาดไหล่ ก่อนจะเลื่อนลงต่ำ ปลายนิ้วไล่ไปตามแนวกระดูกไหปลาร้าเนียนละเอียด หัวใจของนางเต้นระรัว เมื่อสัมผัสของเขาอ่อนโยนแต่เร่าร้อนในคราเดียวกัน“เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าหลงใหลเจ้าเพียงใด...&
NC ผัวเจ้าอยู่ตรงนี้!!!บรรยากาศในกระท่อมยังคงอบอวลไปด้วยไอร้อนจากค่ำคืนที่ยาวนาน แม้ยามฟ้าสาง ลมหายใจของทั้งสองยังไม่ทันจะแผ่วลง พ่อหมอไกรไม่คิดจะปล่อยให้นางได้พัก เขากดร่างนางแนบกับฟูกอีกครา แรงอารมณ์ที่ยังหลงเหลือผลักดันให้เขาครอบครองนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป“พอ… พอแล้ว…” เสียงหวานครางกระเส่า แววตาหวานเยิ้มปรือขึ้นสบกับดวงตาคมที่ฉายแววหึงหวงไม่เสื่อมคลาย“พอหรือ?” ไกรแค่นเสียงหัวเราะต่ำ จับร่างนางพลิกให้คว่ำลงกับฟูก เสียงหอบหายใจสั่นไหวเมื่อนางรับรู้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบชิดจากเบื้องหลัง เขาไม่ปรานี ไฟหึงที่สุมอกผลักดันให้เขาย้ำเตือนให้นางรับรู้ว่าเป็นของใคร"อูยยย มันเข้าลึก....มากกกก"เสียงหวานครวญครางสอดประสานกับเสียงลมหายใจหนักหน่วง กลิ่นอายร้อนรุ่มอบอวลไปทั่วกระท่อม เสียงแผ่วสะท้อนออกไปไกลจนแม่เฒ่าที่เดินผ่านถึงกับชะงัก หันมามองกระท่อมหลังนั้นก่อนจะส่ายหน้าพลางพึมพำเบา ๆ“หนุ่มสาวสมัยนี้&h
NC พ่อหมอเอาทั้งคืนเสียงลมหายใจหนักหน่วงของไกรดังก้องอยู่ในกระท่อมเล็กที่มีเพียงตะเกียงน้ำมันให้แสงริบหรี่ กลิ่นควันธูปจาง ๆ คลุ้งอยู่ในอากาศปะปนกับกลิ่นเหงื่อและไอร้อนแห่งราคะที่คุกรุ่นจนแทบเผาไหม้ทุกสิ่งเขาจ้องมองร่างของคุณหญิงเอิบที่บัดนี้นอนระทดระทวยอยู่ใต้ร่างของเขา เสื้อผ้าแทบไม่เหลือเป็นชิ้นดี เนื้อนวลเปลือยเปล่าประจักษ์แก่สายตา ดวงตาของนางฉ่ำวาว ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อยขณะที่ยังหอบหายใจแรง“เจ้ายังคิดถึงมันอยู่หรือไม่?”ไกรถามเสียงต่ำ สายตาของเขาฉายแววเดือดดาลปะปนกับแรงปรารถนา มือหนาบีบข้อมือของนางตรึงไว้กับฟูกไม้ไผ่ ร่างแกร่งบดเบียดแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง“ข้า...อึก...” นางยังไม่ทันได้ตอบ ร่างของไกรก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาไม่เปิดโอกาสให้นางได้หายใจหายคอ ยังคงลงทัณฑ์นางด้วยเพลิงหึงหวงที่ลุกโชน“อย่าคิดถึงมัน! จำไว้ว่าเจ้ามีข้าเพียงคนเดียว” ไกรคำราม มือใหญ่คว้าจับเอวบางให้เข้าที่ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แก่นกายยาวเสียบลึก ตำตึ
Komen