ผ้าแพร...
หลังจากที่บอกกับคินไปว่าฉันจะให้คำตอบเขาวันจันทร์ฉันก็มานั่งเครียดวิตกกังวลใจอยู่ที่สวนหลังบ้าน ใจหนึ่งฉันก็ดีใจที่เขามาสารภาพว่าเขารู้สึกยังไงกับฉัน เขาชอบฉันเหมือนที่ฉันชอบเขามันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากๆแต่มันก็เป็นไปแล้วมันคือความจริงแล้ววันนี้เขาก็ทำให้ฉันหวั่นไหวใจเต้นแรง ฉันไม่เคยไปไหนมาไหนกับผู้ชายสองต่อสองเลยสักครั้งไม่เคยไปห้องผู้ชายไม่เคยถูกกอดไม่เคยถูกหอมแก้มไม่เคยถูกสารภาพรักแม้จะมีความหวาดระแวงอยู่บ้างตอนที่เขาพาไปที่คอนโด กลัวว่าเขาจะทำอะไรฉันมากกว่าการกอดหรือหอมแก้มเพราะทั้งห้องไม่มีใครเลยนอกจากเราสองคนแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจและรู้สึกไว้ใจเขามานิดนึงแต่อีกใจนึงฉันก็รู้ว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนเขาฉันมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลยว่าจะไปต่อกับเขายังไงถ้าเราเป็นแฟนกันก็อย่างที่รู้ๆว่าพ่อกับแม่ของฉันท่านคงไม่ยอมให้ฉันมีแฟนอย่างแน่นอนฉันต้องอยู่ดูแลท่านไปจนแก่เฒ่า
"เรียนจบแค่มอหกก็พอนะยัยแพรเพราะสมองอย่างแกน่ะไปสอบเข้าที่ไหนก็คงไม่ติดหรอกแกไม่ได้ฉลาดหรือเรียนเก่งเหมือนยัยพลอย ฉันวางอนาคตแกไว้แล้วว่าพอแกเรียนจบแกก็อยู่บ้านช่วยดูแลบ้านดูแลฉันกับพ่อแกไปจนแก่เฒ่าเข้าใจไหมยัยแพร" นั่นคือคำพูดของแม่ตอนที่ฉันเข้าไปบอกกับท่านว่าฉันจะไปสอบเข้ามหาลัย ฉันคิดว่าฉันจะแอบไปสอบถ้าสอบติดก็ค่อยบอกกับท่่านเผื่อบางทีท่านอาจจะใจอ่อนยอมให้ฉันเข้ามหาลัยที่สอบติด
"มานั่งคิดอะไรตรงนี้คนเดียวอีกแล้วล่ะ" พอหันไปก็เป็นพี่พีทพี่ชายข้างบ้านที่ฉันรู้จักและสนิทกับเขามาตั้งแต่เด็ก
"พี่พีท วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอคะ" ฉันถามพี่พีทที่ตอนนี้ลอดรั้วเข้ามานั่งกับฉัน
"เพิ่งกลับมาน่ะ พี่จะมาบอกเราว่าพี่จะไปเรียนต่อเมืองนอกนะ"
"เรียนต่อเมืองนอกเหรอคะ" วันนี้ฉันได้ยินคนพูดว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกสองคนแล้วนะทั้งคินทั้งพี่พีทมีแพลนจะไปเรียนต่อเมืองนอกทำให้ฉันรู้สึกใจหายเพราะเขาทั้งคู่ก็เป็นคนที่ฉันรัก อคินคือฉันรักเขาแบบคนรักส่วนพี่พีทฉันรักเขาแบบพี่ชายคนนึง แต่ในใจลึกๆฉันก็รู้สึกอิจฉาที่พวกเขาได้เรียนต่อสูงๆแต่ฉันคงไม่มีโอกาสได้เรียนต่อคงจะจบแค่มอหกเท่านั้นคิดแล้วก็น้อยใจตัวเองที่ครอบครัวไม่สนับสนุนเรื่องการเรียน
"ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนี้ล่ะ"
"แพรอยากเรียนต่อค่ะแต่แม่บอกว่าให้จบแค่มอหกก็พอ แพรอยากเรียนสูงๆแบบพี่พีท" ฉันบอกเขาเสียงเศร้าอย่างปิดไม่มิด
"อีกตั้งหลายเดือนไม่ใช่เหรอกว่าเราจะจบมอหกไว้เราค่อยไปขอพ่อกับแม่เราอีกทีก็ได้นี่"
"แพรก็คิดแบบนั้นค่ะก็หวังว่าแม่จะยอมให้แพรเรียนต่อมหาลัย" ฉันยิ้มเศร้าเล็กน้อยให้พี่พีท
"อย่าทำทำหน้าเศ้ราแบบนี้บ่อยๆดิเห็นแล้วพี่เศร้าไปด้วยเลยเราน่ะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ"
