“พี่คะ! ได้โปรด! เจสขอโทษ ฮือ ๆ พี่ราฟปล่อยพี่ถิงถิงเถอะนะคะ เดี๋ยวพี่ถิงถิงจะช้ำเอาได้”
การยื้อกันไปมาของคนทั้งสามทำให้หลี่ถิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเกิดพลิก ในขณะที่ราฟาเอลปล่อยมือจากหญิงสาวพอดี ทำให้หลี่ถิงหงายหลัง จนศีรษะกระแทกเข้าตรงขอบมุมโต๊ะวางแจกัน ซึ่งเป็นรูปทรงเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ด้านหลังเข้าอย่างแรง จนทำให้แจกันลายครามตกลงแตก ก่อนร่างบางของเธอจะร่วงลงสู่พื้น เศษกระเบื้องจากแจกันได้เสียบเข้าตรงท้ายทอยของหลี่ถิงโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ป้องกันหรือหลบหลีกได้เลย
จากนั้นไม่นาน หลังจากร่างบางนอนแน่นิ่งไป เลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากรอยแผลทีละน้อยกลายเป็นวงกว้าง ราฟาเอลที่มัวแต่ปัดมือของเจสซิก้าอยู่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปรับหลี่ถิงได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มลงกระแทกกับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษกระเบื้องซึ่งกระจายอยู่เต็มไปหมด
“กรี๊ดดดด!! พี่ถิงถิง ไม่นะ…พี่ราฟ...ฆ่าพี่ถิงถิง”
เจสซิก้ากรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเลือดกระจายเป็นวงกว้างออกมาจากศีรษะของพี่สาวที่ได้นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่กับพื้นห้องตรงหน้าเธอในตอนนี้ เธอไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้
ราฟาเอลรีบเอามือปิดปากหญิงสาวเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายสงบลง เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาภรรยาทันที
“ไม่นะ…ที่รัก ได้ยินผมไหม ถิงถิงตอบผมสิ”
ราฟาเอลเองก็ตกใจกับภาพของภรรยาที่นอนจมกองเลือด ร่างสูงก้าวเข้าไปย่อตัวลงใกล้ ๆ ภรรยาที่ดวงตาปิดสนิท ราฟาเอลยื่นมือไปอังที่ปลายจมูกของหลี่ถิง ซึ่งตอนนี้ลมหายใจของหลี่ถิงดูเหมือนจะแผ่วเบาและเริ่มขาดห้วง ทำใบหน้าของชายหนุ่มถึงกับซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เพราะถ้าเกิดหลี่ถิงตายไปจริง ๆ ชีวิตที่เคยมีจะหายไปในพริบตา เจสซิก้าได้แต่ยืนตัวสั่น ในสมองคิดไปต่าง ๆ นานา เธอกำลังกลัวอยู่นั่นเอง
สติสุดท้ายของหลี่ถิง เธอรู้สึกปวดหนึบตอนที่หัวกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ แต่ความเจ็บปวดเริ่มมีมากหลังจากเธอล้มลงที่พื้น และมีบางอย่างปักเข้าไปยังท้ายทอย เพียงไม่กี่วินาทีทุกอย่างก็ดับลง เหมือนภาพฝันที่เลื่อนลอย
มิติคู่ขนาน....
