LOGIN“ผมคิดว่าเงื่อนไขที่ให้ทางโรงพยาบาลเราเข้าใช้บริการ Hall ห้าครั้งต่อปีเทียบกับการลดค่ารักษาบริการของพนักงานที่โรงแรมกว่าสองร้อยคน มันอาจจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าปีปีหนึ่งจะมีพนักงานของคุณเข้าใช้บริการมากน้อยแค่ไหน” ธามไทพูดออกไปตรงๆ ใช่ว่าเขาไม่สนใจโรงแรมของปริญ แต่ก็ไม่อยากให้ฝ่ายของตนเองเสียเปรียบมากขนาดนั้น
“ครับ ถ้าอย่างนั้น คุณหมออยากให้ทางเราบริการอะไรเพิ่มเติมลองแจ้งมาได้นะครับ” ปริญพูดพร้อมกับเหลือบมองไปยังเขมมิกาที่เอาแต่จดข้อความการสนทนาของพวกเขาลงสมุดบันทึก
“ผมกำลังคิดว่าอาจจะเพิ่มสิทธิพิเศษเป็นการเข้าพักในห้องสูทของทางโรงแรมในวันที่มีจัดสัมมนาหรืองานเลี้ยง อาจจะเป็นไว้สำหรับผู้บริหารน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี คุณปริญมีความเห็นว่าไงครับ” ธามไทยังคงให้เกียรติและถามออกไป หากอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามข้อตกลง เขาก็ยินดีที่จะรับฟังข้อเสนออื่นๆ ต่อ
“ได้เลยครับไม่มีปัญหา ผมสามารถให้ห้องสูทของคุณหมอได้สิบห้องต่อครั้งที่คุณหมอมาจัดงานที่โรงแรมของผม” CEO หนุ่มตอบอย่างไม่คิดมาก เพราะไม่อยากให้โรงพยาบาลนี้หลุดมือไปสักเท่าไร
“งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ผมยินดีเข้าร่วมทำข้อเสนอแลกเปลี่ยนบริการกับทางโรงแรมเดอะริเวอร์” ธามไทยิ้มออกมาเบาๆ พลางคิดคำนวณผลได้ผลเสีย ความคุ้มค่าในด้านต่างๆ เช่น คุณภาพในการให้บริการของทั้งสองฝ่าย ต้นทุนในการแลกเปลี่ยนและสิ่งที่ได้รับกลับมา ซึ่งได้คำตอบที่ฝ่ายตนเองพอรับได้
“ยินดีเช่นกันครับ” ปริญลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อจับมือร่วมธุรกิจกับหมอธามไท เขาเผยยิ้มกว้างออกมาอย่างปลอดโปร่งเช่นกันเมื่อนึกถึงความคุ้มต่าในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้
“ถ้ายังไง ประเดิมแรกคงเป็นงานปาร์ตี้ประจำปีของโรงพยาบาลนะครับ” ธามไทเอื้อมมือไปจับมือกับปริญด้วยความยินดีเช่นกัน ก่อนจะแอบเห็นสายตาที่ผู้บริหารหนุ่มมองไปยังเขมมิกา
“ได้เลยครับ เห็นทีงานเลี้ยงนี้ ผมจะขอเข้าร่วมด้วยได้ไหมครับ” ปริญเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง จริงๆ เขาไม่ใช่คนที่ชอบไปงานเลี้ยงสังสรรค์สักเท่าไหร่ แต่สำหรับงานนี้ ชายหนุ่มแค่ต้องการเจอกับเขมมิกาก็เท่านั้น
“ได้สิครับ” คุณหมอหนุ่มตอบรับอย่างเป็นมารยาทที่ดี แม้จะรู้ดีว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร
“หวังว่าจะได้เจอคุณเค้กที่งานนะครับ นี่นามบัตรของผมครับ” ปริญหยิบนามบัตรของตนเองออกมาแล้วให้กับหญิงสาวทันที
“เอ่อ ค่ะ” เขมมิการับมาด้วยความเกรงใจ พร้อมกับหันไปมองหน้าคนตัวสูงด้วยกลัวว่าเขาจะโกรธ
“เค้กเป็นเลขาฯ ผม ยังไงก็คงต้องตามผมไปทุกที่อยู่แล้วครับ” ธามไทพูดด้วยความรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ที่ปริญเสียมารยาทออกลายเข้าหานักศึกษาฝึกงานของเขาอย่างไม่เกรงใจกัน
“อิจฉาคุณหมอนะครับที่มีนักศึกษาฝึกงานตั้งใจทำงานขนาดนี้ เมื่อกี้ ผมเห็นคุณเค้กตั้งอกตั้งใจจดข้อมูลอย่างเดียวเลย” ผู้บริหารโรงแรมหนุ่มหล่อเอ่ยชมจากใจจริง
“ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ” ธามไทรีบพูดตัดบททันทีเพราะไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นาน
“อย่าเพิ่งรีบไปสิครับ ให้ผมได้มีโอกาสเลี้ยงอาหารคุณสองคนก่อนนะครับ” ปริญรีบแย้งทันที เพราะเขาสั่งให้เชฟเตรียมอาหารเพื่อต้อนรับหมอธามไทเอาไว้แล้ว
“งั้นก็ได้ครับ” คุณหมอหนุ่มไม่ได้อยากทานอาหารอะไรสักนิด แต่ก็รู้ดีว่ามันเป็นมารยาททางสังคม หากเขาปฏิเสธก็คงจะดูไม่ดี
“ถ้างั้น เราไปกันเลยนะครับ คุณเค้กด้วยนะครับ” ปริญพูดก่อนจะเดินนำทั้งคู่ออกจากห้องทำงานตนเอง
ปริญนำทางหมอธามไทและเขมมิกามายังห้องอาหารสุดหรูที่มีอาหารเตรียมไว้ให้เรียบร้อย เขาตั้งใจจะเลี้ยงหมอธามไทเพื่อเป็นการสานสัมพันธ์อันดี แต่ไม่อยากจะคิดว่ามื้อนี้จะมีหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจมาร่วมวงด้วย ถือเป็นความโชคดีที่เขมมิกาเป็นนักศึกษาฝึกงานของหมอหนุ่ม
“เชิญทานได้เต็มที่เลยนะครับ เชฟที่นี่มีชื่อมาก รับรองว่าอร่อยทุกเมนู” ปริญพูดพร้อมกับตักอาหารให้กับเขมมิกา
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบรับพร้อมกับตักอาหารที่ฝ่ายเจ้าภาพตักเข้าปากทานอย่างเอร็ดอร่อย
“เป็นไงครับ รสชาติใช้ได้ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของสาวที่หมายตาดูมีความสุขและดูสดใส ไม่เกร็งเหมือนเมื่อสักครู่นี้
“อร่อยมากเลยค่ะคุณปริญ” เขมมิกาไม่สามารถปกปิดความรู้สึกได้จึงตักอาหารทานด้วยความเอร็ดอร่อย โดยที่ลืมไปว่าธามไทกำลังจับจ้องพฤติกรรมของเธออยู่
“ค่อยๆ กิน อายคุณปริญบ้าง” หมอหนุ่มพูดขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจ รู้ดีว่าเขมมิกาคงพอใจกับอาหารตรงหน้า แต่ท่าทีดี๊ด๊ามีความสุขเกินงามของเธอมันทำให้เขาหมั่นไส้
“ไม่เป็นไรเลยครับคุณหมอ ผมว่าน่ารักดีออก” ปริญพูดออกไปตามตรง จนเขมมิกาอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
“หึ งั้นเหรอครับ”
ธามไทหันไปมองเขมมิกาที่นั่งอยู่ข้างกายเขา ‘น่ารัก’ อย่างนั้นหรือ ก็คงจะจริงสินะ ไม่อย่างนั้น หญิงสาวคงไม่มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบหนักข้อขนาดนี้
“คุณหมอลองทานนี่ดูสิคะ เค้กว่าอร่อยมากเลย” สาวน้อยหน้าใสรีบพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนเป็นเจ้านายเริ่มจับจ้องที่เธอด้วยสายตาคาดโทษ
“หึ”
คุณหมอหนุ่มไม่พูดอะไรต่อจากนั้น ได้แต่ทานอาหารอย่างเงียบๆ ท่ามกลางสายตาของปริญที่เอาแต่มองเขมมิการาวกับเสือที่จ้องจะตะครุบเหยื่อ!
“ถ้ายังไง ผมจะรีบให้เลขาฯ ร่างสัญญากลับไปนะครับ” ปริญพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ทั้งสามคนร่วมทานอาหารด้วยกันเสร็จ
“ครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ด้วยนะครับ” ธามไทเอ่ยอย่างมีมารยาท แม้ใจจริงจะอยากรีบออกจากโรงแรมนี้เต็มที
“คุณเค้กชอบอาหารของที่นี่ไหมครับ” ปริญไม่ลืมที่จะหันไปถามหญิงสาวข้างกายคู่เจรจา
“ชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณปริญ” เขมมิกายิ้มตอบรับชายหนุ่ม
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” คนตัวสูงรีบพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าปริญยังคงมองไปยังเขมมิกาไม่เลิก
“ครับ ผมยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับคุณหมอนะครับ” ปริญล่ำลาธามไทพลางยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย ซึ่งคุณหมอหนุ่มก็กระชับมือตอบรับพร้อมรอยยิ้มมีไมตรี
“เช่นกันครับ”
ทว่า หลังปล่อยมือจากธามไทพร้อมรอยยิ้มมิตรภาพแล้ว ปริญกลับมองไปที่เขมมิกาด้วยสายตาสื่อความหมาย นั่นทำให้คุณหมอหนุ่มหน้าตึงขึ้นมาอีกนิดโดยไม่รู้ตัว ร่างสูงจึงหันขวับเดินไปทางที่รถตนเองจอดอยู่เพื่อเลี่ยงบรรยากาศเลี่ยนๆ ของคนทั้งคู่ ราวกับว่าหมดธุระที่ต้องทำแล้วกระนั้น
“ไว้เจอกันอีกนะครับคุณเค้ก”
“สวัสดีค่ะคุณปริญ”
เขมมิกายิ้มเจื่อนๆ ตอบรับชายหนุ่มอย่างเป็นมารยาท ก่อนยกมือไหว้ลาอีกฝ่าย แล้วรีบเดินตามธามไทออกไปทันที เพราะรับรู้ได้ว่าเจ้านายหนุ่มกำลังไม่พอใจอย่างมาก และเธอน่าจะต้องโดนเขาดุอีกเป็นแน่!
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจอีกตามเคย จะว่าเขาใจร้ายก็ได้ แต่สิ่งที่ศศิทำ หรือแม้แต่การเอาเรื่องเขมมิกาไปประจานแบบนี้ แค่เขายังให้พ่อของเจ้าหล่อนเป็นหุ้นส่วนของโรงพยาบาลอยู่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว“ค่ะ งั้นก็เอาที่พี่ธามเห็นว่าสมควรละกัน” เขมมิกาไม่อยากเซ้าซี้คนรักต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดแบบนั้น เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา“พี่แค่หลีกเลี่ยงการปะทะ พี่ไม่อยากให้ศิมาพูดอะไรไม่ดีใส่เค้กอีก แค่นี้ก็มากพอแล้ว นี่พี่ต้องอดทนมากนะที่รู้ว่าศิประจานเค้กแบบนี้” ธามไทมองหน้าเขมมิกาด้วยสายตาจริงจัง“เค้กไม่ได้คิดมากค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องก็นานมากแล้ว เรามาดูชื่อคนอื่นต่อเถอะนะคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มเริ่มอารมณ์เสียเรื่องศศิขึ้นมา“ตอนนี้ พี่เหนื่อยแล้ว อยากหาอะไรกินจังแลย”เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่หญิงสาวอย่างเหนื่อยล้า การได้อยู่กับเธอแบบนี้ มันเหมือนการพักผ่อนชั้นดีสำหรับเขา“ถ้าอย่างนั้น พี่ธามรอเค้กอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเค้กไปทำอะไรให้ทาน” เขมมิกาค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับให้หมอหนุ่มเอนตัวนอนที่โซฟา“ให้พี่ไปช่วยไหม” เอ่ยถามด้วยสายตาที่ปรือจนแทบจะหลับลง
