LOGINธามไทจับแขนเขมมิกาเดินมาได้สักพัก ก่อนที่จะเริ่มรู้ตัวว่าตอนนี้ตนเองแตะต้องนักศึกษาสาวนานเกินควร จึงรีบปล่อยแขนเธอราวกับว่าเป็นเหล็กร้อนต้องห้าม หญิงสาวมองการกระทำนั้นด้วยความงุนงงก่อนที่จะอมยิ้มออกมา
“หมอธามจะพาเค้กไปไหนเหรอคะ” เขมมิกาเอ่ยถามอย่างมาอารมณ์ดีเมื่อชายหนุ่มเดินนำทางเธอมาถึงลานจอดรถของรถยนต์คันหรูที่ถูกกันพื้นที่ไว้พิเศษในฐานะผู้บริหารของโรงพยาบาล
“เลิกพูดมาก แล้วก็ขึ้นรถได้แล้ว”
ธามไทถอดเสื้อกาวน์ของจากตัวก่อนจะเข้าไปนั่งที่คนขับทันที ใจจริงไม่ได้อยากให้เขมมิกานั่งรถออกไปด้วย แต่เกรงว่าหากทิ้งให้สาวน้อยกลับเองหรือทิ้งให้อยู่โรงพยาบาลแล้วบังเอิญเจอศศิเข้า เขาจะกลายเป็นคนขี้โกหก แม้ความจริงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม
“โห รถหมอธามหอมมากเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่า รถผู้ชายจะดูมีระเบียบแล้วก็สะอาดแบบนี้” เธอเอ่ยชมจากใจจริง ก่อนจะมองไปรอบรถของธามไทอย่างถือวิสาสะ
“ไม่เคยมีคนสอนเรื่องมารยาทหรือไง” หมอหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ก่อนสตาร์ตรถออกไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนตัวเล็ก ที่ตอนนี้นั่งหน้าเจื่อนหลังจากถูกเขาต่อว่าออกไปตรงๆ
“แหม ดุจังเลยนะคะ นี่เค้กชมหมอแท้ๆ” ถึงอย่างนั้น เขมมิกาก็ได้แต่บ่นอุบอิบเพียงลำพังเพราะรู้ดีว่าหมอหนุ่มอาจจะรำคาญตนเอง แต่ทำไงได้ ในเมื่อเขาเป็นคนลากเธอมาอยู่บนรถด้วยเอง เธอไม่ได้อยากมานี่นา
“ฉันไม่ได้ขอ” ธามไทตอบอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ถนน พลางคิดเรื่องศศิ เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะต้องหนีอะไรแบบนี้ไปตลอดชีวิต เห็นทีคงต้องพูดเรื่องนี้ให้จบไวๆ เสียแล้ว
“ว่าแต่ทำไมหมอต้องหนีคุณศศิด้วยหรอคะ” คนตกกะไดพลอยโจนไม่อาจทนอยู่กับความสงสัยของตัวเองได้ เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเพราะอะไรธามไทถึงมีท่าทีไม่สนใจสาวสวยอย่างศศิ แม้ลึกๆ จะดีใจที่เห็นธามไทไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยก็ตาม
“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างเธอไม่จำเป็นต้องรู้” ตอบก่อนจะหันไปมองหน้าแม่สาวน้อยด้วยสายดุ
“เค้กโตแล้วนะคะ” หญิงสาวเถียงกลับแทบจะทันที
“ถ้าโตแล้วก็ควรจะรู้ว่าเรื่องไหนควรถามหรือไม่ควรถาม และที่สำคัญ เธอควรจะหัดมีมารยาทบ้าง เพราะฉันเกลียดเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ” ธามไทยังคงต่อว่านักศึกษาฝึกงานในการดูแลของตนอย่างไม่ลดละ ปกติเขาไม่ใช่คนชอบพูดอะไรซ้ำๆ แต่กับเขมมิกา ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ยั่วประสาทจนอดต่อล้อล้อเถียงด้วยไม่ได้
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ ว่าแต่…”
“เค้ก!”
ธามไทดุเสียงดังลั่นรถ เมื่อเห็นว่าเขมมิกายังคงจะอ้าปากเอ่ยถามต่อ เขาคิดไม่ออกเลยว่าระยะเวลาอีกสองเดือนที่สาวน้อยช่างจ้อคนนี้เป็นเด็กฝึกงานที่โรงพยาบาล ตนเองจะต้องปวดหัวขนาดไหน
“อย่าเพิ่งดุสิคะ เค้กแค่จะถามว่านี่เรากำลังจะไปไหนกัน เค้กว่าเรื่องนี้เค้กมีสิทธิ์ที่จะรู้นะคะ”
เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงสดใส แม้จะเสียใจกับคำพูดของชายหนุ่มแต่ก็ไม่อยากเก็บมาใส่ใจอะไร ธามไทเป็นเหมือนเทพบุตร และเป็นชายหนุ่มที่เธอชื่นชมในทุกด้านเสมอ
คนถูกถามนิ่งไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด ความจริงแล้วตอนที่ออกมา เขาโกหกศศิว่ามีงานแต่พอออกมาจริงๆ ตอนนี้จึงได้แต่ขับรถอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง และยังมีเด็กสาวพ่วงติดมาด้วยอีก
“บ้านเธออยู่ไหน” เอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองคนร่วมทาง
“จะไปส่งเค้กเหรอคะ” เด็กสาวเอ่ยถามพร้อมกับทำตาโต เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะใจดีถึงขั้นไปส่งเธอที่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากกลับเพราะเธออยากใช้เวลาอยู่กับหมอหนุ่มให้มากกว่านี้
“ใช่” ชายหนุ่มตอบเพียงประโยคสั้นๆ แต่ชัดเจน
“แต่นี่ยังไม่หมดเวลางานเลยนะคะ หมอธามจะไปไหนพาเค้กไปด้วยก็ได้ค่ะ” เขมมิกาพูดอย่างเนียนๆ จริงๆ เธอไม่ได้ห่วงเรื่องงานอะไรทั้งนั้น แค่อยากไปไหนกับเขามากกว่า
“วันนี้ ฉันอนุญาตให้เธอเลิกงานก่อนเวลา บอกมา ฉันจะได้ไปส่ง” พูดก่อนจะชะลอรถเบาๆ เพื่อให้หญิงสาวได้บอกพิกัดเขา “จะได้รีบลงๆ รถฉันไป รำคาญ”
“คุณหมอ!” เขมมิกาอ้าปากค้าง ถูกเขาไล่ออกมาแบบนี้เธอเลยอดไม่ได้จะยั่วอารมณ์หมอใจร้าย
“แต่ว่าตอนนี้ เค้กหิวข้าวนี่คะ ยังไม่ได้ทานข้าวเลยหมอเองก็ยังไม่ได้ทานนี่คะ” สาวน้อยพูดพร้อมกับทำเสียงเศร้า แววตาละห้อยน่าสงสาร
“แล้วยังไง เธอก็กลับไปหาอะไรกินที่บ้านสิ แล้วก็ไม่ต้องห่วงฉัน เพราะฉันจะกินตอนไหนก็ได้”
ธามไทเริ่มรำคาญคนข้างกาย ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา ชีวิตที่ผ่านผู้หญิงมามาก และทุกคนที่ทำงานใกล้ตนเองมักจะมีพฤติกรรมคล้ายกับเขมมิกา แต่ต่างกันที่หญิงสาวคนอื่นๆ มักจะพยายามเสนอตัวให้เขาได้เชยชมในขณะที่สาวน้อยคนนี้ยังคงไว้ตัว หรือนี่อาจจะยังเป็นแค่ช่วงเวลาแรกๆ ก็เป็นได้
“แต่หมอเป็นคนลากเค้กออกมา หมอไม่คิดว่าจะรับผิดชอบที่ทำให้เค้กต้องอดกินข้าวหน่อยเหรอคะ”
“นี่เธอ! จะมาเรียกร้องอะไร”
“อ้อ เค้กลืมไปค่ะ ว่าเค้กเป็นแค่เด็กฝึกงาน ส่วนหมอเป็นถึงคุณหมอธามไท แล้วก็ผู้บริหารโรงพยาบาลอีก คงไม่ได้ใส่ใจเด็กฝึกงานอย่างเค้ก” เขมมิกาพูดเสียงเศร้า จงใจพูดสะกิดต่อมร้อนตัวของชายหนุ่ม และมั่นใจว่าเขาจะต้องดิ้นพล่านกับคำประชดของเธออย่างแน่นอน
“ข้อแรกนะ ใช่ ฉันเป็นหมอ และก็เป็นผู้บริหารโรงพยาบาล ข้อสอง ใช่ ฉันไม่ใส่ใจเด็กฝึกงานอย่างเธอ แต่ได้! ถ้าอยากจะกินข้าวมากนัก ฉันจะพาไป แล้วเธอก็ช่วยหุบปากตลอดทางด้วย ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว แล้วไล่เธอลงจากรถ”
หมอหนุ่มพูดเสียงลอดไรฟัน ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยเจอเด็กที่ไหนกวนประสาท น่ารำคาญ ได้เท่านี้มาก่อน ชายหนุ่มเร่งเครื่องรถแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะต้องการพาเด็กสาวไปกินข้าวเสียให้จบเรื่องจบราว เขาจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ
เขมมิกาลอบยิ้มอยู่ตามลำพัง ถึงจะโดนชายหนุ่มด่าอย่างเจ็บแสบ แต่อย่างน้อย เขาก็ยอมพาเธอไปทานข้าว ต่อให้คนตัวสูงทำท่าทีรังเกียจเธอแค่ไหน แต่ก็เชื่อว่าความใกล้ชิดจะทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนกับเธอเข้าสักวัน แม้จะหวังลมๆ แร้งๆ ก็เถอะนะ และเมื่อวันนั้นมาถึง หญิงสาวจะยอมบอกความจริงเรื่องความทรงจำทั้งหมดที่เธอมีต่อเขา
คุณหมอหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจอีกตามเคย จะว่าเขาใจร้ายก็ได้ แต่สิ่งที่ศศิทำ หรือแม้แต่การเอาเรื่องเขมมิกาไปประจานแบบนี้ แค่เขายังให้พ่อของเจ้าหล่อนเป็นหุ้นส่วนของโรงพยาบาลอยู่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว“ค่ะ งั้นก็เอาที่พี่ธามเห็นว่าสมควรละกัน” เขมมิกาไม่อยากเซ้าซี้คนรักต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดแบบนั้น เธอก็เคารพการตัดสินใจของเขา“พี่แค่หลีกเลี่ยงการปะทะ พี่ไม่อยากให้ศิมาพูดอะไรไม่ดีใส่เค้กอีก แค่นี้ก็มากพอแล้ว นี่พี่ต้องอดทนมากนะที่รู้ว่าศิประจานเค้กแบบนี้” ธามไทมองหน้าเขมมิกาด้วยสายตาจริงจัง“เค้กไม่ได้คิดมากค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องก็นานมากแล้ว เรามาดูชื่อคนอื่นต่อเถอะนะคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มเริ่มอารมณ์เสียเรื่องศศิขึ้นมา“ตอนนี้ พี่เหนื่อยแล้ว อยากหาอะไรกินจังแลย”เจ้าของร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับเอนศีรษะพิงไหล่หญิงสาวอย่างเหนื่อยล้า การได้อยู่กับเธอแบบนี้ มันเหมือนการพักผ่อนชั้นดีสำหรับเขา“ถ้าอย่างนั้น พี่ธามรอเค้กอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเค้กไปทำอะไรให้ทาน” เขมมิกาค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับให้หมอหนุ่มเอนตัวนอนที่โซฟา“ให้พี่ไปช่วยไหม” เอ่ยถามด้วยสายตาที่ปรือจนแทบจะหลับลง
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนที่มาใหม่ ทำให้คนรักทั้งสองต้องหันไปมองทันที เวทัสกับเมรีญาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม“แหม โชคดีจริงๆ มาทันเห็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติกของมึง ไอ้เพื่อนรัก”เวทัสมาถึงก็รีบแซวธามไททันที จริงๆ เขาพาเมรีญามาภูเก็ตครั้งนี้ก็เพื่อพักผ่อน แต่พอรู้ว่าธามไทจะพาเขมมิกามาเจอบิดาด้วย ก็เลยคิดว่าคงต้องนัดพบเพื่อนเสียหน่อย“เออ กูอุตส่าห์จะรีบทำก่อนมึงมา แต่มึงเสือกมาพอดี” ธามไทพูดด้วยความหัวเสีย เขาแค่ไม่อยากให้เวทัสได้เห็นตนเองในมุมนี้เท่าไรนัก เพราะเท่านี้ก็โดนมันล้อจะแย่แล้ว“อะไรกันวะ อย่าบอกนะว่ามึงอายกู คุณเค้กดูสิครับ จะแต่งงานอยู่แล้ว มันยังเขินเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เวทัสได้ทีหันไปพูดกับว่าที่เจ้าสาว“สงสัยถูกหมอว่านแกล้งบ่อยมั้งคะ” เขมมิกาตอบกลับอย่างปกป้องว่าที่สามี“ใช่ค่ะ หมอว่านน่ะชอบแซวหมอธาม สงสัยจะลืมไปว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรหรอก” เมรีญามองสามีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายหลุดขำออกมา“โธ่ ที่รัก อย่าไปบอกเขาสิ ให้ผมได้เท่หน่อย” เวทัสพูดอย่างขำขัน จริงอยู่ว่าช่วงนี้ เขาแซวธามไทบ่อย แต่ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะยินดีกับเพื่อนทั้งนั้น“ช่างเถอะ
