ขวัญรดาใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงสำหรับการพยายามทำให้ตัวเองงดงามขึ้น เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับความลังเลและไม่มั่นใจ เธอมองตัวเองจากภาพสะท้อนทางกระจก ก่อนจะยกแปรงขึ้นมาปัดบนแก้มนวลซ้ำอีกครั้ง
“พอแล้วแหละ คงไม่ดีขึ้นไปกว่านี้แล้ว” หญิงสาวเก็บเครื่องสำอางลงในกระเป๋าแต่งหน้า มันมีเพียงน้อยชิ้น ก่อนจะหย่อนมันลงในกระเป๋าสะพาย ขวัญรดาไม่ได้ด้อยค่าตัวเอง แต่เธอมองตัวเองด้วยสายตาเป็นธรรม เธอเกิดมาท่ามกลางผู้หญิงที่มีดีกรีความสวยการันตี ไม่ว่าพี่สาวที่เป็นถึงนักแสดงชื่อดัง แม้ระยะหลังพี่สาวของเธอจะพลาดบทนางเอกไปแล้ว แต่ชื่อเสียงและความโดดเด่นก็ยังไม่แผ่ว อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นเจ้าแม่อีเวนต์ที่ถูกเรียกหาอยู่เสมอ ส่วนอีกคนก็คือคัทลียา ญาติสาวที่มีวัยห่างจากเธอเพียงสองปี แต่เส้นทางชีวิตกลับก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว คัทลียาเป็นถึงนางงามตัวแทนประเทศไทยที่ได้เดินทางไปประกวดนางงามบนเวทีระดับโลกซึ่งคนไทยเคยได้ลุ้นกัน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับรางวัลที่สามารถชนะใจกรรมการจนเข้าถึงรอบห้าคนสุดท้าย ผู้หญิงสวยมักโง่...ใครกันช่างพูดไว้ ขวัญรดาอยากค้านสุดใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่างน้อยก็สำหรับผู้หญิงสองคนนี้ โดยเฉพาะคัทลียา นอกจากจะมีมงกุฎนางงามการันตีความสวย คัทลียายังเก่งอย่างหาตัวจับยาก เจ้าหล่อนเรียนจบได้เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ของประเทศ แถมยังคว้าปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลกมาได้อีกด้วย คัทลียาเนื้อหอม เธอมีเสน่ห์และส่องประกายอยู่เสมอ ผู้ชายหลายคนต่างหมายปองเธอ แต่สุดท้ายคัทลียาก็เลือกที่จะคบหาผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นนักธุรกิจและเป็นทายาทเศรษฐีตระกูลใหญ่ แถมยังพ่วงตำแหน่งพิธีกรรายการข่าว...ผู้ชายคนนั้นก็คือติณณ์ สามีป้ายแดงของเธอนั่นเอง เพียงแค่สปอร์ตคาร์คันสีขาวแล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มือบางของคนที่นั่งข้างคนขับถึงกับกำแน่น เธอกำลังนึกถึงหม่อมหลวงอิงอรผู้มีศักดิ์เป็นแม่สามี ขวัญรดาตื่นเต้นและหวาดหวั่น เธอไม่เห็นหม่อมหลวงอิงอรปรากฏตัวตั้งแต่งานหมั้น แม้กระทั่งงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานที่เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อคืน เธอก็ไม่เห็นท่าน ขวัญรดาไม่รู้เหตุผล เธอไม่กล้าถามใคร เพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับกลับมาว่าตัวเองอาจไม่เป็นที่ยอมรับของแม่สามี