“ยัยแพท นี่จะหอบกระเป๋าออกไปไหนมันค่ำแล้วน่ะ” นิษฐาถามลูกสาวขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวหอบกระเป๋าใบใหญ่ลงมาบันไดมา ในขณะที่ตัวเองกำลังจะพาหลานชายขึ้นไปนอน
“แพทขอไปพักสมองที่ต่างจังหวัดสักพักนะคะ” เธอเอ่ยตอบแม่ออกไปตามตรง แล้วลากกระเป่าเดินตรงไปยังพัฒน์พงษ์ที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก
“ถูกพ่อควบคุมความประพฤติแค่นี้ ถึงขั้นต้องเก็บกระเป๋าออกจากบ้านเชียวเหรอ” พัฒน์พงษ์เอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่ลูกสาวเดินมานั่งลงข้าง ๆ กับตัว
“แพทขอไปพักสักสองสามวันนะคะพ่อ กลับมาแพทจะเป็นแพทคนใหม่ให้พ่อเห็น” เธอเอ่ยบอกพ่อของเธอออกไป เมื่อนั่งลง
“แล้วทำไมไม่รอเดินทางพรุ่งนี้เช้า” พัฒน์พงษ์วางทุกอย่างลง แล้วหันมาสนใจถามลูกสาวขึ้นมา เพราะตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วด้วย
“แพทอยากมีเวลาเที่ยวเยอะค่ะ เลยอยากเดินทางตอนนี้” พจีกานต์ตอบพ่อออกไป
“ผมขับรถไหวครับคุณพงษ์ แค่นี้สบายมาก คุณพงษ์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลคุณแพทเป็นอย่างดีเลย” สิบทิศที่พึ่งจะเดินเข้ามา เอ่ยขึ้นพร้อมกับรับปากกับพัฒน์พงษ์เป็นอย่างดี เพื่อให้ท่านหายเป็นกังวล
“แล้วจะพากันไปที่ไหนล่ะ” ผู้เป็นพ่อถามขึ้นมาทันที เพราะเห็นกระเป๋าใบโตของลูกสาว ที่น่าจะหอบเอาสัมภาระไปเยอะมากพอสมควร
“ลงใต้ค่ะ แพทอยากนั่งเรือไปเที่ยวเกาะ” พจีกานต์ตอบผู้เป็นพ่อออกไปตามตรง
“อื้ม ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางกันปลอดภัยน่ะ” พัฒน์พงษ์พยักหน้าเชิงรับรู้
“คะพ่อ”
“ง่วงก็หยุดพักกันน่ะ แต่ฉันว่านายคงไม่ง่วงหรอกขับรถให้ยัยแพทนั่ง” พัฒน์พงษ์จึงหันมาพูดกับทางสิบทิศ แล้วเอ่ยล้อลูกสาวออกไป
“คุณพ่อ!” เธอหันมาทำหน้ายู่เหมือนเด็กใส่พ่อของเธอทันที
“พ่อล้อเล่นครับ” เสียงทุ้มของพัฒน์พงษ์เอ่ยขึ้น พร้อมกับโยกศีรษะของเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู เพราะถึงเธอจะอายุมากขึ้นแค่ไหน แต่ในสายตาของผู้เป็นพ่อ เธอก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ดี
“แพทไปนะคะ” เธอสวมกอดพ่อของเธอ ก่อนที่จะพากันออกเดินทางทันที
บ้านเรืองพาณิชยากุล
เช้าวันนี้ปฐพีพาพ่อและแม่มาที่บ้านของพัฒน์พงษ์ เพื่อเป็นการผูกมิตรปองดองไว้ และอยากจะมาหาพจีกานต์ด้วย แต่กลับต้องพบกับความผิดหวัง เพราะว่าหญิงสาวไม่อยู่บ้านเลย แถมไม่อยู่ตั้งหลายวันด้วย
“อาก็บอกไม่ได้หรอก ว่าน้องจะกลับมาวันไหน” นิษฐาพูดบอก พร้อมกับมีหลานชายนั่งอยู่ข้าง ๆ เพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุด ฟอร์ยูเลยไม่ได้ไปโรงเรียน
“เด็กคนนี้เป็นลูกใครหรือครับน่ารักดีจัง...” ปฐพีถ่มขึ้นมา เมื่อเห็นเด็กน้อยนั่งอยู่กับนิษฐา
“ฟอร์ยูครับ มีคนมาที่บ้านเราควรทำแบบไหนครับ” นิษฐาจึงหันมาพูดกับทางหลานชาย