“หลี่ถิง! เจ้าอย่ายอมแพ้ จงตื่นขึ้นมา…”
เสียงที่ได้ยินช่างไพเราะยิ่งนัก มันช่วยปลอบประโลมเธอได้มากทีเดียว แต่ตอนนี้ หลี่ถิงกำลังต่อสู้อยู่ในฝันร้าย เธอพยายามที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้น เพื่อที่จะออกมาจากห้วงแห่งฝันสู่ความเป็นจริงให้ได้ ดวงตาที่อยากจะลืมขึ้นเสียที แต่ไม่อาจทำได้อย่างที่ใจต้องการ มันกดทับอึดอัดไปหมดในตอนนี้
หลี่ถิงพยายามที่จะวิ่งหนีความฝัน ซึ่งมันโหดร้ายและเป็นที่สะเทือนใจจนเกินกว่าที่เธอจะทนรับได้ไหว เรื่องราวเสมือนในละครซึ่งกำลังฉายชัดอยู่ในตอนนี้ ทำให้เธออยากกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดคลั่งแค้นเป็นที่สุด
เสียงหายใจหอบถี่ เหงื่อที่ผุดออกมาเต็มวงหน้า เปลือกตาที่พยายามขยับไปมา บอกได้ว่าคนที่นอนอยู่ กำลังต่อสู้กับฝันร้ายที่ไม่มีใคร
สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย
หลี่ถิงพยายามร้องเรียกคนที่เธอกำลังยืนมองอยู่ในตอนนี้ด้วยความสงสารจับใจ มือเรียวยกขึ้นป้องปากตะโกนเรียกคนให้มาช่วย
“ใครก็ได้ช่วยผู้หญิงคนนั้นทีค่ะ”
แต่เหมือนเสียงที่เปล่งออกไปเปรียบเหมือนอากาศธาตุ ยิ่งเห็นการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของอีกฝ่ายเธอยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นเหมือนผู้หญิงคนนั้น คือพยายามที่จะต่อสู้เพื่อรักษาลมหายใจ แล้วนี่มันคือที่ไหนกัน ทำไมผู้หญิงหน้าตาสวยราวเจ้าหญิงในเทพนิยายคนนี้ถึงได้ถูกทำร้ายอย่างทารุณแบบนั้นกันนะ
เมื่อไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ และไร้วี่แววของคนที่จะมาช่วย สองเท้าเปล่าเปลือยรีบก้าวลงในลำธารเพื่อช่วยเหลือหญิงงามให้รอดพ้นจากน้ำมือของคนร้าย แต่เมื่อมือของหลี่ถิงยื่นออกไปเพื่อสัมผัสกับคนร้ายหวังฉุดรั้งให้อีกฝ่ายปลดปล่อยหญิงสาวคนนั้น
แต่มันกลับเลยผ่านไป...ไม่อาจทำได้อย่างใจคิด!
หลี่ถิงยกสองมือขึ้นมองด้วยอาการสั่นน้อย ๆ น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ตรงหน้าเธอมีน้ำกระเซ็นแตกกระจายจากแรงดิ้นรนของหญิงสาวชุด
สีขาวคนนั้น
พอเห็นอย่างนั้น หลี่ถิงจึงฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ยอมแพ้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะดำลงไปในน้ำที่ไม่ได้ลึกมาก เคลื่อนกายเข้าไปใต้ร่างของหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะใช้สองมือจับที่ใบหน้า
‘ทำไมถึงจับผู้หญิงคนนี้ได้’
หลี่ถิงทำได้เพียงแค่คิด เพราะตอนนี้ เธอต้องรีบช่วยผู้หญิงคนนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ดวงตาคู่งามของทั้งสองสบประสานกัน หลี่ถิงขยับใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายก่อนจะประกบริมฝีปากลงไป เพื่อต่อลมหายใจให้กับหญิงงาม
หญิงสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์นั้น มีนามว่า โม่ไป๋หลาน นางกำลังพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะให้หลุดจากมือของชิงชิงซึ่งเป็นคนสนิท และคือคนที่นางไว้วางใจมาแต่เยาว์วัย สาวใช้ข้างกายกำลังใช้สองมือกดหัวของนางให้จมลงไปในลำธารสายเล็ก ๆ ที่อยู่ในบริเวณจวนแม่ทัพสกุลหยาง
ด้วยว่าวันนี้ นางกับน้องสาวและสาวใช้คนสนิทได้ออกมานั่งเล่นพักผ่อนกัน นางจำได้แค่เพียงว่า น้องสาวได้ขอตัวไปปลดทุกข์ โดยให้นางนั่งรออยู่ที่เดิมกับชิงชิง สาวใช้ข้างกายที่กำลังเดินเก็บดอกไม้อยู่ข้างริมลำธาร โดยไป๋หลานได้นั่งจัดช่อดอกไม้รออยู่ ภายในมือของไป๋หลานมีดอกไม้หลากสีที่งดงามไม่ต่างจากคนที่กำลังถือมันอยู่ในตอนนี้ ยิ่งรอยยิ้มของนางสะกดได้ทุกสายตา แม้จะแค่เพียงแย้มออกเล็กน้อยก็ตามที
“ฮูหยินน้อย! มาดูทางนี้สิเจ้าคะ”
โม่ไป๋หลานหันไปตามเสียงเรียกของชิงชิง ก่อนจะวางช่อดอกไม้ในมือลง แล้วลุกขึ้นก้าวช้า ๆ ไปยังสาวใช้ ทุกการเคลื่อนไหวช่างดูงดงามอ่อนหวานสูงส่ง จนทำให้ใครบางคนที่แอบมองอยู่รู้สึกมิชอบใจกับความงาม
ที่เป็นอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินของโม่ไป๋หลาน
“อะไรหรือ? พี่ชิงชิง”
“ในน้ำนั่นเจ้าค่ะ เหมือนจะมีปลาสีเงินตัวใหญ่ มันว่ายออกไปตรงนั้นแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำให้ผู้เป็นนายยืดคอมองตามมือของชิงชิงไป
“ไหนกันพี่ชิงชิง! ว้าย!!!…”
ตูม!
ร้องออกมาได้เพียงแค่นั้น ร่างระหงถูกกระแทกจากทางด้านหลัง พลัดตกลงไปในลำธาร
โม่ไป๋หลานกำลังจะโผล่หน้าขึ้นจากน้ำเพื่อหายใจและหวังจะขึ้นฝั่ง มือของชิงชิงที่ตามลงมาได้กดศีรษะและไหล่ของนางให้จมกลับลงไปอีกครั้ง ด้วยมิทันคาดคิดว่าคนสนิทจะทำเช่นนี้ จึงทำให้ไม่อาจโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้
โม่ไป๋หลานได้ยินเสียงของใครบางคนที่พยายามร้องเรียกนาง และตามให้คนมาช่วย หญิงสาวรับรู้ว่ามีคนวิ่งลงมายืนอยู่ใกล้กับที่นางพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด เหมือนภาพสะท้อน เท้าเปล่าเปลือยที่สองตามองเห็นเหมือนแรงใจจากที่ไกลโพ้น แม้เจ้าของเท้าบางจะมิอาจช่วยนางได้ แต่อย่างน้อยนางก็ได้รับรู้ว่ามีผู้พยายามแล้วที่จะช่วยนางอยู่
ภายในจวนสกุลเชี่ยดูจะสงบเงียบกว่าที่เคย แต่ถึงกระนั้นก็มิใช่เรื่องที่คนภายนอกจะรับรู้ได้ เจ้าของบ้านสองสามีภรรยากำลังดื่มด่ำกับการจิบชาชั้นยอด พร้อมการสนทนากันตามประสา ซึ่งทำให้แขกผู้มาเยือนถึงกับส่ายหน้าด้วยความเอือมระอากับลีลาการเฝ้ารอศัตรูของคนสกุลใหญ่ หากนางปรากฏกายต่อหน้าทั้งสองคนนั้น เพียงครู่คงมีทหารในจวนโผล่ออกมาล้อมรอบ‘หึ ๆ’ นางมีดีกว่านั้น“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เงียบ ๆ มันดูมิตื่นเต้นเท่าใดนัก พวกเจ้าช่วยปลุกพวกเขาให้ตื่นกันเลยจะดีกว่า”จบคำพูดจากการแฝงตัวในเงามืด เพื่อเฝ้ารอเวลาลงมือ กลับเปลี่ยนเป็นการลงมืออย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำวางกำลังไว้อีกชั้นเพื่อการเก็บกวาด“อ๊ากก!”เพียงครึ่งก้านธูป เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็เกิดขึ้น ทหารในจวนแท้จริงคือนักฆ่ารับจ้าง ทว่า จอมโจรผู้บุกรุกก็คือกลุ่มมือสังหารชั้นยอดเช่นกัน การมาปล้นในครั้งนี้ ผู้นำมิคิดที่จะนำคนมาเพียงหยิบมือเสียเมื่อไหร่กัน การจบหมากกระดานเล็กให้สิ้นซากก็คือทุบกระดานหมากให้แหลกคามือเท่านั้น“มิต้องเชิญข้า ใต้เท้าเชี่ย ฮูหยินเชี่ย ข้าดื่มกินมาอิ่มหนำสำราญมาจากบ้านแล้ว”“กำแหงนัก กล้าบุกรุกบ้านขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ช่างรนหาที่ตายโดยแท
“พวกเจ้ามันปีศาจ คนสกุลโม่ช่างไร้ความเมตตา ข้ามิทัน...อัก!”พูดได้เพียงเท่านั้น ลำคอกลับมีเลือดพุ่งออกมามากมาย โดยมิได้ถูกตัวหยวนฟางสักนิด ความเร็วดุจสายลมทำให้ร่างสูงออกมายืนอยู่ห่างพอสมควรโดยในมือมีบางสิ่งติดมาด้วย ก่อนที่ชายหนุ่มจะกางมือออก สิ่งนั้นจึงร่วงลงสู่พื้นดิน“คิดจะกลืนกินคนของข้า มิเจียมตน สกุลโม่หรือไร้เมตตา หึ! ไม่คิดบ้างหรือว่ากว่าจะทำให้แผ่นดินนี้เป็นปึกแผ่นได้ คนสกุลโม่ต้องแลกมาด้วยสิ่งใดบ้าง เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนทั้งแคว้นเอาไว้ ปู่ข้าต้องตายเพื่อปกป้องขอทานเพียงคนเดียว เพราะนั่นคือประชาชนของพระองค์ แล้วพวกเจ้าตายเพื่อปกป้องใครบ้าง”หนึ่งในคนร้ายถึงกับตาค้าง เพราะสิ่งที่ร่วงจากมือของโม่หยวนฟาง มันคือหลอดลมของชายชุดดำ คนร้ายที่ยังมีลมหายใจอยู่เพียงหนึ่งถึงกับตัวสั่นงันงก ด้วยความหวาดกลัว คนแรกว่าอำมหิตแล้ว แต่อ๋องน้อยผู้นี้มันปีศาจชัด ๆ ชายชุดดำขยับตัวหวังจะหลบหนีฉึก! ร่างสูงของคนร้ายทรุดลงกับพื้นก่อนจะทันได้ก้าวขา“คิดจะแทงข้างหลัง! คนเช่นโม่หยวนฟาง เจ้าควรคิดให้ดีก่อน”หากมีผู้ใดมาได้ยินคำพูดของโม่หยวนฟางคงอยากตายไปสักพันครั้ง คนร้ายคิดหนี แต่ท่านอ๋องน้อยกลับกล
“จะบุรุษหรือสตรี หากรู้จักการพลิกแพลงสถานการณ์ มิใช่เรื่องยากที่จะคว้าชัยในสนามรบ อ๊ะ!”โม่ฟางเล่อหมุนกายออกห่างจากคู่ต่อสู้ เมื่อรับรู้ถึงการจู่โจมจากทางด้านหลัง แม้จะเพียงเฉียดผ่าน ทว่ากระบี่ของศัตรูก็ได้ดื่มเลือดของนางเสียแล้ว โม่ฟางเล่อกลับมิได้สนใจบาดแผล หญิงสาวรีบล้วงขวดหยกใบเล็กออกมาจากอก ก่อนจะรีบกลืนสิ่งที่อยู่ในขวดลงไปอย่างรวดเร็ว นางยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องพิษ แต่การป้องกันเอาไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ผู้เป็นอาจารย์คอยกำชับและย้ำเตือนนางอยู่บ่อยครั้ง“การที่มั่นใจเกินไป มันก็มิใช่สิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่รึท่านหญิงโม่ ฮา ๆ”“สุนัขก็ยังเป็นสุนัขอยู่วันยังค่ำ ต่อให้พยายามทำตัวดั่งราชสีห์ เจ้าก็มิอาจเป็นได้ดั่งใจหมาย”จากรอยยิ้มกลับกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึงด้วยความขุ่นเคืองใจกับคำพูดของหญิงสาว“หลีกไป ข้าจะจัดการนางด้วยตนเอง”เชี่ยหยาโถวคว้าแขนของผู้คุ้มกันออกจากการบังเขาจากหญิงสาวตรงหน้า เขาถูกสตรีอ่อนแอหยามเกียรติจนไม่เหลือชิ้นดี อย่างไรเสียวันนี้ เขาจะพิสูจน์ให้นางได้เห็นว่าคำพูดพล่อย ๆ ของสตรีเช่นนางนั้นมิใช่ความจริง“มาจบเรื่องกันเถอะ คุณชาย อย่าถ่วงเวลาพวกข้าให้มากไปกว่านี้อีกเลย”มือบางใช
คล้อยหลังโม่หยวนฟางไปเพียงครู่เดียว ร่างสูงของชายหนุ่มในชุดสีขาวได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของคนที่กำลังสั่นระริกไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกอันหลากหลายที่ถาโถมเข้ามา เขาพ่ายแพ้ได้อย่างน่าอับอายเป็นที่สุด การต่อสู้เพียงแค่เวลาสั้น ๆ เขากลับกลายเป็นคนพิการ และรอเพียงเวลาถูกลงทัณฑ์จากผู้เป็นนายที่แท้จริง“หึ ๆ คนเก่งของท่านพ่อ ไยตอนนี้ถึงกลายมาเป็นเพียงคนไร้ค่าเช่นนี้ เจ้าก็ดีแต่ปาก หลงเป่า”“คนที่ดีแต่ปาก ข้าว่าน่าจะเป็นเจ้ามากกว่า หึ ๆ นึกว่าผู้ใดกัน แท้จริงก็เป็นคุณชายขี้โรคจากสกุลเชี่ยนี่เอง เชี่ยหยาโถว”ขวับ! ชายหนุ่มในชุดสีขาว หันกลับไปตามเสียงในทันที ทว่ากลับไร้วี่แววของเจ้าของเสียง ก่อนจะหันกลับมายังร่างของหลงเป่าที่ตอนนี้ถูกจับตัวเอาไว้โดยโม่หยวนฟาง“เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เห็นทีคงมิอาจปล่อยท่านอ๋องน้อยให้มีลมหายใจต่อไปไม่ได้แล้วสินะ”“ฮา ๆ ปล่อยให้ข้ามีลมหายใจรึ ช่างกล้าพูดนะ คุณชายเชี่ย เจ้าไม่ใช่ตั้งใจจะกำจัดข้าอยู่ก่อนแล้วหรืออย่างไรกัน คนที่ขี้ขลาดแท้จริงคือตัวเจ้า อย่าได้โทษใครอื่นอีกเลย”“อย่าพูดให้มากความท่านอ๋องน้อย ข้ามาถึงขนาดนี้ย่อมต้องมีของพิเศษรอต้อนรับท่านอ๋องอยู่ก่อนแล
คนชุดดำไถลตัวลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว พร้อมกระบี่ยาวชี้ตรงสู่กลางศีรษะของเมี่ยวจ้าน แม้จะสวมหมวกเอาไว้ แต่ทว่า ประสาทสัมผัสของนางนั้นเป็นเลิศมิแพ้ฝีมือเลยแม้แต่น้อย แส้ทองถูกสะบัดฟาด ไปด้านบนศีรษะด้วยกำลังภายในอันมหาศาลร่างของชายชุดดำที่กำลังคิดจะปลิดชีวิตของหญิงสาว มิอาจหลบได้ทัน ด้วยความเร็วที่ไม่ทันได้คาดคิดว่าจะถูกตอบโต้อย่างกะทันหันเช่นนี้ สำหรับเมี่ยวจ้านแล้ว นางไม่จำเป็นต้องมองขึ้นไปเลยด้วยซ้ำตุบ! ร่างของคนร้ายตกกระแทกพื้น โดยที่ศีรษะตกกลิ้งหลุน ๆ ไปอีกทาง ตอนนี้ธนูถูกวางลง อาวุธประจำกายถูกนำออกมาใช้แทน ทุกอย่างต้องทำให้เร็ว ด้วยจำนวนคนของฝ่ายนางมีน้อยกว่า ดังนั้นจำต้องจบทุกอย่างให้เร็ว หากยืดเยื้อมากไปกว่านี้รังแต่จะเสียเปรียบมากกว่าจะคว้าชัยมาอย่างปลอดภัย“ท่านเมี่ยวจ้าน”“อย่าแตกตื่นไป ท่านพี่ม่อตู เมี่ยวจ้านมิใช่เด็กน้อยแล้วนะ”ฟึบ!ม่อตูสะบัดผ้าคลุมกันอาวุธลับเพื่อมิให้ต้องกายผู้เป็นนาย ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของนายสาวของตนเอง สำหรับเขาแล้ว องค์หญิงเมี่ยวจ้านคือน้องสาวตัวน้อยที่เขาเฝ้าปกป้องมานับตั้งแต่พบเจอกัน เมื่อนางยังเป็นเพียงทารกจนเติบโตขึ้นมาเป็นผู้
‘โดยเฉพาะเจ้า โม่หยวนฟาง ข้าจะต้องทำให้เจ้าก้มหัวแทบเท้าข้าให้จงได้’โม่หยวนฟางซึ่งเบนหัวม้าให้ตนเองถอยกับมารั้งท้ายทุกคน โดยมีคนสนิทเคียงข้างกายอยู่เพียงสองคน ทั้งสามไม่เอ่ยวาจาใด ๆ ต่อกันแม้แต่ครึ่งคำ ทว่าแค่เพียงสบตาพวกเขาก็รู้ดีว่าต้องทำสิ่งใดชายหนุ่มมั่นใจในตัวของสหายรักว่าจะปกป้องน้องสาวของเขาได้เป็นอย่างดี โม่ฟางเล่อเล่อทำสิ่งที่ควรได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะพลาดพลั้งก็แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นคือการระวังหลังซึ่งเขามั่นใจว่าสองสาวคงต้องการให้เป็นเขาที่ทำหน้าที่นี้แทนโม่หยวนฟางแอบชำเลืองมองไปยังคนรักของตนที่อยู่อีกฝั่งของถนน โดยมีองครักษ์คู่ใจของนางคอยประกอบข้างมิห่างกาย ชายหนุ่มทั้งห้าผู้มาจากจิ้งหนาน ซึ่งมีหัวหน้าองครักษ์ม่อตูเป็นผู้เอ่ยปากขอติดตามนายของตนมา มิเช่นนั้นจำต้องใช้อำนาจที่มีนำตัวหญิงสาวกลับสู่แคว้นในทันทีแต่ทว่าเวลาเช่นนี้ เขากลับรู้สึกอุ่นใจอย่างไรไม่รู้ที่มีคนคอยปกป้องนางเมื่อยามต้องเจอศึกที่มิอาจคาดเดาได้ว่าจะมีโอกาสรอดมากน้อยเพียงใด“ข้าอีกแล้ว ไยต้องมาลงที่ชายหนุ่มผู้น่ารักเช่นข้าตลอดเลย”เสมือนว่าคำพูดของโม่หยวนฟางเป็นการเปิดศึกในครั้งนี้ก็มิปาน เพียงจบคำพ