"ใครจะไปยิ้มได้ตลอดเวลาเหมือนพี่พีทล่ะคะ คนมีความรัก" ฉันเอ่ยแซวพี่พีทเพราะฉันรู้ว่าช่วงนี้เขากำลังมีความรัก
"อย่าแซวพี่ดิพี่เขินนะ" พี่พีทพูดก่อนจะยิ้มหน้าแดง
"555ไม่แซวแล้วก็ได้ค่ะ"
หลังจากคุยกับพี่พีทแล้วฉันก็เก็บเสื่อเก็บหนังสือเรียนเข้าบ้านก็เจอพลอยใสเดินเข้าบ้านมาในมือหอบของพะรุงพะรังเข้ามา
"พี่มาช่วยฉันถือแล้วเอาไปไว้บนห้องทีสิ" พลอยใสสั่งฉันซึ่งฉันก็รีบเดินไปหาทันที
"ได้สิว่าแต่ไปซื้ออะไรเหรอเยอะแยะเลย" ฉันถามพร้อมกับยื่นมือไปรับถุงชอปปิ้งที่พลอยใสหิ้วเข้ามา
"ก็พวกเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเครื่องสำอางน่ะ เออเดี๋ยวพี่ไปช่วยฉันคัดพวกเสื้อผ้าที่ฉันไม่ใส่แล้วด้วยนะแล้วพี่ก็เอาไปฉันเบื่อแล้ว"
"อื้มมม" ฉันรับคำ คือมันเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะได้ของที่พลอยใสเบื่อแล้วไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าฉันไม่เคยมีของใหม่ใช้หรอกถามว่าฉันเคยอยากได้มั้ย ฉันเป็นผู้หญิงก็อยากได้ของใหม่เป็นธรรมดาแต่ฉันไม่มีเงินและถึงมีก็คงไม่มีเวลาไปหาซื้อ ทุกวันนี้ฉันได้เงินไปเรียนแค่วันละไม่กี่บาท แค่ค่ารถค่าอาหารกลางวันก็แทบจะไม่พอแล้ว ส่วนพลอยใสเธอไม่ได้นั่งรถเมล์แบบฉันหรอกพลอยใสจะไปกับรถที่บ้าน สาเหตุที่ฉันไม่ได้นั่งรถของที่บ้านเพราะโรงเรียนของฉันกับของพลอยใสมันอยู่คนละทางถ้าไปส่งใครคนนึงก่อนอีกคนก็ต้องสายแม่ก็เลยตัดปัญหาโดยการให้ฉันขึ้นรถเมล์ไปแทนส่วนพลอยใสก็ไปกับรถที่บ้านเพราะฉันโตแล้วแม่ให้เหตุผลแบบนี้ซึ่งฉันก็ยอมรับ ฉันไม่กล้าเรียกร้องอะไรมากเพราะฉันรู้ดีว่าเพราะอะไรแม่กับพ่อถึงรักพลอยใสมากกว่าฉัน
หลังจากช่วยพลอยใสเลือกเสื้อผ้าฉันก็หอบของพวกนั้นกลับมาที่ห้องของตัวเองแล้วจัดการแยกเสื้อกระโปรงแล้วใส่ไม้แขวนเข้าตู้ คือที่ฉันใส่เสื้อผ้าพลอยใสได้เพราะเราตัวพอๆกันคือฉันตัวเล็กน่ะออกจะไปทางผอม ฉันกับพลอยใสเราเป็นพี่น้องที่หน้าตาไม่เหมือนกันพลอยใสทั้งสวยทั้งดูดีกว่าฉันมากแม้จะอยู่แค่มอต้นแต่เธอแต่งตัวแต่งหน้าเก่งมาก ส่วนฉันแทบไม่เคยรู้จักชนิดของเครื่องสำอางเลยว่าเขาใช้อะไรกันบ้างโต๊ะเครื่องแป้งของฉันจะมีแค่ครีมทาผิว แป้งฝุ่น ลิปมันเท่านั้นแล่ะแค่นั้นจริงๆ
แล้ววันจันทร์ก็มาถึงฉันไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปในห้องเรียนเลยเพราะรู้ว่าคินน่าจะอยู่ในห้องแล้วเพราะตอนที่ฉันเดินเข้าโรงเรียนมาฉันเห็นรถเขาจอดอยู่ที่ลานจอดรถแม้จะไม่ได้อยากมองแต่ก็เห็นอยู่ดีเพราะรถเขาเด่นสะดุดตามากๆ
"ว่าที่แฟนมึงมาละไอ้คิน" เป็นเจ๋งเพื่อนสนิทของคินที่ตะโกนบอกคินเมื่อฉันก้าวขาเข้ามาในห้องซึ่งทั้งห้องมีนักเรียนอยู่หลายสิบคนพอเจ๋งพูดทุกคนก็หันมาทางฉันที่ยังยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียนรวมถึงคินด้วยเขาเงยหน้าจากจอมือถือแล้วมองมาทางฉันด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะลุกมาหา คือตอนนี้ใจฉันเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งเขาเดินมาใกล้เท่าไหร่ใจฉันก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้นฉันอยากวิ่งหนีแต่ขาไม่ยอมขยับ
"คิดถึงจังไม่ได้เจอหน้าตั้งสองวัน"
คิดถึงจริงเหรออีคิน
4ปีต่อมา...."คินไปได้แล้วสายแล้วนะเดี๋ยวเข้าประชุมไม่ทัน" ฉันบอกคินที่ตอนนี้เอาแต่ชะเง้อมองเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลคือเขาเป็นอยู่แบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว"แป๊บนึงคินกลัวน้องเพลงมองหาเราสองคนแล้วไม่เจอเกิดแกร้องไห้ขึ้นมาเราจะได้รับกลับบ้าน" ฉันต้องถอนหายใจกับความห่วงลูกสาวแบบเกินเบอร์ของคุณพ่อ ส่วนน้องอลันตอนนี้แกอายุได้8ขวบแล้วแกเรียนอยู่อีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งรายนั้นพ่อก็ห่วงไม่แพ้กันแต่น้องอลันไม่ให้ไปส่งเพราะรู้ว่าพ่อเป็นยังไงก็เลยให้คนขับรถที่บ้านไปรับไปส่งแทน"ลูกไม่ร้องหรอกดูสิเล่นกับเพื่อนจนลืมเราสองคนแล้ว""คินห่วงลูกอ่ะคินกลัวลูกโดนเพื่อนแกล้งน้องเพลงยังเล็กอยู่เลยอายุแค่สามขวบเองนะ" น้ำเสียงเหมือนคนจะร้องไห้ของคนเป็นพ่อทำเอาฉันต้องถอนหายใจอีกรอบ"ถึงน้องเพลงจะอายุแค่สามขวบแต่แกก็เก่งนะดูสิเรามาส่งไม่มีร้องไห้เลย" ฉันพยายามปลอบเพื่อให้คินเลิกห่วงลูกแบบเกินกว่าเหตุแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล"วันนี้เราพาแกกลับก่อนดีมั้ยรอให้คินทำใจได้เมื่อไหร่ค่อยพาแกมาโรงเรียน นะแพรนะ" คินหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสารแต่ถามว่าฉันสงสารมั้ย ไม่เลยค่ะ"ไม่ต้องเลยให้ลูกอยู่โรงเรียนส่วนคินก
ผ้าแพร...หลังจากที่เราสองคนพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้วฉันก็ชวนคินมาหาคุณหมอเพื่อตรวจดูอาการของฉันเพราะฉันคิดว่าฉันอาจจะกำลังท้องลูกคนที่สอง ตอนแรกฉันก็ไม่ทันได้คิดจนกระทั่งก่อนออกจากบ้านฉันเปิดตู้เสื้อผ้าก็เจอกับห่อผ้าอนามัยที่ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสองเดือนที่ผ่านมาฉันไม่ได้หยิบมันออกมาใช้เลย"ยินดีด้วยนะคะคุณผ้าแพรทั้งครรภ์ได้6สัปดาห์แล้วค่ะ^^""เมียผมท้องแล้วจริงๆเหรอครับคุณหมอ คุณหมอไม่ได้หลอกให้ผมดีใจใช่มั้ยครับ" น้ำเสียงคินดูตื่นเต้นสุดๆเมื่อได้ยินคุณหมอบอกว่าฉันท้อง"จริงๆสิคะหมอจะโกหกทำไม^^""เอ่อ แล้วผมต้องทำยังไงต่อครับ คือตอนท้องลูกคนแรก..ผมทำตัวไม่ดีผม...ผมแทบไม่มีโอกาสได้ดูแลเมียกับลูกเลยผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากนี้" จากน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเศร้าลงในทันทีมันไม่ใช่แค่น้ำเสียงใบหน้าของเขาก็เศร้าลงเช่นกันจนฉันอดสงสารเขาไม่ได้เขาคงรู้สึกแย่เพราะตอนนั้นที่ฉันบอกเขาว่าฉันท้องเขาไม่ยอมรับซ้ำยังไล่ให้ฉันไปเอาลูกออกอีกเพราะคิดว่าไม่ใช่ลูกตัวเองถึงตอนหลังเขาจะรู้ความจริงและมาดูแลฉันตอนที่ฉันท้องได้หลายเดือนแล้วแต่ตอนนั้นฉันก็ตั้งแง่กับเขาพอลูกคลอดฉันก็ยังพาลูกหนีเข
ผ้าแพร...ฉันนั่งแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลแทนการให้คนขับรถที่บ้านมาส่งเพราะฉันกลัวคินจะรู้ว่าฉันมาหาพลอยใส เขาเคยกำชับและสั่งฉันว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับพ่อแม่หรือพลอยใสอีกเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นว่าฉันเป็นคนครอบครัว พวกเขาเห็นเงินสำคัญกว่าฉันยอมตัดขาดจากฉันเพื่อแลกกับเงินใช้หนี้ คินบอกว่าตอนนี้ชีวิตของฉันเป็นอิสระแล้วเขาบอกอีกว่าอย่าคิดว่าตัวเองเลวหรืออกตัญญูเพราะพวกเขาเลือกเงินมากกว่าฉันซึ่งเป็นลูกซึ่งฉันก็รับปากคินไปแต่หลังจากได้รับโทรศัพท์จากพลอยใสว่าตอนนี้ป่วยอยู่โรงพยาบาลฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้และนี่คือครั้งแรกที่พลอยใสโทรหาฉันตั้งแต่เราเป็นพี่น้องกันมาซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเธอรู้เบอร์โทรของฉันได้ยังไงแต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเพราะตอนนี้ฉันเป็นห่วงพลอยใสมาก ตอนที่เธอโทรมาเธอร้องห่มร้องไห้บอกอยากตายอยากฆ่าตัวตายทำให้ฉันรีบออกมาจากบ้าน พอมาถึงโรงพยาบาลฉันก็สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่าพลอยใสพักอยู่ห้องไหนพอรู้ห้องฉันก็รีบขึ้นมาทันทีปรากฏว่าพลอยใสอยู่ห้องพักรวมฉันรีบเดินมาหาทันที"ยัยพลอย""แพร ฮือออ แพร พี่มาเยี่ยมฉันจริงๆด้วย ฮือออ" พลอยใสลุกขึ้นนั่งแล้วกอดเอวฉันไว้แน่น"พลอยเป็นอะไรทำไมถึงมานอนโรงพย
ผ้าแพร...."ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่กลับมาหาคิน คินรักแพรนะ รักที่สุด" จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ เขาระดมจูบฉันไปทั่วใบหน้าเมือ่ฉันตอบตกลงแต่งงานกับเขา จากนั้นเราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม มือของเขาเริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล้ไปทั่วร่างกายของฉัน เขาบีบเคล้นหน้าอกเบาสลับหนัก"หิวนมเมียจังครับ" เสียงกระเส่าเอ่ยขึ้นข้างหูทำให้ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาต้องการอะไร"อื้ออ คินอย่านะ" "แพรจ๋า คินอยากกก..." แต่ไม่ทันทีเราสองคนจะทันได้ทำอะไรกันก็มีเสียงเคาะประตูดังอยู่หน้าประตูไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครก๊อก ก๊อก ก๊อก"ปะป๊าค๊าบบบบ อลันอยากเล่นน้ำแล้วค๊าบบบบ ปะป๊าาาาา ปะป๊าค๊าบบ เปิดประตูให้หน่อบค๊าบบบบ""เห้ออออ" พอได้ยินเสียงลูกคินก็ถึงกับถอนหายใจอย่างสิ้นหวังทำเอาฉันถึงกับขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้อคิน...หลังจากวันนั้นผมก็พาผ้าแพรกับน้องอลันมาอยู่ที่บ้าน ผมรู้สึกได้ถึงความสุขที่เฝ้ารอมานาน การที่ได้มีผ้าแพรกับลูกอยู่ในชีวิตประจำวันของผมมันเป็นอะไรที่ผมเฝ้ารอมานานและวันนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว มันทำให้ผมมีแรงที่จะทำอะไรต่อมิอะไรทำเพื่อให้พวกเค้าทั้งสองคนมีความสุขผ้าแพรไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วผมให้เธอเป็นแม่บ้านอย่างเดียวไ
ผ้าแพร...กว่าคินจะยอมพาฉันกลับบ้านก็ปาไปเกือบสามทุ่มพอมาถึงฉันก็ถามหาน้องอลันทันทีเพราะไม่เห็นแกคุณป้าบอกว่าแกเล่นจนเหนื่อยหลับไปตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว ฉันกับคินก็เลยขึ้นไปดูลูกที่ตอนนี้แกนอนอยู่ห้องนอนของคินพอเดินเข้ามาก็เจอแกนอนกอดหมอนข้างหลับอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง"คินขอบคุณแพรอีกครั้งนะ" คินกอดฉันจากทางด้านหลังเอาคางเกยไหล่ของฉันก่อนจะพูด"ขอบคุณเรื่องอะไรอีก""ก็ขอบคุณที่เลี้ยงลูกของเราอย่างดีและไม่ได้สอนลูกให้ลูกเกลียดคิน""แพรจะทำแบบนั้นทำไมแพรรู้ว่าคินรักลูกมาก""แต่คินก็ไม่ได้ช่วยแพรเลี้ยงลูก""คินไม่ผิดแพรเองต่างหากที่ผิดและต้องขอโทษคินถ้าแพรไม่พาแกหนีไปคินก็คงได้ทำหน้าที่พ่อได้สมบูรณ์มากกว่านี้""ที่แพรหนีไปก็เพราะตอนนั้นคินไม่ทำให้แพรเชื่อใจมันก็เลยไม่แปลกที่แพรจะหนี แพรรู้มั้ยว่าจดหมายที่แพรเขียนฉบับนั้นคินเอามันอ่่านมันบ่อยมากเลยนะเพราะมันตอกย้ำให้คินรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคินทำเรื่องเลวร้ายกับแพรมากแค่ไหน""เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะ""คินจะลืมได้ยังไงคินทำร้ายแพรโดยที่แพรไมไ่ด้ผิดอะไรเลย ถ้าคินไม่เข้าใจผิดเรื่องแพรกับไอ้พีท...คินขอโทษจริงนะที่ตอนนั้นคิ
อคิน....จุ๊บ จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ ผมจูบผ้าแพรด้วยความรู้สึกโหยหา นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้กอดไม่ได้จูบไม่ได้สัมผัสกับร่างกายนี้ จูบครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา ผมไม่เคยลืมว่าที่ผ่านมาที่เรามีความสัมพันกันเป็นเพราะผมหลอกเธอเป็นเพราะความแค้นความอยากเอาชนะอยากให้เธอเจ็บปวด แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่มันเกิดจากความรักจริงๆความรักที่ผมมีให้เธอเต็มหัวใจผมอยากชดเชยความผิดพลาดของตัวเองผมอยากทำให้เธอรู้ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะมอบความรักที่ดีให้กับเธอ"แพร...คินรักแพรนะ" ผมกระซิบข้างหูเบาๆก่อนจะจูบลงไปที่ซอกคอของเธออย่างแผ่วเบามือไม้ของผมเริ่่มอยู่ไม่สุขผมลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผ้าแพร ถ้าผมไม่อยากหยุดแค่จูบเธอจะว่าอะไรผมหรือเปล่านะเพราะตอนนี้เจ้าน้องชายของผมมันเริ่มตื่นตัว อาจจะเป็นเพราะผมห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่ามานานมันก็เลยตื่นเร็ว ก็ตั้งแต่ที่ผมรู้ใจตัวเองว่าผมรักผ้าแพรแล้วก็ตามไปอยู่กับเธอที่น่านผมยอมอยู่อย่างลำบากเพราะอยากใกล้ชิดดูแลผ้าแพรกับลูกจนผมอดแปลกใจตัวเองว่าผมอยู่ได้ยังไงเพราะตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยอยู่อย่างลำบากมาก่อนไม่เคยนอนห้องที่ไม่มีแอร์ ไม่เคยนอนฟูก ไม่เคยทำกับข้าวไม่เคยซักผ้า ไม่เค