ขวัญรดายกมือไหว้หม่อมหลวงอิงอรอีกครั้ง ขณะเดียวกันเธอก็คิดว่าตัวเองคงไม่กล้าเรียกผู้หญิงสูงศักดิ์คนนี้ว่าแม่เหมือนอย่างที่สามีบอก
แม้รู้ตัวล่วงหน้านานกว่าหนึ่งเดือนว่าจะต้องแต่งงานกับติณณ์ แต่ขวัญรดารู้สึกว่าหลายอย่างมันเปลี่ยนแปลงปุบปับเกินไป มันเร็วจนเธอไม่ทันได้เตรียมใจ “เราสองคนพักที่ไหนกันล่ะ เพนต์เฮาส์ของติณณ์หรือว่าบ้านของคุณพ่อ” “ผมพักที่บ้านบางกรวยครับ แต่บ้านยังไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะผมเพิ่งบอกแม่บ้านล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน ยังไม่ทันได้เตรียมบ้านไว้ต้อนรับขวัญ” แค่ทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง ขวัญรดาก็รู้ว่าเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสามีตัวเองเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาพักอยู่ที่ไหน หรือบ้านที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันเมื่อคืนนั้นเป็นบ้านที่จะอยู่ตลอดไปหรือเปล่า หากคำพูดของเขาก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้น…เขาคิดจะเตรียมบ้านไว้ต้อนรับเธอ ความรู้สึกมีตัวตนกำลังก่อตัวขึ้นมา หัวใจสาวพองโต แต่สมองเจ้ากรรมดันจดจำคำพูดของเขาในงานเลี้ยงแต่งงานเสียนี่ ‘ไม่ได้รัก...ทำท่าทางให้เหมือนรักได้ยังไง’ สีหน้าของขวัญรดาจืดเจื่อนโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว หากโชคดีที่ทั้งสามีทั้งแม่ของเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น “ติณณ์มีเมียแล้ว จากนี้ไปก็อย่าโหมทำงานหนัก มีเวลาก็ไปเที่ยวพักผ่อนกับเมียให้สม่ำเสมอ แม่ไม่ได้มีติณณ์เพื่อให้ทำงานสร้างอาณาจักรให้ใคร ติณณ์เลือกใช้ชีวิตเองได้” “ผมมีความสุขดีครับ” ติณณ์พูดยิ้มๆ ขวัญรดาอดที่จะมองทั้งสองคนไม่ได้ คำพูดของหม่อมหลวงอิงอรเหมือนมีความนัยซ่อนอยู่ พลันเธอต้องขยับตัวอัตโนมัติเมื่อนางเบนสายตามาหา “แม่ฝากหนูดูแลติณณ์ด้วยนะ ทั้งสองคนเป็นผัวเมียกันแล้ว หนูดูแลปรนนิบัติสามีให้กินอิ่มนอนหลับ รายนี้เขาดื้อสักหน่อยนะ แรกๆ หนูคงรับมือเขายาก ค่อยๆ เรียนรู้กันไป แม่เชื่อว่าไม่นานหนูจะรู้จักและเข้าใจเขาเอง” คำฝากฝังของแม่สามีทำให้สะใภ้มือใหม่แทบวางสีหน้าไม่ถูก เธอจะดูแลติณณ์ได้อย่างไร เพราะแค่บังคับตัวเองไม่ให้เกิดความรู้สึกกริ่งเกรงเขายามอยู่ใกล้กัน มันก็ยากหนักหนาแล้ว ท่าทางของหญิงสาว คนเป็นสามีสัมผัสได้...เขามองเธอนิ่งๆ พอเธอหันไปสบตา ประกายตาคมกล้าที่ออกแววท้าทายทำให้เธอต้องถอนสายตากลับในทันที “หนูยังไม่รับปากแม่” แม่สามีท้วงลูกสะใภ้ แสร้งทำทีไม่เห็นว่าลูกชายตัวดีกำลังเล่นสงครามจิตวิทยากับเจ้าหล่อนอยู่ “ได้ค่ะ” เสียงรับคำดังแผ่วเบา แถมเจ้าหล่อนยังไม่ยอมสบตานางอีก หากเพียงเท่านี้ก็สมใจหม่อมหลวงอิงอรแล้ว นางเลื่อนกล่องสีดำมันวาวที่วางข้างมือมาเปิดออก ข้างในเป็นชุดเครื่องประดับ เพชรน้ำงามส่องประกายวับวาวยามต้องแสงแดดยามสาย “แม่เตรียมของไว้ให้หนูขวัญ ติณณ์สวมสร้อยคอให้น้องสิ เพชรเม็ดเล็กแต่น้ำดีมาก แม่เลือกเพชรเองกับมือ เอาไว้ใส่ติดตัว ส่วนอันนี้ก็เป็นต่างหูกับสร้อยข้อมือเข้าชุดกัน เก็บไว้ใส่ตอนออกงาน” เครื่องประดับในกล่องหรู มันสวยงามเหลือเกิน ขวัญรดามองมันตาค้าง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแม่สามี แล้วเค้นคำปฏิเสธอย่างยากลำบาก “หนูรับไว้ไม่ได้ค่ะ” “หืม! ยังไงนะ” ไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธ คุณอิงอรประหลาดใจเป็นอย่างมาก ขวัญรดารู้สึกอึดอัดใจ เธอหันไปมองสามีหวังจะให้เขาช่วย แต่ท่าทางของเขาไม่ต่างจากแม่ของเขาเลย ขวัญรดาจึงต้องช่วยตัวเองต่อไป “หนูขอโทษค่ะ หนูรับไว้ไม่ได้ มันมีค่ามากเกินไป หนูกลัวทำมันหาย” “คุณพูดอะไร แม่ของผมให้ของ คุณก็รับไว้สิ” ติณณ์ติงขวัญรดาเสียงเข้ม ถึงตอนนี้หญิงสาวมีท่าทางสับสนปนลังเล เธอถามเขาอย่างไม่มั่นใจเอาเสียเลย “ฉันควรรับเครื่องประดับชุดนี้หรือคะ” แทนคำตอบ ติณณ์หยิบสร้อยคอจากกล่องสีดำตรงหน้าแม่อย่างไว เขาปลดล็อกสร้อยคอ แล้วสวมให้เธออย่างไม่ถนอมนัก ขวัญรดานั่งตัวแข็งทื่อไปแล้ว สัมผัสความร้อนผ่าวจากมือของเขาที่เคลื่อนอยู่ใกล้ต้นคอ ใกล้ชิดกันทีไร มันทำให้เธอออกอาการสั่นทุกที นานแค่ไหนก็ไม่รู้ที่ขวัญรดานั่งอยู่ในสภาพตัวแข็งเกร็ง กระทั่งเขาสวมสร้อยคอให้เธอเสร็จ แล้วขยับไปนั่งตรงที่เดิม เธอจึงหายใจได้คล่องคอขึ้น “สวมสร้อยคอไว้อย่างนี้แหละ แม่เลือกดีแล้วว่าหนูใส่มันได้ทุกโอกาส” มือบางสัมผัสสร้อยคอบริเวณเหนือเนินอก สร้อยคอเย็นวาบ แต่ตัวเธอกลับร้อนผ่าว เพราะยังจดจำไอความร้อนจากมือหนายามป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณต้นคอเมื่อสักครู่นี้ได้เวลาบ่ายสองโมงของวันหยุด เด็กชายวัยเก้าขวบหน้าตาคมคายส่อแววหล่อเหลาเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากที่เขาไปช่วยพนักงานเสิร์ฟอาหารอยู่ในร้านอาหารของแม่ซึ่งตั้งอยู่ในแปลงที่ดินข้างบ้านขวัญรดามองลูกชาย เมื่อไม่เห็นว่าลูกสาวกลับมาพร้อมกัน ทั้งที่ตอนขาไป ลูกทั้งสองคนยังเดินจับมือกันอยู่เลย เธอจึงคิดจะถาม...แต่เจ้าตัวก็ฟ้องขึ้นมาเสียก่อน“คุณแม่ครับ ข้าวหอมไม่ยอมกลับบ้านอีกแล้ว”“น้องทำอะไรอยู่คะ แล้วน้องอยู่กับใคร”“น้องขายผักกับอยู่พี่มุกครับ เมื่อกี้น้องถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกด้วย ทั้งสองคนทำอะไรกันก็ไม่รู้ น่าเบื่อมาก ต้นรอไม่ไหว คุณแม่ไปตามน้องกลับบ้านหน่อยสิครับ”ดูท่าทางคนเป็นพี่ชายจะไม่สบอารมณ์ในตัวน้องสาวจริงๆ ขวัญรดาจึงต้องคุยต่อเพื่อหาสาเหตุ“ป้าจ๋าอยู่กับน้องใช่ไหมจ๊ะ แม่ว่าเราปล่อยให้น้องอยู่ที่ร้านไปก่อนก็ได้นะ”ป้าจ๋าเป็นพี่เลี้ยงของลูกสาวมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเป็นเด็กอ่อน หากมีพี่เลี้ยงคนนี้อยู่ด้วย ขวัญรดาก็วางใจว่ามีคนที่ดูแลลูกสาวแทนตนได้“ป้าจ๋าอยู่ด้วยครับ แต่ต้นไม่ชอบให้น
