หลังจากเปรมหายหลังไปติณณภัทรก็เดินเข้าไปหานับดาวที่ยืนตัวโงนเงนจะล้มแล่ไม่ล้ม ไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมมระอา
การแต่งตัวก็โป็ หนำซ้ำยังดื่มจนไม่ได้สติอีกเธอต้องเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันถึงไม่รักนวลสงวนตัวแบบนี้ ก็สมควรแล้วที่เป็นเหยื่อของพวกไม่ดี หากไม่ใช่เพราะเธอเป็นน้องสาวของคู่หมั้นเขาคงไม่เข้ามายุ่งแน่นอน "ผมไปส่งที่บ้าน" เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งพร้อมกับจับแขนเรียวลากให้เธอเดินตามไปที่รถเพราะสภาพแบบนี้คงขับรถกลับไม่ถึงบ้านแน่ ๆ ทว่าอีกคนกลับสะบัดมือเขาออก "ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันมาเองได้ก็กลับเองได้" นับดาวเชิดหน้าขึ้นตะเบ็งเสียงพูดอย่างถือดีถึงแม้ต้องนี้สภาพแทบทรงตัวไม่ไหวแล้วก็ตาม เธอไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากผู้ชายที่ถือว่าเป็นศัตรูเดี๋ยวเขาจะมาทวงบุญคุณที่หลังเอาได้ "ที่ฉันยุ่งก็เพราะรู้สึกสงสาร และเห็นใจคุณลุงศักดิ์กับนุช เกิดเธอขับรถแหกโค้ง หรือชนกับรถคันอื่นตายขึ้นมาทั้งสองคงเสียใจมาก" "ปากเสียคุณแช่งฉันเหรอห๊ะ!" คำตอบจากปากชายหนุ่มทำเอานับดาวถึงกับปรี๊ดแตกแวดเสียงใส่ด้วยความโมโห ปรือตาที่แทบจะปิดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์จ้องหน้าเจ้าของคำพูดร้ายกาจเขม็ง แต่อีกคนกลับยืนนิ่งไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นเหมือนยิ่งยั่วต่อมโมโหของเธอ ก่อนความคิดบางอย่างจะฉายขึ้นในสมอง ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา แววตาฉ่ำเยิ้มหรี่มองร่างสูงตรงหน้าอย่างจับพิรุธ "หรือว่าคุณเกิดสนใจฉันขึ้นมา แต่เอาเหตุผลอื่นมาอ้างเพื่อเข้าใกล้ฉัน" "หึ" ติณณภัทรถึงกับเค้นหัวเราะในลำคอพลางไล่สายตามองเจ้าของคำพูดหลงตัวเองอย่างเย้ยหยัน เธอเอาสมองส่วนไหนคิดกันว่าเขาสนใจ "จะบอกอะไรให้นะฉันไม่มีวันคว้าผู้หญิงที่มั่วผู้ชายไม่เลือก นิสัยกร้าวร้าว หาสิ่งดี ๆ ในตัวไม่เจออย่างเธอมาทำเมียหรอก ต่อให้โลกนี้มีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวฉันก็ไม่เอา" "หึ" นับดาวหัวเราะเยาะออกมาราวกับว่าคำพูดของชายหนุ่มเป็นเรื่องตลกแทนที่จะโกรธ หรือเจ็บปวด เธอจะสะทกสะท้านทำไมกันในเมื่อไม่ได้เป็นอย่างคำที่เขาพูดใครจะมองยังไงเธอไม่สน แค่เธอรู้ก็พอว่าตัวเองเป็นยังไง แต่ตอนนี้เธออยากเอาชนะผู้ชายปากจัดตรงหน้ามากกว่า "งั้นลองดูไหมล่ะ" แววตาที่ฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างมีเลศนัย ว่าจบเธอก็พุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยความเร็ว ยกมือทั้งสองขึ้นโอบลำคอแกร่งไว้แน่น "เธอทำบ้าอะไรออกไป" ติณณภัทรตกใจไม่น้อยกับการกระทำของหญิงสาวคิดไม่ถึงว่าเธอจะใจกล้าขนาดนี้ พยายามแกะมือเล็กที่โอบรอบคอออกหวังผลักเธอให้พ้นตัว แต่ยิ่งพยายามอีกคนก็ยิ่งกอดคอแน่นขึ้นพานทำให้ร่างกายของเธอแนบสนิทกับเขามากขึ้น ทรวงอกบดเบียดกับมัดกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ต ยิ่งเธอขยับมันก็ยิ่งเสียดสี "ออกไปอย่าให้ผมต้องใช้กำลัง" ชายหนุ่มหาได้มีอารมณ์แต่อย่างใดไม่กดเสียงพูดเน้นทีละคำ จับจ้องใบหน้าสวยผ่านความมืดสลัวด้วยแววตาแข็งกร้าวเชิงบอกให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ผู้หญิงร้ายกาจแบบนับดาวต่อให้แก้ผ้าโชว์ต่อหน้าเขาก็เกิดอารมณ์ไม่ลงจริง ๆ ผู้หญิงอะไรไร้ยางอายสิ้นดี "คุณจะทำอะไรฉันเหรอคะ" นับดาวเผยรอยยิ้มออกมาอย่างท้าทายไม่ได้รู้สึกกลัวสักนิด หนำซ้ำยังเลื่อนมือขึ้นลูบแก้มเกลี้ยงเกลาเบา ๆ ส่งสายตาหวานฉ่ำเย้ายวนไปด้วย ติณณภัทรถึงกับหัวเสียความอดทนที่มีเพียงน้อยนิดขาดสะบั้นลงกับความไร้ยางอายของหญิงสาว ยกมือทั้งสองขึ้นกอบกำต้นแขนเล็กแน่นออกแรงบีบหวังให้อีกคนเจ็บแล้วยอมล่าถอย "ออกไป!" นับดาวเจ็บ เจ็บเหมือนกระดูกจะแตกเสียให้ได้ แต่เธอก็กัดฟันทนไม่แสดงอาการออกมาเพราะต้องการเอาชนะชายหนุ่ม เรียวปากสีแดงสดเผยรอยยิ้มออกมามากกว่าเดิม ก่อนเธอจะทำสิ่งที่อีกคนคิดไม่ถึง ติณณภัทรตาเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกผู้หญิงไร้ยางอายอย่างนับดาวกระแทกจูบลงมา เขาอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าได้มากขนาดนี้ ก่อนจะรีบใช้มือผลักออกด้วยความเร็วทำให้ร่างบางเซล้มลงไปนั่งก้นกระแทกพื้นเต็ม ๆ ใบหน้าสวยเหยเกออกมาด้วยความเจ็บ แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นก็กลับมาเคลือบด้วยรอยยิ้มร้ายเหมือนเดิม เธอพยุงตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะพุ่งเข้าไปจับคอเสื้อชายหนุ่มแล้วดึงใบหน้าหล่อเหลาลงมาประกบจูบอีกครั้งโดยที่อีกคนไม่ทันได้ตั้งตัว บดขยี้ริมฝีปากหนาอย่างหนักหน่วง ความอยากเอาชนะบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกายทำให้เธอลืมอายสนิท ยิ่งชายหนุ่มแสดงท่าทีรังเกียจออกมาเธอก็ยิ่งบดจูบแรงขึ้น "อะ..โอ้ย!" ทว่าเธอก็ต้องรีบผละปากออกด้วยความเร็วเมื่อถูกอีกคนกัดกลีบปากอย่างแรงรู้สึกเจ็บแปลบจนน้ำตาคลอเบ้าได้กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูก หนำซ้ำยังผลักจนเธอล้มลงไปนั่งกองกับพื้นอีกครั้ง แรงกระแทกกับพื้นแข็งทำให้เธอรู้สึกเจ็บก้นไม่น้อย ติณณภัทรรู้ว่าหญิงสาวเจ็บ ความจริงเขาไม่ได้อยากใช้กำลังกับผู้หญิงสักนิด แต่สำหรับนับดาวมันเหลืออดจริง ๆ ผู้หญิงอะไรไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้บอกตามตรงเขาไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองสักนิดสมควรแล้ว ก้มมองคนที่นั่งใบหน้าเหยเกด้วยความเอือมระอาพลางใช่มือเช็ดรอยลิปติกออกจากริมฝีปากด้วยท่าทางรังเกียจโดยไม่ปิดบัง "เธอนี่มันเกินเยียวยาจริง ๆ นับดาว ฉันอายแทนคุณลุงจริง ๆ ที่มีลูกสาวไร้ยางอายแบบเธอ" "ฉันจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะคะ" นับดาวเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีทำเหมือนไม่ได้สะทกสะท้านกับคำต่อว่า ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หกล้มสักนิด พยายามพยุงกายลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับผู้ชายร้ายกาจอีกครั้ง "..." ติณณภัทรหมดคำจะต่อว่ากับนิสัยของหญิงสาวมันคงเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ เกิดมาเขาไม่เคยพบเคยเห็นเลย จากที่จะช่วยพาเธอกลับบ้านตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้คงหาทางพาตัวเองกลับบ้านได้เขาจะไม่เสียเวลาอีกต่อไป คิดได้ดังนั้นก็หันหลังเดินจากไปทันที ส่วนนับดาวทันทีที่ชายหนุ่มหายหลังไปเธอก็ใช้มือถูไถริมฝีปากไปมาซ้ำ ๆ จนแดงเถือกเพื่อลบรอยจูบอันน่ารังเกียจออก หากไม่ใช่เพราะอยากเอาชนะเธอไม่มีวันแตะต้องเขาเด็ดขาด คิด ๆ แล้วก็น่าเจ็บใจที่จูบแรกของเธอดันเป็นเขานับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"