เธอ ต้องการ ทำให้ พี่สาวต่างมารดา เจ็บปวด จึงวางยาปลุกเซ็กซ์คู่หมั้นพี่สาว ในงานวันเกิดพี่สาว แล้วจ้างให้ผู้หญิง มานอนด้วย แต่แผนดันผิดพลาด เมื่อตื่นขึ้นมา กลับกลายเป็นเธอ ที่นอนอยู่บนเตียงกับชายหนุ่ม "คุณได้เป็นเมียผมแค่ในใบทะเบียนสมรสเท่านั้นแหละ อย่าหวังว่าเรื่องในคืนนั้นจะเกิดขึ้นอีก และอย่าหวังอะไรไปไกล" "ฉันจะคอยดูว่าคุณทำได้ตามที่พูดไหม อย่ามาเป็นหมาทีหลังแล้วกัน" "ผมไม่มีวันยอมรับผู้หญิงร้ายกาจอย่างตุณเป็นเมีย นับดาว" "..."
Lihat lebih banyakบางทีโลกนี้ก็ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยทำไมคนเลว ๆ ที่ทำร้ายคนอื่นถึงยังใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ขณะที่คนถูกกระทำต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด
"หึ"
นับดาว หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสะสวย วัย 26ปี ในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีแดงเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันกับความดราม่าของชีวิตตัวเอง ขณะที่สายตาจ้องมองภาพบิดา แม่เลี้ยง พี่สาวคนละแม่ และคู่หมั้นของพี่สาวนั่งคุยกันในห้องรับแขกอย่างมีความสุขด้วยแววตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ ..พวกเขาต่างมีความสุข ความสุขที่เธอไม่เคยได้สัมผัสตั้งแต่มารดาจากไป.. เท้าเล็กบนรองเท้าส้นสูงไม่รอช้าเดินนวยนาดเข้าไปกลางวงสนทนา หย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวที่ยังว่างอยู่ แล้ววาดเรียวขาสวยขึ้นไขว้ห้างทำให้ชุดเดรสที่สั้นอยู่แล้วร่อนขึ้นไปอีกจนแทบเห็นแพนตี้ แต่เธอหาได้แคร์ใครหน้าไหนไม่เพราะจุดประสงค์คือต้องการขัดขว้างไม่ให้ทุกคนในที่นี้มีความสุขอยู่แล้ว และมันก็ได้ผลทุกคนต่างพากันเงียบอัตโนมัติ บรรยากาศอึมครึมลงในทันตา ริมฝีปากอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นบิดาที่แสดงออกมาว่าไม่พอใจอย่างชัดเจนกับการกระทำของเธอ "ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อยนับดาว" ทนงศักดิ์ต่อว่าบุตรสาวอย่างเหลืออดทั้งที่ความจริงไม่อยากต่อว่าให้เธอขายหน้าคู่หมั้นของบุตรสาวคนโตอย่างนีรนุชเลยเลย "แล้วนับทำตัวไม่ดีตรงไหนคะ" นับดาวตอบอย่างลอยหน้าลอยตาเผยรอยยิ้มร้ายออกมา ไม่ได้สะทกสะท้านสักนิด และไม่สนด้วยว่าใครจะคิดยังไงเพราะทุกวันนี้ทุกคนก็พากันมองเธอไม่ดีหมดแล้ว เธอเป็นนางแบบชื่อดังที่มีข่าวฉาวโฉกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เพราะฉะนั้นอย่าถามหาด้านดี ๆ ของเธอเลย สาเหตุที่เธอทำตัวแบบนี้ก็เพราะต้องการทำลายชื่อเสียงบิดานั่นเอง "ฉันชักหมดความอดทนกับแกแล้วนะนับดาว ทำไมแกถึงมีนิสัยแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันอายคนอื่นเขาแค่ไหนที่มีลูกอย่างแก" ทนงศักดิ์เอ่ยด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมนาทีนี้เขาไม่คิดอายคู่หมั้นบุตรสาวคนโตที่นั่งอยู่ด้วยสักนิด เขาอดทนอดกลั้นกับบุตรสาวคนเล็กมามากพอแล้ว เขาเป็นถึงผู้พิพากษา แต่กลับมีลูกสาวที่ทำอาชีพโชว์เรือนร่าง หนำซ้ำมีข่าวเหม็นคาวไม่เว้นแต่ละวันเขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ทำไมบุตรสาวถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้ อะไรที่เขาห้ามบุตรสาวก็จะทำ ครั้งเมื่อเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเขาบอกให้เรียนกฎหมายเพื่อจะได้เดินตามรอยตัวเองบุตรสาวก็เลือกเรียนนิเทศศาสตร์ พอเขาสั่งห้ามไม่ให้เป็นนางแบบเธอก็เป็นนางแบบ "คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ ค่อยพูดค่อยจากัน" นีรนุชรีบเอื้อมมือไปวางบนขาคนเป็นพ่อเพื่อให้ท่านใจเย็นลงเพราะกลัวโรคของท่านจะกำเริบ ก่อนจะเอ่ยกับน้องสาวต่างแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหวังคลี่คลายสถาการณ์ตึงเครียดระหว่างพ่อลูก "น้องนับอย่าโกรธคุณพ่อเลยนะคะ ท่านก็พูดไปแบบนั้นแหละ" "นับเป็นลูกคนเดียวค่ะไม่มีพี่สาว อีกอย่างเลิกตอแหลทำเป็นแสนดีสักทีเถอะค่ะเห็นแล้วรำคาญ" นับดาวกลับมองว่านีรนุชแสแสร้งเหมือนแม่ของเธอนั่นแหละ ตอกกลับอย่างเจ็บแสบทำเอานีรนุชถึงกับหน้าเจื่อน แววตาเศร้าหมองลงฉับพลันพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเออคลอด้วยความเสียใจ "ทำไมหนูนับต้องว่าพี่เขาแรง ๆ ด้วยจ๊ะ พี่เขาหวังดีกับหนูจริง ๆ นะ" นิ่มแม่เลี้ยงของนับดาวพูดขึ้นด้วยใบหน้าสลดทั้งที่ในใจอยากจะเข้าไปกระชากหัวลูกเลี้ยงปากดีอย่างนับดาวมาตบให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้แสดงเป็นแม่เลี้ยงที่แสนดีต่อหน้าทุกคน และเหมือนทุกคนจะเชื่อสนิทใจ... "ตอแหลทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะคะ" นับดาวตวัดสายตามองแม่เลี้ยงหน้าเนื้อใจเสือนิ่ง ๆ กดเสียงพูดอย่างเย้ยหยัน รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นประดับมุมปากหยักแวบหนึ่ง ก่อนหายไป "รางวัลตุ๊กตาทองคงต้องเข้าแล้วละคะ" "พี่ว่าน้องนับดาวพูดจาแรงเกินไปแล้วนะครับ คุยกันดี ๆ ก็ได้ครับ" ติณณภัทรคู่หมั้นนีรนุชที่นั่งฟังเงียบ ๆ มานานพูดแทรกขึ้นเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไปกับความร้ายกาจของนับดาวที่แผลงฤทธิ์ใส่ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง เขาเคยได้ยิน และได้เห็นข่าวในด้านเสีย ๆ หาย ๆ ของเธอตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีนิสัยก้าวร้าวด้วย ผู้หญิงอะไรร้ายกาจไม่มีที่ติขัดกับหน้าตาสิ้นเชิงแบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกหน้าสวยแต่ใจเสีย "ฉันว่าคุณนั่งเงียบ ๆ จะดีกว่านะคะ หรือไม่ก็ออกไปจากบ้านฉันได้แล้วนี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว" นับดาวสวนกลับทันควันมองสบนัยน์ตาสีดำขลับของติณณภัทรโดยไม่หลบหลีก ถึงเขาจะเป็นแขกเธอก็ไม่คิดไว้หน้า เขาเป็นคู่หมั้นของนีรนุชก็ถือเป็นศัตรูกับเธอด้วย "แกนี่มันเกินเยียวยาจริง ๆ นับดาว" ทนงศักดิ์ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา และเหลือทนกับนิสัยกร้าวร้าวของบุตรสาว ทว่านับดาวกลับไหวไหล่ให้ท่านอย่างไม่แยแสเธอชินกับคำต่อว่าของบิดาแล้วล่ะ "ใครจะดีเลิศประเสริฐศรีเหมือนลูกสาวสุดที่รักของคุณพ่อละคะ" อดไม่ได้จะตวัดสายตาไปพูดกระแหนะกระแหนนีรนุชที่บิดามักชมว่าดีนักดีหนา ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วพูดต่อ "เชิญตามสบายเลยค่ะนับขอตัวก่อนอยู่ใกล้ ๆ พวกตอแหลนาน ๆ กลัวจะติดเชื้อตอแหลไปด้วย" ว่าจบเธอก็ลุกเดินสะบัดตูดออกจากบ้านไปอีกครั้งทั้งที่เพิ่งกลับมาทิ้งให้ทุกคนมองตามหลังด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ติณณภัทรลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เกิดมาเขาไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนที่นิสัยแย่เท่านับดาวมาก่อน เขาเป็นคนนอกยังสุดจะทนขนาดนี้คนเป็นพ่ออย่างทนงศักดิ์คงไม่ต้องพูดถึง คิด ๆ แล้วก็น่าเห็นใจเหมือนกัน ใครได้นับดาวไปเป็นเมียคงดวงซวยสุด ๆ ... ภายในห้องรับแขกถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบนานนับนาที ก่อนนีรนุชจะหันไปเอ่ยกับแฟนหน่มด้วยน้ำเสียงนุ่ม เพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ "นุชขอโทษแทนน้องนับด้วยนะคะ ภัทรอย่าถือสาน้องเลยนะคะ" "ลูกก็เป็นแบบนี้ตลอดยอมน้องไปหมด น้องพูดจาทำร้ายจิตใจขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ปกป้องน้องอีก" นิ่มเอ็ดบุตรสาวเบา ๆ บางทีเธอก็นึกขัดใจบุตรสาวไม่น้อยที่แสนดีเหลือเกิน อะไรก็ยอมนับดาวไปหมดราวกับนางเอกละครน้ำเน่าก็ไม่ปราน "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ นุชเข้าใจน้อง" นีรนุชส่งสายออดอ้อนมารดาที่ทำหน้าคว่ำใส่เธอพร้อมกับระบายยิ้มให้บาง ๆ "ถ้านับดาวนิสัยได้สักครึ่งหนึ่งของลูกนุชก็คงดี พ่อคงเบาใจขึ้นเยอะ" ทนงศักดิ์มองบุตรสาวคนโตอย่างชื่นชม เด็กสาวไม่เคยทำให้เขาทุกข์ใจเลยสักครั้งต่างจากอย่างนับดาวสิ้นเชิงพอคิดถึงก็รู้สึกอ่อนใจเอามาก ๆ คำพูดที่ทนงศักดิ์พูดนับดาวได้ยินหมดเพราะเธออยากจะรู้ว่าทั้งสามพูดอะไรกันบ้างหลังจากเธอไม่อยู่จึงแอบยืนฟังริมประตู เธอแสยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะหมุนตัวเดินไปขึ้นรถด้วยใบหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เห็น เธอชินแล้วล่ะเพราะบิดามักต่อว่าเธอด้วยคำพูดแรง ๆ เสมอ อีกทั้งยังชอบเปรียบเทียบเธอกับนีรนุชอีก ในสายตาท่านเธอมันก็แค่ลูกนิสัยไม่ดีเท่านั้นเอง แต่หากจะโทษก็ต้องโทษบิดาที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนร้ายกาจแบบนี้นับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"
"นับดาวเมื่อไรเธอจะตื่นขึ้นมาคุยกับฉันสักที ฉันคิดถึงเสียงพูดของเธอ คิดถึงรอยยิ้มของเธอ อยากกอดเธอจนใจจะขาดแล้ว เลิกทรมานกันสักทีได้ไหม"ติณณภัทรเอ่ยเสียงเศร้าจ้องมองหน้าคนบนเตียงที่นอนหลับมานานนับเดือนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ใช่เวลาผ่านไปเป็นเดือนแล้วแต่หญิงสาวก็ไม่รู้สึกตัวสักทีอาการทางร่ายกายของเธอหายดีหมดแล้ว หมอทำการสแกนสมองก็ปกติดีแต่ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้ คนรออย่างเขามันโคตรทรมานหัวใจมือหนายื่นไปจับมือเรียวมากอบกุมไว้แน่นส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในใจให้เธอได้รับรู้ หากเธอตื่นขึ้นมาเขามีคำพูดมากมายที่อยากบอก โดยเฉพาะคำว่ารักระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญกับชีวิตของเขามากแค่ไหน ในแต่วันที่ผ่านไปโดยไม่ได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอเหมือนกับชีวิตขาดอะไรไป มันเหงามันเคว้งคว้างไร้สีสันในวันที่คิดว่ากำลังจะเสียเธอไปเขายิ่งมั่นใจในความรู้สึกตัวเองว่าหลงรักเธอเข้าเต็มหัวใจแล้ว เธอเป็นความสุขของเขา ชีวิตในทุก ๆ วันที่มีเธอมันโคตรดีมาก ๆ แล้วแบบนี้เขาจะขาดเธอได้ยังไงกันครืดด~สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาห
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จติณณภัทรก็มาโรงพยาบาลทันที นั่งรอที่หน้าห้องไอซียูด้วยหัวใจมีความหวัง"เธอกับลูกต้องสู้นะฉันรออยู่" เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาเศร้ามองประตูห้องไอซียูพร่ำภาวนาขอให้คนด้านในปลอดภัย ก่อนล้วงไปหยิบกล่องแหวนกำมะหยี่สีแดงที่เอาติดมาด้วยออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู พร่ำรำพันออกมาแผ่วพริ้ว "ฉันรอสวมแหวนแต่งงานให้เธออยู่นะนับดาว"ดวงตาคมกริบจ้องมองแหวนเพชรในกล่องกำมะหยี่ด้วยความรู้สึกเศร้า แหวนเพชรวงนี้เขาตั้งใจสั่งทำให้หญิงสาวตั้งแต่รู้ว่าเธอท้องโดยสลักชื่อเขากับเธอเอาไว้ข้างในวงแหวนเพราะเขามั่นใจแล้วว่าจะร่วมเรียงเคียงหมอนไปกับเธอจนแก่เฒ่าเขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปิดกล่องแหวน แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าทอดสายตามองไปที่หน้าห้องไอซียูเหมือนเดิม แม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้วเขาก็ไม่มีท่าว่าจะง่วงนอน และหิวสักนิดทั้งที่ตั้งแต่ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่ตอนเที่ยง ในสถานการณ์แบบนี้เขานอนและทานอะไรไม่ลงจริง ๆ จนกว่าจะรู้ว่าลูกเมียปลอดภัยแล้วหลายชั่วโมงต่อมาก็เข้าสู่เช้าของวันใหม่ ติณณภัทรก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการเหนื่อยล้า ใจจดใจจ่อเฝ้ารอว่า
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอนับดาว" ติณณภัทรที่ได้ยินเสียงกรีดของนับดาวผ่านสาย ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรชนกันสักอย่างดังสนั่นแล้วสายก็ตัดไปทำให้เขาใจคอไม่ดีเป็นอย่างมาก พยายามติดต่อหาเธอหลายครั้งก็ปิดเครื่องได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอพร้อมกับเร่งความเร็วของรถเพื่อกลับไปดูที่บ้านว่าเธอกลับไปหรือยังขับรถมาได้สักพักคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเป็นปมด้วยความโมโหเพราะข้างหน้ารถติดยาวเหยียดทำไมต้องมาติดตอนนี้ตอนที่เขากำลังรีบ ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อมองไปที่ริมถนนไกล ๆ ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แวบหนึ่งที่เขานึกถึงหญิงสาวแต่ก็พยายามคิดว่ามันไม่ใช่ ยังคงขับรถต่อกระทั่งสายตาเหลือบเห็นรถคันที่เกิดอุบัติเหตุเหมือนจะชนกับเสาไฟฟ้า เท้าใหญ่เหยียบเบรกฉับพลันพร้อมกับหัวใจที่กระตุกวูบอย่างหนักรถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นคันสีขาว และยี่ห้อเดียวกับของนับดาวไม่มีผิด จึงตัดสินใจตีไฟเลี้ยวจอดรถริมถนนแล้วเปิดประตูลงไปดู "ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อยครับ" พยายามขอทางฝ่าวงล้อมผู้คนที่ยืนดูเข้าไปด้านใน ร่างกายชาวาบชั่วขณะเข่าอ่อนยวบแทบทรงตัวไม่อยู่ในตอนที่เห็นป้ายทะเบียนรถ เขาจำได้
Komen