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนที่มาใหม่ ทำให้คนรักทั้งสองต้องหันไปมองทันที เวทัสกับเมรีญาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม“แหม โชคดีจริงๆ มาทันเห็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติกของมึง ไอ้เพื่อนรัก”เวทัสมาถึงก็รีบแซวธามไททันที จริงๆ เขาพาเมรีญามาภูเก็ตครั้งนี้ก็เพื่อพักผ่อน แต่พอรู้ว่าธามไทจะพาเขมมิกามาเจอบิดาด้วย ก็เลยคิดว่าคงต้องนัดพบเพื่อนเสียหน่อย“เออ กูอุตส่าห์จะรีบทำก่อนมึงมา แต่มึงเสือกมาพอดี” ธามไทพูดด้วยความหัวเสีย เขาแค่ไม่อยากให้เวทัสได้เห็นตนเองในมุมนี้เท่าไรนัก เพราะเท่านี้ก็โดนมันล้อจะแย่แล้ว“อะไรกันวะ อย่าบอกนะว่ามึงอายกู คุณเค้กดูสิครับ จะแต่งงานอยู่แล้ว มันยังเขินเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เวทัสได้ทีหันไปพูดกับว่าที่เจ้าสาว“สงสัยถูกหมอว่านแกล้งบ่อยมั้งคะ” เขมมิกาตอบกลับอย่างปกป้องว่าที่สามี“ใช่ค่ะ หมอว่านน่ะชอบแซวหมอธาม สงสัยจะลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรหรอก” เมรีญามองสามีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมา“โธ่ ที่รัก อย่าไปบอกเขาสิ ให้ผมได้เท่หน่อย” เวทัสพูดอย่างขำขัน จริงอยู่ว่าช่วงนี้ เขาแซวธามไทบ่อย แต่ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะยินดีกับเพื่อนทั้งนั้น“ช่างเถอะ
“พ่อ…” ธามไทห้ามพ่อด้วยน้ำเสียงโอดครวญตามเคย“ฉันถามหนูเค้ก แกไม่ต้องยุ่ง” คราวนี้ คนเป็นพ่อหันไปดุลูกชายทันที“เอ่อ ค่ะ เค้กคิดว่าเค้กเข้าใจงานของพี่ธามดีค่ะ พี่ธามไม่ได้เป็นแค่หมอ แต่พี่ธามเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ตอนทำงานกับพี่ธาม เค้กเข้าใจดีว่าเพราะอะไร พี่ธามถึงต้องทำงานหนัก แต่เค้กจะไม่ยอมให้พี่ธามทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเองเหมือนแต่ก่อนแน่นอนค่ะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำงานหนักจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน และต่อไปนี้เธอเองจะเป็นคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับเขา“บอกตามตรงว่า ฉันไม่ได้ติดอะไรเลยกับการที่จะรับหนูมาเป็นสะใภ้ นึกดีใจด้วยซ้ำที่ลูกชายฉัน มันรักใครเป็นสักที แต่ที่ห่วงก็คือกลัวว่ามันจะทำให้หนูเสียใจอีก” ธนาธรพูดออกมาด้วยเป็นห่วง แม้ว่าธามไทจะเป็นลูกชายตนเองก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยเข้าข้างลูกในทางที่ผิด“โธ่ พ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วครับ ผมรักเค้ก แล้วก็จะมีหลานให้พ่ออุ้มห้าคนเลย” ธามไทพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ จนโดนหญิงสาวตีไหล่เข้าให้“พี่ธาม! ห้าคนเกินไปไหมคะ” เขมมิกาตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ฮ่าๆ ถ้ามีน้ำยาขนาดนั้นก็ลองดู ฉันจะรออุ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อให้พี่ธามไม่มีแหวน หรือไม่มีอะไรเลย เค้กก็อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ค่ะ” เธอจับมือเขาให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง “เค้กเคยบอกพี่แล้วไงคะว่า ทรัพย์สมบัติ หรือฐานะเงินทองของพี่ไม่ได้สำคัญสำหรับเค้กเลย ที่เค้กรักพี่มาตลอดหลายปี มันมาจากความดีและความอบอุ่นของหมอธามคนนั้น คนที่เคยช่วยเค้กเอาไว้ แค่ความรักที่พี่ธามมีให้เค้กวันนี้ มันก็มากเกินพอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดทุกอย่างออกมาจากใจ ต่อให้วันนี้ธามไทกลายเป็นคนล้มละลายเธอก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มเช่นเคย“น่ารักที่สุด เค้กของพี่ สรุปแต่งงานกับพี่นะ” ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้หญิงสาวจะดูไม่ติดอะไร แต่เขาก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากของเธอ“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ…แต่งค่ะ”หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหวังที่คิดเอาไว้ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่า ตอนนี้ ตนเองรักคุณหมอหนุ่มมากแค่ไหน และก็ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ในเมื่อเขาและเธอต่างใจตรงกัน“เย่! พี่จะมีเมียแล้ว” ธามไทก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ทันทีด้วยความดีใจ“แล้วทำแบบนี้ คนที่โรงพยาบาลว่าไงบ้างคะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกา
เขมมิกาเดินทางมาที่โรงพยาบาลอินทรารามด้วยหัวใจเต้นรัว แม้บรรยากาศตอนนี้จะสงบแล้วเพราะกองทัพสื่อมวลชนได้ทยอยกันกลับไป แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี“เค้ก!”เสียงเรียกจากพิมอรทำให้เขมมิกาต้องหยุดเดินก่อนจะไปถึงห้องของหมอธามไทเพื่อทักทายรุ่นพี่สาวทันที“พี่พิมสวัสดีค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้พิมอรอย่างนอบน้อมเช่นเคย“มาหาหมอธามใช่ไหม หืม เค้กน่ะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ ถ้าพี่รู้แต่แรกก็คงจะได้ไม่เชียร์หมอมาวินกับเค้ก เฮ้อ...ป่านนี้ หมอมาวินอกหักแย่แล้ว”พิมอรพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะอดปลื้มใจแทนเขมมิกาที่ถูกขอแต่งงานสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จริงๆ“เอ่อ เค้กขอโทษนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด” เขมมิการู้ดีว่าพิมอรคงเป็นห่วงตนมาก แต่หากตอนนั้นเล่าให้ฟัง ฝ่ายบุคคลสาวคงไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะแบบนั้น“ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ตอนนี้ หมอธามก็กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว พี่ว่าเค้กไปหาหมอเถอะ” พิมอรรีบดันหลังให้เขมมิกาเดินไปยังห้องทำงานของหมอหนุ่มทันที“งั้นไว้เค้กแวะมาหาพี่พิมใหม่นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากนี้ พี่ว่าเรามีแววจะได้เจอกันแทบทุกวันแน่นอน”สาวรุ่นพี่พูดแซวออกไปอีกค
วันเวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์ ธามไทไม่ได้ติดต่อมาหาเขมมิกาตามที่บอกเอาไว้จริงๆ ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มไม่เร่งรีบหรือคอยทวงเอาคำตอบ จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองอาจจะไม่ได้หวังในตัวเธอแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าโรงพยาบาลอินทรารามกำลังประกาศเปิดสาขาใหม่ ชายหนุ่มอาจจะเอาเวลาทั้งหมดของตนเองไปใส่ใจเรื่องควรใส่ใจอยู่ก็ได้“เค้กครับ เชิญห้องทำงานพี่หน่อย”ปริญเดินออกมาเรียกเลขาฯ ส่วนตัวของตนเองเข้าไปด้านในห้อง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเหม่อลอย และดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติจนแอบคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจกำลังคิดถึงใครอยู่“พี่ปริญมีอะไรให้เค้กทำหรือคะ” เขมมิกาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเรียกเค้กมาคุย พักนี้เห็นเค้กดูเครียดๆ” ปริญพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ และสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกให้เขาเตรียมใจเอาไว้ว่าหญิงสาวอาจพูดเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรขึ้นมาก็ได้“เหรอคะ เค้กต้องขอโทษด้วยนะคะที่เค้กอาจจะทำงานได้ไม่ดี”“เรื่องงานไม่มีปัญหาเลยเค้ก แต่พี่แค่เห็นว่าเค้กดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องหมอธาม” CEO หนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันนั







