ปณาลีใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการทำอาหารมื้อเย็นสำหรับต้อนรับเพื่อนบ้านคนใหม่ เธอตั้งใจทำทุกเมนูอย่างพิถีพิถันและจัดวางอย่างสวยงามบนโต๊ะอาหารในห้องทานข้าว บรรยากาศภายในบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารและเสียงเพลงเบาๆ ที่เธอเปิดคลอไว้เพื่อสร้างบรรยากาศ
“พี่ยี่หวาครับ ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ” ปณวัฒน์ตะโกนบอกจากห้องรับแขก
“รู้แล้วจ้า ปัณก็ไปเตรียมตัวได้แล้วนะ” ปณาลีตอบกลับไปขณะกำลังจัดจานสุดท้ายให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัว เธอเห็นน้องชายในชุดเสื้อกล้ามตัวโปรดกับกางเกงขาสั้น เธอก็รีบปรามทันที
“ผมไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลยพี่”
“พี่ว่าเปลี่ยนเสื้อหน่อยดีไหม”
“อาศิลาเขาเป็นคนสบายๆ นะพี่ผมว่าใส่แบบนี้ก็ได้”
“ใส่เสื้อกล้ามกินข้าวกับคนที่เพิ่งรู้จักพี่ว่ามันไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ ถ้าอยากใส่จริงเอาไว้ครั้งหน้าดีไหม”
“ก็ได้ครับแม่” เขาพูดประชดก่อนจะรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ
หลังจากนั้นไม่นานเสียงกริ่งจากหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“อาศิลามาแล้ว” ปณวัฒน์บอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนรีบวิ่งไปที่หน้าประตูรั้วทันทีด้วยความตื่นเต้น
ปณาลีถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินตามน้องชายไปที่ประตูรั้ว เธอเห็นร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มยืนรออยู่หน้าประตูรั้วในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีเข้มสี
ศิลารู้สึกดีเอามากๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านทั้งสองคนออกมารับด้วยท่าทางยินดี
“สวัสดีครับอาศิลา เข้ามาเลยครับ” ปณวัฒน์เปิดประตูรั้วและผายมือเชิญ
“สวัสดีครับ” ศิลาทักทายเสียงนุ่มพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ปณวัฒน์
“อาศิลาครับนี่พี่สาวของผมครับ ชื่อพี่ยี่หวา พี่ญี่หวาครับนี่อาศิลาเพื่อนบ้านคนใหม่ของเราครับ”
“สวัสดีค่ะอาศิลา ยินดีต้อนรับเพื่อนบ้านคนใหม่นะคะ เชิญเข้าไปในบ้านก่อนนะคะ” ปณาลียกมือไหว้ทักทายอย่างมีมารยาทพร้อมกับรอยยิ้ม ยิ่งเห็นเขาใกล้ๆ แบบนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าใบหน้าของเขาช่างคุ้นตาเหลือเกิน เธอพยายามนึกว่าเคยเจอเขาที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆ เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นดวงตาเย็นชาคู่นี้มาก่อน แต่ก็ไม่แน่ใจนัก
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับและอาหารมื้อค่ำนะครับ” ศิลาขอบคุณเจ้าของบ้านด้วยยิ้มอบอุ่นของผู้ใหญ่ใจดี เขาอยู่คอนโดมานานจนลืมแล้วว่าการมีเพื่อนบ้านมันเป็นแบบไหน เพราะที่นั่นทุกคนอยู่แต่ในห้องของตัวเองเจอกันแค่ตามหน้าลิฟต์และโถงทางเดิน