“พ่อคับ...กินคุกกี้”น้องแต็งค์หรือเด็กชายตนุธิป เด็กชายที่เพิ่งเป่าเค้กวันเกิดครบรอบสองขวบไปเมื่อหลายเดือนก่อน ถือกล่องใส่คุกกี้ช็อกโกแลตมาให้คุณพ่อลูกสามช่วยเปิดฝากล่องให้คุณพ่อลูกสาม?ถูกต้องแล้ว...คุณพ่อที่เคยยืนยันเสียงหนักแน่นว่าเขายังไม่คิดจะมีลูกคนต่อไป ตราบใดที่ลูกคนแรกยังไม่โตพอ อีกทั้งเขาจะต้องได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเสียก่อนหากในความเป็นจริงนั้น แค่เพียงน้องต้นกล้าอายุได้หกเดือน ขวัญรดาก็ตั้งท้องลูกคนที่สองด้วยความยินยอมพร้อมใจกันของทั้งสองคน โดยท้องนี้พวกเขาได้ลูกสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมาอุ้มชู พวกเขาตั้งชื่อให้ลูกสาวว่าน้องข้าวหอมหรือเด็กหญิงเขมนิจ ปัจจุบันเด็กหญิงอายุได้แปดขวบแล้ว ซึ่งพ่อกับพี่ชายนั้นหวงแม่หนูมาก“หนูขออนุญาตคุณแม่หรือยังครับ คุกกี้กล่องนี้คุณแม่เก็บไว้ให้พี่ๆ กินด้วยหรือเปล่า”“แต็งค์จะกินคุกกี้แลต”พ่อหนูน้อยยืนยัน เป็นอันรู้กันว่าคุกกี้ช็อกโกแลตเป็นของโปรดของเจ้าตัว อย่าหวังว่าจะยอมแบ่งให้ใคร แถมยังทำท่าทางขัดใจอย่างสุดฤทธิ์เมื่อถูกพ่อพูดจาตะล่อมหวังจะให้เปลี่ยนใจ&
หนึ่งเดือนถัดจากนั้น ณ โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่คุณอิงอรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แตงโมน้อยก็ได้ฤกษ์ออกมาลืมตาดูโลกคุณแม่มือใหม่เข้าไปนอนรอคลอดอยู่ในห้องพักพิเศษสองวัน ลูกชายคนแรกของเธอถึงคลอดออกมา ทารกน้อยเนื้อตัวอวบอ้วน ภัสสราที่มาเยี่ยมหลานในทันทีเมื่อรู้ข่าวก็บอกอย่างตื่นเต้น“เมื่อกี้ฉันไปดูหลานในห้องเด็ก หลานตัวโตมาก แทบจะตัวโตที่สุดในบรรดาเด็กที่นอนเรียงกัน ทั้งที่ขวัญตัวเล็กนิดเดียว แถมตอนท้องก็ไม่ได้อ้วนขึ้นเลย”“น้ำหนักตัวของขวัญก็ขึ้นนะคะ แต่ขึ้นตามเกณฑ์ของคุณหมอ ขวัญกินอาหารตามที่หมอแนะนำ ขวัญไม่ได้กลัวอ้วนนะ แต่ขวัญคิดถึงแต่ลูก อยากให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนมากที่สุด”“มันได้ผลจริงๆ นะ เพราะลูกของเธอตัวโตเชียว”“พ่อเขาก็ตัวโต หน้าตาหล่อคมกระเดียดไปทางพ่ออีกนั่นแหละ”คุณจงกลที่อยู่เฝ้าขวัญรดามาทั้งวันพูดแทรกขึ้น เพราะนางพินิจหลานชายอยู่สักพักใหญ่ แล้วจึงได้ข้อสรุปตามนั้น“จริงด้วยสิ ภัสลืมไปเลย”ภัสสราไม่ได้แกล้งน้องเขย แต่เธอลืมไปจริงๆ ว่าหลานชายที่หน้าตาน่
“โดนจนได้นะแคท จำเป็นบทเรียนไว้เลยว่าทีหลังอย่าร้ายกับคนที่ไม่ได้ร้ายกับเรา แต่ถ้าใครร้ายมา เราก็ร้ายตอบ อันนี้ไม่ผิดกติกา แถมเรายังหาแนวร่วมได้อีกด้วย”รุ่นใหญ่ในวงการบันเทิง เพราะทำงานมาตั้งแต่เด็ก พูดด้วยอารมณ์ไม่ได้ดังใจขณะดูข่าวของญาติตัวเองทางโทรศัพท์มือถือ คนเป็นน้องสาวที่นั่งลูบท้องโตๆ อยู่ข้างๆ ก็ถอนหายใจ“ขวัญรู้สึกไม่ดีเลย มีทางไหนที่เราพอจะช่วยคุณแคทได้บ้างไหมคะ”ยอมรับว่าพอกำลังจะมีลูก เธอก็รู้สึกอ่อนไหวไปเสียหมด ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวเอง ซึ่งภัสสราก็เข้าใจน้องสาวดี“เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ นะขวัญ เราช่วยใครไม่ได้หรอก ส่วนตัวแคทเองก็มีมูลค่าในวงการบันเทิงมากพอ เดี๋ยวเขาก็ไปต่อได้ เราไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แคททำตัวของเขาเอง ติณณ์ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันมากเกินไป เขาแค่ตอบโต้แคทเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว งานนี้เรียกว่าแคทแพ้ภัยตัวเอง”“แต่ถึงกับถูกปลดออกจากละคร มันก็หนักไปนะ”แม้ไม่เคยอยู่ในจุดนั้น หากขวัญรดาคิดว่าตนพอจะเข้าใจความรู้สึกของคัทรียา มันคงไม่ต่
นายชัชชัยเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในสองวันต่อมา ลูกและภรรยาต่างก็เสียใจ แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย...จบสิ้นกันสักทีในส่วนความรับผิดชอบที่มีต่อเหยื่อและครอบครัวนั้น หน่วยงานที่นายชัชชัยสังกัดอยู่ได้ออกมากล่าวขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง อีกทั้งพร้อมแสดงความรับผิดชอบโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นภรรยาและลูกทั้งสองคนของนายชัชชัยก็ไม่ทอดทิ้งใคร นอกจากคำขอโทษที่มีต่อทุกคน พวกเขายังคงให้ความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานที่ออกหน้ามาดูแลผู้เคราะห์ร้ายแม้แต่ปกรณ์ซึ่งเป็นสามีของผู้หญิงที่นายชัชชัยเคยชุบเลี้ยง เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ลูกและภรรยาของนายชัชชัยก็ให้ความช่วยเหลือเขาเช่นเดียวกัน ในขณะนี้ปกรณ์ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีวีรยาคอยดูแลอย่างไม่ยอมห่าง ซึ่งอาการของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้...เป็นอย่างที่ลูกชายของนายชัชชัยคาดไว้จริงๆ ไม่มีญาติของนายชัชชัยมาร่วมงานศพของเขาสักคน ในงานคงมีแต่ภรรยาและลูกที่จัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นอย่างเร่งรีบและรวบรัดเท่านั้นขวัญรดาทำบุญไปให้นายช
“ภัสคุยกับติณณ์อยู่ค่ะ ติณณ์ไม่ให้ขวัญดูข่าว บ้านนั้นจะปิดทีวีทั้งวัน ติณณ์จะคอยติดตามข่าวแล้วบอกกับขวัญเอง ส่วนขวัญก็รู้เรื่องแล้ว ขวัญทำใจกับเรื่องนี้ได้ค่ะ”ภัสสราเคยโกรธนายชัชชัยนักหนาที่ตัดรอนขวัญรดา เขาไม่ยอมรับว่าขวัญรดาเป็นลูกสาว นับตั้งแต่ขวัญรดาย้ายมาอยู่กับครอบครัวของเธอ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยมาหาและไม่เคยติดต่อน้องสาวอีกเลยทว่าในเวลานี้ ภัสสรากลับนึกขอบคุณโชคชะตาที่พาให้เหตุการณ์ในอดีตเบนไปในเส้นทางนั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้ขวัญรดาไม่รู้สึกผูกพันกับพ่อผู้ให้กำเนิด ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป น้องสาวของเธอก็จะทำใจยอมรับทุกเรื่องได้ง่ายขึ้น“แตงโม...แตงโมชื่ออะไรดีครับ เดี๋ยวพ่อเอาชื่อมาให้หนูเลือกนะ”เสียงของว่าที่คุณพ่อดังอยู่เหนือศีรษะ คนท้องที่อิงซบอยู่กับอกเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง“คุณติณณ์เอาชื่อมาจากไหนคะ”“เว็บไซต์สำหรับตั้งชื่อลูก มีแต่ชื่อมงคลความหมายดีๆ ทั้งนั้น”“งั้นบอกมาเลยค่ะ ขวัญจะช่วยแตงโมเลือกเอง”“ตนุธิป ตนุนันท์ ตนุพัชร์...สามชื่อน