@ ห้องพักระดับพรีเมี่ยม
ภายในห้องพักระดับหรูหรา แสงไฟนีออนจ้าสว่าง มีชายร่างกำยำนอนเปือยกายส่วนบนในผ้านวมผืนสีขาวหนา หลับตาสนิทด้วยใบหน้าแสนหล่อเหลา บนเตียงกว้างขนาดใหญ่
ระหว่างนั้นดวงตาของหญิงสาวเพ่งมอง ครุ่นคิดถึงการกระทำผิดชอบชั่วดี แต่ถึงอย่างไรนั้น...คงเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถต่อกร เอาตัวรอดจากเรื่องยุ่งเหยิงได้
"คุณ!!!ตื่นได้แล้ว" โมอาตะเบ่งเสียงดัง หลังจัดการเสื้อผ้าของตัวเอง ชนิดขาดรุ่ยหากใครมองคงตกใจ แถมยังป้ายลิปสติกสีบนปากบางลงตามแผงอกกว้าง เธอพยามปลุกคนข้างกายหวังให้ตื่นก่อนใครจะเข้ามา
"หื้ม...เฮ้ย!!!" ทันทีที่ประสาทสัมผัสว่องไวทำงาน ซิลค์รีบลุกชันตัวนั่งพิงหัวเตียง สำรวจทั้งสถานที่และหญิงสาวข้างกาย
นัยน์ตาคมตื่นตนกครั้งแรก ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิท จับจ้องใบหน้าสวยกำลังสับส่ายอย่างมีพิรุจ
"เมื่อคืนเรา...." น้ำเสียงใสกลั้นใจพูด สองมือประสานตรงหน้าตักราวประหม่า เหตุใดต้องไหวสั่นกับเวลาอีกฝ่ายจ้องหน้า ยิ่งกว่าผู้ปกครองจ้องจับผิด
"ไม่มีทาง" น้ำเสียงเข้มตอบกลับอย่างราบเรีียบ จับผ้านวมสะบัดเตรียมลุกตัวหนี ส่วนล่างยังสวมกางเกงสแลคดำแต่หัวเข็มขัดปลดออก เขาพอจำเธอได้เลือนลางเหมือนเคยเจอครั้งก่อน แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร
เขาไม่มีทางใคร่ในกามอารมณ์ง่ายดาย จิตใจแสนเย็นชาไร้การแยแสเพศสตรี ช่างน่าแปลกเหลือเกินระดับมาเฟียหนุ่มดันมาตกม้าตาย พลาดท่าให้กับใครก็ไม่รู้
"คุณ!ฉันไม่มีเวลาแล้ว!" แล้วระดับประสาทว่องไงเจ้าหญิงของเมือง รับรู้แรงฝีเท้าก้าวเดินดูร้อนรนคนจำนวนนึงตรงบริเวณหน้าห้องพัก ฝ่ามือเรียวรีบกระชากท่อนแขนแกร่ง ล้มตัวนอนบนเตียงโดยอยู่ใต้ล่าง
อุ๊บ~~
เธอโน้มลำคอหนาลงประกบปากจูบคนด้านบน แนบเรียวปากบางสัมผัสอีกฝ่าย โดยเขาไม่ได้ตอบโต้แต่กลับนิ่งสนิท ไม่มีลิ้นเกี่ยวพันกัน ก่อนตวัดผ้านวมคลุมสองเรือนร่างราวทำท่ามีเพศสัมพันธ์เรื่องอย่างว่า
แอ๊ด~~~
"โมอา!!!/พี่มาร์!!!!" ยิ่งกว่าตกใจใดใด ผู้เป็นพี่ชายดันผลีผลามเข้ามาพร้อมองค์ครักษ์คนสนิท เปิดประตูห้องกว้างราวตลึงกับภาพที่เห็น
"นาย!!!" ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของบอดี้การ์ดอีกคน นั่นคือเตโชดวงตาเบิกโพลง เขารีบเร่งตามเจ้านายขึ้นมาแล้ว แต่จู่จู่รถยนต์ที่นำไปจอดดันมีปัญหา สัญญาณเตือนเสียงดังตลอดเวลา จึงต้องตามช่างไปแก้ไขก่อน
"โมอา!ตามพี่ไปที่วังเดี๋ยวนี้!!!!" มาร์แชลล์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น รักษาภาพพจน์เจ้าชายไว้น่าเกรงขาม ตวัดสายตาเหลือบมองชายหนุ่มบนเตียงอย่างไม่พอใจ ก่อนเดินนำลิ่วทิ้งคนที่เหลือยืนงง
"วัง??" ซิลค์หันมาเอ่ยถามกับหญิงสาวคนใต้ล่าง พอตั้งสติกับเหตุการณ์ได้ รีบเขยิบออกต่างคนต่างนั่งบนเตียงแทน เตโชไปคว้าเอาเสื้อคลุมสีขาวในตู้เสื้อผ้าส่งให้เจ้านาย ยืนข้างกายราวคนอื่นคือผู้บุกรุก
"องค์หญิงเป็นอะไรไหมครับ" เดโม่ก็เหมือนกันรีบสลัดผ้านวมคลุมให้ร่างอรชรเพื่อรักษาภาพลักษณ์ เขาไม่มีแม้แต่จะเหลือบมองตอนชุดเดรสเผยความวาบหวิว
"ไม่ต้องห่วง เอาเอกสารมาตอนนี้" น้ำเสียงใสถามหาสิ่งสำคัญ ให้องค์รักษ์ล้วนจากด้านในเสื้อสูทข้างหลังออกมา ปรากฏว่าเป็นแฟ้มเอกสาร มีใบทะเบียนสมรสประเทศไทยชัด
"หมายความว่ายังไง" เตโชเอ่ยถามแทนเจ้านาย ถึงทราบยศฐาบรรดาศักดิ์ก็ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์นี้อยู่ดี
"รีบเซ็นต์ซะไม่งั้นคุณไม่มีทางออกจากประเทศนี้ได้แน่นอน" โมอาจับแฟ้มเอกสารพร้อมปากกายัดเหยียดใส่มือหนาราวบังคับ ใบหน้าสวยร้อนรนสลับมองเดโม่ เขารู้แผนการนี้ดีแต่ไม่คิดว่าองค์หญิงต้องแปดเปื้อนสัมผัสชายหนุ่มด้วย
"เรื่องบ้าอะไรว่ะ!!" ซิลค์สบถคำพูดอย่างหัวเสีย ร่างสูงลุกยืนขึ้นยกแขนแกร่งเท้าเอวสอบ หันหน้าไปทางหน้าต่างไม่ให้ใครเห็น เขายังนึกไม่ออกเลยว่าพลาดท่าให้คนพวกนี้ได้ยังไง แล้วยิ่งไม่มีทางใหญ่เลยหากต้องมีพันธะด้วยกัน
"หากใครหมิ่นเกียรติขององค์หญิง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไว้ชีวิต" เดโม่จ้องตาบอดี้การ์ดราวเฉือดเฉือน ไม่ได้รู้สึกถูกชะตาแม้แต่นิดเดียว
"นายแพทย์ระดับประเทศแบบคุณคงไม่อยากเดือดร้อนใช่ไหม?"
"เธอรู้?" ยิ่งกว่าตกใจซ้ำซาก อีกฝ่ายเล่นรู้ประวัติของเขาดี ร่างสูงหันกลับมาไล่นัยน์ตาคมสำรวจ คิ้วหนาขมวดเพ่งเรือนร่างอรชร ทั้งผิวพรรณและเครื่องแต่งกายรวมถึงชายคนก่อนหน้า บ่งบอกอะไรแก่เขาได้ดี
"ถ้าช่วยฉันครั้งนี้สำเร็จ ฉันสามารถช่วยคุณอย่างอื่นได้นะ"
...................................
วันต่อมา_"องค์หญิงตื่นค่ะตื่น!!" เสียงของพี่เลี้ยงอย่างลิลลี่พยามตะโกนเรียกหญิงสาวบนเตียง เมื่อโดนบุพการีเธอออกคำสั่งให้ไปพบ เพราะมีเรื่องสำคัญซึ่งทุกคนกำลังรออยู่ นาฬิกาบนฝาพนังไล่เดินไปช่วงถึงสิบโมงเช้า เป็นเวลาก่อนที่โมอาจะตื่นทุกวัน บวกกับความร้อนใจของพี่เลี้ยงต้องรีบส่งมือเขย่าขาเรียวกระวนกระวาย"หื้อ..อะไรพี่ลิลลี่!" เมื่อคนถูกปลุกกระทันหัน ยังไม่รู้สึกว่านอนเต็มอิ่ม กว่าเมื่อคืนเธอจะทำใจหลับลงได้เกือบเข้าสู่เช้าวันใหม่ ครั้นยังติดใจถ้อยคำของมาร์แชลล์อยู่ห้วงหัวสมอง เขารับปากว่าจะพากลับไปประเทศไทยได้ยังไง หากบิดาและมารดาไม่ยินยอม"รีบตื่นเถอะค่ะ ทุกคนรอองค์หญิงที่ห้องโถงกันหมดแล้ว" ลิลลี่รีบเตรียมสิ่งของขณะอธิบายบอก เหลือเวลาไม่มากแล้วหากหญิงสาวไปไม่ทันการณ์ อาจเปลี่ยนบรรยากาศเป็นอีกแบบนึง"รอ?รอเราทำไม?" ร่างอรชรค่อยๆลุกชันตัวขึ้นพิงหัวเตียงช้าๆ ไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายตามพี่เลี้ยงสักนาทีเดียว แถมยังยกมือชี้ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนมากกว่า ท่าทางใจเย็นสลับกัน"ก็ไปสัญญาอะไรกับองค์ชายไว้ล่ะคะ ถ้าช้าอีกนิดเผื่อพวกท่านเปลี่ยนใจ ลิลลี่ไม่มาป...." แค่ลิลลี่พยามบอกยังไม่ทันจบประโยคดี
"โดนเมียทิ้งเหรอเฮีย??" ผู้เป็นน้องชายเอ่ยถามขึ้น ดึงทุกสายตาเหลียวมอง สัมผัสได้ถึงบรรยากาศนิ่งสงัด ที่เจ้าของห้องไม่พึงประสงค์แก่แขกไม่ได้รับเชิญ"จะกลับได้หรือยัง?" ซิลค์กับตอบไม่ตรงคำถาม เหลือบมองผ่านสายตาเชิงตำหนิ ชวนรุ่นน้องขนลุกซาบซ่าน เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยไล่ให้ได้ยิน ร่างสูงสง่าเอนหลังพิงพนักท่าทางเยือกเย็น หยิบปากกาขึ้นมาควงเล่น ระหว่างรอผู้ร่วมอาศัยในห้องออกไป"ดุจังล่ะเฮีย ถ้าไม่บอกไม่เป็นไรก็ได้ แต่ยังไงก็อย่าลืมนะว่าผมช่วยได้เสมอ" ซายน์ทำหน้าทะเล้นใส่ ลุกตรงไปนั่งแทรกกลางระหว่างเอเดนกับภาคิน จนพวกเขาเขยิบอย่างรำคาญ"ช่วยได้?" เป็นคำถามพูดขึ้นที่ทำให้ผู้ฟังไม่ได้รู้สึกดี เหมือนแฝงความคิดบางอย่างดูไม่น่าจะธรรมดาเท่าไหร่ ร่างสูงโน้มตัวนั่งค้ำโต๊ะทำงาน ประสานสองมือหนายกระดับใต้คางสาก"สั่งๆมา ไอเดนกับไอคินพร้อมอยู่แล้ว" ซายน์รีบพูดปัดป่าย หยักหัวไหล่ข้างนึงเรียกความหมั่นไส้ ใช้ข้อศอกทั้งสองข้างกระทุ้งใส่ท่อนแขนรุ่นน้อง ดั่งโยนโทษมหันต์โดยที่พวกเขาไม่ได้ทำผิดเลย"ไปอเมริกากัน" ซิลค์บอก ด้วยความที่ใบหน้าเย็นชาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกว่าเอเดนกับภาคินไม่น่
3 เดือนผ่านไป_"โมอา!น้องเห็นแบบก่อสร้างที่พี่ให้ดูเมื่อวานไหม" มาร์แชลล์ส่งเสียงมาแต่ไกล ให้ผู้เป็นน้องสาวในที่พักรับรู้ว่ามีคนกำลังเข้าเขตพื้นที่ส่วนตัว ร่างอรชรในชุดเดรสยาวแทบทำจดหมายหลุดมือ หลังอมยิ้มจากข้อความของคนไกล"พี่เดค่อยหาทางออกไปนะ" คนพูดเริ่มรู้สึกร้อนรน รวบเก็บจดหมายของคนไกลไว้ในลิ้นชัก ลุกขึ้นสบัดเสื้อผ้าให้เข้ารูปพร้อมปั้นหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นองครักษ์หนุ่มรีบวิ่งไปแอบมุมเดิม คือหลังผ่านม่านใหญ่ข้างประตูทางเข้า เลี่ยงการตอบคำถามแก่คนมาใหม่ เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องความสัมพันธ์ที่โมอาไม่ยอมหย่าให้ซิลค์ เลยโดนตัดการเชื่อมต่อหลายเดือนแล้ว"โมอาเมื่อวานพี่เอาให้เราดูไม่ใช่เหรอ มันหายไปได้ยังไงหน่ะ" มาร์แชลล์พูดอย่างวิตก แบบก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเมืองเกิดหายไป หลังพาน้องสาวดื่มสังสรรค์เมื่อช่วงค่ำ หรือเขาเมาจนเสียสติไปชั่วคราว"ไม่หายไปหรอก ก็พี่มาร์บอกให้น้องออกแบบลายมันเองไม่ใช่หรอ คอยดูนะจะให้ท่านแม่บ่นเลย" น้องสาวก่นเสียงดุ แค่เธออยากหาเพื่อนคุยสนุกในงานรื่นเริง แต่พี่ชายดันดับฝันเล่นดื่มแอลกอฮอล์จนหมดไปหลายขวด โมอาเลยต้องชิ่งพาเขากลับมาที่พักก่อน
@ หลายวันผ่านไป เมื่อการสอนหนังสือชั่วคราวต้องสิ้นสุดลง ร่างอรชรรีบส่งสัมภาระให้เดโม่นำไปขึ้นรถตรงเชิงเขา ส่วนเธอกับเบลล์จะเดินตามเส้นทางลัดไปพร้อมเด็กนักเรียนจำนวนนึง เพราะอยากมาส่งอำลาในครั้งสุดท้าย หลังจากค่ำคืนแห่งไฟสวาทนั้น โมอาก็ไม่ได้เจอกับคนเอาแต่ใจอีกเลย แม้แต่เตโชเองก็ปิดปากเงียบสนิท มีบางครั้งเข้ามาตรวจทีมแพทย์เหลือทิ้งไว้แค่บอดี้การ์ดจำนวนนึง ซึ่งเธอรู้ดีว่าเรื่องราวสิ้นสุดลงแล้ว"ให้ทุกอย่างมันจบที่นี่แหละดีแล้ว" น้ำเสียงหวานบอกตัวเองเบาๆ ไม่หันหลังกลับไปมองตรงริมลำธารอีก กระชับกำสายกระเป๋าเป้แน่นก่อนยื่นมือจับข้าวนึ่งกับโมจิ เด็กทั้งสองชำนาญเส้นทางบนเขาอย่างดี ถึงอาสามาส่งโดยไม่มีผู้ใหญ่ตาม"ฉันจะต้องจบกับแกด้วยไหมนี่ แกจะกลับมาหาฉันอีกไหมยัยโม" เบลล์พูดอย่างตัดพ้อ เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวต้องเดินทางกลับไปประเทศตัวเองทันที ยอมรับว่าใจหายแต่อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน วันใดวันนึงอาจพบเจอกันอีก"กลับสิ ฉันคิดถึงแกจะตายนะยัยเบลล์" น้ำตาแทบไหลเพราะความผูกพันธ์ระหว่างเพื่อนสาว คอยช่วยเหลือช่วงที่ศึกษาอยู่ร่วมห้าปีกว่า สนิทไม่ต่างจากพี่น้องคนนึงเลย"ให้มันจริงล่ะ" จนทั้งคู่เดิ
"อื้ม...อ้าขาสิเด็กดีย์" ซิลค์ยังคงคลอกับเรียวปากบาง จูบบดขยี้เร่าร้อนแถมยังรัวระเรงนิ้วใส่ร่องคับแคบ จนร่างอรชรระทวยอ่อน ผลักนอนลงเบาๆบนโขดหิน จับยกขาเรียวข้างนึงแนบเอวสอบ เตรียมจ่อช่องทางรักเชื่อมต่อประสาน"แค่รอบเดียวใช่ไหม" ดวงตากลมเหลือบเห็นแก่นกายขนาดใหญ่กว่าข้อมือ กำลังถูกชักรูดเตรียมเปิดศึกรักทรหด ก้อนใจดวงน้อยแทบล่วงอยู่ตาตุ่ม หลังขาดหายเรื่องอย่างว่าไปหลายวัน"ฉันพูดแบบนั้นเหรอ?"สวบ~"อื้อ..คะคุณซิลค์....อื้อออ" คนตัวเล็กถึงกับร้องเสียงหลง ผวากอดร่างกำยำแนบกายแน่น ยามแก่นกายเกินมาตรฐานกระแทกใส่โพรงสวาทในรอบเดียว ทำผนังนุ่มขยายกว้างโอบรัดความเป็นชายยากขยับ จุกระบมอ่อนทั่วท้องน้อยปล่อยน้ำเมือกใสอีกละลอกตอบสนอง"อย่าเกร็ง..ซื๊ดด" แม้แต่เขาเองยังปวดหนึบไม่น้อย ร่องนุ่มนิ่มแทบดูดกลืนท่อนเอ็นอุ่นสุดลำโคน ซุกใบหน้าหล่อเหลาคลุกคลีตรงซอกคอขาว ขบเม้มเลียกลิ่นสาวหอมละมุน ใช้สะโพกแกร่งสอบเข้าออก เพียงแค่พึ่งเริ่มก็เสียวซ่านปลุกอารมณ์ดิบตั่บ! ตั่บ! ตั่บ!"บะเบาก่อน...อื้อ..ฉันจะจุก...อื้อ..." ไม่ใช่อาการเจ็บแผ่นหลังยามถูไถกับโขดหิน เพราะมีน้ำและตะไคร่ช่วยเสริมให้ลื่นไหล พาลร่างอรชรกระเ
หลายวันผ่านไป_"ใครจะคิดล่ะว่ามันจะยากขนาดนี้...คนไม่มีหัวใจ!" ถ้อยคำตัดพ้อพอๆกับความรู้สึกตัวเอง น้ำเสียงหวานไม่อาจปรับอารมณ์ได้ทัน นั่งทิ้งกายอยู่บนโขดหินตำแหน่งเก่า หลังเธอแอบหนีเพื่อนสาวออกมากลางดึก เพราะไม่อยากรบกวนเวลานอนซึ่งเธอไม่มีอาการง่วงเลย เหลืออีกไม่กี่วันจะถึงกำหนดการประเทศแล้ว ปล่อยเดโม่ยืนชะเง้อเฝ้าอยู่ระยะไกล ซึ่งไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาองครักษ์ได้ เขาจะพักผ่อนช่วงเวลากลางวันตอนที่เธอสอนหนังสือ เพราะยามดึกคือความอันตรายเผื่อแฝงตัวมา"ถ้าฉันเป็นแบบนั้นบ้างคงดีสินะ" ก้อนหินถูกโยนใส่สายน้ำต่อเนื่ิอง ร่างอรชรนั่งกอดเข่าแน่นพลางก้มหน้าซุกระบายน้ำตา ใครจะรู้ว่าฉากเบื้องหลังเธออ่อนแอได้เช่นนี้ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดยิ่งทำความรู้สึกดิ่งจมลึกหมับ!"คุณ!!" พอฝ่ามือเรียวบางจะหยิบหินก้อนใหม่ ดันถูกฝ่ามือหนาจับรั้งไว้ ก่อนที่ซิลค์จะทิ้งกายลงด้านข้าง ใบหน้าเรียบเฉยจนคนมองรู้สึกโมโห เขาไม่ได้สะทกสะท้านแถมยังกล้ามาเจอกันอีก ร่างอรชรเตรียมลุกหนีไม่อยากพบเจอฟังคำอธิบาย"นั่งลง" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอก จับข้อมือเล็กกระตุกลงบนตักแกร่ง หันสองขาเรียวไปฝั่งเดียวกัน ยิ่งโมอาดีดดิ้นท