ชายหนุ่มเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่จัดไว้อย่างเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
“เชิญนั่งก่อนครับ แล้วนั่นอาศิลาเอาอะไรมาด้วยเหรอครับ” ปณวัฒน์ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นศิลาวางถุงบางอย่างลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา
“อาซื้อขนมมาฝาก” ศิลาตอบและยื่นกล่องให้ปณวัฒน์
“ของโปรดพี่สาวผมเลยนะครับ” เขาพูดแล้วส่งถุงให้พี่สาวตนเองดู
“ว้าว.....ทิรามิสุ” ปณาลีอุทานออกมาด้วยดีใจแล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกได้ว่าเคยเห็นหน้าเขาที่ไหน
“ดีใจนะที่ขอบ”
“ยี่หวาไปซื้อขนมที่ร้าน แต่ทางร้านเขาบอกว่าหมด ยี่หวาเลยนึกแล้วว่าเห็นหน้าอาศิลาที่ไหน ก็นึกอยู่ว่าทำไมหน้าคุ้นจัง”
คำพูดของเธอทำให้ศิลาและปณวัฒน์มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ศิลาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ยี่หวาไปร้านขนมมาด้วยเหรอ” ศิลาถาม
“ใช่ค่ะ เมื่อตอนบ่ายๆ อาศิลาจำไม่ได้เหรอคะก็อา เป็นคนเปิดประตูให้ตอนยี่หวากำลังจะเข้าไปในร้าน”
“น่าจะใช่ ขอโทษนะที่จำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้กินของโปรดก็โอเคแล้ว ขอบคุณนะคะอาศิลา”
“อย่าเพิ่งกินตอนนี้นะพี่ยี่หวา เราไปกินข้าวก่อนดีกว่า” ปณวัฒน์รีบห้ามพี่สาวเพราะรู้ว่าปณาลีชอบทานขนมมากและบางครั้งก็ทานจนอิ่มแล้วเขาต้องนั่งทานข้าวคนเดียว
“รู้หรอกน่า เชิญค่ะอาศิลา”
ศิลาเดินตามทั้งสองคนเข้าไปในห้องทานข้าว บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอุ่นและเป็นกันเองจนคนที่เคยชินกับการทานข้าวคนเดียวหรือทานข้าวในห้องอาหารหรูๆ รู้สึกประทับใจกับอาหารมื้อแรกที่ได้ทานจากเพื่อนบ้าน
“อาหารอร่อยมากเลยนะยี่หวา” ศิลาเอ่ยชมอย่างจริงใจ สีหน้าของเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนตอนแรกที่เจอกันอีกแล้ว
“ดีใจค่ะที่คุณอาชอบ” ปณาลียิ้มรับ
“อาศิลามากินข้าวที่บ้านเราบ่อยๆ สิครับไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“ถ้าอาไม่ติดงานอาก็จะมานะ” ศิลาตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะว่างมาบ่อยๆ หรือเปล่า
“ผมถามได้ไหมครับว่าอาศิลาทำงานอะไร” ปณวัฒน์กลัวว่าจะเสียมารยาทแต่ก็อยากจะรู้อาชีพของเพื่อนบ้าน
“อาทำงานที่บริษัทนำเข้าสินค้าไอทีน่ะ” ศิลาตอบเรียบๆ เขาไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นเจ้าของ ไม่ใช่เพราะอยากปิดบังแต่เขาเป็นคนไม่ชอบโอ้อวด
“หมายถึงพวกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เหรอครับ” ปณวัฒน์ถามด้วยความอยากรู้เพราะถ้าใช่แบบนั้นเขาก็จะมีที่ปรึกษาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ใหม่ดูแล้วน่าจะเข้าท่ากว่าปรึกษาพี่สาวหรือแฟนของเธอ
“ใช่ ปัณเคยได้ยินชื่อบริษัทxxxไหมล่ะ”
“เคยได้ยินครับบริษัทนี้มีสาขาเยอะมาก อาศิลาทำงานที่นั่นเหรอครับ”
“ใช่ อาทำงานที่นั่น”
“ว้าว....เจ๋งไปเลยครับ ผมกำลังอยากได้คอมพิวเตอร์ชุดใหม่อยู่พอดี ผมปรึกษาอาศิลาได้ใช่ไหมครับ” ปณวัฒน์ดีใจจนยิ้มกว้าง
“จะไปรบกวนอาศิลาหรือเปล่า”
“ไม่หรอกยี่หวา ปัณปรึกษาอามาเลย ถ้าปรึกษาแล้วซื้อที่อื่นอาก็ไม่ว่าแต่ถ้าซื้อของบริษัทที่อาทำงานก็บอกอาจะใช้สิทธิ์พนักงานดูส่วนลดให้”
“ต่อให้ไม่มีส่วนลดผมก็ซื้อร้านนี่อยู่แล้วครับ ร้านขายถูกบริการดีและมีสาขาเยอะ เวลามีปัญหาผมเข้าได้ทุกที่เลยใช่ไหมครับ” ปณวัฒย์ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง”
“ศึกษามาดีนี่ที่พูดมาถูกหมดเลย เขียนสเปกคร่าวๆ ให้อาดูได้ไหมอาจะช่วยดูว่ามันเหมาะกับงานที่ปัญบอกอาไว้หรือเปล่า” เขาเสนออย่างใจดี
“เรื่องนั้นเอาไว้คุยวันหลังดีไหม กินขนมก่อนนะ” ปณาลีบอกขณะเอาเค้กที่ตนเองซื้อมาใส่จานให้กับน้องชายและเพื่อนบ้าน
“เค้กช็อกฯหน้านิ่มของโปรดผมเลยครับ”
“แล้วอาศิลาละคะจะเลือกอะไรดีระหว่างนิวยอร์กชีสเค้กกับชีสเค้กคาราเมลอัลมอนด์”
“ทำไม่ให้เลือกแค่สองอย่างละพี่ยี่หวา ผมเห็นอาศิลาซื้อทิรามิสุมาด้วยนะ อย่าบอกว่าจะเก็บไว้กินคนเดียวทั้งหมด”
“อาเอาชีสเค้กคาราเมลอัลมอนด์ก็ได้”
“อาศิลาครับถ้าอาอยากกินทิรามิสุก็กินได้นะ ถึงจะเป็นอะไรที่พี่สาวผมชอบมากก็เถอะแต่คนเราก็ชอบเหมือนกันได้” ปณวัฒน์ตักเค้กเข้าปากแล้วมองหน้าพี่สาวที่เขาเดาออกว่ากำลังรุ่นให้อาศิลาไม่เลือกเค้กของโปรดของเธอ
“ยี่หวาชีสเค้กคาราเมลอัลมอนด์ให้อาอย่างเดิมนั่นแหละ ปกติอาไม่ชอบกินขนมเท่าไหรแต่เห็นว่าหน้าตามันน่าอร่อย”
“ได้ค่ะอ่าศิลา” ปณาลีรีบเอาเค้กใส่จานส่งให้เขาก่อนที่จะเอาทิรามิสุใส่จานให้ตัวเอง
“อร่อยดีนะ ไม่เลี่ยนอย่างที่คิด”
“เค้กร้านหน้าปากซอยอร่อยและไม่แพงค่ะ”
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ทั้งสามคนก็นั่งพูดคุยกันต่อ ปณวัฒน์เล่าเรื่องราวในมหาวิทยาลัยที่เขากำลังจะเข้าไปเรียนอย่างตื่นเต้น ส่วนปณาลีก็เล่าเรื่องการทำงานของเธอให้ศิลาฟังเช่นกัน
“งั้นเรามาแลกช่องทางการติดต่อกันไว้ดีกว่านะครับอาศิลา” ปณวัฒน์เสนอเมื่อเห็นว่าบทสนทนากำลังจะสิ้นสุดลง
“ดีเหมือนกัน” ศิลาบอกพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ปณาลีและปณวัฒน์ก็ทำเช่นเดียวกัน ทั้งสามคนแลกไลน์และเบอร์โทรศัพท์กันเรียบร้อย
“ผมจะส่งสเปกคอมให้คุณอาในไลน์นะครับ” ปณวัฒน์บอกศิลา
“ได้เลย” ศิลาตอบ
“ขอบใจสำหรับมื้อเย็นนะ” ศิลาบอกปณาลีด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ยินดีค่ะอาศิลา แล้วแวะมาทานข้าวที่บ้านอีกนะคะ”
“ได้สิ งั้นอาขอตัวกลับก่อนนะ”
“ครับอาเดี๋ยวผมเดินไปส่ง” ปณวัฒน์บอก
ศิลาโบกมือลาสองพี่น้องแล้วเดินกลับบ้านของตัวเองอย่างช้าๆ หัวใจของเขารู้สึกแปลกไปจากเดิมอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองในบ้านของสองพี่น้องทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับบ้านอีกครั้ง ความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมานานหลายปี
เสียงเปิดประตูทำให้ศิลาลืมตาตื่น เขาเห็นแผ่นหลังของปณาลีที่ดูรีบร้อนออกจากห้องไปแต่ก็ไม่คิดจะเรียกหรือรั้งเธอไว้เพราะตอนนี้เขายังสับสนกับความรู้สึกของตัวเองและก็คิดว่าปณาลีก็คงไม่ต่างกัน ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่รีบร้อนไปจากเขาตั้งแต่เช้าทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมงเท่านั้นความทรงจำของเมื่อคืนระหว่างเขากับปณาลีมันชัดเจนมาก ความสุขสมที่ได้รับมันสุขล้นอยู่ในความรู้สึก ศิลาแทบจะลืมไปว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้ ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาคลั่งได้มากเท่านี้ ไม่เคยมีใครที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนที่มีชีวิตชีวาอีกครั้งจากได้รับสถานะพ่อหม้ายมานานถึงสองปีกว่าศิลานึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอและเขาที่แนบชิด ความรู้สึกนี้มันดีเกินกว่าที่เขาจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พ่อหม้ายหนุ่มนอนนิ่งๆ บนเตียง ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างใช้ความคิด กำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง“ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้กับเธอด้วยนะยี่หวา” เขาบ่นกับตัวเอง เสียงหงุดหงิดเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจเมื่อคืนศิลายอมรับว่าตัวเองมีความสุขมาก และตอนนี้ก็ยังรู้สึกดีอย่างประหลาด การได้นอนกอดเธอแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยอยู่เคียง
ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามหากแต่เขาใช้มือประคองใบหน้าเธอแล้วริมฝีปากหยักก็ก้มลงมามอบจูบที่เร่าร้อนเติมไฟพิศวาสของทั้งสองโหมกระหน่ำอีกครั้ง ศิลาจูบนานก่อนจะลากปลายลิ้นมาดูดดุนยอดถันที่เขาดูดกินแล้วหลงใหลอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน มันชูชันสู้ลิ้นอย่างที่เขาชอบ“ยี่หวาหวานไปทั้งตัว”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูก่อนจะขบเม้มเบาๆ แล้วลากปลายลิ้นไปตามซอกคอระหงสูดดมกลิ่นกายที่หอมยั่วยวน“อื้อ....อาศิลา”หญิงสาวแอ่นโค้งไปตามแรงดูดดุนของปากร้อน ตอนนี้เธอรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังมีความต้องการอยากให้เขาเข้ามาในตัวเธออีกครั้งแต่ไม่รู้จะบอกเขายังไงไม่ให้ดูน่าเกลียด เธอกำลังจมอยู่กับตัณหาปณาลีที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีความต้องการมากมายขนาดนี้ แม้จะแตะขอบสวรรค์ไปแล้วแต่ร่างกายยังร้อนรุ่ม หญิงสาวโทษว่าเพราะเหล้าดีกรีแรงที่ดื่มเข้าไป มันไม่ใช่ตัวตนของเธอเลยสักนิดหญิงริมฝีปากอิ่มแลกจูบอย่างเร่าร้อนและดูดดื่มไปตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง เธอจึงเบียดกายเข้าหาเพื่อรอคอยการเติมเต็มของพ่อหม้ายหนุ่มอีกครั้ง“ยี่หวาอาขอสดได้ไหม”เขายืดตัวขึ้นมากระซิบข้างหูและมองหน้าเธออย่างวิงวอน ตาคมจ้องอย่างรอคอยคำตอบเพร
ศิลามองร่างที่หอบเหนื่อยอยู่บนเตียงในห้องนอนที่เขายังไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมานอนแล้วเขาก็ยิ้ม ในเมื่อเธอเองก็ยินยอมและเขาเองก็เป็นชายชาตรีก็คงไม่อาจจะปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไปโดยไม่ทำอะไรอย่างแน่นอนชายหนุ่มรีบจัดการกับชุดของตนแล้วคร่อมทับลงมาบนร่างหญิงสาวอีกครั้ง ปณาลีมองศิลาด้วยสายตาหวานเชื่อม ความเมาทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่กล้ามากขึ้น หญิงสาวเอื้อมมือลากไล้ไปตามกล้ามหน้าท้องของเขาอย่างแผ่วเบา“อ่า....ยี่หวา”เขาครางแหบพร่าเมื่อมือนุ่มลากไปตามกล้ามท้อง มันกระตุ้นให้เขาไม่อยากจะรอเวลาอีกต่อไป ชายหนุ่มจูบไปยังเรียวปากอิ่มสีสวย สอดปลายลิ้นหยอกล้อเป็นพัลวันหญิงสาวจูบตอบแม้จะยังไม่เก่งแต่ก็ทำให้เขารู้สึกดี จูบหวานเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนจนปณาลีแทบหลอมละลายศิลาเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงควานหาถุงยางอนามัยที่ซื้อมาติดไว้แต่ยังไม่เคยได้เอาออกมาใช้เพราะนี่เป็นครั้งที่เขานอนกับผู้หญิงที่นี่ เขารีบสวมลงบนแก่นกายที่ร้อนระอุจากนั้นแยกเรียวขาของหญิงสาวให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิมริมฝีปากร้อนพรมจูบ ฝ่ามือฟอนเฟ้นหน้าอกอวบกนะตุ้นให้เธอเสียวซ่าน ส่วนมือข้างที่เหลือก็จับท่อนเอ็นร้อนลากขึ้นลงกลางกลีบสวยให้น้ำหวานช
คำตอบของปณาลีทำให้ศิลาต้องพยายามคุมสติของตนเองอย่างที่สุด เขามองลึกลงไปในดวงตาที่แดงก่ำและเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายใน ชายหนุ่มเข้าใจถึงความรู้สึกที่อยากจะหลีกหนีจากความเป็นจริงเพราะเขาเองก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน อยากจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น“อาอยากให้เราคิดให้ดีก่อนนะ” ศิลาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเขาไม่อยากใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของเธอ“ยี่หวาคิดดีแล้วค่ะ อาศิลาไม่รังเกียจยี่หวาใช่ไหมคะ” เธอถามพลางมองหน้าเขาสายตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ หญิงสาวกำลังคิดว่าใครๆ ก็รังเกียจและพากันทิ้งเธอไปศิลามองปณาลีในตอนนี้ดูสวยและเย้ายวนมากในชุดเกาะอกแดงรัดรูปที่ขับผิวขาวเนียนและปากอวบอิ่มสีแดงของเธอแล้วแอบกลืนน้ำลาย“ถ้ารังเกียจอาคงไม่พายี่หวามาที่นี่หรอกนะ” ศิลาตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าปณาลียิ้มก่อนจะดึงเขาเข้ามาใกล้และจูบลงบนริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา ศิลาตกใจเพราะไม่คิดว่าปณาลีจะทำแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ผลักไสเธอออกไป เขาจูบตอบเธออย่างนุ่มนวลก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการของร่างกายศิลากอดเธอไว้แน่นและจูบเธออย่างดูดดื่ม ปณาลีตอบสนองเขาอย่างไม่ประสาแต่ก็เต็มไป
ศิลาพาปณาลีมาที่บ้านของตนเองแต่กว่าจะพาเธอเดินมาถึงก็เล่นเอาแทบแย่เพราะเธอเดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้วก็ถอยหลังอีกสามก้าวจนสุดท้ายเขาต้องประคองและแทบจะลากเธอเข้ามาด้านในชายหนุ่มพาเธอมานั่งที่ห้องรับแขกและหาไวน์ให้เธอดื่มเพราะถ้าให้ดื่มวิสกี้อย่างที่เขาชอบเธอก็คงจะแย่ไปกว่าที่เห็น“อร่อย” หญิงสาวจิบไวน์แล้วยิ้มตาเยิ้มทั้งเมาและพอใจกับรสชาติที่หอมหวานของไวน์ราคาแพง“ยี่หวาบอกอาได้ไหมว่าทำไมถึงกินเหล้าหนักขนาดนี้ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า” ศิลาถามพลางมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์“เปล่าสักหน่อยก็แค่อยากเมา” เธอเถียงก่อนจะดื่มไวน์ไปทีเดียวหมดแล้วแล้วทำท่าจะหยิบขวดไวน์มารินอีก“ไหนบอกว่าจะกินอีกแค่นิดเดียว” ศิลาถามพลางเลื่อนขวดไวน์ออกห่างจากมือเธอ“อาศิลาอย่างกได้ไหมของอร่อยก็ขอกินเยอะหน่อย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย ใบหน้าของเธอตอนนี้ดูดื้อรั้นจนศิลาใจอ่อน“เอางั้นก็ได้ แต่ต้องเล่าให้อาฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขาพูดแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนก่อนจะรีบวิ่งกลับลงมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กให้เธอเช็ดหน้า“อยากฟังเหรอคะ”“อยากฟังสิ เช็ดหน้าหน่อยจะได้สดชื่นและมีสติเล่าให้อา
ในขณะที่ปณาลีกำลังดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง สายตาคู่หนึ่งก็มองด้วยความประหลาดใจและอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะมาเจอกับเธอที่นี่ วันนี้ปณาลีดูสวยเซ็กซี่และโดดเด่นจนหลายคนในผับต่างมองไปที่เธอรวมถึงเขาและเพื่อนอีกสองคน“ผู้หญิงคนนั้นเป็นไงล่ะ สวยพอที่นายจะจัดการกับความเหงาของนายได้ไหมล่ะ” จิรกิตต์ถามพลางพยักหน้าไปทางหญิงสาวในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงที่เห็นว่าศิลาจ้องเธออยู่นาน“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด” ถึงแม้จะสนใจในตัวเธอมากแต่เขาก็ไม่อยากจะเสียเพื่อนบ้านที่ดีอย่างปณาลีไป“คนรู้จักเหรอ แต่นั่นมันสเปกนายเลย” ธีรวัฒน์แปลกใจเพราะผู้หญิงคนนั้นตรงกับสเปกของศิลามาก ตัวเล็กผิวขาวและที่สำคัญหุ่นของเธอก็ดีมากๆ ด้วย“เธอเป็นเพื่อนบ้าน”“แบบนี้ฉันว่าไม่ดีนะ เพราะถ้าคิดจะแค่วันไนท์ฯ คงต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ไม่ใช่ว่าตอนแรกบอกว่าวันไนท์ฯแต่พอนอนด้วยกันแล้วอยากให้รับผิดชอบขึ้นมานายจะซวยเอานะ” จิรกิตต์ด้วยความหวังดี“อือ ฉันก็ไม่คิดจะนอนกับเธอหรอก ยี่หวาเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เธอน่ารักทำอาหารอร่อยมากด้วย”“แต่นายจ้องเธอนานแล้วนะ”“ก็แค่เป็นห่วงเห็นมากันแต่ผู้หญิงแล้วก็ท่าทางจะเมามากด้วย” เขาไม่เคย