“สวัสดีครับ” เด็กชายวัย 2 ขวบเศษยกมือขึ้นทักทายผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงนี้ทุกคนทันทีตามคำบอกของผู้เป็นย่าอย่างนิษฐา
“สวัสดีครับ ชื่ออะไรครับ” ปราโมทย์หันมาถามทันที เพราะรู้สึกเอ็นดูในความน่ารักของเด็กน้อยคนนี้อยู่ไม่น้อย
“ยูยูลูกพ่อพีทแม่หริ่งหริ่งครับ”
ทุกคนที่ได้ยินเด็กชายตัวน้อยพูดแนะนำตัวขึ้น ต่างก็พากันหัวเราะปนขำในความน่ารักที่พูดไม่ชัดของเด็กคนนี้ แต่ก็กลับน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
“พ่อพีท แม่หริ่ง” ปราณีเมื่อได้ยินชื่อนี้ จึงหันไปทางนิษฐา
“ฟอร์ยู เป็นลูกชายของตาพีทเอง” นิษฐาจึงบอกความจริงออกไป เมื่อทุกคนต่างพากันทกหน้างงอยู่
“น้องพีทมีครอบครัวตั้งแต่ตอนไหน ทำไมไม่บอกข่าวดีกันบ้างเลยนิษ” ปราณีถามเพื่อนเก่าอย่างนิษฐาไปทันที
“มีนานแล้ว จนลูกโตขนาดนี้แล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้จัดงานแต่งให้หรอก เพราะทั้งคู่ยังเรียนไม่จบกันเลย และอีกอย่างทั้งคู่บอกว่ารอให้พี่ชายคนโตได้จัดงานก่อน แต่ดูสิป่านนี้แล้วตาเพชรยังไม่มีแฟนเลย” นิษฐาพูดออกมาตามตรง เท่าที่เธอรู้
“น้องพีทน่ารักเนอะ รู้จักให้เกียรติพี่ ๆ ด้วย” ปฐพีเอ่ยชมขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินนิษฐาอวยลูกชายคนเล็กของบ้านให้ฟัง
“ใช่แล้วจ๊ะ ตั้งแต่ตาพีทมีครอบครัว อาภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มากเลย ดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าพวกพี่ ๆ มากเสียอีก ไม่เจ้าชู้นอกลู่นอกทาง แถมรักครอบครัวมาก รู้จักรับผิดชอบด้วย” นิษฐาพูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ พร้อมใบหน้าที่มีรอยยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงลูกชายคนเล็กของบ้าน
“อิจฉาน้องพีทจัง ที่เจอรักดี ๆ ว่าแต่แฟนน้องเป็นคนที่ไหนหรือครับอานิษ” ปฐพีถามขึ้นมาอย่างอยากรู้ ว่าผู้หญิงแบบไหนที่สามารถมัดใจลูกชายบ้านนี้ได้
“ก็หรีดหริ่งหลานสาวป้าพิมพ์ เด็กผู้หญิงผมเปียที่อาพงษ์เขาส่งเสียเหมือนลูกของเขานั้นแหล่ะ ลองถามเขาดูสิ ว่าภูมิใจมากแค่ไหน ที่ได้หรีดหริ่งมาเป็นลูกสะใภ้” นิษฐาจึงบอกออกไป
“ผมเห็นน้องมาตั้งแต่เด็กก็ไม่ค่อยจะถูกกันเลย ทำไมถึงได้มารักกันได้” ปฐพีถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะเท่าที่เห็นมา ทั้งคู่ไม่ค่อยถูกกันจลอด แต่ทำไมถึงรักกันได้
“ลองถามอานิษเขาดูสิ” พัฒน์พงษ์จึงโยนคำถามมาทางภรรยาของเขาทันที
“พอแล้วค่ะ เลิกเผากันได้แล้ว เห็นทั้งคู่รักกันดีแบบนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็หายห่วงแล้วละคะ จริงไหมณี” นิษฐาไม่กล้าบอก จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
เมื่อเห็นว่าคนที่ตั้งใจมาหาถึงที่บ้านในตอนแรกไม่อยู่ ปฐพีจึงพาและแม่กลับในทันที ไม่ได้อยู่รบกวนครอบครัวของพัฒน์พงษ์นาน