“พ่อ…” ธามไทห้ามพ่อด้วยน้ำเสียงโอดครวญตามเคย“ฉันถามหนูเค้ก แกไม่ต้องยุ่ง” คราวนี้ คนเป็นพ่อหันไปดุลูกชายทันที“เอ่อ ค่ะ เค้กคิดว่าเค้กเข้าใจงานของพี่ธามดีค่ะ พี่ธามไม่ได้เป็นแค่หมอ แต่พี่ธามเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ตอนทำงานกับพี่ธาม เค้กเข้าใจดีว่าเพราะอะไร พี่ธามถึงต้องทำงานหนัก แต่เค้กจะไม่ยอมให้พี่ธามทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเองเหมือนแต่ก่อนแน่นอนค่ะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ที่ผ่านมา ชายหนุ่มทำงานหนักจริง แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมัน และต่อไปนี้เธอเองจะเป็นคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับเขา“บอกตามตรงว่า ฉันไม่ได้ติดอะไรเลยกับการที่จะรับหนูมาเป็นสะใภ้ นึกดีใจด้วยซ้ำที่ลูกชายฉัน มันรักใครเป็นสักที แต่ที่ห่วงก็คือกลัวว่ามันจะทำให้หนูเสียใจอีก” ธนาธรพูดออกมาด้วยเป็นห่วง แม้ว่าธามไทจะเป็นลูกชายตนเองก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยเข้าข้างลูกในทางที่ผิด“โธ่ พ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วครับ ผมรักเค้ก แล้วก็จะมีหลานให้พ่ออุ้มห้าคนเลย” ธามไทพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ จนโดนหญิงสาวตีไหล่เข้าให้“พี่ธาม! ห้าคนเกินไปไหมคะ” เขมมิกาตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ“ฮ่าๆ ถ้ามีน้ำยาขนาดนั้นก็ลองดู ฉันจะรออุ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อให้พี่ธามไม่มีแหวน หรือไม่มีอะไรเลย เค้กก็อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ค่ะ” เธอจับมือเขาให้ลุกขึ้นยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง “เค้กเคยบอกพี่แล้วไงคะว่า ทรัพย์สมบัติ หรือฐานะเงินทองของพี่ไม่ได้สำคัญสำหรับเค้กเลย ที่เค้กรักพี่มาตลอดหลายปี มันมาจากความดีและความอบอุ่นของหมอธามคนนั้น คนที่เคยช่วยเค้กเอาไว้ แค่ความรักที่พี่ธามมีให้เค้กวันนี้ มันก็มากเกินพอแล้วค่ะ”เขมมิกาพูดทุกอย่างออกมาจากใจ ต่อให้วันนี้ธามไทกลายเป็นคนล้มละลายเธอก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มเช่นเคย“น่ารักที่สุด เค้กของพี่ สรุปแต่งงานกับพี่นะ” ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แม้หญิงสาวจะดูไม่ติดอะไร แต่เขาก็อยากจะได้คำยืนยันจากปากของเธอ“แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ…แต่งค่ะ”หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหวังที่คิดเอาไว้ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่า ตอนนี้ ตนเองรักคุณหมอหนุ่มมากแค่ไหน และก็ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว ในเมื่อเขาและเธอต่างใจตรงกัน“เย่! พี่จะมีเมียแล้ว” ธามไทก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ทันทีด้วยความดีใจ“แล้วทำแบบนี้ คนที่โรงพยาบาลว่าไงบ้างคะ”เขมมิกาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะกา
เขมมิกาเดินทางมาที่โรงพยาบาลอินทรารามด้วยหัวใจเต้นรัว แม้บรรยากาศตอนนี้จะสงบแล้วเพราะกองทัพสื่อมวลชนได้ทยอยกันกลับไป แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี“เค้ก!”เสียงเรียกจากพิมอรทำให้เขมมิกาต้องหยุดเดินก่อนจะไปถึงห้องของหมอธามไทเพื่อทักทายรุ่นพี่สาวทันที“พี่พิมสวัสดีค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้พิมอรอย่างนอบน้อมเช่นเคย“มาหาหมอธามใช่ไหม หืม เค้กน่ะ ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ ถ้าพี่รู้แต่แรกก็คงจะได้ไม่เชียร์หมอมาวินกับเค้ก เฮ้อ...ป่านนี้ หมอมาวินอกหักแย่แล้ว”พิมอรพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะอดปลื้มใจแทนเขมมิกาที่ถูกขอแต่งงานสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จริงๆ“เอ่อ เค้กขอโทษนะคะที่ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด” เขมมิการู้ดีว่าพิมอรคงเป็นห่วงตนมาก แต่หากตอนนั้นเล่าให้ฟัง ฝ่ายบุคคลสาวคงไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะแบบนั้น“ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ตอนนี้ หมอธามก็กล้าออกมาพูดเรื่องนี้แล้ว พี่ว่าเค้กไปหาหมอเถอะ” พิมอรรีบดันหลังให้เขมมิกาเดินไปยังห้องทำงานของหมอหนุ่มทันที“งั้นไว้เค้กแวะมาหาพี่พิมใหม่นะคะ” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หลังจากนี้ พี่ว่าเรามีแววจะได้เจอกันแทบทุกวันแน่นอน”สาวรุ่นพี่พูดแซวออกไปอีกค
วันเวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์ ธามไทไม่ได้ติดต่อมาหาเขมมิกาตามที่บอกเอาไว้จริงๆ ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มไม่เร่งรีบหรือคอยทวงเอาคำตอบ จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองอาจจะไม่ได้หวังในตัวเธอแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าโรงพยาบาลอินทรารามกำลังประกาศเปิดสาขาใหม่ ชายหนุ่มอาจจะเอาเวลาทั้งหมดของตนเองไปใส่ใจเรื่องควรใส่ใจอยู่ก็ได้“เค้กครับ เชิญห้องทำงานพี่หน่อย”ปริญเดินออกมาเรียกเลขาฯ ส่วนตัวของตนเองเข้าไปด้านในห้อง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเธอเริ่มเหม่อลอย และดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติจนแอบคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวอาจกำลังคิดถึงใครอยู่“พี่ปริญมีอะไรให้เค้กทำหรือคะ” เขมมิกาเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา“ไม่มีครับ พี่แค่อยากเรียกเค้กมาคุย พักนี้เห็นเค้กดูเครียดๆ” ปริญพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ และสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกให้เขาเตรียมใจเอาไว้ว่าหญิงสาวอาจพูดเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรขึ้นมาก็ได้“เหรอคะ เค้กต้องขอโทษด้วยนะคะที่เค้กอาจจะทำงานได้ไม่ดี”“เรื่องงานไม่มีปัญหาเลยเค้ก แต่พี่แค่เห็นว่าเค้กดูไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องหมอธาม” CEO หนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันนั







