LOGIN“แต่ฉันทำเสื้อคุณเปื้อน...” เขมมิกาพูดอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะจ้องมองมือตนเองที่ตอนนี้ถูกชายแปลกหน้าเกาะกุมอยู่จนเขารู้ตัว
“เอ่อ ขอโทษครับ” ปริญรีบปล่อยมือเล็กๆ นั้นทันที พร้อมกับเกาศีรษะแก้ความเขินอาย
“พอดีดิฉันรีบๆ เลยไม่ทันระวัง ขอโทษอีกครั้งนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมขอเลี้ยงกาแฟคุณแทนแก้วที่หกไปได้ไหมครับ” ปริญพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมองแก้วกาแฟสองแก้วที่ตอนนี้หล่นอยู่ที่พื้น
“เอ่อ ตายจริง!” เขมมิการ้องออกมาเมื่อมองนาฬิกาข้อมือของตนเอง ตอนนี้ถึงเวลานัดแล้ว ป่านนี้ ธามไทคงรอและด่าเธอในใจอยู่แน่
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปริญเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทีลนลานของเธอ
“พอดีฉันต้องรีบไปค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”
พูดจบ เจ้าของร่างบอบบางก็รีบวิ่งออกจากร้านกาแฟไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองชายหนุ่มอีกเลย
“เฮ้อ ยังไม่ทันได้ถามชื่อเลย”
ปริญจับจ้องเบื้องหลังของหญิงสาวที่วิ่งจากไปด้วยความเสียดายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเสื้อของตนเองที่เปื้อนไปด้วยคราบกาแฟ หากไปพบลูกค้าด้วยสภาพนี้คงไม่สมควร เมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาก็รีบออกจากร้านกาแฟเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องทันทีเช่นกัน
ธามไทมองนาฬิกาข้อมือของตนเองก็พบว่าถึงเวลานัดแล้ว แต่เขมมิกาก็ยังไม่มาเสียที แค่ไปซื้อกาแฟไม่ควรจะนานขนาดนี้ด้วยซ้ำ
“ทำไมนาน?” ธามไทเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นว่าเขมมิกาวิ่งมาแต่ไกลมาออกอาการหอบเล็กๆ อยู่ตรงหน้า แต่ไร้วี่แววแก้วกาแฟที่บอกว่าจะไปซื้อให้เขา
“ขอโทษค่ะ พอดีเกิดปัญหานิดหน่อย เค้กเลยไม่ได้เอากาแฟมาให้หมอธาม เห็นว่าสายแล้วด้วย” เขมมิกาพูดด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้เขารอนานแถมยังไม่ได้ดื่มกาแฟอีก
“ปัญหาอะไร?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“พอดีเค้กชนกับผู้ชายคนหนึ่งในร้าน กาแฟก็เลยหกใส่เขาค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าพูดด้วยความรู้สึกผิดที่ยังไม่หาย ป่านนี้ผู้ชายคนนั้นคงวุ่นวายกับการหาเสื้อผ้าใหม่น่าดู
“อืม ไปกันได้แล้ว”
ชายหนุ่มไม่อยากต่อว่าอะไรเด็กสาวต่อเพราะเห็นว่าตอนนี้ถึงเวลานัดแล้ว เขายืนขึ้นพร้อมเดินนำหน้าเขมมิกาไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปพบกับ CEO ของที่นี่ทันที
ธามไทเดินนำเขมมิกาเข้าไปในห้องรับรองของทางโรงแรม เขานั่งรออยู่สักพักก็อดคิดไม่ได้ว่า CEO ของที่นี่ไม่น่าจะมาตามนัดเลตได้ขนาดนี้ ตอนนี้ก็ถือว่าเลยเวลานัดไปได้สิบห้านาทีแล้ว แต่กลับไม่พบวี่แววของ CEO คนนั้นเลย
ก๊อกๆ ๆ
ไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งของผู้บริหารโรงแรมเดอะริเวอร์ที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเองมาสาย
“ขอโทษครับที่ผมมาช้าไปหน่อย คุณ!”
ปริญเอ่ยด้วยเสียงรู้สึกผิด ก่อนเขาจะหันไปเห็นนักศึกษาฝึกงานข้างกายของหมอธามไท ทั้งตกใจและดีใจที่เป็นเธอคนนั้นที่เขาเจอในร้านกาแฟ ซึ่งคือต้นเหตุทำให้เขามาสายเลยเวลานักหมายไป
“สวัสดีครับคุณปริญ ว่าแต่รู้จักกับเด็กฝึกงานผมด้วยเหรอ” ธามไทถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าปริญเอาแต่จับจ้องไปที่เขมมิกา
“ขอโทษทีครับคุณหมอ พอดีว่าผมบังเอิญเจอกับคุณ...”
“เค้กค่ะ ขอโทษคุณอีกครั้งนะคะ” เขมมิการีบพูดออกไปอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิด ยิ่งได้รู้ว่าชายหนุ่มที่ตนเองชนที่ร้านกาแฟเป็น CEO ที่ธามไทนัดคุยเรื่องงานด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่
“ขอโทษ?” ธามไทหันมองหน้าคนข้างกายอย่างต้องการคำตอบ
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีผมดันไปชนคุณเค้กที่หน้าร้านกาแฟก็เลยได้คุยกันนิดหน่อย” ปริญพูดอย่างอารมณ์ดี รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ได้เจอหญิงสาวที่นี่อีกครั้ง
“เสื้อของคุณ…”
“อ๋อ บอกแล้วครับว่าไม่มีปัญหาเลย ผมเปลี่ยนเรียบร้อย ขอโทษหมอธามอีกครั้งนะครับที่มาช้า” ปริญหันไปพูดกับธามไทด้วยความเกรงใจ
“อ้อ ผมต้องขอโทษคุณปริญมากกว่าที่เด็กของผมทำให้คุณเดือดร้อน” คุณหมอหนุ่มหันไปมองหน้านักศึกษาฝึกงานด้วยสายตาตำหนิ จนเธอต้องหลบตาหนีเขาทันที
“อย่าว่าคุณเค้กเลยครับ ผมซุ่มซ่ามเองมากกว่า” ฝ่ายปริญก็รีบเอ่ยปากแก้ต่างให้ทันทีเนื่องกลัวว่าจะทำให้หญิงสาวต้องถูกตำหนิ
“หึ” ธามไทไม่พูดอะไร เขาได้แต่นึกว่าเขมมิกานี่เสน่ห์แรงเสียจริง แค่พาออกมานอกโรงพยาบาลก็มีผู้ชายมาให้ความสนใจ ที่สำคัญเป็นถึง CEO ของโรงแรม เดอะ ริเวอร์เสียด้วย
“ถ้างั้น ผมว่าเรามาคุยกันเลยดีไหมครับ เชิญคุณหมอกับคุณเค้กนั่งตามสบายเลยครับ” ปริญพูดพร้อมกับเดินไปนั่งประจำที่ของตนเอง
“จริงๆ ผมได้ดูข้อเสนอเบื้องต้นของทางโรงแรมมาบ้างแล้ว แต่วันนี้อยากจะมาคุยรายละเอียดกับคุณปริญอีกครั้ง” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขาพยายามปล่อยเรื่องเขมมิกาออกจากหัว
“เป็นไงบ้างครับ คุณหมอโอเคกับข้อตกลงของเราไหม” ปริญเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตั้งความหวัง
โรงแรมเดอะริเวอร์ตั้งใจอยากแลกเปลี่ยนบริการกับทางโรงพยาบาลอินทราราม จากที่ผ่านมาปริญได้ศึกษาและให้เลขาฯ ช่วยหาโรงพยาบาลที่เหมาะสมในการร่วมทำข้อตกลงให้พนักงานเข้ารับการรักษาในราคาพิเศษ คล้ายกับเป็นสวัสดิการให้กับพนักงานของตนเอง และโรงพยาบาลที่ปริญเชื่อถือก็คือโรงพยาบาลอินทราราม ซึ่งแน่นอนว่าค่าบริการของที่นี่ก็ค่อนข้างสูงตามประสิทธิภาพของเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยของโรงพยาบาล ทำให้ผู้บริหารหนุ่มหล่อคิดได้ว่าควรจะต้องใช้วิธีแลกเปลี่ยนบริการเพื่อลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งเงื่อนไขที่เขาได้เสนอให้กับโรงพยาบาลอินทรารามไปก็คือ เงื่อนไขการเข้าใช้บริการ Hall ของที่โรงแรมจำนวนห้าครั้งต่อปี
“จริงๆ ผมว่าก็น่าสนใจครับ ปกติทีโรงพยาบาลของเรามักจะจัดสัมมนา และก็จัดงานเลี้ยงให้กับพนักงานทุกปีอยู่แล้ว การได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนบริการกับคุณปริญก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทางเราค่อนข้างเห็นดีเห็นงามด้วย แต่…” คุณหมอหนุ่มหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“ติดปัญหาตรงไหนหรอครับ” ปริญเอ่ยถามทันที
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจอีกตามเคย จะว่าเขาใจร้ายก็ได้ แต่สิ่งที่ศศิทำ หรือแม้แต่การเอาเรื่องเขมมิกาไปประจานแบบนี้ แค่เขายังให้พ่อของเจ้าหล่อนเป็นหุ้นส่วนของโรงพยาบาลอยู่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว“ค่ะ งั้นก็เอาที่พี่ธามเห็นว่าสมควรละกัน” เขมมิกาไม่อยากเซ้าซี้คนรักต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดแบบนั้น เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา“พี่แค่หลีกเลี่ยงการปะทะ พี่ไม่อยากให้ศิมาพูดอะไรไม่ดีใส่เค้กอีก แค่นี้ก็มากพอแล้ว นี่พี่ต้องอดทนมากนะที่รู้ว่าศิประจานเค้กแบบนี้” ธามไทมองหน้าเขมมิกาด้วยสายตาจริงจัง“เค้กไม่ได้คิดมากค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องก็นานมากแล้ว เรามาดูชื่อคนอื่นต่อเถอะนะคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มเริ่มอารมณ์เสียเรื่องศศิขึ้นมา“ตอนนี้ พี่เหนื่อยแล้ว อยากหาอะไรกินจังแลย”เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่หญิงสาวอย่างเหนื่อยล้า การได้อยู่กับเธอแบบนี้ มันเหมือนการพักผ่อนชั้นดีสำหรับเขา“ถ้าอย่างนั้น พี่ธามรอเค้กอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเค้กไปทำอะไรให้ทาน” เขมมิกาค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับให้หมอหนุ่มเอนตัวนอนที่โซฟา“ให้พี่ไปช่วยไหม” เอ่ยถามด้วยสายตาที่ปรือจนแทบจะหลับลง
