แชร์

ตอนที่11.ชอบความตื่นเต้น

ผู้เขียน: ไห่ถาง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-13 10:04:33

วังหลวง

“ทูลฝ่าบาท เวลานี้ในเมืองหลวงมีผู้คนเข้ามาจนแทบจะไร้ที่พักแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

บุรุษในชุดมังกรเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แผนการของศัตรูแยบยลนัก ด้วยการปล่อยข่าวเรื่องการจัดเลี้ยงฉลอง เชื้อเชิญให้ผู้คนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวง ทำให้ยากต่อการป้องกันระวังภัยที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ เหล่าขุนนางและคหบดีที่เดินทางเข้ามานั้น มีทั้งตงฉินและกังฉิน การเดิมเกมของศัตรูช่างล้ำลึกนัก ทว่ายังคงมีช่องโหว่อยู่มากพอที่เขาจะแทรกแซงได้เช่นกัน

“ก็ดี จะได้คึกคัก ท่าทางสนมของข้า นางชอบความตื่นเต้น”

ก่อนมือหนาจะหย่อนเบี้ยในกระดานหมากลงไปในถ้วยน้ำชาชั้นดี แล้วเลื่อนไปตรงหน้าขันทีหนุ่มผู้มาทำหน้าที่แทนจิ่วกงกงและกงกงชราผู้อยู่ข้างกาย ซึ่งทั้งคู่เกิดล้มป่วย จำต้องหยุดพักตามพระบัญชาของผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน

“นำไปให้เต๋อเฟย”

พร้อมทั้งกวักมือเรียกขันทีหนุ่มให้เอียงหูมาใกล้ ๆ ก่อนจะกระซิบบางอย่าง

“ฮา ๆ ๆ”

เสียงทรงอำนาจเปล่งออกมาด้วยอารมณ์ที่ดูไร้กังวลเป็นที่สุด ขันทีหนุ่มเอื้อมมือมายกถ้วยชาใส่ในถาดสีทอง ก่อนเดินออกจากสวนส่วนพระองค์ ตรงไปยังตำหนักเต๋อเฟยในเขตวังหลัง โดยมีนางกำนัลรับใช้ถือถาดแพรพรรณงดงามตามไปอีกสองคน

ตำหนักเต๋อเฟย

พระสนมวัยแรกแย้มกำลังนั่งอยู่หน้ากระดานหมาก คิ้วงามขมวดเป็นปมเมื่อมองดูบนกระดาน เหมือนมันกำลังขาดสิ่งใดไป

“ทูลพระสนม กงกงจากตำหนักหลวงขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

อี้กงกงก้มหัวเล็กน้อย กล่าวรายงานยังห้องชั้นนอกด้วยท่าทีนอบน้อม ริมฝีปากของขันทีหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูตำหนักบิดเล็กน้อยกับภาพการประจบประแจงของอี้กงกงผู้ยิ่งใหญ่ในวังหลัง คู่ปรับของจิ่วกงกงที่มักจะปะทะฝีปากกันอยู่เป็นนิจ ทว่าวันนี้ จิ่วกงกงมิได้เป็นผู้มาด้วยตนเอง จึงทำให้ความผยองของอี้กงกงมีมากกว่าที่เคยหลายเท่านัก

“เวลานี้ ข้าพักผ่อน สมควรให้ขันทีชั้นต่ำมาขอพบได้อย่างนั้นหรือ ข้าควรพบเขาด้วยเหตุผลใดกัน”

น้ำเสียงปนด้วยความหยิ่งผยอง ทำให้ผู้มาเยือนทั้งสามต่างลอบยิ้ม สนมคนใหม่ไม่ธรรมดาจริงๆ นางคงคิดว่าขันทีหนุ่มมาขอพบด้วยบัญชาจากฮองเฮากระมัง เลยต้องอวดเบ่งอำนาจเพื่อข่มคนของฮองเฮา อยากรู้นัก ตอนที่ต้องคุกเข่ารับน้ำชาพระราชทานจากฝ่าบาทจะยังพองขนอยู่อีกหรือไม่

อี้กงกงหันกลับไปหวังจะไล่ขันทีหนุ่มที่มาขอเข้าเฝ้าโดยไม่ได้แจ้งว่าผู้ใดออกคำสั่ง กงกงเฒ่าปรารถนาให้พระสนมทรงกริ้วจนสั่งลงทัณฑ์ขันทีหนุ่มผู้กล้าจ้องหน้าเขาอย่างไร้ความยำเกรง

‘พวกเจ้ามันยโสยิ่งนัก ข้าอยากเห็นตอนเจ้าถูกลงทัณฑ์จากความกำแหงนี้นัก’

“กั๋วเต๋อเฟยรับพระบัญชา ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งประทานน้ำชาชั้นดีแด่พระนางเต๋อเฟย”

ขันทีหนุ่มก้าวข้ามประตูเข้ามายืนกลางห้องชั้นนอกของตำหนักพร้อมเปล่งเสียงดังหนักแน่น ถ้วยชาในมือมันมีค่ากว่าหัวของคนทั้งตำหนัก หากมันถูกทำให้เสียหายหรือถูกปฏิเสธ ย่อมหมายถึงมดตัวน้อยเหล่านี้นำคอไปพาดบนแท่นประหารนั่นเอง

องค์หญิงกั๋วเชียงถึงกับทะลึ่งลุกพรวดขึ้นด้วยใบหน้าตื่นตกใจ มือบางถึงกับสั่นน้อย ๆ ด้วยความกลัวปนกรุ่นโกรธอี้กงกงที่มิถามเอาความกระจ่างจากขันทีที่มาขอพบนาง

‘คิดจะทำให้ข้าหัวหลุดจากบ่าหรืออย่างไร’

ไยนางจะไม่รู้กฎของวังหลวง ทุกสิ่งของฮ่องเต้มีค่ามากนัก แม้แต่เส้นผมที่หลุดร่วง พระสนมคนใหม่รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะรีบก้าวออกไปยังห้องชั้นนอก ร่างบางก้าวไปหยุดยืนตรงหน้าของขันทีหนุ่มที่ยืนถือถาดทองคำอยู่ตรงหน้า ก่อนจะย่อกายหมอบต่ำ

“กั๋วเชียงขอให้ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ๆ เพคะ”

ก่อนจะยกมือขึ้นสูงเพื่อรอรับถาดน้ำชาพระราชทานโดยไม่ได้เงยหน้า อี้กงกงถึงกับหมอบตัวสั่นงันงก รวมทั้งเหล่านางกำนัลในตำหนัก เวลานี้ ทุกคนหมอบต่ำอยู่ที่พื้น มีเพียงผู้มาเยือนทั้งสามเท่านั้นที่ยังคงยืนเด่นอยู่กลางห้องพร้อมสิ่งของพระราชทานในมือ

ขันทีหนุ่มวางถาดลงยังมือบางของเต๋อเฟย ก่อนที่ตัวเขาจะก้าวขาถอยหลังไป แล้วโค้งคำนับค้างไว้เพื่อรอเจ้าของตำหนักลุกขึ้น

พระสนมกั๋วเชียงนำถาดลงมาถือในระดับอก ก่อนจะลุกขึ้นโดยมีนางกำนัลมาช่วยพยุง เมื่อยืนได้แล้ว สายตาได้มองไปยังขันทีที่นำน้ำชามามอบให้ด้วยความขุ่นเคือง

“เจ้ากลับไปได้แล้ว ทูลฝ่าบาทด้วยว่า ข้ามีความยินดีมากที่ทรงมีพระเมตตา ประทานน้ำชามาให้”

“ทูลพระนาง ฝ่าบาทยังทรงมีรับสั่งให้นำแพรพรรณและเครื่อง

ประดับสำหรับงานเลี้ยงมามอบแด่พระนางด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหนุ่มหันไปรับถาดจากมือของนางกำนัล ก่อนจะก้าวไปยืนมิห่างจากเจ้าของตำหนัก พระสนมกั๋วได้ให้นางกำนัลเข้าไปรับถาดจากมือของกงกงหนุ่มและนางกำนัลอีกคน

“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งถึงพระสนมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ทรงรับสั่งว่าอย่างไร รีบบอกมา อย่ายื้อเวลาให้มาก ให้รู้จักว่าข้ามิใช่เพื่อนเล่นของเจ้า และเวลานี้ ข้าก็มีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก”

กั๋วเต๋อเฟยอยากขับไล่อีกฝ่ายให้ไปจากตำหนักของนางยิ่งนัก เวลานี้ นางไม่พร้อมพบหน้าผู้ใด ขันทีหนุ่มยกมือคำนับพระสนมคนงามอีกครั้ง ก่อนจะขยับเข้าใกล้ในระยะที่ไม่เป็นการล่วงเกินมากจนเกินไป

“บนกระดานขาดเบี้ยที่ดีเมื่อใด ย่อมทำเสียสมดุลเอาได้ กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีหนุ่มกล่าวจบจึงได้ขยับถอยหลังออกห่างพระสนมคนใหม่หลายก้าว ก่อนจะพากันทำความเคารพแล้วหมุนกายจากไปอย่างรวดเร็ว

มือบางสั่นระริกด้วยอารมณ์ที่ปนเปกันหลายแบบ เท้าบางหมุนกายก้าวเข้าไปยังห้องชั้นใน ก่อนที่จะวางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะ สายตาจ้องอยู่ที่ฝาถ้วยชาด้วยการหยั่งใจตนเอง ว่าสมควรจะเปิดมันออกหรือปล่อยไว้เช่นนั้น นางมิได้โง่งมจนมิรู้ความในคำพูดของฮ่องเต้แห่งชีเป่ย ชายผู้นี้กำลังเอ่ยท้าทายนางอย่างโจ่งแจ้ง

‘แล้วเราจะได้รู้กันในมิช้า ฝ่าบาท หึ ๆ’

“ทูลพระสนม กระหม่อมไม่รู้จริงๆ ว่าฝ่าบาททรงประทานของมามอบให้แด่พระนาง”

อี้กงกงโค้งตัวต่ำอยู่นอกม่าน เขาเจ็บใจจนเกินบรรยายที่ทำอะไรขันทีหนุ่มมิได้ ซ้ำตัวเขาอาจถูกลงทัณฑ์จากคนด้านใน ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ว่า พระนางทรงกำลังกรุ่นโกรธเป็นที่สุดกับเรื่องที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่นี้

“เอาเถอะ ให้มันจบ ๆ ไปเสีย ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวจากใครทั้งนั้น พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ข้าอยากอยู่คนเดียว”

หญิงสาวจำต้องเอ่ยตัดบทออกไป เพราะนางยังจำเป็นต้องใช้งาน

อี้กงกงอีกมาก นางจะไม่ทำให้เบี้ยสำคัญหายไปแม้แต่ตัวเดียว เพียงเพราะก้อนหินที่ปามาตกในกระดานหมากของนาง แค่ปัดมันทิ้งไปเสีย เพียงเท่านี้ก็จะมีเพียงหมากที่นางวางไว้เท่านั้นบนกระดาน

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ พระนาง”

เมื่อกล่าวจบ อี้กงกงพร้อมทั้งเหล่านางกำนัลต่างทำความเคารพผู้เป็นนาย ก่อนจะพากันขยับล่าถอยออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และเงียบกริบราวไร้การมีอยู่ของทุกคน

ร่างบางยังคงยืนนิ่งกับที่อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะขยับกายลงนั่งยังที่เดิม

ก่อนออกไปรับน้ำชาพระราชทาน เวลานั้น นางนึกทบทวนถึงคำพูดที่ผู้เป็นใหญ่ฝากมาให้แก่นางอีกครั้ง

รอยยิ้มอย่างมีความในได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม ก่อนที่มือบางเอื้อมไปยกถ้วยชาที่ยังคงอุ่นเพียงเล็กน้อย พร้อมกับเปิดฝาออก ขยับถ้วยชาล้ำค่าเข้าชิดใบหน้าเพื่อให้รับรู้ถึงไออุ่นและกลิ่นหอมละมุนของน้ำสีอำพันในถ้วย ทว่า ดวงตากลับต้องเบิกกว้าง ด้วยความตกใจเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในถ้วย

‘หึ ๆ ข้าเข้าใจถูกสินะ’

หญิงสาวเหยียดยิ้มด้วยความผยองในความหมายที่คาดเดาเอาไว้ก่อนหน้าเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกมอบมาให้ กั๋วเชียงอยากที่จะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ ยิ่งนัก ชายผู้นี้แม้จะเก่งกาจเพียงใดก็ยังเป็นรองนางอยู่ดี แม้จะส่งหมากมาให้เสมือนเป็นการข่มนาม ทว่า นางมิใช่สตรีโง่งมเช่นบรรดาสนมนางในผู้อื่นของชีเป่ย นางคือสตรีผู้จะเป็นใหญ่เหนือใต้หล้า และเป็นผู้กุมชัยในหมากกระดานนี้เท่านั้น

‘หมากของข้าดีเสมอ ฝ่าบาท ส่วนพระองค์จะทรงมีขุนพลมารุกฆาตข้ารึไม่เท่านั้นเอง หึ ๆ’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาข้า เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก เล่ม3 (จบบริบูรณ์)   ตอนที่ 83.จบบริบูรณ์

    “มิได้นะพ่ะย่ะค่ะฮองเฮา”“นี่คือคำสั่ง ไปซะ”จงกงกงที่ถืออาวุธประจำกายผู้เป็นนายมาด้วย ได้ก้าวไปยังเตียงนอนก่อนจะวางกระบี่ไว้ข้างกายผู้เป็นนายหญิงแล้วขยับออกห่างเยว่เหยียนลุกขึ้นโดยยื่นมือไปรับน้องสาวกลับมาผูกติดกายไว้เช่นเดิม ก่อนจะเดินห่างผู้เป็นมารดาด้วยอาการนิ่งเงียบ มิเอ่ยสิ่งใดกับผู้ใดแม้แต่ครึ่งคำสองแม่ลูกเจ้าของบ้านกลับเข้ามาในห้องพร้อมห่อผ้า มารดาของหย่งฉีก้าวไปหยุดตรงหน้าขององค์ชายเยว่เหยียน ก่อนจะย่อกายให้“บุตรชายของข้าจะนำทางองค์ชายเข้าไปหลบซ่อนในป่าเพคะ”“เจ้าไปกับพวกเขา นี่คือคำสั่งของข้า อย่าได้มีใครขัดคำสั่งหากยังเห็นข้าเป็นฮองเฮาอยู่”“เพคะ เช่นนั้น หม่อมฉันจะปกป้องทั้งสองพระองค์ด้วยชีวิตเพคะ”สองแม่ลูกไม่รอช้า โดยหย่งฉีเป็นคนเดินนำหน้า มีเยว่เหยียนเดินตามไป มารดาของหย่งฉีและองครักษ์ติดตามไปอีกหนึ่งคน ส่วนที่เหลืออยู่ดูแลฮองเฮา รวมถึงจงกงกงที่มิห่างกายผู้เป็นนายหญิงไปที่ใด“พวกเจ้าคิดจะขัดคำสั่งข้าหรืออย่างไรกัน”“พระนาง มิว่าอย่างไร พวกข้าก็มิอาจทอดทิ้งพระนางไปที่ใดได้ ได้โปรดอย่างทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ”ก่อนที่จะทันได้เอ่ยสิ่งใดต่อ เสียงของผู้บุกรุกได้เรียกความสน

  • ภรรยาข้า เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก เล่ม3 (จบบริบูรณ์)   ตอนที่ 82. ถงไท่ซิน

    ชายป่านอกหมู่บ้านร่างสูงของถงไท่ซินยืนเอามือไพล่หลังมองไปยังอีกด้านของป่าที่เป็นเนินเขาเตี้ย ๆแกร๊บ! เสียงเหยียบใบแห้งมาจากทางด้านหลัง เขามิจำต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร“วันนี้ ข้าหวังว่าจะได้รับข่าวที่ดี”“นายท่าน ตอนนี้ที่เฉินอันยังคงนิ่งเงียบอยู่ขอรับ คนของเราพยายามที่จะสืบหาว่า ข่าวเรื่องนายหญิงยังมีชีวิตอยู่นั้นมาจากที่ใดขอรับ ข้าเกรงว่า…เอ่อ...”“เกรงจะเป็นกลลวงให้ข้าเผยตนสินะ” ถงไท่ซินต่อความให้ผู้มารายงาน“ขอรับ”“ในเมื่อตัวข้าก็ชรามากแล้ว จะตายวันใดก็มิอาจบอกได้ แล้วข้าจะกลัวไปเพื่ออะไรกัน”ถงไท่ซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย เขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาเมื่อรู้ข่าวว่า แท้จริงแล้ว ภรรยาของเขายังคงมีชีวิตอยู่จากแหล่งข่าวที่ใดสักแหล่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ จึงทำให้ชรารีบลงจากเขาเพื่อที่จะมาพบกับคนขอตนเพื่อฟังความจริงจากปากอีกครั้งภาพใบหน้าภรรยาผู้เป็นที่รักเวียนกลับมาในห้วงความคิด พาให้ถงไท่ซินนึกย้อนไปยังเรื่องราวเมื่อนานมาแล้วด้วยหัวใจอันร้าวรานแคว้นเฉินอันตำหนักหลวงซึ่งเป็นที่พำนักร่วมกันของฮ่องเต้เยว่ไท่ซานกับฮองเฮาเยี่ยซีเซียน เวลานี้ทั่วทั้งแคว้นต่างเฉลิมฉลองการถือกำเนิดขององค์

  • ภรรยาข้า เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก เล่ม3 (จบบริบูรณ์)   ตอนที่ 81.ตอนพิเศษ 4 ถงไท่ซิน

    “ท่านตาขอรับ ไยท่านตาถึงได้ชอบที่จะอยู่บนเขาซินไห่นี่เล่าขอรับ ไยมิลงไปอยู่กับพวกเราขอรับ”ถงเอ่อหลางเอ่ยถามผู้เป็นตาด้วยความสงสัย เขาจะขึ้นมาอยู่บนเขาเพื่อฝึกฝนวิชากับผู้เป็นตา ในช่วงเวลาที่ผู้เป็นตากลับจากเกาะดอกเหมย“ตาจะได้มองเห็นยายเจ้าได้ทุกวันอย่างไรเล่า นางอยู่ทิศนั้น ในที่ที่เราจะไม่มีโอกาสไปถึง”“ท่านตาชรามากแล้วก็ทำใจให้สงบเถิดขอรับ ท่านยายได้หลับไปนานแล้วนะขอรับ”“ฮา ๆ เจ้าเด็กน้อย เจ้ามันช่างเจรจาเกินไปแล้ว ไม่นาน ตาของเจ้าก็จะหลับไปชั่วกาลเช่นเดียวกับท่านยายของเจ้า”“ท่านตาขอรับ ท่านอาม่งเหยางดงามมากเลยใช่ไหมขอรับ”เมื่อหลานชายเอ่ยถึงบุตรสาวผู้ล่วงลับ แววตาอ่อนแสงเจือความอาลัยพลันฉายบนดวงตาที่เริ่มฝ้าฟาง ถงไท่ซินหันมามองเด็กชายช่างซัก ก่อนปล่อยวางเรื่องโศกเศร้าในอดีตไปกับสายลม ใช้ลมหายใจที่เหลืออยู่กับปัจจุบันทุกเสี้ยวเวลา ยามลาจากโลกนี้ไปแล้วจะได้มิรู้สึกผิดกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ระลึกเช่นนั้นจึงส่งยิ้มกว้างให้หลานชาย เอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมหยอกเย้าเอ็นดู“ใช่แล้ว นางงดงามมิแพ้มารดาของเจ้าเลย เจ้าอยากรู้ไปทำไมรึ”“ก็เพราะใคร ๆ ก็ว่ามู่หลันเหมือนท่านอามาก เอ่อ…จากที่ข้ามองดู

  • ภรรยาข้า เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก เล่ม3 (จบบริบูรณ์)   ตอนที่80. ตอนพิเศษ 3.

    “เสด็จพี่ทั้งสองอย่าทรงกังวลไปเลย อย่างไรเสีย ลูกหลานของเราก็เลือกที่จะทอดทิ้งเราไปแล้ว”โม่เหยียนเฉาและโม่เหยาต่างหันขวับมามองน้องชายเป็นตาเดียว ด้วยถ้อยคำตอนท้ายมันขัดกันกับคำตอนต้น โม่หยางจงยิ้มร่า เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาสงสัยของพี่ชายทั้งสอง“เจ้ายังเป็นปกติดีอยู่หรือไม่ หยางจง”“ข้าแค่อยากให้เสด็จพี่ทั้งสองผ่อนคลายลงบ้าง อนาคตจะเป็นเช่นไร เรามิอาจบอกได้ แค่ตอนนี้ เราสามพี่น้องยังมีลมหายใจดื่มด่ำกับความสุขยามชราก็ดีมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“หึ ๆ เจ้าก็เป็นเสียแบบนี้ เข้าข้างในกันดีกว่า ข้าหิวมากแล้ว”สามพี่น้องพากันก้าวเข้าไปในตัวบ้าน พร้อมเสียงหัวเราะกันอย่างมีความสุข เสียงสนทนากันอย่างออกรสของพี่น้องสกุลโม่นั้น ยากที่ใครจะได้พบเห็น ยามใดที่มายังบ้านหลังนี้ พวกเขาจะละวางเรื่องบ้านเมืองลงชั่วคราวเพื่อสัมผัสความอบอุ่นจากสัมพันธ์พี่น้องร่วมสายเลือดที่น้อยครั้งจะได้มีโอกาสพบปะกันพร้อมหน้าเช่นนี้หุบเขาเหมยแดงหญิงสาวในชุดสีดำนั่งเหม่อมองไปยังด้านนอกหน้าผาที่ยื่นออกไปยังน้ำตก ใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกปิดด้วยหน้ากากสีเงิน ดวงตานั้นกลับมามองเห็นแล้วก็จริง ทว่า รอยแผลที่อยู่ภายใต้หน้ากากกลับยังคงมีอย

  • ภรรยาข้า เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก เล่ม3 (จบบริบูรณ์)   ตอนที่79. รับโทษ

    เสียงอู้อี้ของถงมู่หลัน ทำให้จ้าวอวิ๋นรีบลุกขึ้นไปคว้าตัวหลานรักขึ้นมาอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพานางก้าวมายังเตียงของผู้เป็นพี่ชายตามคำเว้าวอนร่างอ้วนกลมดิ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะลงไปนั่งบนเตียงของพี่ชายที่ตอนนี้กำลังนอนกระสับกระส่าย มือป้อมนุ่มนิ่มเอื้อมไปแตะยังแก้มของพี่ชาย ก่อนจะทุ่มตัวลงไปเต็มแรงทับอยู่บนอกของถงเอ่อหลาง สร้างความตกใจให้แก่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ก่อนที่โม่ฟางเล่อจะยื่นมือไปเพื่ออุ้มบุตรสาวออกมาหมับ! มือของถงเอ่อหลางรวบกอดร่างอ้วนของน้องสาวเอาไว้แนบอกราวกับปกป้อง เช่นที่เคยทำมาตลอดในยามที่เขาเกรงว่านางจะเสียใจหรือกลัวใครจะมาทำร้ายน้องสาวเพียงคนเดียวเด็กชายหวาดกลัวว่าจะไม่อาจคุ้มครองคนที่ตนรักให้ปลอดภัย เหมือนในอดีตที่เขามิอาจปกป้องคนที่รักเอาไว้ได้“พี่จะปกป้องเจ้ามิให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าได้”“อือ ๆ พี่ใหญ่ ข้าร้อน ท่านพี่ตื่นได้แล้ว”ถงเอ่อหลางลืมตาโพลงขึ้นในทันที ร่างอ้วนกลมที่อยู่บนตัวเขานั้นช่างเหมือนใครบางคนในอดีตเหลือเกิน มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มยุ้ยของน้องสาว“พี่รู้สึกว่ามีหินก้อนใหญ่หล่นทับตัวอย่างไรไม่รู้”“มีที่ไหนเล่าเจ้าคะก้อนหิน มีแค่อนาคตของหญิงงามที่สุดใต้หล้า

  • ภรรยาข้า เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก เล่ม3 (จบบริบูรณ์)   ตอนที่78.คราวหลัง

    อวี้หลิงเซียวยกมือขึ้นห้ามองครักษ์เอาไว้เสียก่อน นางในตอนนี้แม้จะมียศแต่ก็เป็นธิดาของเจ้าเมืองเท่านั้น จะถืออำนาจบาตรใหญ่มากเกินไปมันดูไม่ดีสักเท่าไร ยิ่งมองการแต่งกายของเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นแล้วบอกได้เพียงว่ามิธรรมดาเป็นแน่ไหนจะบุรุษหลายคนที่ยืนอยู่นั่นอีก มองแค่ปราดเดียวนางก็รู้ได้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูงทุกคน โดยเฉพาะคนที่อุ้มเด็กหญิงตัวอ้วนนั่นด้วยแล้ว ยิ่งมิควรที่จะต่อกรด้วย นางฝึกยุทธ์ตั้งแต่ห้าขวบ เติบโตมากับพี่ชายที่เป็นทหารย่อมต้องถูกสอนมาเป็นอย่างดี“ข้าน้อยหลิงเซียว ต้องขออภัยท่านอาด้วยนะเจ้าคะที่มารบกวน ด้วยข้านึกว่าเป็นชาวบ้านทั่ว ๆ ไป เกรงจะเกิดอันตรายเอาได้หากมีโจรป่าผ่านมา”“ขอบใจเจ้ามากคุณหนู แล้วคราวหลัง ข้าจะเตือนหลาน ๆ ให้ระวังตัวให้มากขึ้น” จ้าวอวิ๋นนึกชื่นชมแม่สาวน้อยคนนี้ในใจ ดูเหมือนความนึกคิดของนางจะเติบโตกว่าวัยที่แท้จริงหลายปีทีเดียว“เจ้าค่ะ”“พี่สาว มากินกุ้งด้วยกันสิเจ้าคะ มู่หลันอยากมีพี่สาว มู่หลันไม่ชอบพี่ชายแล้ว”เด็กน้อยแก้มยุ้ยมิพูดเปล่า แต่ยังทำท่าทางน่าเอ็นดู พร้อมรอยยิ้มกว้างจนทำให้ตาของนางกลายเป็นเส้นตรง ก่อนจะสะบัดหน้าให้ผู้เป็นพี่ชายที่หันกลับ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status