แต่วันนี้ติณณ์กลับพาเธอมาพบแม่ของเขาโดยไม่บอกให้รู้ตัวล่วงหน้า…อดคิดไม่ได้ว่าติณณ์กำลังใจร้ายกับเธอ สะใภ้หมาดๆ พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ กระทั่งรถจอดนิ่งสนิท คนที่ทำหน้าที่ขับรถก็หันมาทางเธอ “แม่ให้พาคุณมาพบ” “คุณควรบอกฉันก่อน”…ไม่ใช่บอกตอนที่รถมาจอดหน้าบ้านแล้ว “ทำไมต้องมีพิธีรีตอง คุณแค่มาหาแม่ผัว” ติณณ์พูดอย่างไม่ยี่หระ แน่ละสิ เขาจะเข้าใจความรู้สึกของเธอได้อย่างไร เขาไม่เคยสนใจเธออยู่แล้ว จู่ๆ เขาก็ตกปากรับคำผู้ใหญ่ว่าจะแต่งงานกับเธอ ทั้งที่เธอฝากความหวังไว้กับเขาอย่างเต็มร้อยว่าเขาต้องปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแน่นอน คนไม่คุ้นเคยกัน ไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อน แล้วจะมาร่วมชีวิตกันได้อย่างไร คงมีแต่คนบ้าที่ทำเรื่องนี้ได้ แต่ติณณ์ทำมันลงไปแล้ว...ทำทั้งที่รู้ว่าตัวเขาเองไม่ได้รักและไม่ได้ชอบเธอเลย ขวัญรดาเม้มริมฝีปากแน่น ขณะเดินตามสามีเข้าไปในบ้านแม่ของเขา แล้วจึงพบกับหญิงรับใช้ที่ตรงมาบอกอย่างนอบน้อม “คุณอรรอที่ระเบียงริมสวนค่ะ” ติณณ์หันมามองเธอ เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็ทำในสิ่งที่ทำให้ขวัญรดาสะดุ้งโหยง “เป็นอะไร ผัวจับมือแค่นี้ถึงกับตกใจเลยหรือ” ไม่เพียงแต่จับมือ เขายังสอดประสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือของเธอด้วย หัวใจของขวัญรดาเต้นแรง ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตาของเธอเป็นอย่างไร รู้แต่ว่ามันร้อนผะผ่าวอย่างไม่อาจควบคุม หญิงสาวเดินตามคนร่างสูงเข้าไปด้านใน ด้วยความที่ใจจดจ่ออยู่กับคนที่พวกตนกำลังจะไปหา ขวัญรดาจึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะมองรอบตัวเลยสักนิดเดียว กระทั่งเขาพาเธอออกไปสู่ระเบียงกว้างทางด้านข้างของตัวบ้าน ผู้หญิงร่างบางที่สวมใส่เสื้อผ้าสีครีมดูงดงามและส่องประกายไปทั้งตัวกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะเบื้องหน้า ขวัญรดาไม่เคยพบหม่อมหลวงอิงอรมาก่อน เธอเคยเห็นนางเพียงในภาพข่าวสังคม ยอมรับเลยว่าหญิงวัยกลางคนแลดูอ่อนวัยจนไม่อยากเชื่อว่านางจะเป็นแม่ของผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่ข้างเธอ คุณอิงอรเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนา ดวงตาภายใต้แว่นเลนส์ใสมองลูกชายกับลูกสะใภ้อย่างพิจารณา “มากันแล้วหรือ นั่งตรงนี้สิ” ขวัญรดายกมือขึ้นไหว้แม่สามี แต่ติดตรงที่มือของเธอยังไม่เป็นอิสระจากเขา จนเธอต้องท้วงให้เขาปล่อย ท่าทางนั้นอยู่ในสายตาของหญิงวัยกลางคน ดวงตาสวยคมนิ่งสนิท ไม่มีใครอ่านความรู้สึกของนางได้ “เพิ่งแต่งงานกันวันแรก น่าจะพักอยู่บ้านกันก่อน ไม่เห็นจะต้องรีบมาหาแม่” “ไม่ได้สิครับ ถ้าเกิดผมไม่มาหาแม่สักสิบวันหลังจากนี้ แม่จะต้องเฉ่งผมแน่” “แน่นอนจ้ะ ถ้าติณณ์จะหายไปนานขนาดนั้น ว่าแต่ติณณ์พูดเหมือนมีแผนจะไปฮันนีมูนที่ไหนกันแล้ว” “ผมตั้งใจจะไปพักผ่อนที่เกาะฟาตินครับ ผมขอคุณอาไว้ตั้งแต่สองเดือนก่อน” “สองเดือนก่อน?” ท่าทางเหมือนติดใจสงสัยบางอย่าง แต่คุณอิงอรก็ปัดมันออกไปเสีย ก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องใหม่ “ติณณ์ไม่คิดจะแนะนำเมียให้แม่รู้จักหน่อยหรือ” “อ้อ! ขอโทษทีครับ” ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เขาหันไปทางภรรยาสาว “ขวัญครับ นี่คุณแม่ของผม ขวัญเรียกคุณแม่ว่าแม่เหมือนผมก็ได้ ส่วนนี่ก็คือขวัญรดา เธอเป็นลูกคนเล็กของคุณวิจัย”เวลาบ่ายสองโมงของวันหยุด เด็กชายวัยเก้าขวบหน้าตาคมคายส่อแววหล่อเหลาเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากที่เขาไปช่วยพนักงานเสิร์ฟอาหารอยู่ในร้านอาหารของแม่ซึ่งตั้งอยู่ในแปลงที่ดินข้างบ้านขวัญรดามองลูกชาย เมื่อไม่เห็นว่าลูกสาวกลับมาพร้อมกัน ทั้งที่ตอนขาไป ลูกทั้งสองคนยังเดินจับมือกันอยู่เลย เธอจึงคิดจะถาม...แต่เจ้าตัวก็ฟ้องขึ้นมาเสียก่อน“คุณแม่ครับ ข้าวหอมไม่ยอมกลับบ้านอีกแล้ว”“น้องทำอะไรอยู่คะ แล้วน้องอยู่กับใคร”“น้องขายผักกับอยู่พี่มุกครับ เมื่อกี้น้องถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกด้วย ทั้งสองคนทำอะไรกันก็ไม่รู้ น่าเบื่อมาก ต้นรอไม่ไหว คุณแม่ไปตามน้องกลับบ้านหน่อยสิครับ”ดูท่าทางคนเป็นพี่ชายจะไม่สบอารมณ์ในตัวน้องสาวจริงๆ ขวัญรดาจึงต้องคุยต่อเพื่อหาสาเหตุ“ป้าจ๋าอยู่กับน้องใช่ไหมจ๊ะ แม่ว่าเราปล่อยให้น้องอยู่ที่ร้านไปก่อนก็ได้นะ”ป้าจ๋าเป็นพี่เลี้ยงของลูกสาวมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเป็นเด็กอ่อน หากมีพี่เลี้ยงคนนี้อยู่ด้วย ขวัญรดาก็วางใจว่ามีคนที่ดูแลลูกสาวแทนตนได้“ป้าจ๋าอยู่ด้วยครับ แต่ต้นไม่ชอบให้น
“พ่อคับ...กินคุกกี้”น้องแต็งค์หรือเด็กชายตนุธิป เด็กชายที่เพิ่งเป่าเค้กวันเกิดครบรอบสองขวบไปเมื่อหลายเดือนก่อน ถือกล่องใส่คุกกี้ช็อกโกแลตมาให้คุณพ่อลูกสามช่วยเปิดฝากล่องให้คุณพ่อลูกสาม?ถูกต้องแล้ว...คุณพ่อที่เคยยืนยันเสียงหนักแน่นว่าเขายังไม่คิดจะมีลูกคนต่อไป ตราบใดที่ลูกคนแรกยังไม่โตพอ อีกทั้งเขาจะต้องได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเสียก่อนหากในความเป็นจริงนั้น แค่เพียงน้องต้นกล้าอายุได้หกเดือน ขวัญรดาก็ตั้งท้องลูกคนที่สองด้วยความยินยอมพร้อมใจกันของทั้งสองคน โดยท้องนี้พวกเขาได้ลูกสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมาอุ้มชู พวกเขาตั้งชื่อให้ลูกสาวว่าน้องข้าวหอมหรือเด็กหญิงเขมนิจ ปัจจุบันเด็กหญิงอายุได้แปดขวบแล้ว ซึ่งพ่อกับพี่ชายนั้นหวงแม่หนูมาก“หนูขออนุญาตคุณแม่หรือยังครับ คุกกี้กล่องนี้คุณแม่เก็บไว้ให้พี่ๆ กินด้วยหรือเปล่า”“แต็งค์จะกินคุกกี้แลต”พ่อหนูน้อยยืนยัน เป็นอันรู้กันว่าคุกกี้ช็อกโกแลตเป็นของโปรดของเจ้าตัว อย่าหวังว่าจะยอมแบ่งให้ใคร แถมยังทำท่าทางขัดใจอย่างสุดฤทธิ์เมื่อถูกพ่อพูดจาตะล่อมหวังจะให้เปลี่ยนใจ&
หนึ่งเดือนถัดจากนั้น ณ โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่คุณอิงอรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แตงโมน้อยก็ได้ฤกษ์ออกมาลืมตาดูโลกคุณแม่มือใหม่เข้าไปนอนรอคลอดอยู่ในห้องพักพิเศษสองวัน ลูกชายคนแรกของเธอถึงคลอดออกมา ทารกน้อยเนื้อตัวอวบอ้วน ภัสสราที่มาเยี่ยมหลานในทันทีเมื่อรู้ข่าวก็บอกอย่างตื่นเต้น“เมื่อกี้ฉันไปดูหลานในห้องเด็ก หลานตัวโตมาก แทบจะตัวโตที่สุดในบรรดาเด็กที่นอนเรียงกัน ทั้งที่ขวัญตัวเล็กนิดเดียว แถมตอนท้องก็ไม่ได้อ้วนขึ้นเลย”“น้ำหนักตัวของขวัญก็ขึ้นนะคะ แต่ขึ้นตามเกณฑ์ของคุณหมอ ขวัญกินอาหารตามที่หมอแนะนำ ขวัญไม่ได้กลัวอ้วนนะ แต่ขวัญคิดถึงแต่ลูก อยากให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนมากที่สุด”“มันได้ผลจริงๆ นะ เพราะลูกของเธอตัวโตเชียว”“พ่อเขาก็ตัวโต หน้าตาหล่อคมกระเดียดไปทางพ่ออีกนั่นแหละ”คุณจงกลที่อยู่เฝ้าขวัญรดามาทั้งวันพูดแทรกขึ้น เพราะนางพินิจหลานชายอยู่สักพักใหญ่ แล้วจึงได้ข้อสรุปตามนั้น“จริงด้วยสิ ภัสลืมไปเลย”ภัสสราไม่ได้แกล้งน้องเขย แต่เธอลืมไปจริงๆ ว่าหลานชายที่หน้าตาน่
“โดนจนได้นะแคท จำเป็นบทเรียนไว้เลยว่าทีหลังอย่าร้ายกับคนที่ไม่ได้ร้ายกับเรา แต่ถ้าใครร้ายมา เราก็ร้ายตอบ อันนี้ไม่ผิดกติกา แถมเรายังหาแนวร่วมได้อีกด้วย”รุ่นใหญ่ในวงการบันเทิง เพราะทำงานมาตั้งแต่เด็ก พูดด้วยอารมณ์ไม่ได้ดังใจขณะดูข่าวของญาติตัวเองทางโทรศัพท์มือถือ คนเป็นน้องสาวที่นั่งลูบท้องโตๆ อยู่ข้างๆ ก็ถอนหายใจ“ขวัญรู้สึกไม่ดีเลย มีทางไหนที่เราพอจะช่วยคุณแคทได้บ้างไหมคะ”ยอมรับว่าพอกำลังจะมีลูก เธอก็รู้สึกอ่อนไหวไปเสียหมด ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวเอง ซึ่งภัสสราก็เข้าใจน้องสาวดี“เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ นะขวัญ เราช่วยใครไม่ได้หรอก ส่วนตัวแคทเองก็มีมูลค่าในวงการบันเทิงมากพอ เดี๋ยวเขาก็ไปต่อได้ เราไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แคททำตัวของเขาเอง ติณณ์ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันมากเกินไป เขาแค่ตอบโต้แคทเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว งานนี้เรียกว่าแคทแพ้ภัยตัวเอง”“แต่ถึงกับถูกปลดออกจากละคร มันก็หนักไปนะ”แม้ไม่เคยอยู่ในจุดนั้น หากขวัญรดาคิดว่าตนพอจะเข้าใจความรู้สึกของคัทรียา มันคงไม่ต่
นายชัชชัยเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในสองวันต่อมา ลูกและภรรยาต่างก็เสียใจ แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย...จบสิ้นกันสักทีในส่วนความรับผิดชอบที่มีต่อเหยื่อและครอบครัวนั้น หน่วยงานที่นายชัชชัยสังกัดอยู่ได้ออกมากล่าวขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง อีกทั้งพร้อมแสดงความรับผิดชอบโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นภรรยาและลูกทั้งสองคนของนายชัชชัยก็ไม่ทอดทิ้งใคร นอกจากคำขอโทษที่มีต่อทุกคน พวกเขายังคงให้ความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานที่ออกหน้ามาดูแลผู้เคราะห์ร้ายแม้แต่ปกรณ์ซึ่งเป็นสามีของผู้หญิงที่นายชัชชัยเคยชุบเลี้ยง เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ลูกและภรรยาของนายชัชชัยก็ให้ความช่วยเหลือเขาเช่นเดียวกัน ในขณะนี้ปกรณ์ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีวีรยาคอยดูแลอย่างไม่ยอมห่าง ซึ่งอาการของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้...เป็นอย่างที่ลูกชายของนายชัชชัยคาดไว้จริงๆ ไม่มีญาติของนายชัชชัยมาร่วมงานศพของเขาสักคน ในงานคงมีแต่ภรรยาและลูกที่จัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นอย่างเร่งรีบและรวบรัดเท่านั้นขวัญรดาทำบุญไปให้นายช
“ภัสคุยกับติณณ์อยู่ค่ะ ติณณ์ไม่ให้ขวัญดูข่าว บ้านนั้นจะปิดทีวีทั้งวัน ติณณ์จะคอยติดตามข่าวแล้วบอกกับขวัญเอง ส่วนขวัญก็รู้เรื่องแล้ว ขวัญทำใจกับเรื่องนี้ได้ค่ะ”ภัสสราเคยโกรธนายชัชชัยนักหนาที่ตัดรอนขวัญรดา เขาไม่ยอมรับว่าขวัญรดาเป็นลูกสาว นับตั้งแต่ขวัญรดาย้ายมาอยู่กับครอบครัวของเธอ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยมาหาและไม่เคยติดต่อน้องสาวอีกเลยทว่าในเวลานี้ ภัสสรากลับนึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้เหตุการณ์ในอดีตเบนไปในเส้นทางนั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้ขวัญรดาไม่รู้สึกผูกพันกับพ่อผู้ให้กำเนิด ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป น้องสาวของเธอก็จะทำใจยอมรับทุกเรื่องได้ง่ายขึ้น“แตงโม...แตงโมชื่ออะไรดีครับ เดี๋ยวพ่อเอาชื่อมาให้หนูเลือกนะ”เสียงของว่าที่คุณพ่อดังอยู่เหนือศีรษะ คนท้องที่อิงซบอยู่กับอกเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง“คุณติณณ์เอาชื่อมาจากไหนคะ”“เว็บไซต์สำหรับตั้งชื่อลูก มีแต่ชื่อมงคลความหมายดีๆ ทั้งนั้น”“งั้นบอกมาเลยค่ะ ขวัญจะช่วยแตงโมเลือกเอง”“ตนุธิป ตนุนันท์ ตนุพัชร์...สามชื่อน