ส่วนทางด้านพจีกานต์และสิบทิศ กำลังเดินทางถึงที่พัก โดยหญิงสาวเป็นคนจัดการเลือกที่พักเอง โดยที่เธอขอเลือกเป็นที่พักแบบบ้านบังกะโลหลังเดี่ยว เพราะต้องการเป็นส่วนตัว
ส่วนสิบทิศเอง ตอนแรกจะขอพักบ้านอีกหลัง แต่หญิงสาวห้ามเอาไว้ เลยต้องยอมพักชายคาหลังเดียวกันกับเธอ เพราะไหน ๆ ก็มาด้วยกัน พักอยู่ด้วยกันมันจะเป็นไรไป บ้านออกจะหลังใหญ่
“พี่ทิศ...” เธอเอ่ยเรียกเขา และไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรต่อ เมื่อหันกลับไป แล้วพบกับเขาทิ้งตัวนินที่โซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นว่าเขาหลับ เธอจึงต้องลากกระเป๋าใบโตของเธอ เข้าไปในห้องนอนทันที ปล่อยให้เขาได้นอนพักไป เพราะการอดหลับอดนอน ขับรถพาเธอมาที่นี่ทั้งคืนแล้ว มันจะเอาแต่ใจมากเกินไป หากจะบังคับให้เขาพาเธอเที่ยว
หน้าที่ดูแล“ยัยแพท นี่จะหอบกระเป๋าออกไปไหนมันค่ำแล้วน่ะ” นิษฐาถามลูกสาวขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวหอบกระเป๋าใบใหญ่ลงมาบันไดมา ในขณะที่ตัวเองกำลังจะพาหลานชายขึ้นไปนอน“แพทขอไปพักสมองที่ต่างจังหวัดสักพักนะคะ” เธอเอ่ยตอบแม่ออกไปตามตรง แล้วลากกระเป่าเดินตรงไปยังพัฒน์พงษ์ที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก“ถูกพ่อควบคุมความประพฤติแค่นี้ ถึงขั้นต้องเก็บกระเป๋าออกจากบ้านเชียวเหรอ” พัฒน์พงษ์เอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่ลูกสาวเดินมานั่งลงข้าง ๆ กับตัว“แพทขอไปพักสักสองสามวันนะคะพ่อ กลับมาแพทจะเป็นแพทคนใหม่ให้พ่อเห็น” เธอเอ่ยบอกพ่อของเธอออกไป เมื่อนั่งลง“แล้วทำไมไม่รอเดินทางพรุ่งนี้เช้า” พัฒน์พงษ์วางทุกอย่างลง แล้วหันมาสนใจถามลูกสาวขึ้นมา เพราะตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วด้วย“แพทอยากมีเวลาเที่ยวเยอะค่ะ เลยอยากเดินทางตอนนี้” พจีกานต์ตอบพ่อออกไป“ผมขับรถไหวครับคุณพงษ์ แค่นี้สบายมาก คุณพงษ์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลคุณแพทเป็นอย่างดีเลย” สิบทิศที่พึ่งจะเดินเข้ามา เอ่ยขึ้นพร้อมกับรับปากกับพัฒน์พงษ์เป็นอย่างดี เพื่อให้ท่านหายเป็นกังวล“แล้วจะพากันไปที่ไหนล่ะ” ผู้เป็นพ่อถามขึ้นมาทันที เพราะเห็นกระเป๋าใบโตของลูกสาว ที่น
หน้าที่ใหม่“สรุปว่าเป็นใครกัน ที่กล้ามาหาลูกถึงที่บ้านที่พ่อกับแม่ไม่อยู่” พัฒน์พงษ์เค้นถามเอาความจริงกับลูกสาวขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินสิบทิศเอ่ยเช่นนั้นพจีกานต์จึงส่งหลานชายที่อุ้มอยู่ในตอนนี้ ให้แก่พิมพาพาออกไปจากตรงนี้ทันที เพราะเห็นว่าพ่อของเธอต้องการที่คุยกับเธอ“ก็เพื่อนรุ่นเดียวกับพี่เพชร พี่พีลูกป้าณียังไงละพ่อ เขาไม่ได้มาหาแพทสักหน่อย น่าจะมาหาพี่เพชรหรือละมั้งคะ แพทก็ไม่ได้ถาม” เธอจึงบอกพ่อออกไปตามตรง เพราะเธอก็ไม่ได้ที่คิดจะปิดบังพ่อของเธออยู่แล้ว“อยู่ให้ห่าง ๆ ลูกชายบ้านนั้นเลยน่ะ” พัฒน์พงษ์สั่งห้ามขึ้นมาทันที ที่ทราบว่าคนที่มาบ้านตอนที่เขาไม่อยู่นั้นคือใคร“อะไรกันค่ะคุณพี่ เด็ก ๆ เขาก็ไปมาหาสู่กันตามประสาคนที่เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ” นิษฐาพูดขัดขึ้นมาทันที ที่พึ่งจะเดินเข้ามาภายในบ้าน“ก็ตอนนี้ทุกคนไม่ใช่เด็กกันแล้ว คุณก็รู้ว่าลูกชายเพื่อนคุณ เจ้าชู้ยังกับอะไรดี ผมไม่ยอมให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเรา ไปเป็นหนึ่งในคู่นอนหรือตัวเลือกของลูกชายบ้านนั้นหรอกน่ะ” พัฒน์พงษ์พูดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด“แพทก็ไม่ได้คิดที่สนใจอยู่แล้วนี้ค่ะพ่อ” พจีกานต์จึงพูดขึ้นมา เมื่อเริ่มเห็นว่าพ
จริงจังบ้านเทพารัตน์“ไปไหนมาล่ะพ่อตัวดี พึ่งจะกลับมาเองน่ะ ก็หัดอยู่ให้ติดบ้านหน่อย” เสียงแม่ของเขาต่อว่าขึ้นมาทันที เมื่อเห็นลูกชายตัวดีพึ่งเดินเข้ามาที่บ้านในช่วงเย็นของวัน เพราะตั้งแต่ที่ลูกชายกลับมาจากต่างประเทศก็ยังไม่เห็นว่าวันไหนที่ลูกชายจะอยู่ติดบ้านเลยสักวัน วันนี้ก็เช่นกันปราณี ซึ่งเป็นแม่ของ ปฐพี และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับนิษฐานั้นเอง แต่ทั้งคู่ไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่ที่ต่างคนต่างมีครอบครัว ก็ไม่ค่อยได้เจอหน้า หรือไปมาหาสู่กันเลย เพราะต่างก็ทำธุรกิจเดียวกัน“ไปบ้านเพื่อนแม่มายังไงครับ” ปฐพีตอบแม่ของเขาออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร และทิ้งตัวลงบนโซฟาทันที“เพื่อนแม่...” ปราณีถามลูกชายออกไปทันที เพราะไม่รู้ว่าลูกชายหมายถึงเพื่อนคนไหนกันแน่ เพราะเพื่อนก็ไม่ได้มีแค่คนเดียว“ครับ”“เพื่อนคนไหน!?” ปราณีถามลูกชายขึ้นมาทันที ว่าลูกชายหมายถึงใคร“ก็...อานิษยังไงละครับ”“นิษฐา!” ปราณีถามย้ำลูกชาย เพราะเพื่อนที่ชื่อนี้ ก็มีอยู่คนเดียวเท่าเดียวเท่านั้นแหล่ะในรุ่น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนิษฐาคนนั้นคนเดียว“ครับ...แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้พวกท่านไม่อยู่บ้าน แถมไอ้เพช
คนมาป่วน“ลุกออกไปได้แล้ว...ฉันจะไปอาบน้ำ ร้อนจะตายอยู่แล้ว” เธอดันอกเขาออกจากเธอทันที ที่เสียงหน้าห้องเงียบลงเขาจึงยอมลุกขึ้น แล้วไปทำงานของตัวเองต่อทันที โดยไม่สนใจเจ้าของห้องที่วิ่งเข้าไปในห้องน้ำเลยแม้แต่น้อยไม่นานเธอก็ออกมาจากห้องน้ำ กลับต้องพบกับความเงียบ และมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ เขาน่าจะกลับออกไปแล้ว“ทุกคนหายไปไหนกันหมดค่ะป้าพิมพ์” เธอถามขึ้นมาทันที ที่เดินลงมาชั้นล่างของบ้าน ต้องพบกับความเงียบอีกครั้ง“คุณท่านทั้งสองไปงานค่ะ เพราะคุณเพชรไม่อยู่” พิมพาตอบออกมาตามตรง“พี่เพชรไม่อยู่” เธอถามย้ำขึ้นมาทันที“ค่ะ”“ไปไหนหรือค่ะ ปกติคนอย่างพี่เพชรไม่เคยขาดงานเลยแม้สักครั้ง” เธอถามขึ้นมาอย่างสงสัยทันที เพราะปกติคนที่บ้างานอย่างพี่ชายเธอ แทบจะเอางานมานอนด้วยทุกครั้ง ทำไมถึงยอมขาดงานได้“เห็นว่ามีธุระที่ต่างจังหวัดค่ะ น่าจะหลายวันเลย คุณท่านเลยต้องเข้าไปดูงานที่บริษัทแทนคุณเพชรก่อนในช่วงนี้” พิมพาตอบออกมาเท่าที่ทราบ“อ่อคะ ป้าพิมพ์มีอะไรก็ไปทำเถอะคะ เดี๋ยวที่เหลือแพทจัดการเองคะ” เธอเอ่ยบอกแม่บ้านคนเก่าแก่ของบ้านกลับไปเธอจึงทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง เพรา
หาทางปรับเปลี่ยนรุ่งเช้าบ้านเรืองพาณิชยากุล“ป้าพิมพ์ วันนี้ไม่ต้องเตรียมมื้อกลางวันน่ะ พอดีจะออกไปข้างนอกกัน คงจะกลับมาเย็น ๆ เลย” นิษฐา พูดขึ้นมาทันที ที่เดินลงมาถึงชั้นล่างของบ้าน“แล้วคุณแพทละคะ” พิมพาถามออกมา เพราะว่าวันนี้ลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านอยู่ที่บ้าน“อ้าว! ยัยแพทอยู่หรอกหรือ” นิษฐาถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะปกติลูกสาวจะไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่วันนี้กลับแปลกกว่าทุกที ที่กลับมาค้างที่บ้าน“คะ กลับมาเมื่อคืนช่วงดึก” พิมพาตอบกลับไป“ถ้าอย่างนั้น ก็เตรียมเฉพาะของยัยแพทก็พอน่ะ เดี๋ยวนิษกับพี่พงษ์จะไปทานกันข้างนอกเอาเลย” นิษฐาจึงเอ่ยบอกแม่บ้านกลับไป แล้วเดินออกมาข้างนอกมันที วันนี้พัฒน์พงษ์มีธุระที่จะต้องไปกะทันหันจึงพาภรรยาอย่างนิษฐาไปด้วย เพราะลูกชายคนโตไปต่างจังหวัด พัฒน์พงษ์จึงจัดการงานที่บริษัทแทนไปก่อน และไม่รู้ว่าจะกลับมาวันไหนและหลานชายกลับมาจากโรงเรียนก็ต้องเป็นหน้าที่พิมพาผู้เป็นยายที่ต้องดูแลต่อ โดยมีไม้เอกลูกน้องคนสนิทของเจ้าของบ้าน ทำหน้าที่ขับรถให้แทน ทุกวันนี้พัฒน์พงษ์จะขับรถเองสะส่วนใหญ่ เพราะไม่ค่อยได้ออกไปไหนตั้งแต่ที่มีหลานชายเข้ามา“เป็นอะไรของคุณอีกคุณนิษ แ
พี่ข้างบ้านผู้หวังดี Night Club ร่างอรชรของหญิงสาว โยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงอย่างเมามันส์ ที่มีแสงไฟวาววับสาดส่องลงมา เพราะเธอเป็นจุดเด่นกว่าใครเป็นไหน ๆ“ใครว่ะ หุ่นเด็ดมากเลย” นำทัพ ชายหนุ่มที่มาท่องราตรีในค่ำคืนนี้ ถามคนที่เอานั่งกระดกแก้วเครื่องดื่มอยู่แต่ไม่ยอมเอ่ยอะไรสักคำตั้งแต่ที่เขาชวนมา“คนไหนของมึงอีกวะ” สิบทิศ ชายหนุ่มวัย 35 ปี ถามขึ้นมาทันที ที่ถูกเพื่อนถาม เพราะไอ้นี่มันเสือผู้หญิงอยู่แล้ว ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนเขามา จะแอบทำแอบเที่ยวคนเดียวตลอด แต่วันนี้กลับมาบังคับเขาให้มาเป็นเพื่อน และเขาก็ไม่ค่อยอยากมาเอาเสียเลย แต่เพราะตวามเป็นเพื่อนกันมาหลายปี เลยต้องยอมมันหน่อย“ชุดแดงนั่นไง แม่งน่าฟัดฉิบหาย” นำทัพใช้สายตาชี้ทางบอกสิบทิศที่นั่งไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่อย่างเซ็ง ๆ“เหี้ยยย...” สิบทิศสบถออกมา เครื่องดื่มสีอำพรางที่กำลังดื่มเข้าไปแทบจะพุ่งออกมา เมื่อรู้ว่าคนที่เพื่อนหมายตานั้นคือใคร“อะไรของมึง หรือว่ามึงเคยล่อมาแล้ว” นำทัพถามกลับไปทันที เมื่อเห็นอาการพิรุธของสิบทิศออก เพราะถามเพื่อความแน่ใจ เพราะพวกเขาจะไม่ใช้ผู้หญิงคนเดียวกันเด็ดขาด ถึงแม้จะถูกตาต้องใจมากขนาดไหน“เ