หลังจากเอาของเครื่องใช้ในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กที่พกมาด้วยวางในห้องเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะพบกับติณณภัทรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหา หย่อนก้นนั่งจนตัวแทบสิงกับเขา
"เมียขอนั่งด้วยนะคะสามี" จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และมันก็ได้ผลอีกคนรีบขยับตัวออกห่างทำเหมือนรังเกียจเธอมาก ๆ สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น กดเสียงพูดอย่างดุดัน "เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนับดาว" "เมียคงทำไม่ได้ผัวค่ะผัวข๋า" ไม่ว่าเปล่าคราวนี้เธอขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเขาพร้อมกับใช้มือโอบลำคอแกร่งไว้ "เธอจะท้าทายฉันมากไปแล้วนะ" ติณณภัทรถึงกับความอดทนขาดผึ่งไม่คิดหยั่งมืออีกต่อไป ผลักร่างบางอย่างแรงจนเธอกระเด็นออกจากตักล้มลงไปนั่งกองที่พื้น เขาชายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกไปไม่คิดสนใจใยดี แรงกระแทกกับพื้นแข็งทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจ มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยแววตาโกรธเคือง พร้อมกับสบถออกมาเบา ๆ "ไอ้บ้าเอ้ย! เจ็บชะมัด" ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ครืดดด~ เธอชะลอเท้าลงเล็กน้อยเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้น ก่อนล้วงไปหยิบมาดูเห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนชายจึงกดรับสาย "ว่าไงแบงค์" (ผลเลือดออกแล้วนะ ในเลือดแกมีสารของยานอนหลับอยู่) "โอเค ขอบใจที่โทรมาบอกนะ" (อือ) หลังจากวางสายเพื่อนชายเธอก็พยายามทบทวนเรื่องในคืนนั้นอีกครั้งว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกทะแม่ง ๆ ยังไงชอบกล เชื่อว่าในคืนนั้นมันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคืนนั้นตอนมีอะไรกับชายหนุ่มเธอถึงไม่รู้สึกตัวเลยเพราะโดนยานอนหลับนี่เอง แต่เธอจะเริ่มสืบจากตรงไหนก่อนดีนี่สิมันจับต้นชนปลายไม่ถูกจริง ๆ เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่คิดไม่ตกจริง ๆ ว่าควรทำยังไง ระหว่างนั้นสายตาก็ดันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มกำลังเดินไปขึ้นรถทำให้ความคิดชั่ว ๆ ผุดขึ้นในสมองของเธอ รอยยิ้มร้ายผุดพรายเคลือบใบหน้าสวย เธอยังเจ็บใจไม่หายกับการกระทำทุกสิ่งอย่างของเขาในวันนี้ พอคิดวิธีกลั่นแกล้งเขาได้อารมณ์ก็พลันดีขึ้นมา ผลักไสเธองั้นเหรอเดี๋ยวเจอนับดาวในเวอร์ชั่นใหม่แน่ เธอรอให้ชายหนุ่มขับรถออกไปจากบ้านก่อนจึงลุกเดินขึ้นห้องนอนไปเอากระเป๋าเงินกับรีโมทรถ แล้วเดินกลับไปขึ้นรถขับออกจากบ้านมุ่งตรงสู่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของบางอย่าง หลังจากซื้อเสร็จก็ขับรถกลับไปยังบ้านตัวเอง เมื่อมาถึงบ้านเธอก็เดินเลี่ยงทุกคนเข้าไปเรียกออยในครัวให้ออกมาคุยกันที่สวนหน้าบ้านเกี่ยวกับเรื่องในคืนนั้น "พี่ออยแน่ใจนะคะว่าคืนนั้นไม่ได้เสิร์ฟเครื่องดื่มที่มียานอนหลับให้นับกับอุงอิงจริง ๆ" "แน่ใจค่ะไม่ผิดแน่ ๆ พี่กล้าเอาหัวเป็นประกันเลย" "นับว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ แล้วนะคะพี่ออย" "พี่ก็คิดแบบนั้นค่ะ" "แล้ววันนั้นที่โต๊ะเครื่องดื่มมีใครไปป่วนเปี้ยนไหมคะ" "ไม่มีนะคะนอกจาก นางจอยคนของคุณนิ่ม" "งั้นเป็นไปได้ไหมคะว่าว่าจอยจะแอบวางยานอนหลับพวกเรา" คำพูดของออยทำให้นับดาวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าบางทีอาจจะเป็นแผนของแม่เลี้ยงใจยักษ์ก็ได้ แต่นิ่มจะทำไปทำไมกันในเมื่อเธออยากได้ติณณภัทรเป็นลูกเขยจนตัวสั่นอยู่แล้ว หรืออาจจะมีอะไรผิดแผนมันสามารถสรุปได้หายทาง หากเป็นจริงอย่างที่คิดคงจะมีแต่จอยคนรับใช้ของแม่เลี้ยงคนเดียวที่บอกสาเหตุแท้จริงได้ แต่การจะง้างปากทาสผู้ซื่อสัตย์ของแม่เลี้ยงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอชั่งใจอยู่สักพักว่าจะทำยังไงดี ก่อนเอ่ยกับออย "นับวานให้พี่ออยช่วยจับตาดูจอยให้หน่อยนะคะ เผื่อได้หลักฐานอะไรบ้าง" "ได้ค่ะคุณนับดาว พี่ออยจะช่วยกระชากหน้ากากยัยแม่เลี้ยงนั่นเอง" "ขอบคุณมากนะคะพี่ออย" นับดาวยื่นมือไปกอบกุมมือออยด้วยความซาบซึ้งใจเพราะคนในบ้านหลังนี้เห็นจะมีแต่ป้าใจแม่ของออยกับออยที่รัก และดีต่อเธอเสมอมา "มันเป็นหน้าที่ของออยอยู่แล้วค่ะ" ออยยิ้มรับพลางมองหน้าเจ้านายสาวผู้แสนน่าสงสารด้วยความรักใคร่เอ็นดูเพราะรู้ดีว่าชีวิตของเจ้านายสาวต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง "ค่ะ งั้นนับไปก่อนนะคะ" นับดาวยิ้มรับ ก่อนจะแยกตัวเดินออกไปขึ้นรถขับตรงกลับบ้านอัครกุลทันที วันนี้เธอไม่มีอารมณ์จึงไม่คิดจะแวะยั่วโมโหใครในบ้านจิระกาญ@บ้านอัครกุล "ข่าวนี้มันหลุดรอดออกไปได้ยังไงตาภัทรบอกแม่มาสิ นี่ถ้าเพื่อนแม่ไม่โทรมาถามแม่ก็คงไม่รู้" "ผมกำลังสืบหาตัวคนปล่อยข่าวอยู่ครับแม่" เสียงของคนคุยกันดังเล็ดลอดออกมาจากในบ้านทำให้นับดาวที่กำลังจะเดินเข้าไปถึงกับต้องหยุดฟังด้วยความอยากรู้ "แกรีบจัดการให้เรื่องนี้เงียบไปเลยนะ แกรู้ไหมว่าแม่อายเพื่อน ๆ มากแค่ไหน ไม่รู้ว่าต้องตอบคำถามยังไงที่ลูกคว้าผู้หญิงอย่างนับดาวมาทำเมีย แม่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว" "ใจเย็น ๆ สิครับแม่" "ฉันเย็นไม่ลงหรอกนะ" เธอจำได้ว่าเสียงนั้นคือติณณภัทรกับผู้เป็นแม่ที่กำลังทะเลาะกันเรื่องของเธอ เอาจริง ๆ เธอก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่เป็นต้นเหตุทำให้สองแม่ลูกทะเลาะกัน เธอเข้าใจด้วยซ้ำที่แม่ชายหนุ่มไม่ชอบขี้หน้าเธอเพราะท่านก็คงได้เห็นข่าวในด้านลบของเธอบ่อย ซึ่งคงไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกได้กับคนที่ไม่ดีหรอก เธอรอให้เสียงเงียบลงมั่นใจว่าสองคนแม่ลูกไม่อยู่แล้วจึงเดินเข้าไปภายในบ้าน ทว่าเธอกลับคิดผิดเพราะยังมีชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ห้องโถง ใบหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ "เพราะเธอคนเดียวนับดาว ไม่ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนที่นั่นก็ลุกเป็นไฟ" เธอคิดจะเดินผ่านไปเงียบ ๆ แต่พอเจอประโยคไม่รื่นหูจากริมฝีปากหนาถึงกับต้องหยุดชะงัก ก่อนจะเดินกลับไปยืนตรงหน้าเขา "งั้นสามีก็ช่วยทำให้เมียคนนี้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งเย็น ๆ สิคะ บ้านจะได้ร่มเย็น" เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงยั่วยวนพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และทำเหมือนว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไรทั้งที่ในใจเดือดปุด ๆ "ที่ฉันพูดไปมันไม่เข้าสมองของเธอบ้างรึไงนับดาว หรือในสมองไม่มีรอยหยักเลยฟังอะไรไม่เข้า" ติณภัทรต่อว่าคนตรงหน้าที่ยิ้มหน้าระรื่นเหมือนไม่สะทกสะท้านอย่างเหลืออด อารมณ์ไม่ดีจากการทะเลาะกับผู้เป็นแม่มาแล้วยังต้องหัวเสียเพราะผู้หญิงไร้ยางอายอย่างนับดาวอีก หากเธอยังทำนิสัยแบบนี้ใส่ต่อไปเรื่อย ๆ เขาคงได้โกรธจนพลั้งมือฆ่าเธอเข้าสักวันแน่ ๆ "นี่คุณ!" คำพูดแสนร้ายกาจจากปากชายหนุ่มทำเอานับดาวโกรธจนตัวสั่น ชี้หน้าว่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ "คุณก็ไม่ต่างจากฉันหรอก โง่ดักดานมองไม่ออกว่าอันไหนปลอมอันไหนจริง" ติณณภัทรถึงกับขมวดคิ้วเป็นกับคำพูดชวนสงสัยของหญิงสาว มองหน้าถามอย่างคาดคั้น "หมายความว่าไง" "เชิญโง่ต่อไปน่ะดีแล้ว" นับดาวไหวไหล่เบะปากใส่เขาแทนคำตอบ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายด้วยคำพูดเจ็บแสบแล้วรีบเดินออกไป "นับดาว!" คนฟังกัดกรามกรอดด้วยความโกรธจัด ก่อนจะลุกเดินตามเธอไป เขาไม่ยอมให้เธอมาว่าแล้วเดินหนีไปง่าย ๆ หรอก "หยุดเดี๋ยวนี้นะนับดาว" นับดาวได้ยินเสียงที่ตะเบ็งตามหลังมา แต่ไม่คิดสนใจรีบสาวเท้าเดินให้เร็วกว่าเดิม จงใจล่อให้อีกคนตามมาถึงในห้องนอนเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ และดูเหมือนเหยื่อจะติดกับเธอเข้าแล้ว.. ติณณภัทรตามนับดาวเข้ามาถึงในห้องนอน ก่อนจะพุ่งไปจับแขนเธอแล้วกระชากให้หันกลับมาเผชิญหน้า "โอ้ย!" แรงกระชากจากมือหนาทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่เธอก็พยายามข่มความเจ็บเอาไว้ แหงนหน้าขึ้นสบแววตาวาวโรจน์พร้อมกับเผยรอยยิ้มร้ายออกมา จากนั้นก็ทำบางอย่างที่อีกคนไม่คาดคิด พรึ่บ! เธอสะบัดแขนออกจากการจับกุม ก่อนจะปลักร่างสูงลงบนเตียงด้วยแรงทั้งหมดที่มีส่งผลให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวหงายหลังลงไปนอนแผ่หลาบนเตียงโดยมีเธอตามลงไปคร่อมเอาไว้ไม่ให้เขาลุกได้ พร้อมกับกดมือทั้งสองของเขากับที่นอน "เธอทำบ้าอะไร ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นับดาวอย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง" ติณณภัทรตวาดเสียงใส่คนด้านบนดังลั่นวินาทีนี้อะไรก็มาฉุดอารมณ์ของเขาไม่อยู่แล้วกับความไร้ยางอายของหญิงสาว พยายามออกแรงทั้งหมดที่มีขืนมือทั้งสองออกจากการกดตรึง ด้วยแรงของผู้ชายทำให้นับดาวมิอาจต้านทานได้ เมื่อเห็นท่าไม่ดีเธอจึงใช้ไม้ตายหวังตัดกำลังของเขา โน้มลงไปประกบจูบริมฝีปากหนาพร้อมกับทุ่มน้ำหนักลงทาบทับร่างแข็งแกร่ง บดขยี้ริมฝีปากหนาอย่างหนักหน่วงความอยากเอาชนะทำให้เธอลืมอาย ลืมว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเสียสนิท ติณณภัทรชะงักไปชั่วขณะกับการกระทำของหญิงสาว ก่อนจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีพลิกตัวขึ้นคร่อมเธอแทน แล้วใช้มือบีบลำคอระหงแน่น จดจ้องใบหน้าสวยด้วยแววตาวาวโรจน์ "ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่ามาทำตัวไร้ยางอายแบบนี้อีก เพราะความอดทนฉันมีจำกัด และฉันก็ไม่ใช่คนดีนักหากอยากมีชีวิตก็อยู่ห่าง ๆ ฉันไว้" กดเสียงพูดลอดไรฟันพร้อมกับออกอรงบีบลำคอระหงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอีกคนเริ่มหายใจไม่ออก ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำเขาจึงปล่อยมือออก แล้วผละตัวลุกเดินออกจากห้องไป "อึก" นับดาวรีบกอบโกยลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ มือก็กอบกุมรอบคอไว้พร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นนั่ง มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยความคับแค้นใจ คิดว่าขู่แบบนั้นแล้วเธอจะกลัวอย่างนั้นเหรอบอกเลยว่ายิ่งทำให้เธออยากท้าทาย เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำอะไรแต่อย่างหนึ่งที่มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์คือเขาไม่มีวันล่วงเกินเธออีกแน่ ๆ เพราะดูจากทุกครั้งที่เธอพยายามยั่วยวนเขาก็แสดงท่าทีรังเกียจออกมาตลอด เธอลอบถอนหายออกมาเบา ๆ ก่อนเอื้อมไปหยิบถุงช้อปปิ้งที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาล้วงของข้างใน ซึ่งมันเป็นชุดนอนไม่ได้นอนสุดเซ็กซี่ที่เธอลงทุนขับรถไปซื้อที่ห้างเมื่อตอนบ่ายไงล่ะ กะว่าคืนนี้จะใส่ไปแกล้งชายหนุ่มสักหน่อย แต่เห็นทีคืนนี้คงต้องล้มเลิกแผนไปก่อน ค่อยแกล้งพรุ่งนี้ก็ยังไม่สายนับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"