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนที่มาใหม่ ทำให้คนรักทั้งสองต้องหันไปมองทันที เวทัสกับเมรีญาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม“แหม โชคดีจริงๆ มาทันเห็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติกของมึง ไอ้เพื่อนรัก”เวทัสมาถึงก็รีบแซวธามไททันที จริงๆ เขาพาเมรีญามาภูเก็ตครั้งนี้ก็เพื่อพักผ่อน แต่พอรู้ว่าธามไทจะพาเขมมิกามาเจอบิดาด้วย ก็เลยคิดว่าคงต้องนัดพบเพื่อนเสียหน่อย“เออ กูอุตส่าห์จะรีบทำก่อนมึงมา แต่มึงเสือกมาพอดี” ธามไทพูดด้วยความหัวเสีย เขาแค่ไม่อยากให้เวทัสได้เห็นตนเองในมุมนี้เท่าไรนัก เพราะเท่านี้ก็โดนมันล้อจะแย่แล้ว“อะไรกันวะ อย่าบอกนะว่ามึงอายกู คุณเค้กดูสิครับ จะแต่งงานอยู่แล้ว มันยังเขินเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เวทัสได้ทีหันไปพูดกับว่าที่เจ้าสาว“สงสัยถูกหมอว่านแกล้งบ่อยมั้งคะ” เขมมิกาตอบกลับอย่างปกป้องว่าที่สามี“ใช่ค่ะ หมอว่านน่ะชอบแซวหมอธาม สงสัยจะลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรหรอก” เมรีญามองสามีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมา“โธ่ ที่รัก อย่าไปบอกเขาสิ ให้ผมได้เท่หน่อย” เวทัสพูดอย่างขำขัน จริงอยู่ว่าช่วงนี้ เขาแซวธามไทบ่อย แต่ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะยินดีกับเพื่อนทั้งนั้น“ช่างเถอะ
“พ่อ…” ธามไทห้ามพ่อด้วยน้ำเสียงโอดครวญตามเคย“ฉันถามหนูเค้ก แกไม่ต้องยุ่ง” คราวนี้ คนเป็นพ่อหันไปดุลูกชายทันที“เอ่อ ค่ะ เค้กคิดว่าเค้กเข้าใจงานของพี่ธามดีค่ะ พี่ธามไม่ได้เป็นแค่หมอ แต่พี่ธามเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ตอนทำงานกับพี่ธาม เค้กเข้าใจดีว่าเพราะอะไร พี่ธามถึงต้องทำงานหนัก แต่เค้กจะไม่ยอมให้พี่ธามทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเองเหมือนแต่ก่อนแน่นอนค่ะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำงานหนักจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน และต่อไปนี้เธอเองจะเป็นคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับเขา“บอกตามตรงว่า ฉันไม่ได้ติดอะไรเลยกับการที่จะรับหนูมาเป็นสะใภ้ นึกดีใจด้วยซ้ำที่ลูกชายฉัน มันรักใครเป็นสักที แต่ที่ห่วงก็คือกลัวว่ามันจะทำให้หนูเสียใจอีก” ธนาธรพูดออกมาด้วยเป็นห่วง แม้ว่าธามไทจะเป็นลูกชายตนเองก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยเข้าข้างลูกในทางที่ผิด“โธ่ พ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วครับ ผมรักเค้ก แล้วก็จะมีหลานให้พ่ออุ้มห้าคนเลย” ธามไทพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ จนโดนหญิงสาวตีไหล่เข้าให้“พี่ธาม! ห้าคนเกินไปไหมคะ” เขมมิกาตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ฮ่าๆ ถ้ามีน้ำยาขนาดนั้นก็ลองดู ฉันจะรออุ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อให้พี่ธามไม่มีแหวน หรือไม่มีอะไรเลย เค้กก็อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ค่ะ” เธอจับมือเขาให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง “เค้กเคยบอกพี่แล้วไงคะว่า ทรัพย์สมบัติ หรือฐานะเงินทองของพี่ไม่ได้สำคัญสำหรับเค้กเลย ที่เค้กรักพี่มาตลอดหลายปี มันมาจากความดีและความอบอุ่นของหมอธามคนนั้น คนที่เคยช่วยเค้กเอาไว้ แค่ความรักที่พี่ธามมีให้เค้กวันนี้ มันก็มากเกินพอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดทุกอย่างออกมาจากใจ ต่อให้วันนี้ธามไทกลายเป็นคนล้มละลายเธอก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มเช่นเคย“น่ารักที่สุด เค้กของพี่ สรุปแต่งงานกับพี่นะ” ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้หญิงสาวจะดูไม่ติดอะไร แต่เขาก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากของเธอ“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ…แต่งค่ะ”หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหวังที่คิดเอาไว้ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่า ตอนนี้ ตนเองรักคุณหมอหนุ่มมากแค่ไหน และก็ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ในเมื่อเขาและเธอต่างใจตรงกัน“เย่! พี่จะมีเมียแล้ว” ธามไทก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ทันทีด้วยความดีใจ“แล้วทำแบบนี้ คนที่โรงพยาบาลว่าไงบ้างคะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกา
เขมมิกาเดินทางมาที่โรงพยาบาลอินทรารามด้วยหัวใจเต้นรัว แม้บรรยากาศตอนนี้จะสงบแล้วเพราะกองทัพสื่อมวลชนได้ทยอยกันกลับไป แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี“เค้ก!”เสียงเรียกจากพิมอรทำให้เขมมิกาต้องหยุดเดินก่อนจะไปถึงห้องของหมอธามไทเพื่อทักทายรุ่นพี่สาวทันที“พี่พิมสวัสดีค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้พิมอรอย่างนอบน้อมเช่นเคย“มาหาหมอธามใช่ไหม หืม เค้กน่ะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ ถ้าพี่รู้แต่แรกก็คงจะได้ไม่เชียร์หมอมาวินกับเค้ก เฮ้อ...ป่านนี้ หมอมาวินอกหักแย่แล้ว”พิมอรพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะอดปลื้มใจแทนเขมมิกาที่ถูกขอแต่งงานสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จริงๆ“เอ่อ เค้กขอโทษนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด” เขมมิการู้ดีว่าพิมอรคงเป็นห่วงตนมาก แต่หากตอนนั้นเล่าให้ฟัง ฝ่ายบุคคลสาวคงไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะแบบนั้น“ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ตอนนี้ หมอธามก็กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว พี่ว่าเค้กไปหาหมอเถอะ” พิมอรรีบดันหลังให้เขมมิกาเดินไปยังห้องทำงานของหมอหนุ่มทันที“งั้นไว้เค้กแวะมาหาพี่พิมใหม่นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากนี้ พี่ว่าเรามีแววจะได้เจอกันแทบทุกวันแน่นอน”สาวรุ่นพี่พูดแซวออกไปอีกค
วันเวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์ ธามไทไม่ได้ติดต่อมาหาเขมมิกาตามที่บอกเอาไว้จริงๆ ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มไม่เร่งรีบหรือคอยทวงเอาคำตอบ จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองอาจจะไม่ได้หวังในตัวเธอแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าโรงพยาบาลอินทรารามกำลังประกาศเปิดสาขาใหม่ ชายหนุ่มอาจจะเอาเวลาทั้งหมดของตนเองไปใส่ใจเรื่องควรใส่ใจอยู่ก็ได้“เค้กครับ เชิญห้องทำงานพี่หน่อย”ปริญเดินออกมาเรียกเลขาฯ ส่วนตัวของตนเองเข้าไปด้านในห้อง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเหม่อลอย และดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติจนแอบคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจกำลังคิดถึงใครอยู่“พี่ปริญมีอะไรให้เค้กทำหรือคะ” เขมมิกาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเรียกเค้กมาคุย พักนี้เห็นเค้กดูเครียดๆ” ปริญพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ และสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกให้เขาเตรียมใจเอาไว้ว่าหญิงสาวอาจพูดเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรขึ้นมาก็ได้“เหรอคะ เค้กต้องขอโทษด้วยนะคะที่เค้กอาจจะทำงานได้ไม่ดี”“เรื่องงานไม่มีปัญหาเลยเค้ก แต่พี่แค่เห็นว่าเค้กดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องหมอธาม” CEO หนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันนั







